นมอัลมอนด์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 15 Oct 2024 11:30:06 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 น้องใหม่มาแรง! กูลิโกะดัน “อัลมอนด์ โคกะ” ขึ้นเบอร์ 5 ในตลาด ลั่นขอท้าชิงเบอร์ 1 “นมอัลมอนด์” https://positioningmag.com/1494429 Tue, 15 Oct 2024 09:29:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1494429 เปิดตัวมาได้ปีครึ่งแต่กูลิโกะสามารถผลักดันแบรนด์ “อัลมอนด์ โคกะ” ขึ้นสู่อันดับ 5 ในตลาด “นมอัลมอนด์” ได้สำเร็จ ลั่นขอท้าชิงเป็นเบอร์ 1 ในตลาด ลุยเข็นสูตรใหม่ “มิกซ์ 3 นัท” ลงสนาม พร้อมต่อสัญญาพรีเซ็นเตอร์ “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” ช่วยสร้าง Brand Awareness กระตุ้นให้คนไทยหันมาดื่มนมอัลมอนด์

“เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด เปิดเผยความสำเร็จแบรนด์ “อัลมอนด์ โคกะ” (Almond Koka) ของบริษัทหลังเปิดตัวช่วงต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบันสามารถดันแบรนด์ขึ้นเป็นอันดับ 5 ในตลาดนมทางเลือกจากถั่วและธัญพืชเมืองไทยที่มีมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาทได้ โดยตลาดนมทางเลือกจากถั่วและธัญพืชกลุ่มใหญ่จะเป็นกลุ่มสินค้านมอัลมอนด์

เอ็มดีไทยกูลิโกะบอกด้วยว่า บริษัทมีเป้าหมายจะดันอัลมอนด์ โคกะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มนมอัลมอนด์ให้ได้ โดยยังไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนแต่ต้องการจะขึ้น ‘ให้เร็วที่สุดที่ทำได้’

อัลมอนด์ โคกะ
ทีมผู้บริหาร บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด: (ซ้าย) “ทิฆัมพร เพียรวิจารณ์พงศ์” ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ Health & Wellness และ (ขวา) “เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ” กรรมการผู้จัดการ

 

ออกรสชาติใหม่ – พรีเซ็นเตอร์คนเดิม

ด้าน “ทิฆัมพร เพียรวิจารณ์พงศ์” ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ Health & Wellness บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า หลังจาก อัลมอนด์ โคกะ เปิดตลาดด้วยนม 3 สูตร คือ สูตรดั้งเดิม, สูตรไม่เติมน้ำตาล และสูตรรสช็อกโกแลต ล่าสุดบริษัทเปิดตัวสูตรใหม่เป็นสูตรที่ 4 คือ “มิกซ์ 3 นัท” ผสมถั่วซูเปอร์ฟู้ด 3 ชนิด คือ อัลมอนด์ วอลนัท และเฮเซลนัท เข้ามาลุยตลาดเพิ่ม โดยยังมีขนาดกล่องบรรจุ 2 ขนาดเหมือนเดิม คือ กล่องเล็ก 180 มล. กับ กล่องใหญ่ 1 ลิตร

ในด้านการตลาดแบรนด์ยังคงต่อสัญญากับพรีเซ็นเตอร์คนเดิมคือ “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” ดาราสาวสายสุขภาพดี หุ่นดี เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่สามารถสื่อสารแบรนด์ได้ชัดเจน โดยแบรนด์ “อัลมอนด์ โคกะ” จะเน้นย้ำเรื่องตำแหน่งแบรนด์นมอัลมอนด์อันดับ 1 ในญี่ปุ่น 7 ปีซ้อน และเน้นเรื่องคุณประโยชน์ของสินค้าที่จะทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกดื่มนมอัลมอนด์กันมากขึ้น

“ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” ยึดตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ “อัลมอนด์ โคกะ” ต่อเป็นปีที่สอง

ฑิฆัมพรกล่าวด้วยว่า กลยุทธ์การตลาดหลังเปิดตัวสินค้าสูตรใหม่จะปูพรมโฆษณาทั้งรูปแบบ TVC และออนไลน์ มีการใช้ KOLs เพื่อสื่อสารประโยชน์ของนมอัลมอนด์ให้ชัดเจน ระดมแจก Sampling แจกชิมสินค้าตามจุดที่มีผู้คนพลุกพล่านและหน้าเชลฟ์ขายเพื่อให้ลูกค้าได้ลองรสชาติ โดยเฉพาะตามย่านออฟฟิศซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าที่เน้นสื่อสารกับ “หนุ่มสาวออฟฟิศ” เป็นหลัก

รวมถึงจะมีเพิ่ม “การคอลแลป” กับแบรนด์อื่นๆ ให้มากขึ้นเพื่อขยายการรับรู้และสร้างประสบการณ์ใหม่ ยกตัวอย่างที่ผ่านมาปีนี้มีการคอลแลปกับ “Shokupan” ร้านขนมปังชื่อดังย่านทองหล่อ นำนมอัลมอนด์ไปใช้ผลิตขนมปังสูตรพิเศษ และคอลแลปกับ “O-li-no Crepe & Tea” นำนมอัลมอนด์ไปเป็นทางเลือกในการผสมเครื่องดื่มเฉพาะช่วงเทศกาลเจ

อัลมอนด์ โคกะ
แคมเปญคอลแลปของ “อัลมอนด์ โคกะ” กับร้านขนม-คาเฟ่อย่าง “Shokupan” และ “O-li-no”

 

ตลาด “นมอัลมอนด์” โตพุ่งทะยาน

ด้านตลาดนมและนมทางเลือกในภาพรวม เฉลิมพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดนมวัวยังคงใหญ่ที่สุดในสินค้าจำพวกนี้โดยมีมูลค่าตลาดปีละกว่า 35,000 ล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มนมจากพืช (Plant-Based Milk) ซึ่งมีมูลค่าตลาดปีละเกือบ 20,000 ล้านบาท

ในกลุ่มนมจากพืช (Plant-Based Milk) แน่นอนว่าตลาดใหญ่ที่สุดคือ “นมถั่วเหลือง” ซึ่งทำตลาดกันมาเนิ่นนาน มีมูลค่าตลาดประมาณ 18,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนที่เหลือราว 1,800 ล้านบาทเป็นของนมทางเลือกจากถั่วและธัญพืช ซึ่ง “นมอัลมอนด์” อยู่ในกลุ่มนี้และเป็นกลุ่มสินค้าที่ใหญ่ที่สุด รองๆ ลงไปจะเป็นนมธัญพืชชนิดอื่น เช่น นมโอ๊ต นมถั่วพิสตาชิโอ

เฉลิมพงษ์กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดนมอัลมอนด์ยังเล็กอยู่มาก ขนาดตลาดห่างจากนมถั่วเหลือง 10 เท่า แต่การเติบโตสูงกว่ามาก โดยนมอัลมอนด์ปีที่ผ่านมาโตถึง 40% แต่นมถั่วเหลืองโตเพียง 6% นั่นทำให้ตลาดนมอัลมอนด์มีผู้เล่นเข้ามากว่า 20 แบรนด์

ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ “137 ดีกรี” ภายใต้ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ได้ให้ข้อมูลไว้ว่าปัจจุบัน 137 ดีกรีเป็นเบอร์ 1 ของตลาดนมทางเลือกจากถั่วและธัญพืช โดยครองมาร์เก็ตแชร์ที่ 42% และมุ่งมั่นจะรักษาตำแหน่งนี้ไว้ให้ได้

นมอัลมอนด์จึงถือเป็นตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดเพื่อหวังจะเป็นผู้นำในช่วงที่กระแสความต้องการกำลังเติบโตได้ดี โดยมีผู้เล่นรายใหญ่ๆ เช่น “137 ดีกรี แบรนด์ที่ก่อตั้งโดยคนไทยและเป็นรายแรกๆ ในตลาดนี้, “อัลมอนด์ บรีซ” จากบลู ไดมอนด์ รายใหญ่สหรัฐฯ หรือ “อัลมอนด์ โคกะ” ของกูลิโกะ ยักษ์ธุรกิจขนมขบเคี้ยวและไอศกรีมจากญี่ปุ่น เข้ามาชิงกัน รวมถึงแบรนด์จากต่างประเทศอีกมาก

]]>
1494429
ตลาดเริ่มแข่งเดือด ‘137 Degrees’ ขอรีแบรนด์ในรอบ 9 ปี พร้อมดึง ‘แม่ชม’ พรีเซ็นเตอร์คนแรก หวังรักษา ‘แชมป์’ นมทางเลือก https://positioningmag.com/1462401 Tue, 13 Feb 2024 03:05:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462401 นับตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 ผู้คนก็ตื่นตัวเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้อาหารเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในสินค้ากลุ่มนี้ก็คือ นมทางเลือก ก็เป็นอีกตลาดที่เติบโตอย่างมาก มีผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศตบเท้าเข้ามาชิงชัย ซึ่ง 137 ดีกรี® (137 Degrees) ที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดไทยเป็นแบรนด์แรกก็ไม่อยู่เฉย ประกาศรีแบรนด์ในรอบ 9 ปี

ตลาด 1,399 ล้านบาท โต 41%

นมอัลมอนด์ เป็นนมทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีคุณค่าสารอาหารพอ ๆ กับนมวัว โดยอ้างอิงข้อมูลจาก นีลเส็น (Nielsen) พบว่า มูลค่าตลาดนมอัลมอนด์ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท ขณะที่ประเทศไทย ตลาดนมทางเลือกจากถั่วและธัญพืช (RNGS) มีมูลค่ากว่า 1,399 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 41% โดยกว่าครึ่งเป็นนมอัลมอนด์

จากการเติบโตดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดเริ่มมีการแข่งขันสูงขึ้น มีผู้เล่นทั้งจากในและต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดในไทยรวมกว่า 20 แบรนด์ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้าน ราคา มากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าตลาด RNGS นั้นมีราคาสูง และราคาก็เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ยาก

อริสา อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด / ธนภูมิ อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ

คิดมา 3 ปี ถึงเวลารีแบรนด์

ซึ่ง อริสา อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมทางเลือกภายใต้แบรนด์ 137 ดีกรี® ยอมรับว่า กังวลกับการแข่งขันที่สูงขึ้น เพราะเมื่อย้อนไป 9 ปีก่อน 137 ดีกรี® ถือเป็น แบรนด์แรกในตลาดไทย ทำให้ตอนนั้นยังไม่มีคู่แข่ง ดังนั้น เพื่อขยายไปสู่ตลาดแมสมากขึ้น 137 ดีกรี® จึงเลือกที่จะรีแบรนด์ และดึง ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกแม้จะทำตลาดมาแล้ว 9 ปี

“เราคิดเรื่องจะทำการตลาดมาประมาณ 3 ปีแล้ว เพราะเราเห็นคู่แข่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และแต่ละแบรนด์ก็มีพรีเซ็นเตอร์ ดังนั้น จากที่ช่วงแรกเราทำการตลาดน้อยมาก เน้นการบอกปากต่อปาก แต่ตอนนี้เราจะมาจับตลาดแมส ทำให้ต้องทำการตลาดมากขึ้น” ธนภูมิ อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ อธิบายเสริม

ปรับโลโก้และใช้แม่ชมเพื่อชูความพรีเมียม

อริสา เล่าต่อว่า ช่วงแรกที่ทำแบรนด์ 137 ดีกรี® เพราะแพชชั่นส่วนตัวที่ดื่มนมวัวไม่ได้ ดังนั้น กลุ่มเป้าในตอนแรกจึงเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ดื่มนมวัวไม่ได้ รวมถึงคนที่รักสุขภาพ แต่ตลอด 9 ปีที่อยู่ในตลาดเห็นการขยายของกลุ่มลูกค้า อาทิ กลุ่มคนแม่ตั้งครรภ์ ที่หันมาดื่มเพราะนมอัลมอนต์มีโฟเลตสูง อีกกลุ่มที่เห็นคือ ผู้สูงอายุ ที่มีโรคอย่างเบาหวาน, ความดัน ส่งผลให้ภาพรวมของกลุ่มลูกค้า 137 ดีกรี® มีอายุเฉลี่ย 25-45 ปี

ดังนั้น เพื่อสร้างการรับรู้แก่กลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เด็กลง 137 ดีกรี® จึงปรับโลโก้ใหม่โดยเปลี่ยนไปใช้ พื้นหลังสีทองแทนสีใส และการได้ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ตมาเป็นพรีเซ็นเตอร์จะช่วยให้แบรนด์ได้รับการจดจำมากยิ่งขึ้น และช่วยสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ ได้มากขึ้น

“เราทำมา 8-9 ปีจากแค่จับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ตอนนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เราเลยต้องการสื่อสารให้ความรู้กับคนรุ่นใหม่ แต่โลโก้แบรนด์เราก็ปรับมากไม่ได้ เพราะผู้บริโภคติดภาพโลโก้เดิมไปแล้ว เลยเปลี่ยนแค่สีพื้นหลังเป็นสีทองให้เห็นถึงความพรีเมียม เพราะชาเลนจ์คือ ผู้บริโภคอาจมองว่าแบรนด์นำเข้ามีความพรีเมียมกว่า”

มั่นใจในคุณภาพ ไม่แข่งราคากับใคร

แม้ว่าตลาดจะมีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น แต่ อริสา ย้ำว่าจะ ไม่ลงไปแข่งขันด้านราคา เพราะมองว่าแบรนด์เน้นที่ คุณภาพ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ 137 ดีกรี® เป็นเบอร์ 1 ในตลาด เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคของตลาด RNGS นั้นจะ ลองจนกว่าจะเจอแบรนด์ที่ถูกใจ เพราะกังวลว่าจะไม่อร่อย ตามด้วยฟังก์ชัน เช่น ตีฟองได้ไหม ผสมกาแฟได้รึเปล่า ดังนั้น ผู้บริโภคจึงมีความ ภักดีสูง (Loyalty) ทำให้ตลาดที่ผ่านมามีแบรนด์ที่แบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาทดแทนแบรนด์ที่หายไปเพราะยังไม่ถูกใจ

“ราคาเฉลี่ยขนาด 1 ลิตรเริ่มตั้งแต่ 99-200 บาท โดยขนาด 1 ลิตรเราขายอยู่ที่ 129 บาท ดังนั้น เราไม่ใช่แบรนด์ที่ถูกที่สุด เพราะเราเน้นที่คุณภาพสินค้า เราใช้ถั่วเต็มเมล็ด ไม่ใช้หัวเชื้อ ไม่ใช่ผง ทำให้เรามีความเข้มข้น ครีมมี่ อร่อย สามารถนำไปชงกับกาแฟได้ ตีฟองได้”

อย่างไรก็ตาม เรื่องของ ต้นทุน ก็เป็นอีกความท้าทาย เพราะวัตถุดิบของ 137 ดีกรี® จะเป็นการนำเข้า ดังนั้น ในช่วงที่เกิดสงครามบริษัทก็ต้องปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงกลางปี 2022 แต่บริษัทก็พยายามจะใช้วิธี สเกลการผลิต เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกลงเพื่อให้ไม่ต้องขึ้นราคา ปัจจุบัน บริษัทสามารถผลิตได้เดือนละ 2 ล้านลิตร หรือปีละ 28 ล้านลิตร และยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ในอนาคต

ตั้งเป้าเป็นแบรนด์ Top 3 ของโลก

ปัจจุบัน บริษัทเป็นผู้นำในตลาด RNGS ประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดนมอัลมอนด์ 42% และสามารถ เติบโต 2 หลักต่อปี ซึ่งเป้าหมายของแบรนด์คือ รักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดนมทางเลือก และการเติบโต 2 หลัก แม้ว่าจะมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามา และต้องการเป็น Top 3 ในตลาดโลก โดยปัจจุบันบริษัทได้จำหน่ายใน 30 ประเทศทั่วโลก และเป็นที่ 1 ในตลาดประเทศมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง โดยมีสินค้ากว่า 30 SKU จาก 4 กลุ่ม ได้แก่ นมอัลมอนด์ นมวอลนัท นมพิสตาชิโอ และนมแมคคาเดเมีย

“เราไม่ได้มีเป้าหมายเป็นตัวเลข เพราะเราต้องการขยายไปให้อยู่ในชีวิตประจำวันลูกค้า โดยในระยะสั้นเราจะดึงผู้บริโภคกลุ่มนมวัวมาในตลาดมากขึ้น จะสอนให้คนทราบถึงประโยชน์ของนมทางเลือก ส่วนในระยะยาว เราจะเน้นไปที่เรื่องความยั่งยืน เพราะตลาดต่างประเทศคิดเป็นรายได้ครึ่งหนึ่งของบริษัท เราจะทำให้มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคในยุโรปให้ความสำคัญมาก และเราต้องการขึ้นเป็นผู้เล่น Top 3 ในตลาดโลก”

]]>
1462401
นมอัลมอนด์ Almond Koka ความท้าทายของ “กูลิโกะ” กับการลบภาพจำขายแต่ “ขนม-ไอศกรีม” https://positioningmag.com/1423764 Fri, 17 Mar 2023 08:55:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1423764 บิ๊กมูฟใหม่ของไทยกูลิโกะ กับการเปิดตัว Almond Koka (อัลมอนด์ โคกะ) นำแบรนด์นมอัลมอนด์เบอร์หนึ่งในญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดในไทย ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดของตลาดนม Plant-based ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ภายใน 2 ปี การันตีจากการทำตลาดที่ญี่ปุ่นสามารถขึ้นเบอร์ 1 ได้ตั้งแต่ปีแรก

ดันกลุ่มสุขภาพ นอกเหนือจากขนม ไอศกรีม

ถ้าพูดถึงแบรนด์ “กูลิโกะ” คนไทยจะคุ้นเคยกันดีกับกลุ่มขนมต่างๆ ทั้งแบรนด์ป๊อกกี้, เพรทซ์, โคลลอน, พีจอย, แอลฟี่, ทีนนี่ และคาปุลิโกะ เรียกว่าเป็นขนมที่ทานได้ตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงผู้ใหญ่ หลายคนเติบโตมากับแบรนด์กูลิโกะเลยทีเดียว

ตลาดประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญไม่น้อยสำหรับบริษัทแม่ของกูลิโกะที่ญี่ปุ่น เป็นประเทศแรกๆ ที่บุกเบิกในการทำตลาดนอกญี่ปุ่น และเป็นประเทศศูนย์กลางในอาเซียนในการมีโรงงานผลิตเพื่อส่งออกขนม และไอศกรีมไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค ได้เข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2513 ตั้งบริษัท ไทย กูลิโกะ จำกัด ตอนนี้มีอายุได้ 52 ปีแล้ว ในปี 2514 ได้เริ่มจำหน่ายเพรทซ์เป็นสินค้าตัวแรก จากนั้นในปี 2515 ก็เริ่มจำหน่ายแบรนด์ป๊อกกี้

หลังจากที่อยู่แต่ตลาดขนมมานานหลายสิบปี จากนั้น ไทยกูลิโกะได้เข้าสู่ตลาดไอศกรีมอย่างเต็มตัวเมื่อปี 2559 ก่อตั้ง บริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น เริ่มจำหน่ายไอศกรีมแบรนด์กูลิโกะ ในตอนนั้นเองก็ได้เกิดปรากฏการณ์ตามล่าไอศกรีมกูลิโกะกันทั่วเมือง เนื่องจากเป็นของใหม่ ทำให้คนต้องการลองชิมกันอย่างมาก

หลังจากอยู่ในประเทศไทยมา 52 ปี ทำให้ภาพจำของแบรนด์กูลิโกะมีแค่ขนมและไอศกรีม ทำให้ปีนี้ต้องมีการขยับตัวครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในรอบหลายปี นำแบรนด์ Almond Koka เข้ามาทำตลาดในไทย ตีตลาดคนรักสุขภาพ

การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในครั้งนี้ เป็นการเปิดตลาดกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างจริงจังของไทยกูลิโกะ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เริ่มมีสินค้าเพื่อสุขภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น Pocky Wholesome บิสกิตแท่งผสมโฮลวีต, Sunao ไอศกรีมไม่เติมน้ำตาลทราย โดยที่ Almond Koka จะเป็นแบรนด์หัวหอกในการบุกตลาดดังกล่าว

เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย กูลิโกะ จำกัด เปิดเผยว่า

“การเปิดตัว กูลิโกะ อัลมอนด์ โคกะครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบของสินค้า Health & Wellness Category หลังจากที่เราเป็นที่รู้จักในฐานะผู้จำหน่ายขนม และไอศกรีมมายาวนาน โดยที่กูลิโกะประเทศญี่ปุ่นมีอายุครบ 101 ในปีนี้ และไทยกูลิโกะดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 52 ปี โดยในระยะหลังมานี้ทางญี่ปุ่นได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค จึงเป็นความตั้งใจแบบเดียวกันสำหรับประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ ทำให้เรามีความมั่นใจว่าอัลมอนด์ โคกะ จะตอบโจทย์ในแง่ของประโยชน์และรสชาติได้เป็นอย่างดี”

คนไทยเปิดใจกับนม Plant-based

กูลิโกะมีความผูกพันกับอัลมอนด์มากอยู่พอสมควร ที่ผ่านมาจะเห็นว่าสินค้าต่างๆ ล้วนมีอัลมอนด์เป็นส่วนประกอบ

จุดเริ่มต้นของอัลมอนด์กับกูลิโกะมาจากตั้งแต่ปี 2473 ริอิจิ เอซากิ ประธาน และผู้ก่อตั้งกูลิโกะได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เจอกับอัลมอนด์เป็นครั้งแรก จึงสนใจในการมาทำสินค้า จากนั้นในปี 2498 ได้ออกสินค้ากูลิโกะ คาราเมล โดยมีถั่วอัลมอนด์อยู่ข้างใน ปี 2501 ได้เปิดตัวช็อกโกแลตอัลมอนด์

เพราะฉะนั้น การที่จะบุกตลาดนม Plant-based ก็ต้องเป็นนมอัลมอนด์…เท่านั้น กูลิโกะในญี่ปุ่นได้เริ่มทำตลาด Almond Koka ตั้งแต่ปี 2557 และได้ขยายไปประเทศจีนและไต้หวัน และล่าสุดในประเทศไทย เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีจำหน่าย Almond Koka

glico

ต้องบอกว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์ของ Plant-based มีการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของเนื้อ Plant-based และนม Plant-based หลายคนเลือกที่จะทานวัตถุดิบที่มาจากพืชมากขึ้น เพื่อดูแลสุขภาพ และปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งในปัจจุบันมีผู้บริโภคแพ้นมวัวมากขึ้น จึงมองหานมทางเลือกที่เป็นแหล่งให้โปรตีน

มีผลสำรวจพบว่าตลาดนม Plant-based (ไม่รวมนมถั่วเหลือง) ในประเทศไทย ปี 2565 มีมูลค่ากว่า 960 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตไปสู่มูลค่า 3,000 ล้านบาท ในปี 2569 (ที่มา: Nielsen, Euromonitor) โดยในตลาดนี้นมอัลมอนด์เป็นตลาดใหญ่ที่สุด กินสัดส่วน 70% รองลงมาเป็นนมข้าวโอ๊ต

ซึ่งตลาดนม Plant-based อาจจะมีมูลค่าเล็กมาก คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 2-3% ของตลาดนมทั้งหมด แต่มีการเติบโต 2 หลักต่อเนื่องมาตลอด และมีทิศทางเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ มีแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดขนมมีการเติบโตเพียง 7% ส่วนไอศกรีมเติบโต 4% เท่านั้น

glico Almond Koka

เฉลิมพงษ์ บอกอีกว่า จริงๆ มีการวางแผนในการนำแบรนด์นี้เข้ามาทำตลาดในไทยหลายปีแล้ว แต่ต้องมีการสำรวจกับผู้บริโภคในหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องรสชาติ ราคา และวัตถุดิบที่มีราคาสูงกว่าขนมทั่วไป อีกทั้งยังมีการผลิตในประเทศ ต้องมีการหาแหล่งวัตถุดิบที่คุมต้นทุนได้

Almond Koka มีจำหน่าย 3 รสชาติ ได้แก่ สูตรออริจินัล, สูตรไม่เติมน้ำตาล และรสช็อกโกแลต ในขนาด 180 มล. ราคากล่องละ 25 บาท และขนาด 1 ลิตร จะวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมกับดึง “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์

ขอขึ้นเบอร์ 1 ภายใน 2 ปี

สำหรับเป้าหมายของ Almond Koka ต้องการขึ้น Top 3 ในตลาดนมอัลมอนด์ให้ได้ในปีนี้ ก่อนจะขึ้นเบอร์ 1 ในปีถัดไป

ถามว่าความมั่นใจของไทยกูลิโกะ คืออะไร…

Almond Koka

Almond Koka เป็นแบรนด์นมอัลมอนด์ในญี่ปุ่นที่มียอดขายอันดับ 1 ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% ติดต่อกันมากว่า 9 ปีตั้งแต่ทำตลาด โดยสามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้ตั้งแต่ปีแรกที่ทำตลาด ในประเทศจีนและไต้หวันที่ได้เข้าไปทำตลาด ก็สามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้เช่นกัน

ในประเทศไทยเองก็คาดหวังว่าจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้เช่นกัน มองว่ารสชาติมีความแตกต่าง และเฉลิมพงษ์บอกว่า “กูลิโกะกับอัลมอนด์เป็นสิ่งคู่กัน” เรียกว่าเป็น Key Success อย่างหนึ่งก็ว่าได้

อ่านเพิ่มเติม

]]>
1423764
Starbucks เปิดเมนูนมข้าวโอ๊ต นมมะพร้าว และนมอัลมอนด์ รับเทรนด์อาหารทางเลือก https://positioningmag.com/1261216 Sun, 19 Jan 2020 14:48:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1261216 ©Starbucks

อาจเป็นเรื่องธรรมดาที่ Starbucks จะเปิดตัวเมนูเครื่องดื่มใหม่รับปีใหม่ แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาคือปี 2020 ซึ่งเป็นปีเริ่มทศวรรษใหม่นั้น Starbucks เลือกที่จะเปิดตัวหลายเมนูที่ใช้นมจากพืช ทั้งนมข้าวโอ๊ต นมมะพร้าว และนมอัลมอนด์ แทนที่จะเป็นนมจากสัตว์เหมือนหลายปีที่ผ่านมา

ความน่าสนใจของปรากฏการณ์นี้คือ Starbucks เห็นอะไร? จึงจับมือกับพันธมิตรอย่าง Oatly ปูพรมเปิดตัวเครื่องดื่มที่ใช้นมข้าวโอ๊ตวีแกนของ Oatly ในเมนูถาวรของ Starbucks เพื่อจำหน่ายใน 1,300 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดาตั้งแต่ 7 มกราคมที่ผ่านมา

ในช่วงเวลาเกิน 10 วันที่ Starbucks เริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มนมข้าวโอ๊ตหลากหลายแบบภายใต้ความเป็นพันธมิตรกับ Oatly รวมถึงเครื่องดื่มนมจากพืชชนิดอื่นเช่น Almondmilk Honey Flat White และ Coconutmilk Latte พบว่าชาวโซเชียลขานรับความเคลื่อนไหวนี้ในแง่บวก สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะความนิยมในตลาดสหรัฐฯ และแคนาดาที่เห็นชัดว่าผู้บริโภคกำลังหันมาบริโภคนมแบบ non-dairy ที่ไร้นมวัวมากขึ้น จน Starbucks ต้องปรับกระบวนท่าเพื่อรองรับความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนไป

ผู้บริโภควันนี้ต้องการเลือกนม non-dairy มากขึ้น Starbucks จึงต้องการตอบความต้องการด้วยการเพิ่มรายการเครื่องดื่ม non-dairy ลงในเมนูโฆษก Starbucks ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว VegNews สะท้อนว่ามีโอกาสสูงที่เจ้าพ่อเชนกาแฟโลกจะขยายไปเปิดตัวเมนูนมจากพืชในตลาดอื่นหากมีความต้องการในอนาคต

คนอเมริกันแพ้นมวัวมากขึ้น?

แม้จะมีข้อมูลว่าคนรุ่นใหม่มีสัดส่วนการแพ้นมมากขึ้น แต่ก็มีการวิเคราะห์ว่าวันนี้รสชาติของเครื่องดื่ม non-dairy มีพัฒนาการและหอมมันอร่อยจนผู้คนชื่นชอบมากกว่าในอดีต พัฒนาการนี้ Starbucks รู้ดีเพราะเคยเสนอทางเลือกให้ลูกค้าได้เติมนมอัลมอนด์หรือนมมะพร้าวในบางเมนูอยู่แล้ว เมื่อมั่นใจแล้ว Starbucks จึงจัดพื้นที่พิเศษเพื่อเสนอเมนู non-dairy แบบเป็นกิจลักษณะมากขึ้น

Almondmilk Honey Flat White และ Coconutmilk Latte นั้นทำด้วย Starbucks Blonde Espresso รสชาติหลักนั้นไม่เพียงเหมือนเครื่องดื่มนมวัวแต่ Almondmilk Honey Flat White มีการเพิ่มความหวานหอมด้วยน้ำผึ้ง เช่นเดียวกับ Coconutmilk Latte ที่นำนมมะพร้าวมาเติมน้ำตาลจากเมล็ดกาแฟหรือ Cascara sugar ทำให้เครื่องดื่มนมจากพืชโดนใจลูกค้ามากขึ้นไปอีก

อีกมุมหนึ่ง Starbucks จะสามารถเรียกลูกค้าให้ลองเมนูใหม่ได้เหมือนที่ตัวเองเคยยึดเป็นกลยุทธ์มาตลอด โดยก่อนหน้านี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Starbucks คือการออกกาแฟปั่น Baby Yoda Frappuccino เพื่อท้าทายสาวก Star Wars ให้ลิ้มรสเครื่องดื่มใหม่

นมจากพืชแคลฯ น้อยกว่า!

ในเมื่อรสชาติเหมือนกัน ลูกค้า Starbucks บางกลุ่มเลือกเครื่องดื่มนมจากพืชเพราะแคเลอรีที่น้อยกว่านมวัว โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการควบคุมไขมัน

กระแสรักสุขภาพทำให้นมข้าวโอ๊ตถูกโปรโมทว่าเป็นนมที่ดื่มแล้วสุขภาพดี ความเป็นนมที่มีไฟเบอร์สูงและผ่านการแต่งเติมน้อย ส่งให้กาแฟ Starbucks นมข้าวโอ๊ตถูกยกเป็นเมนูที่ดื่มแล้วสุขภาพดีที่สุดในร้าน แถมยังมีแคเลอรีต่ำกว่านมวัว

ข้อมูลจาก Fatsecret ระบุว่า Almondmilk Honey Flat White ของ Starbucks แก้วใหญ่นั้นให้พลังงานเพียง 110 แคเลอรี ต่ำกว่าลาเต้ธรรมดาที่ให้พลังงาน 150 แคเลอรี การสำรจพบว่าเครื่องดื่มนมอัลมอนด์ให้แคเลอรีต่ำที่สุด รองลงมาเป็นนมมะพร้าว และนมข้าวโอ๊ตตามลำดับ แต่ก็ยังมีไขมันและน้ำตาลมากกว่า

เพราะเห็นหลายมุมมองแบบนี้ Starbucks ถึงเริ่มทศวรรษ 2020 ด้วยนมข้าวโอ๊ต นมมะพร้าว และนมอัลมอนด์!!

]]>
1261216