ผู้ผลิตนาฬิกาชื่อดังจากสวิส “Swatch Group AG” รายงานผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกปี 2024 พบว่า ครึ่งปีนี้ทำยอดขายไปเพียง 3,450 ล้านสวิสฟรังก์ ซึ่งตกลง 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ผลกำไรยิ่งตกลงฮวบฮาบเหลือ 204 ล้านสวิสฟรังก์ จากครึ่งปีแรกปีก่อนเคยทำกำไรได้ถึง 686 ล้านสวิสฟรังก์ สาเหตุหลักเกิดจากตลาดจีนอ่อนแอลง และค่าเงินฟรังก์ที่แข็งค่า
Swatch Group เป็นบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาที่มีแบรนด์ในมือจำนวนมากและกระจายครบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นอย่าง “Swatch” ระดับกลาง เช่น “Tissot” ระดับบน เช่น “Longines” และนาฬิกาลักชัวรี เช่น “Omega”
ภาวะยอดขายตกต่ำในปีนี้ Swatch Group มองว่าเกิดจากดีมานด์ในตลาด “จีน” ไม่ค่อยดีนักโดยเฉพาะในกลุ่มนาฬิกาลักชัวรี ซึ่งสภาวะนี้เกิดขึ้นกับตลาดสินค้าลักชัวรีทั้งหมดในประเทศจีน และทางบริษัทยังประเมินด้วยว่าตลาดลักชัวรีจีนจะยังคงท้าทายไปตลอดจนถึงสิ้นปี
นอกจากปัญหาเรื่องตลาดลักชัวรีแล้ว Swatch Group ยังถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อพุ่งสูง จนทำให้ลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังทรัพย์ไม่มากเริ่มลดการใช้จ่ายลง เกิดผลกระทบต่อยอดขายนาฬิการะดับเริ่มต้นถึงระดับกลางไปด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญปัญหาแต่ทางบริษัทบอกว่าจะยังผลิตสินค้าในอัตราปกติเพื่อที่บริษัทจะไม่ต้องปลดพนักงาน แต่จะหาทางลดต้นทุนในด้านอื่นแทน
ในปี 2024 ราคาหุ้นของ Swatch Group ตกลงมาแล้วประมาณ 17% ทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นไม่ค่อยพอใจนักและวิพากวิจารณ์การทำงานรวมถึงธรรมาภิบาลของผู้บริหารชุดปัจจุบัน ขณะนี้ Swatch Group บริหารโดยตระกูล Hayek และมีซีอีโอคือ Nick Hayek
]]>Nick Hayek ซึ่งเป็น CEO ของ Swatch ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ให้สัมภาษณ์กับ Neue Zuercher Zeitung สื่อในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเขากล่าวว่าตลาดนาฬิกาหรูในประเทศจีนอาจต้องรอไปจนถึงสิ้นปีนี้ถึงสถานการณ์จะดีมากขึ้น และมองว่าผู้บริโภคชาวจีนเริ่มมีความอ่อนไหวต่อราคาสินค้า แสดงให้เห็นสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังฟื้นตัวไม่ดีนัก
CEO ของ Swatch ได้กล่าวว่ากับสื่อรายดังกล่าวว่า ผู้บริโภคชาวจีนเริ่มมีความอ่อนไหวต่อราคาสินค้า และใช้เวลาตัดสินใจนานมากขึ้น แม้ว่าผู้บริโภคเหล่านี้จะมีเงินอยู่แล้วก็ตาม และเขายังมองว่าสำหรับปี 2024 ยังถือว่าเป็นปีที่ยากสำหรับตลาดแดนมังกร และกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอาจต้องรอไปถึงช่วงปลายปี
ข้อมูลของ Statista ได้ชี้ว่าตลาดนาฬิกาหรูในประเทศจีนในปีนี้จะเติบโตตั้งแต่ปี 2024-2028 เฉลี่ยแค่ 1.92% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งปกติตลาดนาฬิกาหรูในแดนมังกรนั้นมีอัตราการเติบโตต่อปีมากกว่าตัวเลขดังกล่าวด้วยซ้ำ
ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศจีน โดยเฉพาะปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์นั้นได้สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลางในประเทศจีนที่มีมากกว่า 400 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของสินค้าหรู
ขณะที่สถานการณ์ยอดขายในประเทศอื่นๆ CEO รายนี้มองว่า สหรัฐอเมริกายังคงเติบโตต่อไป โดยร้านค้าของทางบริษัทนั้นถือว่าเติบโตเร็วกว่าคาด แต่ขณะที่ร้านค้าอื่นที่นำนาฬิกาของบริษัทไปจำหน่ายนั้นเริ่มมีความไม่มั่นใจในยอดขาย ขณะที่ตลาดอื่นๆ อย่างในประเทศญี่ปุ่นยังไปได้ดี รวมถึงยุโรปด้วย
สำหรับ Swatch นั้นเป็นผู้ผลิตนาฬิการายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตนาฬิกาหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Omega หรือ Tissot ซึ่งเป็นแบรนด์นาฬิกาหรู รวมถึงแบรนด์อื่นๆ เช่น Swatch และ Hamilton หรือแม้แต่แบรนด์อย่าง Mido
นอกจากนี้ CEO ของ Swatch ยังกล่าวว่า เขาจะไม่นำบริษัทออกจากตลาดหุ้น เนื่องจากการนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นทำให้มีหนี้จำนวนมาก ซึ่งเขาและครอบครัวซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั้นไม่ต้องการที่จะเป็นหนี้
อย่างไรก็ดี CEO รายนี้ยังชื่นชมชาวจีนว่าเป็นผู้ที่กระหายความสำเร็จ การต้องการทำงาน เพื่อที่จะให้ได้สิ่งต่างๆ และนำเงินไปท่องเที่ยวหรือแม้แต่การซื้อนาฬิกา และเขายังมองว่าตลาดจีนนั้นยังมีโอกาสอีกมาก
]]>นาฬิกาไฮเทคของแอปเปิล “แอปเปิลว็อตช์” (Apple Watch) กำลังถูกจับตามองว่าสามารถทำยอดขายแซงสินค้ากลุ่มนาฬิกาสวิสทั้งระบบเมื่อไตรมาส 4 ปี 2017 โดยตัวเลขประเมินยอดขายของบริษัทวิจัยชี้ว่า รุ่นใหม่อย่าง “Apple Watch Series 3” คือ พระเอกที่ทำให้ Apple แซงนาฬิกาสวิสได้จริง หลังจากไล่ตามมาตลอดในปี 2015-2016
รายงานยอดขายนาฬิกา Apple Watch นั้น ถูกเปิดเผยผ่านการประเมินของบริษัทวิจัยตลาด เนื่องจาก Apple ไม่เปิดเผยตัวเลขยอดขายที่ชัดเจนของสินค้ากลุ่มนาฬิกาอย่างเป็นทางการ โดยตัวเลขจากบริษัทวิจัยคานาลิส (Canalys) ชี้ว่า Apple Watch มียอดขายเพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ดูเหมือนว่าทำยอดขายในแง่จำนวนเรือนได้มากกว่านาฬิกาสวิสทั้งหมดรวมกันตั้งแต่ปลายปี 2017
แอปเปิลอาจขายนาฬิกา Apple Watch ได้ประมาณ 18 ล้านเรือนระหว่างช่วงปี 2017
เฉพาะไตรมาส 4 ปี 2017 บริษัท Canalys ประเมินว่า Apple Watch มียอดขายเพิ่มขึ้น 8 ล้านเครื่อง ถือเป็นไตรมาสที่ฮอตที่สุดที่ไม่เคยมีนาฬิกาแบรนด์ใดเคยทำได้
ทั้งหมดนี้ นักวิจัยของ Canalys อธิบายว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแปลว่า Apple ชนะเลิศเหนือคู่แข่งทั้งหมดในตลาดอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ หรือ wearable โดยแทนที่จะเน้นการออกแบบที่เป็นนวัตกรรม เช่น หน้าจอหมุนได้ หรือหน้าจอแบบวงกลมที่ผู้ขายรายอื่นให้ความสำคัญ เจ้าพ่อ Apple มองไปไกลกว่านั้น ด้วยการโฟกัสฐานผู้ใช้ iPhone เป็นหลัก ซึ่งการอัปเดตล่าสุดของรุ่นใหม่ Series 3 อย่างเช่นบริการ GymKit และ Apple Heart Study ก็กำลังจะนำเสนอการใช้งานที่น่าสนใจ แถมยังส่งเสริมให้ผู้ใช้ Apple ใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มมากขึ้น
รายงานเบื้องต้นระบุว่า แอปเปิลอาจขายนาฬิกา Apple Watch ได้ประมาณ 18 ล้านเรือนระหว่างช่วงปี 2017 แต่นักวิเคราะห์รายอื่นประเมินว่า ยอดขาย Apple Watch อาจต่ำกว่านั้น เช่น เบน บาจาริน (Ben Bajarin) นักวิเคราะห์ชื่อดังที่คาดว่า Apple Watch มียอดขายตลอดปี 2017 ที่ราว 17.4 ล้านเรือนเท่านั้น
I am at 17.4 m for 2017. So consensus is this ballpark so safe to assume this range is correct. https://t.co/jB1JjxoVc9
— Ben Bajarin (@BenBajarin) February 6, 2018
สนับสนุนข่าวโดย : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000012948
]]>