บิทคอยน์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 06 Dec 2022 07:29:14 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Standard Chartered คาด ‘Bitcoin’ อาจร่วงเหลือ 5,000 ดอลลาร์ในปีหน้า ส่วน ‘ทองคำ’ จะพุ่ง 30% https://positioningmag.com/1411104 Tue, 06 Dec 2022 03:41:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1411104 ถือเป็นอีกปีที่ตลาดคริปโตฯ เจอแต่ข่าวร้าย ๆ ซึ่งส่งผลให้เหรียญที่มีมูลค่าสูงสุดอย่าง บิตคอยน์ (Bitcoin) ปัจจุบันมีมูลค่าที่ 17,000 ดอลลาร์ จากที่เคยพุ่งสูงสุดถึงกว่า 67,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2564 ล่าสุด Standard Chartered ได้ออกมามองถึงทิศทางบิตคอยน์ปีหน้า โดยคาดว่ามูลค่าจะเหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์เท่านั้น

Eric Robertsen หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ Standard Chartered Bank คาดการณ์ว่า บิตคอยน์อาจลดลงเหลือ 5,000 ดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งถ้าถึงระดับนั้น แปลว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะลดลงประมาณ 70% จากราคาปัจจุบันที่ 17,000 ดอลลาร์ ซึ่งมูลค่าลดลงไปมากกว่า 60% หากนับเฉพาะปีนี้

หนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบิตคอยน์ก็คือ การล่มสลายของโครงการและบริษัทที่มีชื่อเสียงมากมาย ทำให้อุตสาหกรรมเสียหาย โดยเฉพาะที่ FTX ได้ยื่นล้มละลาย นับเป็นความเสียหายล่าสุดและใหญ่ที่สุด เพราะหลังจากที่ FTX ล้มก็ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั้งตลาด

“ผลตอบแทนของคริปโตฯ ลดลงไปพร้อม ๆ กับหุ้นเทคโนโลยี และในขณะที่บริษัทหรือแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตฯ จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มพบว่าตัวเองมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ ได้นำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล” Eric Robertsen กล่าว

ในขณะที่มูลค่าของบิตคอยน์อาจจะลดลงในปีหน้า แต่ราคา ทองคำ อาจเพิ่มขึ้น 30% เป็น 2,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการถดถอยของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยทองคำนั้นจะเป็นเหมือน แหล่งหลบภัย โดยนักลงทุนแห่กันไปเพื่อความมั่นคงในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน

ไม่ใช่แค่ Standard Chartered ที่มองว่ามูลค่าของบิตคอยน์จะลดลงในปีหน้า แต่ Mark Mobius นักลงทุนรุ่นเก๋าก็คาดว่า บิตคอยน์จะร่วงลงสู่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม มีเพียง Tim Draper มหาเศรษฐีพันล้านยังเชื่อว่าในช่วงกลางปีหน้า มูลค่าของบิตคอยน์จะกลับมาแตะ 250,000 ดอลลาร์ ได้

Source

]]>
1411104
ความสนใจลงทุน ‘คริปโต’ ของคน ‘มิลเลนเนียล’ ลดเหลือ 30% หลังราคาผันผวนหนัก https://positioningmag.com/1402857 Mon, 03 Oct 2022 05:36:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402857 ก็ดูไม่น่แปลกใจหากพิจารณาจากข่าวที่ร้าย ๆ ในวงการคริปโต รวมไปถึงมูลค่าที่ดิ่งฮวบ ๆ ลงจะทำให้ นักลงทุน เริ่มที่จะลดความสนใจในการลงทุนกับคริปโต ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมาของ Bankrate ที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกัน รู้สึกไม่สบายใจหากต้องลงทุนในคริปโต

จากผลสำรวจของ Bankrate ในเดือนกันยายนพบว่า ความนิยมของ คริปโตเคอร์เรนซี ของนักลงทุนชาวอเมริกันกำลังลดลง โดยในปี 2022 มีชาวอเมริกันเพียง 21% เท่านั้นที่รู้สึกสบายใจที่จะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล จากปีที่ผ่านมาที่มี 35% ขณะที่กลุ่มคนรุ่น มิลเลนเนียล (อายุ 26-41 ปี) ก็ลดลงจาก 50% เหลือ 30% เท่านั้น ที่สบายใจในการลงทุนในคริปโต ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในทุกเจน

การลดลงนั้นไม่น่าแปลกใจ เมื่อพิจารณาว่ามูลค่าสูงสุดของตลาดคริปโตที่เคยมีมูลเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงพฤศจิกายนปี 2021 ปัจจุบันนี้เหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์

“มูลค่าของสกุลเงินดัง ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum ลดลงมากกว่า 70% จากระดับสูงสุดตลอดกาล จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความสนใจของเหรียญจะหายไป ยิ่งนักลงทุนหน้าใหม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง” James Royal ผู้อำนวยการที่ Bankrate กล่าว

ในขั้นต้น ความสนใจของนักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากในคริปโตนั้นเป็นเพราะพวกเขามีความรู้สึก อยากถูกลอตเตอรี่ หรือการที่จะสามารถทำเงินได้มากมายอย่างรวดเร็ว แม้ว่านักลงทุนรุ่นเยาว์จำนวนมากจะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังซื้อ แต่พวกเขาเห็นราคาที่ขึ้นและพวกเขาต้องการเข้าไป

วิธีเดียวที่คุณสามารถสร้างรายได้จากมันคือ การขายให้กับคนที่มองโลกในแง่ดีหรือโง่มากกว่าคุณ ด้วยเหตุผลนี้ คริปโตจึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นการลงทุนแบบดั้งเดิม

ทั้งนี้ คริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ซึ่งอยู่ภายใต้ความผันผวนของราคาที่คาดเดาไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักไม่แนะนำให้ลงทุนเงินในสกุลเงินดิจิทัล หากทำใจไม่ได้ที่จะขาดทุน เนื่องจากไม่มีการรับประกันว่าจะได้รับผลกำไร

อย่างไรก็ตาม หากว่ากำลังค้นหาการลงทุนที่ได้กำไรน้อยลง แต่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้บนพื้นฐานความเป็น กองทุนดัชนี S&P 500 ถือเป็นอีกตัวเลือก เพราะหากซื้อเป็นประจำ แล้วถือต่อไปอย่างเหนียวแน่น มีแนวโน้มที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่ง อย่างเช่นตัวอย่างของเศรษฐีชาวอเมริกันจำนวนมาก

“แน่นอนว่าบางคนถูกลอตเตอรี่ แต่ความมั่งคั่งถูกสร้างขึ้นได้เอง และสามารถไปถึงเป้าหมายได้สำหรับผู้ที่สามารถเป็นนักลงทุนที่มีวินัยได้”

Source

]]>
1402857
ตลาด ‘คริปโตฯ’ ร่วงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังนักลงทุนแห่ ‘เทขาย’ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง https://positioningmag.com/1399334 Wed, 07 Sep 2022 11:20:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1399334 หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ส่งผลให้ราคาของ ‘Bitcoin’ ร่วงลงเหลือต่ำกว่า 19,000 ดอลลาร์ โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ขณะที่มูลค่าของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดก็ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งกระดาน

Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 18,812.36 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมากกว่า 5% ตามข้อมูลของ CoinDesk Ether ซึ่งการซื้อขายของ Bitcoin นั้นจะสัมพันธ์กับหุ้น ดังนั้น หากหุ้นตกสกุลเงินดิจิทัลก็เช่นกัน ส่งผลให้เกิดการเทขายในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

ปัจจุบัน Bitcoin ลดลงประมาณ 60% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 68,990.90 ดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดคริปโตฯ จากที่เคยมีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันมูลค่าตลาดเหลือเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับสาเหตุที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตก มาจากธนาคารกลางทั่วโลกกำลังต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเป็นจำนวนรวม 2.25% และด้วยนโยบายที่เข้มงวด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี

“การที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดตามที่เราเห็น แต่ถ้าค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลง Bitcoin ก็จะกลับมาอีกครั้ง” Vijay Ayyar รองประธานฝ่ายพัฒนาองค์กรและระดับนานาชาติที่การแลกเปลี่ยน crypto Luno กล่าว

]]>
1399334
นักวิเคราะห์เตือน ‘Bitcoin’ อาจดิ่งต่ำกว่า 1.3 หมื่นดอลลาร์ หาก ‘ฟองสบู่คริปโตฯ’ แตก https://positioningmag.com/1389714 Wed, 22 Jun 2022 12:26:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389714 จากที่ ‘บิตคอยน์’ (Bitcoin) เคยทำสถิติสูงสุดที่ 6.9 หมื่นดอลลาร์ หรือว่า 2 ล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ราว ๆ 2 หมื่นดอลลาร์ หรือราว 7.2 แสนบาท ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปี 2020 แต่ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่ใช่จุดต่ำสุด แต่มีแนวโน้มจะดิ่งต่ำกว่า 1.3 หมื่นดอลลาร์เลยทีเดียว

เอียน ฮาร์เน็ต ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนของบริษัท แอบโซลูท สตราเทจี รีเสิร์ช (Absolute Strategy Research) คาดว่า หาก ฟองสบู่ของคริปโตฯ แตก มูลค่าของ บิตคอยน์ อาจต่ำลงอีกมาก โดยมีแนวโน้มว่าอาจแตะที่ 1.3 หมื่นดอลลาร์ หรือลดลงเกือบ 40% จากระดับปัจจุบัน

“คนจะยังเทขายคริปโตฯ และขึ้นอยู่กับสภาพคล่องจริง ๆ โดยสิ่งที่เราพบคือ คริปโตฯไม่ใช่ทั้งสกุลเงินหรือสินค้าโภคภัณฑ์ และแน่นอนว่ามันไม่มีมูลค่าอะไร”

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดคริปโตฯ ในอดีตแสดงให้เห็นว่าตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วง ขาลง โดยมูลค่าของบิตคอยน์มีแนวโน้มที่จะลดลงถึง 80% จากระดับสูงสุดตลอดกาล อย่างในปี 2018 สกุลเงินดิจิทัลร่วงลงเกือบ 3,000 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดเกือบ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2017

และการลดลงดังกล่าวในปี 2022 จะพาบิตคอยน์ย้อนกลับไปที่มูลค่า 1.3 หมื่นดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ เนื่องจากบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ต้อง พึ่งพาสภาพคล่องในโลก เมื่อสภาพคล่องถูกระบายออก เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกพากันคุมเข้มนโยบายการเงิน และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย บิตคอยน์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับสินทรัพย์ในตลาดอื่น ๆ

“ช่วงที่โลกมีสภาพคล่องสูง Bitcoins จะเติบโตด้ดี เมื่อสภาพคล่องนั้นหายไป จะเห็นว่าตลาดกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรง”

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Fed ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งเดียวที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ลังจากนั้นธนาคารกลางอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ ฮังการี บราซิล ไต้หวัน ฮ่องกง และอาร์เจนตินา ต่างก็ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับผลกระทบ มูลค่ารวมของคริปโตฯ ทั้งหมดลดลงมากกว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่การปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed แต่ตลาดคริปโตฯ นั้นเริ่มระท่อนกระแท่นตั้งแต่การล่มสลายของ terraUSD เหรียญ stablecoin และเหรียญ Luna

]]>
1389714
Bitcoin ดิ่งทะลุกระดานต้านไม่ไหว นักลงทุนควรไปต่อดีไหม? https://positioningmag.com/1388696 Tue, 14 Jun 2022 13:34:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388696 เห็นกระดานแดงเถือกของตลาดคริปโตฯ ทำเอานักลงทุนต่างกุมขมับกันให้วุ่น เพราะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีความผันผวนอย่างหนัก อีกทั้งยังเจอปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน คำถามก็คือ นักลงทุนควรไปต่อดีหรือไม่?

ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang ธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และบล็อกเชน ให้ความเห็นว่า

สาเหตุที่ราคาบิตคอยน์ (BTC) ทิ้งดิ่งหนักจนไปแตะที่ $23,839 และอีเธอเรียม (ETH) $1,215 ในวันที่ 13 มิถุนายน 2565 เวลา 16.51 น. ปัจจัยหลักเลยคือ เรื่องตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของเดือนพฤษภาคม ที่สหรัฐฯ ประกาศออกมาสูงเกินคาดที่ +8.6% ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี

สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จากเมื่อ 2 เดือนก่อน อยู่ที่ประมาณ $100 – $110 ต่อบาร์เรล ขึ้นมาอยู่ที่ $105 – $120 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย จนทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้วันพุธที่ 17 มิถุนายน (หรือเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ของ Barclay Bank ซึ่งเป็นสาย extreme สุดด้านคาดการณ์เงินเฟ้อขณะนี้ คาดการณ์ว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยมากถึง +0.75% ในการประชุมคืนวันพุธนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทั่วไปยังคงมองว่า FED จะยังคงขึ้นที่ +0.5%

“สิ่งสำคัญที่จะต้องจับตามองคือถ้อยแถลงของ FED ที่มีต่อสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปีนี้ ว่า FED จะเดินหน้ามาตรการอะไรต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อให้ได้” 

อีกปัจจัยหนึ่งก็คือความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการของจีนที่เริ่มกลับมาใช้ข้อบังคับเรื่องการป้องกันไวรัสระบาดอีกครั้ง หลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการด้านอุปสงค์ หรือ Demand-side

ส่วนเหตุผลทางด้าน Technical Chart นั้นในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่า ราคา ETH อยู่แถว $1,800 – $2,000 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลงมาทดสอบ ที่ $1,200 – $1,400 ได้ไม่ยากในเวลาอันใกล้ และ BTC เองก็อาจจะลงไปสู่ระดับ $19,000 – $21,000 ในช่วงเวลาอันใกล้นี้

สรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation ให้ความเห็นว่า

ขาลงของทั้ง BTCและ ETH ยังไม่จบเพราะทั้งมุมมองของ FED ขณะนี้ และ Technical Chart ยังไปช่วยหนุนขาลงอยู่ สิ่งที่พอจะช่วยนักลงทุนในการวิเคราะห์สถานการณ์ขณะนี้ได้ก็คือ

1) อ่านใจและวิธีคิดของ FED ให้ออก ผ่านมุมมองการวิเคราะห์ที่เราหาได้ไม่ยากใน internet แต่จงถามตัวเองเสมอด้วยว่า บทวิเคราะห์ที่อ่านนั้นมองข้ามอะไรไปบ้าง ณ ตอนนี้ FED คงสนใจว่า เงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรผ่าน CPI index หรือ ดัชนีราคาของผู้บริโภค และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น

2) อ่านกราฟให้ออก ไม่ใช่แค่มอง technical chart ของ crypto เท่านั้นแต่ต้องมองไปที่ กราฟราคาน้ำมัน ว่าจะไปอย่างไรด้วย เพราะถ้าตอนนี้ยังอยู่แถว $117 – $120 ยังคงมี trend ขาขึ้นซึ่งสามารถวิ่งไปถึง $130 – $150 ได้ไม่ยาก”

“นั่นหมายถึงเงินเฟ้อก็ยังคงสูงขึ้นไม่เปลี่ยนไปในช่วง 1 – 3 เดือนนี้แน่นอน  ดังนั้น FED ก็ยังต้องสู้เงินเฟ้ออย่างก้าวร้าวต่อไป ด้วยเหตุนี้ตลาดขาลงของคริปโตฯ ก็คงยังไม่จบจริงในเวลา 1-2 เดือนนี้แน่นอน และถึงแม้ว่าจะเป็นขาลง ตลาดก็ไม่ได้วิ่งลงเป็นเส้นตรงดิ่งลงตลอดเวลา บางทีก็เป็นลักษณะวิ่งลงแบบซิกแซ็ก  ดังนั้น ไม่ควร All-in ในครั้งเดียว ต้องจัดการเรื่อง allocation risk หรือการจัดการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตให้เหมาะสมด้วย”

ฉะนั้นถ้าจะถามว่าตลาดตอนนี้น่าลงทุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นนักเทรดประเภทใด ถ้าเป็นสายทำกำไรก็อาจทำได้แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการลงแบบซิกแซ็กขึ้น ๆ ลง ๆ ส่วนถ้าเป็นกลุ่มลงทุนระยะกลาง 1 – 3 เดือน การลงทุนใน Stablecoin ที่มีสินทรัพย์หนุนหลังก็ยังพอให้ผลตอบแทนได้ในท่ามกลางสภาวะเงินดอลลาร์แข็งค่าขณะนี้ หากเป็นกลุ่มลงทุนระยะยาวหรือ DCA ก็สามารถที่จะซื้อเก็บได้ทุก ๆ 2 – 3 เดือน ไม่ถึงกับต้องนั่งเฝ้าซื้อเก็บทุกสัปดาห์

]]>
1388696
มองอนาคต ‘Bitcoin’ ในอีก 5 ปีข้างหน้า หลังราคาร่วงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน https://positioningmag.com/1369849 Mon, 10 Jan 2022 04:34:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369849 สกุลเงินดิจิทัลที่มีค่าที่สุดในโลก Bitcoin (บิตคอยน์) ร่วงลงเหลือประมาณ 41,000 ดอลลาร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs (GS) กล่าวในรายงานในสัปดาห์นี้ว่า Bitcoin  อาจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็นมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ภายใน 5 ปีข้างหน้า

Zach Pandl หัวหน้าร่วมของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก อัตรา และกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่ของ Goldman Sachs มองว่า ส่วนแบ่งการตลาดของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเป็น เนื่องจากผลพลอยได้จากการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ในวงกว้าง และ Bitcoin จะขโมยส่วนแบ่งการตลาดจากทองคำมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ปัจจุบัน Bitcoin คิดเป็น 20% ของตลาดที่เรียกว่า Store of Value (สินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่าได้) ซึ่งเป็นคำที่ใช้อธิบายทองคำ Bitcoin และสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ เช่น สกุลเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งราคาในทางทฤษฎีไม่ควรคิดค่าเสื่อมราคามากนักในระยะยาว

“ในที่สุด Bitcoin จะสามารถครอง 50% ของ Store of Value ซึ่งนั่นจะผลักดันให้มูลค่า Bitcoin สูงขึ้นประมาณ 17% ถึง 18% ต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้าให้อยู่ที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์”

แน่นอน Bitcoin และ cryptos ชั้นนำอื่น ๆ เช่น ethereum, binance, solana และ meme token เช่น dogecoin และ shiba inu มีความผันผวนอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยมูลค่า Bitcoin ราคาร่วงลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ (7 ม.ค.) ที่ผ่านมา โดยราคาหลุดร่วงลงไปอยู่ที่ 40,749.90 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับจากวันที่ 29 กันยายนปีที่ผ่านมา

ความผันผวนดังกล่าวทำให้ Cryptos มีพฤติกรรมเหมือนหุ้นมากกว่าสกุลเงิน ณ จุดนี้ แต่ก็ยังคงมีผู้จัดการกองทุนชั้นนำจำนวนมากขึ้น เช่น Stanley Druckenmiller, Paul Tudor Jones และ George Soros ลงทุนใน Bitcoin และหน่วยงานกำกับดูแลได้อนุมัติกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ติดตามราคา Bitcoin Futures ด้วยเช่นกัน ทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนได้ง่ายขึ้น

Source

]]>
1369849
‘Liquid’ ตลาดซื้อ-ขายคริปโตฯ ญี่ปุ่นถูกแฮก สูญเงินกว่า ‘3 พันล้านบาท’ https://positioningmag.com/1347854 Fri, 20 Aug 2021 06:21:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1347854 ‘Liquid’ บริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลของญี่ปุ่นซึ่งเป็น Top 20 ที่มีปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันเปิดเผยว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางอินเทอร์เน็ต ทำให้แฮกเกอร์โอนเงินดิจิทัลมูลค่า 97 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3 พันล้านบาทไป

Liquid ได้โพสต์ผ่านบัญชีในทวิตเตอร์ว่า ระบบ warm wallets ของบริษัทถูกแฮกเกอร์โจมตี โดยได้โอนทรัพย์สินไปยัง Wallet 4 แห่งที่ต่างกัน แม้บริษัทไม่เปิดเผยถึงมูลค่าความเสียหาย แต่ Elliptic บริษัทวิเคราะห์เกี่ยวกับบล็อกเชนคาดว่าแฮกเกอร์ได้เงินดิจิทัลมาประมาณ 97 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม Liquid ระบุว่าได้เคลื่อนย้ายสินทรัพย์ไปในระบบ cold wallet แล้ว จากที่ผ่านมา บริษัทเก็บเหรียญไว้ที่ระบบ warm หรือ hot wallets ที่เป็นรูปแบบของกระเป๋าเงินออนไลน์ ซึ่งออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลได้ง่าย ขณะที่ระบบ cold wallet จะเป็นช่องทางจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลแบบออฟไลน์และยากต่อการเข้าถึงด้วยระบบความปลอดภัยที่สูงกว่า

นอกจากนี้ บริษัทได้ระงับการฝากและถอนเป็นการชั่วคราว และอยู่ระหว่างการติดตามเส้นทางของสินทรัพย์ที่ถูกจารกรรมไปอยู่

“ขณะนี้เรากำลังตรวจสอบและจะอัปเดตเป็นประจำ ในระหว่างนี้ การฝากและถอนจะถูกระงับ”

Liquid ติดอันดับ 1 ใน 20 อันดับบริษัทการแลกเปลี่ยนคริปโตฯ ของโลกตามปริมาณการซื้อขายรายวัน โดยประมวลผลธุรกรรมมากกว่า 133 ล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ CoinMarketCap โดย Liquid ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2014 และให้บริการลูกค้าหลายล้านรายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

การแฮกครั้งนี้ถือเป็นการแฮกคริปโตฯ ครั้งใหญ่ครั้งที่สองที่เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เพราะเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา แฮกเกอร์ขโมยเงินดิจิทัลมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 20,000 ล้านบาท จาก Poly Network ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเช่นเดียวกัน ก่อนที่แฮกเกอร์นี้จะคืนคริปโตที่โจรกรรมไปเกือบทั้งหมดในอีกไม่กี่วันต่อมา

Source

]]>
1347854
มูลค่าตลาดคริปโตทะยาน 2 ล้านล้านเหรียญในรอบ 3 เดือน หลังราคา Bitcoin แตะ 4.8 หมื่นเหรียญ https://positioningmag.com/1347126 Mon, 16 Aug 2021 12:33:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1347126 ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นถึง 48,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ (cryptocurrency) หรือสกุลเงินดิจิทัล พุ่งทะยานทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา มูลค่าของ Bitcoin แตะ 48,126.47 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม ตามข้อมูลของ Coindesk โดยราคาซื้อขายที่ 47,442.40 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม โดยการฟื้นตัวของมูลค่า Bitcoin เกิดขึ้นหลังจากที่มูลค่าดิ่งอย่างหนักในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม โดยลดลงต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากทำสถิติสูงสุดที่มากกว่า 64,000 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน

“ฉันเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของมูลค่า Bitcoin เป็นผลมาจากการกักตุนจำนวนมาก เมื่อ Bitcoin ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 29,000 ถึง 30,000 ดอลลาร์” Vijay Ayyar หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจที่ Luno การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล กล่าว

การเติบโตของมูลค่า Bitcoin ช่วยดันมูลค่าของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ทั้งหมดให้สูงกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันเสาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap ที่ติดตามราคาของเหรียญดิจิทัล

ตลาดคริปโตเผชิญกับปัญหามากมายในช่วงฤดูร้อน หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ การแบนในประเทศจีน ซึ่งได้บังคับให้การดำเนินการขุด Bitcoin ต้องปิดตัวลง นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้มูลค่า Bitcoin ลดลงต่ำกว่าระดับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ในขณะเดียวกัน วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายการกำหนดให้บริษัทนายหน้าค้าขายเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี่ ต้องรายงานภาษีต่อสำนักงานสรรพากรสหรัฐฯ หรือ Internal Revenue Service (IRS) เพื่อเปิดทางให้มีการจัดเก็บภาษีสำหรับเงินดิจิทัล แม้จะถูกมองว่าเป็นระเบิดสำหรับชุมชนคริปโต แต่บางคนบอกว่ามันแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเอาจริงเอาจังกับอุตสาหกรรมนี้

Jehan Chu ผู้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนและบริษัทการค้า Kenetic Capital กล่าวว่า อุปสรรคด้านกฎระเบียบพื้นฐาน เหล่านี้ได้ “ตัดปีกของตลาด” ในระยะเวลาอันใกล้ ในขณะที่ Bitcoin อาจพุ่งขึ้นถึง 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่นักลงทุนควรระวังว่ามูลค่าอาจดิ่งกลับไปที่ระดับต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ

Source

]]>
1347126
ตลาด Bitcoin หล่นฮวบทันที 8% หลังจีนประกาศแบนขุดเหมืองคริปโต https://positioningmag.com/1333418 Sat, 22 May 2021 14:13:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333418 Financial Stability and Development Committee (FSDC) หน่วยงานควบคุมด้านการเงินการคลังของประเทศจีน ประกาศแผนเดินหน้าปราบปรามการขุดเหมืองและการเทรดเหรียญคริปโตในประเทศ โดยมองว่าเพื่อลดความเสี่ยงในด้านเครดิต, ปฏิรูปสถาบันการเงินขนาดกลาง และลงโทษกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง

หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และสภาแห่งรัฐของจีน ออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่า ทางการจีนจะเข้ากวาดล้างการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ รวมทั้งควบคุมพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุน เพื่อป้องกันมิให้ความเสี่ยงรายบุคคลซึ่งอาจจะกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งในระดับจุลภาค และมหภาค ที่อาจลุกลามไปสู่สังคมในวงกว้าง

“เรามีความจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มบิตคอยน์ เพื่อป้องกันระบบการเงินของประเทศ และถือได้ว่าเป็นการกวาดล้างกิจกรรมด้านหลักทรัพย์ที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง และอาจจะต้องมีการลงโทษต่อผู้กระทำอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่ามีความผิดร้ายแรงต่อธุรกรรมการเงินที่ผิดกฎหมาย โดยถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาเสถียรภาพในตลาดหุ้น, ตราสารหนี้ และปริวรรตเงินตรา อีกทั้งสกุลเงินคริปโตได้สร้างปัญหาการตรวจสอบเป็นอย่างมาก โดยมีการสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการหลบเลี่ยงภาษี”

ทั้งนี้หลังจากได้มีแถลงการณ์ออกมาไม่นานราคาของ Bitcoin ก็ได้ปรับร่วงลงอย่างรุนแรงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบวัน โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8% ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

Modern way of exchange. Bitcoin is convenient payment in global economy market. Virtual digital currency and financial investment trade concept. Abstract cryptocurrency with gold bitcoin background.

อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ทางกระทรวงจะออกมาตรการกวาดล้างตลาดสกุลเงินคริปโต รวมทั้งการทำธุรกรรมในตลาดดังกล่าว โดยผู้ทำธุรกรรมรายการโอนเงินสกุลคริปโตที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์ขึ้นไป หรือประมาณ 315,000 บาท จะต้องมีการรายงานไปยังกรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS)

ขณะที่ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอเพิ่มงบประมาณ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ IRS รวมทั้งเพิ่มพนักงานเต็มเวลาจำนวนมากกว่า 86,000 รายในช่วง 1 ทศวรรษข้างหน้าเพื่อรับมือกับการเติบโตของสินทรัพย์คริปโต

“ภาคธุรกิจที่รับสินทรัพย์คริปโตที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ จะต้องรายงานต่อ IRS เช่นเดียวกับเงินสด โดยภายในบริบทของกฎระเบียบการรายงานบัญชีทางการเงินฉบับใหม่นั้น สกุลเงินคริปโต, บัญชีแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต และบัญชีการให้บริการด้านการชำระเงินซึ่งมีการรับสกุลเงินคริปโต จะต้องถูกรวมอยู่ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าว” กระทรวงการคลังระบุ

Source

]]>
1333418
รู้จัก Technoking of Tesla ตำเเหน่งใหม่ของ ‘อีลอน มัสก์’ พร้อมตั้งให้ CFO เป็น Master of Coin https://positioningmag.com/1323644 Tue, 16 Mar 2021 09:47:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323644 เจ้าพ่อเทคโนโลโลยีจอมปั่นอย่างอีลอน มัสก์สร้างกระเเสให้วงการอีกเช่นเคย ล่าสุดประกาศเพิ่มชื่อตำเเหน่งให้ตัวเองเป็น Technoking of Tesla แต่ในทางปฏิบัติ เขาก็ยังทำงานในหน้าที่ CEO ต่อไป

เรื่องนี้ไม่ใช่เเค่การตั้งชื่อเล่นๆ เเต่จริงจัง เมื่อ Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) แจ้งเพิ่มชื่อตำแหน่งผู้บริหาร 2 ราย มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วานนี้ (15 มี..) ได้เเก่

  • Elon Musk จาก Chief Executive Officer มีตำเเหน่งใหม่ คือ Technoking
  • Zach Kirkhorn จาก Chief Financial Officer มีตำแหน่งใหม่ คือ Master of Coin

จากกระเเสดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท พุ่งขึ้น 2% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เเม้ว่า Tesla จะยังไม่อธิบายเพิ่มเติมของชื่อดังกล่าว เเละยังไม่มีใครทราบว่าการเพิ่มตำเเหน่งนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใดก็ตาม

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ‘Wedbush’ ให้ความเห็นว่า ชื่อตำแหน่ง ‘Technoking’ อาจจะสะท้อนถึงบทบาทของอีลอน มัสก์ ที่กำลังเป็นผู้ดิสรัปต์เทคโนโลยีเเห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ การพัฒนาเเบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ

ส่วนการเปลี่ยนชื่อตำเเหน่ง CFO ให้เป็น ‘Master of Coin’ น่าจะมีความหมายถึงการให้ความสำคัญกับคริปโตเคอเรนซี่หรือสกุลเงินดิจิทัล ที่กำลังมาเเรงในยุคนี้ เเละเป็นความสนใจส่วนตัวของอีลอน มัสก์เองด้วย โดยชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะลงทุนใน ‘Bitcoin’ (บิตคอยน์) เพิ่มขึ้นในอนาคต หลังช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Tesla ประกาศทุ่มเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.5 หมื่นล้านบาท) เพื่อลงทุนใน Bitcoin

ทั้งนี้ ‘Master of Coin’ เป็นคำที่คุ้นหูของเเฟนหนังสือเเละเเฟนซีรีส์ดังอย่าง ‘Game of Thrones’ อยู่เเล้ว จากตำเเหน่งของลอร์ดเบลิช (Lord Baelish) ที่ทำหน้าที่เปรียบได้เหมือนกับรัฐมนตรีคลังนั่นเอง

สำหรับความร่ำรวยของอีลอน มัสก์ล่าสุด ณ ตอนนี้ ยังขึ้นเเท่นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก รองจาก Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon จากการจัดอันดับของ Forbes ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 1.73 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.3 ล้านล้านบาท) โดยเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาเคยขึ้นสู่ตำเเหน่งผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกมาเเล้ว จากอานิสงส์หุ้น Tesla ราคาพุ่ง เเต่ต่อมาทรัพย์สินก็ลงลงบ้างจากความผันผวนของตลาด

 

ที่มา : ReutersMashable , SEC , financial times

]]>
1323644