‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก สร้างกระเเสใหญ่ให้วงการเงินดิจิทัลต่อเนื่อง หลังออกตัวหนุน
สกุลเงินดิจิทัล Bitcoin และ dogecoin จนทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ล่าสุดนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี นั่งไม่ติดกันอีกครั้ง เมื่อ Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดาวรุ่งที่มี ‘อีลอน มัสก์’ นั่งเเท่นซีอีโอ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (NASDAQ) ณ วันที่ 8 ก.พ. เพื่อขออนุมัติเข้าซื้อสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ด้วยมูลค่ากว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.5 หมื่นล้านบาท) โดยระบุเหตุผลว่าต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารความเสี่ยง เเละเพื่อให้เงินสดของบริษัทสร้างผลตอบแทนสูงสุด
ประเด็นที่เป็นฮือฮามากในครั้งนี้ คือ Tesla เตรียมจะเปิดรับการชำระเงินด้วย Bitcoin สำหรับชำระค่าสินค้าของบริษัท ซึ่งสินค้าเด่นๆ ของ Tesla ในปัจจุบัน ได้แก่ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ ฯลฯ
ถ้าหากทำได้จริง Tesla จะกลายเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ ‘รายแรก’ ที่รับชำระค่าสินค้าด้วยสกุลเงินดิจิทัล
การประกาศเข้าซื้อ Bitcoin ครั้งนี้ ส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของนักลงทุน ทำให้เกิดแรงซื้อ–แรงขายเหรียญดิจิทัลทั่วโลก
โดยหลังจากข่าวนี้เผยเเพร่ออกไปทำให้ราคาของ Bitcoin (ณ วันที่ 8 ก.พ. เวลา 20.27 น. เวลาไทย) ขยับขึ้นกว่า 13% มีมูลค่าถึง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 BTC (มากกว่า 1.3 ล้านบาท) ทำระดับสูงสุดใหม่ หรือที่เรียกว่า ‘All Time High’ ส่วนราคาหุ้นของ Tesla ก็มีการตัวขึ้นกว่า 2% ในช่วงก่อนเปิดตลาดหุ้นในนิวยอร์กด้วยเช่นกัน
ด้านหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ เเสดงความกังวลถึงเรื่องการทำธุรกรรมดังกล่าวว่า อาจจะมีการเเอบแฝงดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้เหมือนธุรกรรมปกติ จึงจะมีการเร่งตรวจสอบต่อไป
ก่อนหน้านี้ PayPal ยักษ์ใหญ่วงการ E-Payment ของสหรัฐฯ ประกาศว่า ในปี 2021 บริษัทพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมารองรับการซื้อขาย Bitcoin เเละสกุลเงินคริปโตฯ อื่นๆ มากขึ้น พร้อมตั้งเป้าจะให้ลูกค้าใช้สกุลเงินคริปโตฯ ในการซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกที่เป็นพันธมิตรกว่า 26 ล้านเเห่ง
นักวิเคราห์มองว่า การที่ตลาดคริปโตฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจัยโดยหลัก ๆ น่าจะมาจาก ’วิกฤตเศรษฐกิจ’ ที่ได้รับผลกระทบจากเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ความกังวลเกิดขึ้นทั้งภาวะเงินเฟ้อ เเละค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง
ประกอบกับ กระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทค และการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด ซึ่งเเตกต่างจากการดีดตัวของ Bitcoin เมื่อครั้งปี 2017 ที่ส่วนใหญ่เป็นกระเเสจากรายย่อย
ขณะเดียวกัน ก็มีการเตือนว่า การที่ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นมากกว่า 300% ในปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากฟองสบู่ที่มีความเสี่ยง ซึ่งอาจเกิดจากนักลงทุนที่ไล่ตามแรงเหวี่ยงของสกุลเงินนี้
คลิกอ่าน : จับกระเเสตลาดคริปโตฯ 2021…ทำไมราคา ‘Bitcoin’ พุ่งปรี๊ดเเตะ 1 ล้านบาท
ที่มา : CNBC , theguardian