การตัดสินใจของ Twitter ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ให้พนักงานทำงานที่บ้านในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ เเล้วประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
โดยในแถลงการณ์ระบุว่า “ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เราสามารถทำงานได้ผลดี ดังนั้นหากพนักงานคนไหนที่ตำแหน่งงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้ เเละพวกเขาต้องการที่จะทำงานเช่นนี้ตลอดไป เราก็พร้อมจะทำให้มันเกิดขึ้นจริง”
สำหรับพนักงานที่อยากจะเข้าทำงานในออฟฟิศ ทางบริษัทก็พร้อมจะอำนวยความสะดวกให้เช่นเดิม โดยสำนักงานจะยังคงเป็นสถานที่อบอุ่นและเป็นกันเอง แต่จะมีคำแนะนำและข้อควรปฏิบัติสำหรับป้องกันตนเองเพิ่มเติม
Twitter เเพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดัง มีสำนักงานใหญ่ในนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา มีจำนวนพนักงานกว่า 4,000 คนทั่วโลก ได้อนุญาตให้พนักงานทำงานจากบ้านได้ ตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นมา เเละคาดว่าจะกลับมาเปิดสำนักงานได้อีกครั้งในช่วงก่อนเดือน ก.ย.
ก่อนหน้านี้ Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง Twitter และ Square บริษัทระบบจ่ายเงินผ่านอุปกรณ์พกพา ได้บริจาคหุ้นของตัวในที่มีใน Square คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญเพื่อสู้กับภัย COVID-19 โดยการบริจาคครั้งนี้คิดเป็นเกือบ 30% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของเขาที่มีอยู่ราว 4.6 พันล้านเหรียญ
ด้าน Sree Sreenivasan ศาสตราจารย์ด้านนวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัย Stony Brook ให้ความเห็นต่อกรณีว่า เราสามารถเรียนรู้การทำงานเเบบยืดหยุ่นได้จาก Silicon Valley หลายคนมีทัศนคติว่าการทำงานที่บ้านเป็นหลบหน้าจากเจ้านาย และการเจอหน้ากันที่สำนักงานเป็นเรื่องสำคัญ เเต่ตอนนี้ผู้คนกำลังพิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและทำงานสำเร็จได้จากที่บ้าน
ขณะเดียวกันก็มีหลายคนบอกว่าพวกเขารู้สึกว่า “ทำงานหนักขึ้นเเละเหนื่อยจนหมดเเรง” เมื่อต้องทำงานเเบบ Work from Home
ตอนนี้ในหลายประเทศ เริ่มดำเนินการคลายล็อกดาวน์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจเเละการใช้ชีวิตของผู้คน พร้อมมาตรการทางสังคมเเบบใหม่ เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID-19 หลายบริษัททั่วโลกได้เริ่มกลับมาเปิดทำการที่สำนักงานอีกครั้ง เเต่ขณะที่ยักษ์ใหญ่ไอทีเจ้าอื่นอย่าง Google และ Facebook ยังคงอนุญาตให้พนักงานที่ทำงานที่บ้านจนถึงสิ้นปีนี้
ที่มา : BBC / Twitter allows staff to work from home ‘forever’
]]>จากการสอบถามของ Positioning พบว่าบางบริษัทในไทยเริ่มบังคับใช้มาตรการทำงานที่บ้านกันแล้ว หรือมีการจัดเตรียมนโยบายไว้พร้อมสั่งการได้ทันทีหากพิจารณาว่าสถานการณ์มีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่แต่ละแห่งมีวิธีการจัดการต่างกัน ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความพร้อมของบริษัท ลักษณะงาน และจำนวนพนักงาน โดยมีตัวอย่างการจัดการมาฝากเป็นแนวทางเผื่อให้บริษัทอื่นพิจารณานำไปปรับใช้ดังนี้
*หมายเหตุ: บางบริษัทต้องการปิดเป็นข้อมูลลับ จึงไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้*
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) – พนักงานทุกสายงานแบ่งทีมเป็น 2 กลุ่มเพื่อสลับกันทำงานจากบ้าน เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. 63 โดยขึ้นไฟล์งานบนระบบคลาวด์รูปแบบ SharePoint หรือ Microsoft Teams เพื่อให้เข้าถึงได้ทุกที่ สำหรับเครือข่ายข้อมูลขององค์กรมีการเข้ารหัส VPN เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลจากภายนอกบริษัทได้อย่างปลอดภัย
การจัดการภายในอาคารสำนักงานใหญ่ มีการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน และตรวจวัดไข้ทุกคนตั้งแต่ชั้นล่างก่อนเข้าสู่โถงลิฟต์ และพนักงานรายใดที่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศจะต้องกักตัวเองในบ้านพัก 14 วัน
ทั้งนี้ สำหรับพนักงาน Call Center เนื่องจากมีการกระจายศูนย์ไว้ทั้งหมด 4 แห่ง และจัดสลับเข้ากะอยู่แล้ว ทำให้พนักงานกลุ่มนี้จะยังคงทำงานตามปกติเพื่อให้บริการลูกค้า
บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) – ให้พนักงานสำนักงานใหญ่สลับกันทำงานจากที่บ้าน เพื่อให้มีคนเข้าสู่สำนักงานพร้อมกันลดลง 50% เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 63 ด้านการจัดการสุขอนามัยสำนักงาน บริษัทยกเลิกการสแกนนิ้วเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ
ส่วนพนักงานที่อยู่ประจำโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม ซึ่งไม่สามารถทำงานจากบ้านได้ บริษัทซื้อประกันโรคโควิด-19 ให้ทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือด้านความเสี่ยงให้พนักงาน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (Jitta) – เนื่องจากเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ ทำให้มีความคล่องตัวในการจัดการ ที่ผ่านมาบริษัทได้จัดนโยบายทำงานที่บ้านเพื่อรับมือกับปัญหาค่าฝุ่น PM 2.5 และเป็นนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นให้กับพนักงานด้วย ดังนั้นจึงมีการ Work from Home มาโดยตลอด
การจัดการในบริษัทเพื่อให้ทำงานได้ราบรื่น จะจัดตารางกำหนดเวลาประชุมที่ชัดเจน จัดเป้าหมายการทำงานในแต่ละวัน และพนักงานต้องติดต่อได้เสมอหรือมีบุคคลสำรองให้ติดต่อแทน ทั้งนี้ Jitta แนะนำว่าสำหรับบริษัทที่ไม่พร้อมลงระบบใหม่ การใช้แอปพลิเคชันทั่วไป เช่น Line, Facebook สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการทำงานก่อนได้
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) – ให้พนักงานทำงานจากบ้านตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 63 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และจะขยายเวลาทำงานจากบ้านต่อเนื่องหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น พร้อมให้พนักงานงดจัดประชุมสัมมนา และงดเดินทางต่างประเทศ
บริษัทประกันชีวิต A – ให้บางแผนกแบ่งเป็น 2 ทีมเริ่มต้นสลับ Work from Home ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. 63 ทั้งนี้ ให้ทุกคนสำรองข้อมูลในโน้ตบุ๊กส่วนตัวและนำกลับทุกวัน ในกรณีฉุกเฉินที่ต้องปิดสำนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้พร้อมกันทั้งแผนก การจัดการสำนักงานมีการตรวจวัดไข้ก่อนเข้างานทุกคนทุกวัน หากพบมีไข้เกิน 37.5 องศา ให้ลางานทันที
บริษัทพลังงาน B – แต่ละแผนกเตรียมจัดนโยบายที่เหมาะสม เช่น เตรียมตัวเพื่อรองรับการทำงานจากที่บ้านทุกคน แต่อาจมีการจัดเวรสลับกันเข้ามาที่สำนักงานตามความจำเป็น โดยให้รอคำสั่งเริ่มใช้นโยบายทำงานที่บ้านอีกครั้ง
บริษัทเอเจนซี่โฆษณา C – ยกระดับความเสี่ยง เริ่มต้น Work from Home ทุกคนตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 63 (ก่อนหน้านี้เริ่มแผนแรกคือให้บุคคลที่มีความเสี่ยงกักตัวทำงานจากบ้าน 14 วัน) โดยพนักงานสามารถนำคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กกลับบ้านได้ พร้อมประชุมแบบทางไกลผ่านแอปพลิเคชัน Zoom
ทั้งนี้ จากการสอบถามหลายบริษัทพบว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างเตรียมหามาตรการรองรับ เช่น ซักซ้อมการประชุมออนไลน์ เตรียมเครื่องมือดิจิทัลและระบบไอทีเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลจากระยะไกลได้ ประเมินการจัดการว่าแผนกใดสามารถทำงานจากที่บ้านได้
นอกจากบริษัทเอกชนแล้ว หน่วยงานราชการมีความเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 63 ให้ทุกหน่วยงานรัฐเตรียมจัดทำแผน Work from Home ที่เหมาะสมกับหน่วยงานของตนเองมาเสนอ และจัดตารางเหลื่อมเวลาทำงาน
“กฤษดา สาธุกิจชัย” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) ที่ปรึกษาการวางระบบซอฟต์แวร์
ทำให้บริษัทสามารถเทียบเคียงจากประสบการณ์ได้ว่า บริษัทขนาดเล็กจะมีความคล่องตัวสูง หลายบริษัททำงานในลักษณะ Work from Home อยู่แล้วทำให้สามารถหิ้วโน้ตบุ๊กไปทำงานที่บ้านได้เลย และผู้ประกอบการบริษัทใหญ่ได้เปรียบเช่นกัน เพราะมีเงินทุนและการจัดการความเสี่ยง ทำให้ลงทุนระบบเทคโนโลยีไว้รองรับแล้ว
ดังนั้นมองว่า บริษัทขนาดกลางมีความเสี่ยงที่สุดในสถานการณ์นี้ เพราะเริ่มขยายขนาดจนมีทีมงานหลายคนหลายฝ่าย แต่วิธีการทำงานยังเป็นแบบรวมศูนย์ตัดสินใจ ทำให้การทำงานจากที่บ้านจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารและการส่งต่อเอกสาร
อย่างไรก็ตาม Netizen แนะนำว่าปัจจุบันมีแพลตฟอร์มหลายอย่างที่ช่วยแก้ปัญหา เช่น การทำเอกสารออนไลน์สามารถใช้ Google Suites หรือ Office365, การประชุมทางไกล สามารถใช้ Microsoft Teams, Zoom หรือ Hangouts, ระบบอนุมัติงานและบริหารทรัพยากรบุคคล สามารถใช้แพลตฟอร์ม Origami ได้ ฯลฯ
เห็นได้ว่าวิกฤตที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นการสร้างระบบที่ทำให้พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่บนโลกจะกลายเป็นประโยชน์ ช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้การทำธุรกิจต้องสะดุดได้ในอนาคต
]]>ช่วงแรกๆ ที่พนักงานเริ่ม Work from Home หรือจินตนาการถึงการทำงานที่บ้าน อาจจะฟังดูเหมือนเป็นโลกการทำงานในฝันเพราะไม่ต้องฝ่าฟันรถติดหรือผู้คนแออัดในรถไฟฟ้า ไม่มีเพื่อนร่วมงานที่มายืนเม้าท์กันข้างๆ ให้เสียสมาธิ แถมยังอาจจะได้แวบไปทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ด้วย
แต่ข้อเสียของการทำงานอยู่บ้านก็มีเช่นกัน เพราะเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง พนักงานมักจะรู้สึกเบื่อหน่าย และเมื่อไม่มีการตอกบัตรเข้าออกงานตามเวลา งานก็ดูเหมือนจะไม่จบสิ้นเสียที
“ผมคิดว่าข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของการทำงานอยู่บ้าน แต่มักจะถูกประเมินผลกระทบต่ำเกินไปคือ ผลกระทบเรื่องความเหงาทางจิตใจเมื่อต้องอยู่คนเดียว” David Hassell ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ 15Five กล่าว โดย 15Five เป็นบริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับประเมินผลการทำงาน และตัวบริษัทเองยังมีพนักงานถึง 40% ที่ทำงานระยะไกลจากที่บ้าน
ต่อไปนี้คือ 5 คำแนะนำสำหรับคนทำงานอยู่บ้าน จากผู้บริหารหลากหลายบริษัท เพื่อสร้างสมดุลชีวิตไม่ให้ทำงานมากไปหรือน้อยไป และที่สำคัญ…ไม่เหงาเกินไปด้วย
จริงๆ แล้วคนเราไม่ได้ทำงานติดต่อกัน 8 ชั่วโมงเวลาอยู่ในออฟฟิศ เราจะต้องมีเวลาพักเบรกทานกาแฟ เดินหาร้านอาหารตอนพักเที่ยง และเวลานั่งเม้าท์กับเพื่อนร่วมงานระหว่างวันบ้าง ดังนั้นการทำงานอยู่บ้านไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่สามารถพักเบรกแบบนั้นได้
“มีแนวโน้มที่พนักงานจะโหมทำงานตลอดวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตราหน้าว่าไม่ได้ทำงานเพราะไม่อยู่ออฟฟิศ” David Rabin รองประธานฝ่ายการตลาดสากลจาก Lenovo กล่าว
แต่คนที่ทำงานอยู่บ้านก็ควรจะได้พักระหว่างวันบ้างเช่นกัน และการพักยังจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าด้วย
“การพักเบรกไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของคุณน้อยลง” Julie Morgenstern ที่ปรึกษาด้านการจัดการองค์กรกล่าว “การพักเบรกเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประสิทธิภาพ ที่จริงแล้วมันช่วยให้คุณฉลาดขึ้น และทำให้คุณค้นพบมุมมองหรือคำตอบได้ด้วย”
สำหรับคนที่เคยชินกับสิ่งแวดล้อมในออฟฟิศอาจจะปรับตัวยากหน่อยเมื่อต้องทำงานอยู่บ้าน ถ้าในหนึ่งวันของคุณต้องเดินไปเดินมาระหว่างโต๊ะของตัวเอง ไปห้องประชุมใหญ่ กลับมาห้องประชุมย่อย Rabin ให้คำแนะนำว่า เมื่อมาทำงานอยู่บ้าน ก็ไม่จำเป็นต้องฝังตัวเองอยู่กับโต๊ะทำงานตัวเดียวเช่นกัน
Morgenstern เสริมว่า เราสามารถจัดพื้นที่ในบ้านให้เหมาะกับฟังก์ชันการทำงานแต่ละอย่างได้ เช่น มุมเงียบๆ ในบ้านใช้สำหรับเวลาทำงานที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ ขณะที่การย้ายมารับแดดที่ชานบ้านอาจจะเหมาะกับการทำงานรูทีนต่างๆ อย่างการตอบอีเมลหรือจัดการเอกสารยิบย่อย
เธอยังกล่าวด้วยว่า ต้องไม่ลืมจัด “โซนปลอดงาน” ในบ้าน โดยโซนนี้จะไม่มีการนำงานเข้าไปทำเด็ดขาดโดยเฉพาะห้องนอน “คุณจะพักผ่อนช่วงกลางคืนได้ยากมากหากคุณเริ่มนำงานเข้าไปทำในบริเวณที่ใช้พักผ่อน”
เหตุผลข้อใหญ่ที่ทำให้การทำงานอยู่บ้านมีประโยชน์มากคือ “ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเริ่มงานเร็วขึ้นกว่าเดิม
“เปลี่ยนเวลาที่ใช้เดินทางไปที่ทำงานตอนเช้ามาเป็นช่วงเวลาสำหรับตัวเองหรือครอบครัว ไม่ใช่ทำงานเพิ่ม” Morgenstern กล่าว
“การทำงานอยู่บ้านไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องทำงานนานขึ้นกว่าเดิม” คุณควรจะระบุกับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานให้ชัดเจนว่าตารางชีวิตคุณจะทำอะไรบ้าง
และเมื่อสิ้นสุดเวลาทำงานตามตารางแต่ละวัน ควรจะเก็บอุปกรณ์การทำงานทันที เปลี่ยนชุดเป็นชุดอยู่บ้านหรือชุดนอนเพื่อเปลี่ยนโหมดตนเองว่าตอนนี้เข้าสู่เวลาส่วนตัวแล้ว
นอกจากการคุยกับที่ทำงานแล้ว คุณควรจะคุยกับสมาชิกในบ้านด้วยว่าตารางการทำงานคุณเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการรบกวนกันระหว่างวัน ทั้งนี้ นี่เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับมนุษย์พ่อหรือมนุษย์แม่ในช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม
“คุณควรจัดตารางแบ่งเวลางานกับเวลาเล่นกับลูก และจัดสถานที่ให้แบ่งแยกกันด้วย รวมถึงต้องออกคำสั่งที่ชัดเจน” Morgenstern แนะนำ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเหงาและเดียวดายเหมือนเราทำงานอยู่คนเดียว ที่ทำงานควรจะมีการนัดประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอลบ้าง ยกตัวอย่างบริษัท 15Five จะมีการนัดประชุม 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นหน้ากัน ไม่ว่าจะทำงานอยู่มุมไหนของโลก
นอกจากความเหงาแล้ว การที่พนักงานไม่ได้เจอกันในออฟฟิศ จะทำให้ปฏิสัมพันธ์และพลังงานจากการพบเจอผู้คนขาดหายไป จากบรรยากาศออฟฟิศปกติที่พนักงานอาจจะเดินไปเม้าท์ที่โต๊ะเพื่อนบ้าง ได้คุยเรื่องวันหยุดกับเพื่อนที่บังเอิญเจอระหว่างเดินไปห้องน้ำบ้าง สิ่งเหล่านี้อาจจะหายไปจากการทำงานอยู่บ้าน แต่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้ แค่ต้องใช้ความพยายาม
15Five แนะนำให้จัดเวลาทักทายประจำวันกับเพื่อนๆ ในทีมหรือหัวหน้างานบนช่องทางออนไลน์ใดๆ ก็ได้ ไม่เพียงแต่จะได้ติดตามความคืบหน้าของงาน แต่ยังเปิดบทสนทนาให้เกิดการระดมสมองเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาได้ด้วย
สำหรับ 15Five จะใช้แพลตฟอร์ม Slack เป็นหลักในการสื่อสารงาน แต่จะแยกออกเป็นสองช่องแชท ช่องหนึ่งเป็นช่องทางการใช้สำหรับตามงานและคุยเรื่องงานเท่านั้น แต่อีกช่องหนึ่งถูกเรียกว่า “ตู้กดน้ำ” เปรียบเหมือนช่องแชทที่ใช้คุยสัพเพเหระเวลาเราเข้าไปเจอเพื่อนที่โซนพักเบรกนั่นเอง ในช่องนี้พนักงานสามารถคุยเรื่องส่วนตัวหรือส่งรูปตลกๆ กันได้ตามสบาย
วัฒนธรรมการทำงานและตารางชีวิตอาจจะต้องปรับจูนกันบ้าง เมื่อมีการ Work from Home เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานอยู่บ้านจริงๆ ไม่ใช่การไปนั่งตามร้านกาแฟ ซึ่งจะทำให้เราเหงาและอึดอัดมากขึ้น แต่เราจะผ่านมันไปด้วยกัน!
]]>หลังจากที่ธนาคารเกือบทุกแห่ง ออกประกาศดูแลพนักงานในช่วงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังคงมีความรุนแรงต่อเนื่อง จนส่งผลต่อสุขภาพ ธนาคารต่างๆ ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาติ ธนาคาร SME ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จึงให้พนักงานอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ มีลูกเล็กไม่มีคนเลี้ยง เพราะโรงเรียนปิด สามารถทำงานที่บ้านได้ โดยมีระยะเวลาแตกต่างกันไป
จากนั้น ก็เริ่มขยายมายังศูนย์การค้า และองค์กรธุรกิจต่างๆ ที่ได้ออกมาตรการดูแลพนักงาน
ไลน์ ประเทศไทย ออกนโยบาย ให้พนักงานทำงานจากบ้านได้ โดยจะเริ่มทดลองใช้นโยบายอนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากบ้านได้เป็นเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2562) เป็นต้นไป พนักงานสามารถขออนุญาตต่อหัวหน้าทีมเพื่อทำงานที่บ้านได้ 1 วันต่อสัปดาห์โดย หลังจากนั้น บริษัทฯ จะพิจารณาตามสภาพแวดล้อมและความเหมาะสม
ทางด้านศูนย์การค้า MBK Center โดย สุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) มีมาตรการดูแลพนักงานออกมาต่อเนื่อง เช่น แจกหน้ากากอนามัย N95 รณรงค์ให้พนักงาน Car Pool ลดการใช้รถยนต์ ไป-กลับเส้นทางเดียวกันเดินทางร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้พนักงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสามารถลาหยุดงานได้เป็นกรณีพิเศษ อาทิ พนักงานที่กำลังตั้งครรภ์ พนักงานที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ หรือโรคประจำตัวที่เกี่ยวเนื่องมาจากฝุ่นละอองเป็นพิษ รวมถึงพนักงานที่มีอาการไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ สามารถลาหยุดงานเป็นกรณีพิเศษ โดยไม่มีผลกระทบกับวันลาประจำปี
ส่วนอาคารเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้ฉีดพ่นหมอกน้ำในอากาศจากหัวฉีดจำนวน 4 หัว บริเวณชั้น 29 โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส วันละ 2 รอบ เช้าและบ่ายทุกวันและจะดำเนินการไปจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองจะดีขึ้น.
]]>