พิซซ่า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 12 Mar 2024 02:31:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะลึกโปรฯ 1 แถม 1 ของ ‘The Pizza Company’ จากแคมเปญภาพจำ สู่วันที่ต้อง ‘ตะโกน’ ให้ดังขึ้นด้วย ‘พรีเซ็นเตอร์’ https://positioningmag.com/1464093 Tue, 27 Feb 2024 13:45:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464093 ถ้าพูดถึง เดอะ พิซซ่า คอมปะนี (The Pizza Company) หนึ่งในจุดที่คนจะจำได้ก็คือ ซื้อ 1 แถม 1 แคมเปญคู่บุญของแบรนด์ที่กลายเป็นภาพจำไปแล้ว และออกแคมเปญนี้ทุกครั้ง ก็กระตุ้นยอดได้ทุกครั้ง เพียงแต่แคมเปญ 1 แถม 1 ใคร ๆ ก็ทำได้ นี่จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะชุบชีวิตให้กับซิกเนเจอร์แคมเปญของ The Pizza Company ให้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง

ย้อนรอยจุดเริ่มต้นแคมเปญ 1 แถม 1

หลายคนอาจไม่รู้ว่าแบรนด์ The Pizza Company อยู่คู่กับคนไทยมานานถึง 23 ปีแล้ว และจุดเริ่มต้นของแบรนด์ก็มีความเกี่ยวพันกับแบรนด์ Pizza Hut ที่เป็นคู่แข่งในปัจจุบัน เพราะย้อนไปปี 1981 เครือไมเนอร์นั้นได้เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ของ Pizza Hut ในไทย

จนกระทั่งในปี 1999 บริษัท Tricon Global Restaurants หรือ Yum! Brands Inc.ในปัจจุบัน ได้ยกเลิกสัญญากับไมเนอร์ ทำให้ในปี 2001 ไมเนอร์ได้ปั้นแบรนด์ The Pizza Company มาแข่งขัน โดยใช้ know-how ในการทำธุรกิจพิซซ่าที่มีมานานเกือบ 20 ปี และอีกจุดที่ได้เปรียบก็คือ ทรัพย์สิน สาขาหน้าร้าน อุปกรณ์ต่าง ๆ ของ Pizza Hut ถือเป็นสิทธิ์ของไมเนอร์ ซึ่งก็ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นแบรนด์ The Pizza Company แทน

Photo : Shutterstock

ทำไมต้อง 1 แถม 1

อีกจุดสำคัญที่ทำให้ The Pizza Company สร้างการรับรู้ได้อย่างรวดเร็วก็คือ แคมเปญซื้อ 1 แถม 1 ที่ออกมาในช่วงสร้างแบรนด์ตั้งแต่วันแรก ส่งผลให้เดือนมีนาคมของทุกปี The Pizza Company จะทำแคมเปญ 1 แถม 1 ในฐานะแคมเปญเดือนเกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลา 23 ปีแล้ว

โดยหนึ่งในจุดที่ทำให้แคมเปญ 1 แถม 1 ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ก็ต้องยอมรับว่าในสายตาผู้บริโภคไทย พิซซ่าไม่ใช่อาหารที่มีราคาถูก ดังนั้น ผู้บริโภคจึงมองว่าหากซื้อ 1 แถม 1 นั้นคุ้มค่าที่จะซื้อ นอกจากนี้ การทำแคมเปญ 1 แถม 1 นั้นเป็นโปรโมชั่นที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องสื่อสารเยอะ ต่างจากแคมเปญลด 50% ที่แม้จะเหมือนกัน แต่ 1 แถม 1 เข้าใจง่ายกว่า

ดังนั้น เมื่อมีโปร 1 แถม 1 ยอดขายเพิ่มขึ้น 1 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ และคิดเป็นประมาณ 20-30% ของสัดส่วนยอดขายทั้งปีเลยทีเดียว

ต้องสร้างความแตกต่างไม่ใช่แค่การลดราคา

แม้ว่าแคมเปญ 1 แถม 1 จะเป็นแคมเปญคู่บุญที่สร้างการจดจำและยอดขายให้กับแบรนด์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแคมเปญแบบนี้ใคร ๆ ก็ทำได้ โดย ปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก็ยอมรับตรงจุดนี้ ดังนั้น โจทย์ของ The Pizza Company คือ จะสร้างความแตกต่างอย่างไรที่ไม่ใช่เล่นเรื่องราคา 

เพราะหากย้อนไปในปี 2021 ช่วงที่ COVID-19 ยังระบาดอยู่ทำให้ The Pizza Company ต้องแก้เกมด้วยการออกแคมเปญ 1 แถม 1 พลัส ด้วยการ แจกทองคำแท่ง ทางแบรนด์ก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่เวิร์ก เพราะแบรนด์ต้องสื่อสารหลายเรื่อง แถมยังไปลดทอนความเป็น 1 แถม 1

ดังนั้น แคมเปญ 1 แถม 1 ในปี 2024 นี้ The Pizza Company เลยเน้นไปที่ การสร้างการรับรู้ โดยดึง “บิว กิ้น–พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” และ “พีพี–กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” เป็น พรีเซนเตอร์คู่ ในแคมเปญ 1 แถม 1 ซึ่งถือเป็น ครั้งแรกของแคมเปญที่ใช้พรีเซ็นเตอร์ เพราะที่ผ่านมา The Pizza Company จะใช้พรีเซ็นเตอร์กับ NPD (New Product Development หรือ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่) เท่านั้น

“ตัวแคมเปญ 1 แถม 1 ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่โจทย์คือ ต้องการสร้างความแตกต่างอย่างไรไม่ใช่เล่นราคา ไม่เช่นนั้น สุดท้ายมันจะเป็นเรื่องแถมนั่น ลดนี่ ซึ่งเราไม่ต้องการทำเพื่อดึงคนเข้ามาในระบบ แต่เป็นการสร้างแบรนด์ไปในตัว เพราะเราเพิ่งรีแบรนด์ใหม่”

มั่นใจเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น

ปัทม์ อธิบายว่า สาเหตุที่เลือก พีพี-บิวกิ้น เพราะโจทย์แรกที่จะใช้พรีเซ็นเตอร์ 1 แถม 1 ต้องเป็น คู่ เท่านั้น อีกทั้งแบรนด์ต้องการให้เกิดอแวร์เนสสูงสุด ดังนั้น พีพี-บิวกิ้น จึงเป็นคำตอบ เพราะด้วยฐานแฟนคลับที่กว้างครอบคลุมคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่ม คนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ The Pizza Company ต้องการเข้าถึงมากขึ้น ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 15-25 ปี คิดเป็น 25% และการที่แบรนด์ได้พีพี-บิวกิ้นเป็นพรีเซ็นเตอร์จะช่วยให้ลูกค้าคนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นอย่างน้อย 50%

“เราเซ็นสัญญากัน 1 ปี ดังนั้น ไม่ได้จบแค่แคมเปญ 1 แถม 1 แต่จะมีงานอีเวนต์และกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปีเพื่อกระตุ้นยอดขาย”

คนเดียวก็กินได้ไม่ต้องรอปาร์ตี้

อีกหนึ่งโจทย์ของ The Pizza Company คือ การทานเดี่ยว เพราะปัจจุบันขนาดของครอบครัวเล็กลงเรื่อย ๆ บางคนเป็นโสด หรืออยู่กันแค่ 2 คน อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าภาพจำเดิมของการทานพิซซ่าคือ มีปาร์ตี้ มีงานฉลอง หรือทานกันเป็นครอบครัว ดังนั้น The Pizza Company ต้องการเปลี่ยนวิธีนำเสนอเพื่อให้ลูกค้าทานพิซซ่าได้บ่อยขึ้น โดยเพิ่มเมนูหรือเซตทานเดี่ยวมากขึ้น

ปัจจุบัน เมนูทานเดี่ยวคิดเป็น 40-50% ของ SKU ทั้งหมด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 99 บาท ส่วนเซตทาน 3 คนขึ้นไปจะมีราคาเริ่มต้นที่ 299 บาทขึ้นไป

“ตอนนี้เราตีโจทย์ใหม่ เรามองว่าการอยู่บ้านดูซีรีส์คนเดียวก็สามารถทานพิซซ่าได้ การทานพิซซ่าเหมือนกับทานข้าวมื้อหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในโมเมนต์ไหนลูกค้าทานพิซซ่าได้”

ปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)


One Size Fit All ไม่มีอีกแล้ว

ปัทม์ ย้ำว่า การทำงานของ The Pizza Company จากนี้ไม่มี One Size Fit All แล้ว เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน ทำให้ต้องมองลูกค้าเป็นภูมิภาค ต้องคัสตอมไมซ์​และลงดีเทลมากขึ้น ไม่สามารถมองทุกอย่างเป็นภาพรวมได้

ปัจจุบัน The Pizza Company มีสาขาทั้งหมด 420 สาขา ครอบคลุม 76 จังหวัด โดยในปีนี้ตั้งเป้าขยายเพิ่ม 25 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 10 สาขา ต่างจังหวัด 15 สาขา

“หากแบ่งพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งหมดเราพบว่า Die-in คิดเป็น 30% Takeaway 25% และ Delivery 45% แต่พอแยกไปตามจังหวัดพฤติกรรมมันแตกต่างกันเลย ดังนั้น แต่ละจังหวัดเราก็จะวางเกมไม่เหมือนกัน เพราะพฤติกรรมลูกค้าต่างกัน นี่เป็นยุคของการเข้าใจการใช้ข้อมูล การนำดาต้ามาใช้อย่างฉลาดขึ้น”

มั่นใจพลังพีพี-บิวกิ้นดันยอดโต 15%

ในปีที่ผ่านมาตลาดพิซซ่ามีมูลค่าประมาณ 11,000 บาท เติบโตไม่ถึง 10% โดย The Pizza Company มีรายได้ 6,800 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ซึ่ง ปัทม์ มั่นใจว่าการได้พีพี-บิวกิ้นจะช่วยให้ The Pizza Company เติบโตได้กว่า 15% 

“ความท้าทายของเราคือ เราต้องแข่งกับตัวเองในอดีต ที่ผ่านมาเรามี 3 จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เราเติบโต ทั้งการรีแบรนด์, การออกแป้งบางกรอบ, การมีร้านสแตนด์อโลน และเรามั่นใจว่าการมีพรีเซ็นเตอร์จะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้แบรนด์เติบโต”

]]>
1464093
ต้นตำรับไม่ปลื้ม? ‘Domino’s Pizza’ ปิดกิจการใน ‘อิตาลี’ หลังทำตลาดมาได้ 7 ปี https://positioningmag.com/1396072 Sun, 14 Aug 2022 04:26:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396072 พูดถึง พิซซ่า หลายคนก็คงจะรู้ว่าต้นฉบับมาจาก อิตาลี และดูเหมือนว่า ชาวอิตาเลียน จะไม่ปลื้มกับแฟรนไชส์พิซซ่าสัญชาติอเมริกันอย่าง โดมิโน่พิซซ่า (Domino’s Pizza) เท่าไหร่ เพราะเพียง 7 ปีหลังจากเปิดตัวในสาขาแรกมิลาน ล่าสุดก็ยกธงขาวยอมแพ้ออกจากอิตาลี

Domino’s Pizza ยักษ์ใหญ่ด้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสัญชาติอเมริกันที่มีสาขาทั่วโลกมากกว่า 12,000 แห่ง โดยในปี 2015 Domino ก็ได้เปิดสาขาแรกในอิตาลี ประเทศต้นกำเนิดพิซซ่า แม้ในตอนแรกที่ Domino จะมีแผนที่จะเอาชนะใจลูกค้าด้วย วัตถุดิบอิตาลีล้วน เช่น ใช้ซอสมะเขือเทศ 100% และมอสซาเรลล่า และผลิตภัณฑ์อย่าง Prosciutto di Parma, Gorgonzola, Grana Padano และ Mozzarella di bufala Campana

แต่ล่าสุด Domino จำต้องปิดสาขาทั้งหมด 29 แห่ง ถอนตัวออกจากอิตาลี เนื่องจากเจอการแข่งขันที่สูงจาก ร้านพิซซ่าท้องถิ่น โดยเฉพาะหลังจากที่ร้านเหล่านั้นได้ขยายบริการเดลิเวอรี่ผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ อีกทั้ง ผู้บริโภคกว่าครึ่งยังคงสั่งอาหารหรือผ่านทางโทรศัพท์ผ่านร้านประจำ ทำให้จุดแข็งในบริการเดลิเวอรี่ใช้ไม่ได้อีกต่อไป

แน่นอนว่าข่าวการถอนตัวออกจากตลาดอิตาลีนี้ทำให้ชาวเน็ตบางส่วนอดที่จะไม่แซวไม่ได้ อย่างใน Twitter ก็มีคนทวิตว่า “การเปิด Domino’s Pizza ในอิตาลี ก็เหมือนกับการพยายามขายหิมะในขั้วโลกเหนือ” หรือ ในหนังสือพิมพ์ของอิตาลี ก็พาดหัวว่า “คนอิตาลีไม่ชอบพิซซ่าหน้าสับปะรด”

Source

]]>
1396072
บิ๊กมูฟ! The Pizza Company ปั้น “ชิค-อะ-บูม” บุกตลาดไก่ทอด กระตุ้นนั่งทานที่ร้าน https://positioningmag.com/1368533 Thu, 23 Dec 2021 08:04:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1368533 เป็นการขยับตัวครั้งใหญ่ในรอบ 21 ปี ของ The Pizza Company เปิดโมเดลใหม่ The Pizza Company Signature มีเมนูที่มากกว่าพิซซ่า ขายเฉพาะนั่งทานที่ร้าน พร้อมแตกแบรนด์ลูก “ชิค-อะ-บูม” บุกตลาดไก่ทอดเต็มตัว พร้อมจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

ดันไก่ทอดบุกตลาด 40,000 ล้าน

ถ้าพูดถึงตลาดร้านอาหาร QSR หนึ่งในเซ็กเมนต์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องก็คือ “ตลาดไก่ทอด” ปัจจุบันมีมูลค่าราวๆ 40,000 ล้านบาท สำหรับคนไทยแล้ว ไก่ทอดเป็นเมนูที่ทานได้ทุกวัยตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ เป็นอาหารโลคอลก็ได้ เพราะมีไก่ทอดสไตล์ไทยๆ ทานกับข้าวเหนียว หรือจะเป็นอาหารสไตล์เกาหลี หรืออเมริกันก็ได้

ปัจจุบันเราจึงได้เห็นแบรนด์ไก่ทอดเกิดขึ้นมากมาย ทั้งสไตล์เกาหลี และอเมริกัน มีทั้งแบรนด์ใหญ่ และแบรนด์ย่อยระดับ SME ทำให้ The Pizza Company ต้องลงมาจับตลาดนี้บ้าง ด้วยการแตกแบรนด์ “ชิค-อะ-บูม” เน้นขายแต่เมนูไก่ทอด แต่จะอยู่ภายใต้ร้าน The Pizza Company ไม่ได้ขายแยกสาขากัน

เหตุผลที่ทางแบรนด์ได้ลุยตลาดไก่ทอดนั้น มองเห็นเทรนด์การเติบโต ปกติที่ร้านได้มีขายเมนูปีกไก่บาร์บีคิวอยู่แล้ว คิดเป็นสัดส่วน 10% ถือว่าเป็นเมนูที่แข็งแกร่งพอสมควร อีกทั้งยังพบว่าในตลาดไก่ทอดมีความน่าเบื่อ มีรสชาติเดิมๆ เป็นไก่ชุบแป้งทอด

จึงปั้น ชิค-อะ-บูม เป็นแบรนด์ไก่ทอดสไตล์อเมริกัน เน้นแต่เมนูปีกไก่ทอด มีซอส 7 รสชาติ และซอสลับเดือนละ 1 ซอส ราคาเริ่มต้นที่ 169 บาท ไปจนถึง 389 บาท มีเมนูไฮไลต์อย่าง เดอะ คิลเลอร์ (The Killer) เอาใจสายกิน และสายคอนเทนต์ชอบแชะ มีไก่ที่จัดมาแบบอลังการ 4 ไม้ เสิร์ฟพร้อมคอร์นด็อก ราคา 499 บาท

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“The Pizza Company นอกจากจะเป็นผู้นำตลาดพิซซ่าแล้ว ยังถือเป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำด้านปีกไก่ทอด ทั้งไก่เกาหลี ไก่บาร์บีคิว จึงได้เปิดตัวไก่ทอด “ชิค-อะ-บูม” (Chick-A-Boom) แบรนด์ไก่ทอดอเมริกันน้องใหม่ ชูจุดเด่นด้วยซอส 7 รสชาติ สร้างความแปลกใหม่ให้ผู้บริโภค เน้นตอบโจทย์พฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มเฟิร์สจ็อบเบอร์ ที่ไม่ชอบความจำเจ และชอบลองอะไรใหม่ และกระตุ้นการมาทานที่ร้านบ่อยขึ้นด้วย”

ชิค-อะ-บูม จะเริ่มขายสาขาแรกที่ The Pizza Company Signature ที่ศูนย์การค้าซีคอน ศรีนครินทร์ มีแต่เมนูที่นั่งทานในร้านอย่างเดียว ไม่มีบริการเดลิเวอรี่

แบรนด์นี้มีแผนที่จะเข้าไปเปิดภายในร้าน The Pizza Company ทุกสาขาในอนาคต จะเริ่มขยายในเดือนมกราคม 2565 แต่จะไม่มีการทำร้านแยกออกจากกัน หรืออยากมากก็ทำเป็นคีออสเล็กๆ ขายภายในร้านเท่านั้น

นำร่อง The Pizza Company Signature

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวของ The Pizza Company ในปีนี้ก็คือ การเปิดโมเดลใหม่ The Pizza Company Signature เรียกว่าเป็นการปรับโฉมทั้งตัวร้าน และเมนู เพื่อกระตุ้นยอดขายการมาทานที่ร้านโดยเฉพาะ ซึ่งเมนูของที่นี่จะไม่มีบริการเดลิเวอรี่

The Pizza Company Signature มีการปรับเมนูอาหารใหม่ทั้งหมดให้เป็นเมนูพรีเมียม จะไม่ได้มีแต่เมนูพิซซ่าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการรวมตัวของทั้ง Pizza-Meat-Cheese เพิ่มไลน์อาหารกลุ่มสเต๊ก สลัด และพาสต้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยใช้วัตถุดิบพรีเมียม

ไฮไลต์เด่นของที่นี่จึงเป็นการนำเอาพิซซ่ามาทำให้พิเศษยิ่งขึ้น ด้วยการใช้แป้งสูตรพิเศษ ที่ได้นำตำนานพิซซ่าชนิดแรกในประวัติศาสตร์โลกอย่างนาโปลีพิซซ่า (Napoli Pizza) จะมีแป้งที่หอม บาง เนื้อนุ่มหนึบ ขอบมีฟองอากาศ หรือ Bubble Crust และมีหน้าใหม่ให้เลือก 17 หน้า

“โมเดลนี้พัฒนามานานแล้ว ตอนแรกจะเปิดตังแต่ช่วงสิงหาคม แต่ก็ยังติดเรื่อง COVID-19 จึงเลื่อนมาเปิดในเดือนธันวาคม โมเดลใหม่นี้จะไม่ใช่แค่พิซซ่า แต่จะมีพิซซ่า ชีส สเต๊ก รวมถึงมีเบียร์ และไวน์ด้วย ถ้าทดลองตลาดแล้วเวิร์ก จะขยายต่อไปโดยเน้นจับกลุ่มลูกค้าในเมือง”

The Pizza Company Signature เป็นการรีโนเวตสาขาเดิมที่ศูนย์การค้าซีคอน ศรีนครินทร์ มีการปรับโฉมใหม่ ปรับสไตล์การแต่งร้านให้ทันสมัยขึ้นเป็นแนวเอิร์ธโทน ทำให้วัยรุ่นอยากเข้ามานั่งทานมากขึ้น น่าถ่ายรูปมากขึ้น

ที่เลือกสาขาซีคอน ศรีนครินทร์เป็นสาขานำร่องก่อนนั้น ภาณุศักดิ์ได้ให้เหตุผลว่า เพราะสาขานี้มีความพร้อมในการปิดรีโนเวตได้ อีกทั้งในโซนนี้ยังมีทราฟฟิกเยอะ มีกลุ่มครอบครัว โรงเรียน มหาวิทยาลัย และติดอันดับในท็อป 30 สาขาที่ขายดีของแบรนด์ด้วย

พลิกมุม จัดเมนูเฉพาะทานในร้าน

การเปิดทั้ง The Pizza Company Signature และชิค-อะ-บูม เป็นการดีไซน์มาเพื่อให้ตอบโจทย์การนั่งทานในร้านโดยเฉพาะ ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในตลาดร้านอาหารในยุคนี้ เพราะหลังจากที่เจอกับวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้ร้านอาหารไม่สามารถขายได้ตามปกติสุขแล้ว หลายแบรนด์ยังกระจายความเสี่ยงด้วยการเน้นที่เดลิเวอรี่มากขึ้น หรือเปิดโมเดลใหม่ที่อยู่นอกศูนย์การค้า

แต่ The Pizza Company กลับเปิดร้านที่เน้นการนั่งทานในร้านมากขึ้น?

กิตติเชษฐ์ สถิตย์นพชัย ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ให้เหตุผลว่า

“จริงๆ ในส่วนของเดลิเวอรี่ก็มีแผนหนึ่ง นั่งทานที่ร้านก็มีแผนหนึ่ง มันช่วยเสริมกัน อย่างไรแล้วการมานั่งทานที่ร้านมันกระตุ้นการใช้เวลาอยู่ที่ร้าน มียอดการใช้จ่ายสูงกว่าเดลิเวอรี่ ลูกค้าสามารถกินได้หลากหลาย มีโอกาสทานอย่างอื่นมากขึ้น เพิ่มของหวานก็ได้ เห็นโต๊ะนู้นกินอันนี้ก็อยากกินบ้าง”

ปัจจุบันยอดการใช้จ่ายเมื่อทานในร้านเฉลี่ยอยู่ที่ 600 บาท/บิล หรือ 200 บาท/คน ส่วนใหญ่มา 3-4 คน ส่วนช่องทางเดลิเวอรี่จะมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 500 บาท/บิล ส่วนใหญ่จะสั่งแต่เมนูที่อยากกินเท่านั้น

ตอนนี้สัดส่วนยอดขายมาจากการทานที่ร้านลดลงเหลือ 20% เดลิเวอรี่ 50% และซื้อกลับบ้าน 30% จากก่อนหน้านี้สัดส่วนเท่าๆ กัน

ร้านอาหารยุคนี้ต้องมี “แอลกอฮอล์”

อีกหนึ่งความพิเศษของร้าน The Pizza Company Signature ก็คือ มีจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งไวน์ และเบียร์ โดยจำหน่ายตามเวลาที่กำหนด และมีการตรวจอายุของลูกค้าก่อนจำหน่ายด้วย

เบียร์จะมีจำหน่าย 2 ยี่ห้อ ได้แก่ ชาละวัน และโฮการ์เด้น เป็นรูปแบบแก้ว ส่วนไวน์จะจำหน่ายทั้งแบบแก้วและแบบขวด

กลายเป็นเทรนด์ของเชนร้านอาหารใหญ่ๆ ที่จะต้องมีเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านไปแล้ว ก่อนหน้านี้ KFC ก็มีจำหน่ายเบียร์ในร้านเช่นกัน ในประเด็นนี้ กิตติเชษฐ์ บอกว่า คนรุ่นใหม่ หรือวัยรุ่นชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ร้านจะเป็นต้องเอาเข้ามาเสริมมากขึ้น ลูกค้าจะได้ใช้เวลาในร้านมากขึ้นด้วย

นอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ในร้านนี้ยังมีขนมหวานเป็นขนมไทย เช่น ลอดช่องวัดเจษ, ไอศกรีมกะทิ และทับทิมกรอบ ทางแบรนด์ได้ทำการสำรวจมาแล้ว พบกว่าคนไทยชอบทานขนมไทย ถงแม้จะเป็นร้านอาหารฝรั่งก็ชอบทานขนมไทย จึงได้เลือกเอาขนมไทยเข้ามาในร้านนี้

ปัจจุบัน The Pizza Company มีสาขาทั้งหมด 420 สาขา ยอดขาย 8,000 ล้านบาท ในปีนี้ที่เจอกับปัจจัยหลายๆ อย่าง คาดว่าจะติดลบ 10% การเปิดโมเดลใหม่ และแบรนด์ใหม่มีการตั้งเป้าว่าปีหน้าจะกลับมาเติบโต 15% และถ้าโมเดลนี้ได้รับการตอบรับดีจะขยายต่อเน้นโซนในเมือง เพราะมองว่าลูกค้ายังต้องการอะไรใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

]]>
1368533
ถอดบทเรียนตลอด 2 ปีของ ‘เพนกวิน อีท ชาบู’ และ ‘พิซซ่า ฮัท’ กับการเอาตัวรอดในยุคที่ไม่มีอะไรแน่นอน https://positioningmag.com/1357859 Thu, 21 Oct 2021 11:19:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1357859 หากพูดถึงหนึ่งในธุรกิจที่มีการปรับตัวมากที่สุดในยุค COIVD-19 คงหนีไม่พ้น ‘ร้านอาหาร’ ที่ต้องดิ้นสู้กับการเปลี่ยนแปลงจนหาความแน่นอนไม่ได้ตลอด 2 ปี โดย Positioning ได้สรุปถึงการถอดบทเรียนของร้านอาหารตลอด 2 ปี จาก ‘Penguin eat shabu’ และแฟรนไชส์ดังอย่าง ‘Pizza Hut’ จากงานเสวนา THE FINLAB SMART BUSINESS TRANSFORMATION PROGRAMME PRESENT “เพิ่มประสบการณ์ เสริมกลยุทธ์ ช่วยองค์กรฝ่าวิกฤตโควิด-19 ในยุคดิจิทัล” ว่าที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไร เพื่อเป็นแนวทางในการอยู่รอดต่อไปในอนาคต

ขายในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ

แน่นอนว่าหากเป็นเจ้าของธุรกิจร้านชาบู แต่ในวันที่ผู้บริโภคไม่สามารถทานอาหารที่ร้านได้ การจะขายออนไลน์คงเป็นโจทย์ที่ผู้ประกอบการต้องคิดหนัก เพราะไม่ใช่ร้านที่เหมาะกับออนไลน์ โดย ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี ผู้ร่วมก่อตั้งร้าน Penguin eat shabu ยอมรับว่าต่อให้เป็นไปไม่ได้ก็ต้องทำ เพื่อหนีตาย

โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ร้านทั้งมีโปรโมชันแถมหม้อ ทั้งแตกแบรนด์ทำอาหารจานเดียว มีทั้งการขายผลไม้ แน่นอนว่า มาทดแทนการนั่งทานที่ร้านไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด แต่ก็ต้องทำ โดยปัจจุบัน หน้าร้านของ Penguin eat shabu เหลือ 6-7 สาขา จากที่ก่อน COVID-19 มี 9-10 สาขา

ดังนั้น หลังจากนี้ร้านอาหารต้องแบ่งการขายเป็น 3 ช่องทางหลัก

  • ขายหน้าร้าน คือ การทานหน้าร้าน หรือให้ลูกค้าสามารถมารับสินค้าที่หน้าร้านได้
  • ขายใกล้ คือ การขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่จะซื้อในรัศมี 5 กม.
  • สินค้าขายไกล คือ จากนี้ต้องขายข้ามจังหวัดได้ เช่น รูปแบบอาหารแห้ง อาหารแช่แข็ง แม้กำไรอาจลด แต่ได้ลูกค้าวงกว้างขึ้น

“เราควรลองมองหาสินค้าหรือเมนูแบบอื่นที่กำลังเป็นที่นิยมหรือต้องการและสามารถเดลิเวอรี่ได้ไกล หรือบางครั้งเราอาจเปลี่ยนไปขายสินค้าประเภทอื่นที่ไม่ใช่อาหารเลยก็ได้ อย่ามัวแต่ขายของแบบเดิม ๆ แล้วคาดหวังยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้องออกจากกรอบ ไม่ได้ขายในสิ่งที่เรามี แต่ขายในสิ่งที่เขาต้องการ”

ตะโกนตลอดเวลา

Penguin eat shabu เริ่มทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว โดยพยายามสื่อสารกับลูกค้าผ่านเพจมาโดยตลอด เพื่อเก็บลูกค้ากลุ่มนี้ไว้ให้อยู่กับแบรนด์ เพราะถือเป็นกลุ่มที่พร้อมจะอุดหนุนเรา และเมื่อสินค้าของแบรนด์ในอนาคตไม่ได้มีแค่ Shabu แต่มีสินค้าอื่น ๆ แปลว่าต่อไปจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่เราตะโกนตลอดเวลา การเป็นที่จดจำ จะยิ่งทำให้สินค้าอื่น ๆ นอกจากโปรดักต์หลักของเราได้รับการตอบรับ เพราะโจทย์ของการแตกไลน์สินค้า คือ จะทำยังไงให้เขามาสั่งกับเรา แม้ว่าในท้องถิ่นนั้น ๆ จะมีของขายเหมือนกัน ดังนั้น เราต้องมียูนีคเซลลิ่งพอยต์

“ทุกวันนี้ คนอยู่บนออนไลน์หมด จะทำอะไรก็ทำผ่านมือถือ ถ้าเราไม่สื่อสารกับลูกค้าตลอดเวลา สักวันเขาก็จะลืมเรา ดังนั้นการพูดคุยกับเขาทุกวันในทุกช่องทางจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้ลูกค้ายังไม่ลืมเรา”

อย่าไปคนเดียว ต้องมีพันธมิตร

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Penguin eat shabu มีการทำ Collaboration ร่วมกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ เพื่อสร้างจุดเด่น ทั้งแถมหม้อ แถมแพ็กเกจโรงแรม แถมแพ็กเกจโบท็อกซ์ และมองว่าจากนี้ Penguin eat shabu ไม่ได้โตไปคนเดียว แต่ใช้จุดแข็งของพันธมิตร ซึ่งจะยิ่งช่วยทำให้มียูนีคเซลลิ่งพอยต์ที่แข็งแรง และจากนี้ Penguin eat shabu อาจจะขยายเป็นแฟรนไชส์ จากเดิมที่ขยายด้วยกำไร

ปรับตัวไม่พอ ต้องไวด้วย

เมื่อก่อนการจะคิดแผนอะไรอาจจะใช้เวลา 1 เดือน ถึง 1 เดือนครึ่ง แต่ปัจจุบันใช้เวลาแค่หลักสัปดาห์ ลักษณะคือ คิดปุ๊บทำปั๊บ ปังก็ปัง แป้กก็เรียนรู้กับมัน ตอนนี้ปรับตัวอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องปรับให้เร็วกว่าด้วย

“เราต้องเร็วกว่าเจ้าใหญ่ และถ้าอยากเป็นที่จดจำ ต้องอย่าทำเหมือนคนอื่น ต้องกล้าเล่นท่ายาก แต่ถ้าพลาดก็ต้องไม่เจ็บตัวมาก พยายามช่างแม่ง เอาใหม่ อย่าไปยึดติด อย่าไปจมกับมัน เราจะก้าวต่อไปไม่ได้”

เปิดหน้าร้านที่ควบคุมเองได้

หากพูดว่า ชาบู เป็นธุรกิจร้านอาหารที่ไม่เหมาะทำออนไลน์ แต่ถ้าเป็น พิซซ่า ก็ถือเป็น Top of Mind สำหรับการสั่งเดลิเวอรี่ ซึ่ง Pizza Hut ก็ยอมรับว่า COVID-19 ที่ระบาดระลอกแรกถือเป็นปัจจัยบวกด้วยซ้ำ เพราะมียอดมากกว่าช่วงปกติ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่หน้าร้านเปิดได้แล้ว คำสั่งซื้อก็มีลดลงบ้าง เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น

ทั้งนี้ สิ่งที่ Pizza Hut ได้เรียนรู้ อุษณา มหากิจศิริ กรรมการ บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด กล่าวว่า บทเรียนที่ได้คือ การเลือกทำเลหน้าร้าน ที่จากนี้ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่พึ่งพาพื้นที่โดยรอบ โดยจากนี้สาขาที่จะเปิดใหม่ต้องเช็กลิสต์ 4 รายการ

  • ทานในร้านได้
  • มารับเองที่ร้านได้
  • เดลิเวอรี่ได้
  • มีอิสระในการเปิด-ปิดหน้าร้าน

แม้จะฟังว่าเป็นเรื่องสามัญที่ต้องทำได้ แต่ความจริงมันมีดีเทลกว่านั้น เช่น การเปิดร้านในห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่ร้านจะอยู่ชั้นบนสุด แต่มันเป็นปัญหาของการเดลิเวอรี่ ซึ่งในช่วง 3-5 ปีก่อน ไม่ได้คิดมาก่อน ดังนั้น ร้านใหม่ที่เปิดทั้งหมดต้องมีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ ต้องมีอิสระในการเปิดปิดร้าน เพราะ 1 ชั่วโมงที่เปิดเร็วกว่าปิดช้ากว่า นั่นหมายถึงการรับลูกค้าที่มากกว่า

สินทรัพย์ต้องโยกย้ายได้ง่าย

ในสิ้นปีนี้ มี 178 สาขา ครอบคลุม 50 จังหวัดทั่วประเทศ แต่ตลอด 3 ปี มีปิดไป 15 สาขา เพราะในแต่ละจังหวัดก็มีปัญหาการแตกต่างกันไป ถ้าตรงไหนต้องปิด ก็ต้องตัดสินใจให้เร็วเพื่อหยุดการสูญเสีย และตรงไหนที่มีโอกาสทำกำไรก็พุ่งเป้าไปตรงนั้นแทน

และสิ่งที่เราเรียนรู้จากการปิดสาขาเลยคือ “รู้งี้ไม่น่าลงทุนขนาดนี้เลย” เพราะปิดร้านแล้วเราเอาอะไรออกมาไม่ได้เลยดังนั้น เราเรียนรู้ว่าถ้าปิดร้านเราต้องขนย้ายทุกอย่างออกมาให้ได้มากที่สุดเพื่อมาตั้งตัวใหม่ ดังนั้น ต้องมีสินทรัพย์ที่โยกย้ายได้ไปใช้กับสาขาอื่นหรือเปิดใหม่ได้ นอกจากนี้ ต้องการควบคุมเม็ดเงินลงทุนแต่ละสาขาเรื่อย ๆ ตอนนี้ลดมาได้ 20% มีการลดขนาดครัว โดยเรียกโมเดลนี้ว่า Small Box

“ตอนเปิดร้าน อะไรก็สวยงามไปหมด แต่พอต้องปิด เราแทบจะอยากขนของออกมาให้หมดแม้กระทั่งสายไฟ”

อุษณา มหากิจศิริ กรรมการ บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด

สุดท้าย ธุรกิจต้องอย่าหยุดนิ่ง เพราะจากนี้สถานการณ์ไม่แน่นอน แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ทำให้คู่แข่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อก่อน Pizza Hut เคยมีจุดแข็งในการส่งเดลิเวอรี่ ตอนนี้ทุกคนทำได้ มันไม่ใช่จุดแข็งของเราอีกต่อไป หรือการตลาดทุกวันนี้ ออนไลน์สำคัญมาก เพราะสามารถเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า สามารถวัดผลได้ชัดเจนทั้งอะแวร์เนส คอนเวอร์ชั่น และเงินลงทุนก็ใช้ต่ำกว่าทีวีเยอะมาก ปัจจุบัน Pizza Hut ใช้งบ 70% กับออนไลน์ อีก 30% ใช้กับออฟไลน์

“เราเองก็ต้องเปลี่ยนตลอดเวลา และแพลตฟอร์มดิจิทัลก็ยิ่งเอื้อกับ SME มากกว่ารายใหญ่ ส่วนรายใหญ่เองก็ยิ่งมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น นี่เป็นโอกาสของ SME เครื่องมือตอนนี้ก็ถูกลง ใช้แค่ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งก็ได้ ดังนั้นอยากให้ลอง การที่กล้าออกจากคอมฟอร์ตโซน เราจะพบว่ามีช่องทางอื่น ๆ ช่วยเก็บเกี่ยวรายรับได้”

]]>
1357859
ตลาดพิซซ่า 2564 อาจติดลบกว่า 15% “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” อัดโปรฯ 1 แถม 1 ยื้อยอดขาย https://positioningmag.com/1353017 Wed, 22 Sep 2021 08:26:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353017 “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” เปิดสถานการณ์ตลาดพิซซ่าปี 2564 อาจติดลบมากกว่า 15% หลังผ่านล็อกดาวน์ยาว 2 เดือน กำลังซื้อผู้บริโภคซึม ‘คนละครึ่ง’ ดึงลูกค้าไปร้านรายย่อยแทน แม้เปิดนั่งทานในร้านได้แล้วแต่ยอดขายยังกลับมาไม่เต็มที่ ทำให้บริษัทต้องอัดโปรฯ “1 แถม 1” รอบพิเศษ ยื้อยอดขายหวังให้รายได้ไม่ตกลงไปจากปีก่อน

“พิซซ่า” เป็นอาหารที่ผู้บริโภคนิยมสั่งเดลิเวอรี่เป็นทุนเดิม แต่การสั่งปิดนั่งทานในร้านอาหารก็มีผลกระทบไม่น้อย โดย “ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ” ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดร้านพิซซ่าปี 2564 นี้คาดว่าจะติดลบมากกว่า 15% เทียบกับปีก่อนซึ่งมีมูลค่าตลาด 15,000 ล้านบาทและยังคงเติบโตได้

สาเหตุมาจากการล็อกดาวน์ปิดนั่งทานในร้านที่นานกว่าเดิม เศรษฐกิจยิ่งซบเซาลง และคนตกงานจำนวนมากจนขาดกำลังซื้อ ทำให้ร้านพิซซ่ารายย่อยทยอยปิดตัวไป ปีนี้จึงนับได้ว่าวิกฤตยิ่งกว่าปีก่อน

ส่วนเดอะ พิซซ่า คอมปะนีเอง รายได้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ติดลบไปประมาณ 10-15% หนักที่สุดในช่วงปิดห้ามนั่งทานในร้าน แม้ว่ายอดขายฝั่งเดลิเวอรี่จะเติบโตขึ้นถึง 50-60% แต่ยังชดเชยยอดขายหน้าร้านที่หายไปไม่ได้ทั้งหมด

 

เปิดนั่งทานในร้าน แต่ลูกค้ายังซบเซา

หลังจากภาครัฐอนุญาตให้นั่งทานในร้านอาหารได้ ภาณุศักดิ์ระบุว่า ลูกค้ากลับเข้าร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนีเพียง 30% เทียบกับสถานการณ์ปกติ ทำให้เฉพาะเดือนกันยายนนี้รายได้รวมยังติดลบ 3-4% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
สาเหตุคือ ถึงแม้ว่าจะเปิดศูนย์การค้าได้ เปิดร้านอาหารได้ แต่ยังมีผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่ไม่กล้ากลับเข้าร้าน รวมถึงต้องยอมรับว่าร้านพิซซ่าอาจไม่ใช่เป้าหมายแรกเมื่อลูกค้ากลับมาทานในร้านได้

“ที่ผ่านมาเราเป็นอาหารแบบที่ส่งเดลิเวอรี่ได้ดี ทำให้เมื่อเปิดห้างได้แล้ว ลูกค้ามักจะมุ่งไปทานร้านที่ส่งเดลิเวอรี่ได้ยากก่อน เช่น บุฟเฟต์ ปิ้งย่าง ไอศกรีม ยกตัวอย่างร้านอาหารในเครือไมเนอร์คือ ซิซซ์เล่อร์ และ สเวนเซ่นส์ ยอดขายกลับมาดีมากทันที” ภาณุศักดิ์กล่าว

พิซซ่าหน้า “หน้าเบคอนเบรกแตก” และ “ขอบไส้กรอกชีสยักษ์พันเบคอน” เมนูใหม่ของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี

เดอะ พิซซ่า คอมปะนีเคยให้ข้อมูลไว้ว่า ปกติยอดขายต่อบิลเมื่อทานในร้านมักจะสูงกว่าสั่งเดลิเวอรี่ประมาณ 20% ทำให้การดึงลูกค้ามาที่ร้านเป็นส่วนสำคัญ

ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายเดอะ พิซซ่า คอมปะนี แบ่งเป็นเดลิเวอรี่ 60% ซื้อกลับบ้าน 30% และทานในร้าน 10% จากช่วงก่อนเกิด COVID-19 ยอดขายจากทั้งสามส่วนนี้จะแบ่งเท่าๆ กันส่วนละ 33%

 

อัดโปรฯ 1 แถม 1 ยื้อยอดขายไม่ติดลบ

จากสถานการณ์กำลังซื้อหดตัว เดอะ พิซซ่า คอมปะนีจึงยิ่งต้องอัดโปรโมชันการตลาด โดยนำโปรฯ “1 แถม 1” ทุกหน้า ทุกขอบ ทุกสาขา ทุกวัน กลับมาเรียกลูกค้ากันใหม่ตั้งแต่วันนี้ยาวจนถึง 8 พฤศจิกายน 2564 จากปกติโปรฯ ดังกล่าวจะมีประจำเฉพาะเดือนมีนาคมของแต่ละปี ถือว่าเป็นการจัด 1 แถม 1 รอบพิเศษเฉพาะกิจ

นอกจากนี้ ยังจัดพร้อมๆ กับการออกพิซซ่าหน้าใหม่และขอบใหม่ คือ “หน้าเบคอนเบรกแตก” และ “ขอบไส้กรอกชีสยักษ์พันเบคอน” สามารถใช้โปรฯ 1 แถม 1 ได้เหมือนกัน เหมือนเป็นการอัดกิมมิกการตลาดแบบคูณสองพร้อมกัน เทหมดหน้าตักเพื่อดึงยอดขายด่วน

ภาณุศักดิ์ระบุว่า เป้าหมายรายได้ปีนี้ของเดอะ พิซซ่า คอมปะนีวางไว้ 7,000 ล้านบาท ซึ่งขอเพียงปั๊มรายได้กลับมาจน “ได้เท่ากับปีก่อน” ก็ถือว่าดีแล้ว เทียบกับสภาวะตลาดที่น่าจะติดลบดังกล่าว

 

วอนรัฐปลดล็อก ‘คนละครึ่ง’ ขยายเวลาเคอร์ฟิว

หนึ่งในปัจจัยของปีนี้ที่ทำให้รายใหญ่กระทบหนักคือโครงการ “คนละครึ่ง” ของภาครัฐ ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะรายย่อยสมัครใช้ หากเป็นร้านที่จดทะเบียนนิติบุคคลจะเข้าร่วมด้วยไม่ได้

“ช่วงที่มีคนละครึ่งคนหายเลยทันที ยอดตกเลย พฤติกรรมผู้บริโภคจะไปใช้จ่ายกับคนละครึ่งให้หมดก่อน แล้วถึงค่อยกลับมาที่ร้านเรา” ภาณุศักดิ์กล่าว “ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจึงไม่ให้นิติบุคคลร่วม ทั้งที่เราก็จ่ายภาษีเข้ารัฐจำนวนมาก บริษัทยิ่งใหญ่ก็ยิ่งเจ็บหนักนะครับ” โดยเขาอยากขอให้ภาครัฐปลดล็อกให้นิติบุคคลสามารถร่วมคนละครึ่งด้วยได้

“ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ” ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

อีกประเด็นหนึ่งที่ขอส่งเสียงถึงภาครัฐคือ “เคอร์ฟิว” ปัจจุบันยังกำหนดเวลาที่ 21.00 น. ทำให้ร้านค้าร้านอาหารมักจะปิดเวลา 20.00 น. ส่วนนี้อยากขอให้รัฐขยายเวลาไปถึงเที่ยงคืน หรืออย่างน้อย 22.00 น. เพราะจะทำให้ร้านอาหารมีเวลาจำหน่ายเพิ่ม และสอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่เลิกงานช่วงค่ำ หากต้องปิดร้าน 20.00 น. หลายคนอาจไม่สะดวกมาที่ร้าน

ภาณุศักดิ์ยังมองภาพระยะไกลหลัง COVID-19 คลี่คลายลง เชื่อว่าวิกฤตนี้จะทำให้พฤติกรรมบางอย่างของผู้บริโภคเปลี่ยนไปตลอดกาล และธุรกิจร้านอาหารรวมถึงศูนย์การค้าจะต้องปรับตัวตาม

“เชื่อว่าการนั่งทานในร้านจะไม่กลับมา 100% เท่าเดิมอีกแล้ว เพราะคนเริ่มชินกับการสั่งอาหารไปทานที่บ้านหรือที่ทำงาน คนที่จะเข้าไปนั่งทานในร้านต้องมีบางอย่างที่ดึงดูดให้อยากไปจริงๆ ดังนั้น ร้านอาหารต้องปรับวิธีใหม่ เมื่อร้านมีทั้งที่นั่งและเดลิเวอรี่ในร้านเดียว หากตั้งอยู่ในศูนย์การค้า การไปอยู่ชั้นบนๆ ของห้างจะไม่สะดวก ร้านควรจะได้อยู่ชั้นล่างสุดเพื่อเดลิเวอรี่ได้รวดเร็ว” ภาณุศักดิ์กล่าวปิดท้าย

]]>
1353017
The Pizza Company เล่นใหญ่! อัดฉีด 1 แถม 1 พ่วงลุ้นทอง หลังตลาดซบหนักกว่าโควิดรอบแรก https://positioningmag.com/1321421 Mon, 01 Mar 2021 16:31:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321421 The Pizza Company จัดแคมเปญใหญ่ในรอบปี ดึงโปรคู่บุญ 1 แถม 1 แต่ต้องเล่นใหญ่ลุ้นทอง อัดฉีดครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี หลังเจอศึกรอบด้าน ผู้บริโภคไม่เข้าร้านเพราะเราชนะ ตลาดซบหนักกระทบจาก COVID-19 หนักกว่ารอบแรก ต้องกระตุ้นหนักกว่าเดิม วอนภาครัฐรักลูกให้เท่ากัน เยียวยาทุกฝ่าย

1 แถม 1 ไม่พอ ต้องแจกทอง!

ที่ผ่านมาวงการร้านอาหารมีการอัดโปรโมชันไม่ว่าจะลดแลกแจกแถม หรือโปรร่วมกับฟู้ดเดลิเวอรี่ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น แต่ตอนนี้ร้านอาหารต้องมาถึงจุดที่ต้องกระตุ้นตลาดด้วยการอัดโปรโมชันลุ้นทองกันแล้ว! เพราะแค่โปรลดราคาไม่เพียงพออีกต่อไป

เป็นประจำทุกปีที่ The Pizza Company จะจัดโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 เป็นโปรคู่บุญที่จัดทุกเดือนมีนาคม จัดติดต่อกันเป็นปีที่ 20 แล้ว เนื่องจากเป็นเดือนเกิดของแบรนด์นั่นเอง

ในปีที่แล้วเป็นช่วงล็อกดาวน์ของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้คนอยู่บ้านกันเยอะขึ้น โปร 1 แถม 1 จึงเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน จากปกติที่โปรโมชันจะมีแค่เดือนมีนาคมเท่านั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายของลูกค้า

แต่ในปีนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของ COVID-19 จะยังไม่คลี่คลาย แถมยังดูแย่กว่าการแพร่ระบาดรอบแรกในปีที่แล้วอีกด้วยซ้ำ แม้ห้างจะไม่ปิด ไม่มีการล็อกดาวน์ แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคหาย บางคนไม่มีเงินแล้ว หรือไม่มีงาน ทำให้การขายยิ่งยากกว่าเดิม

โจทย์ของ The Pizza Company ในปีนี้แค่อัดโปรโมชัน 1 แถม 1 คงไม่พอแล้ว ต้องเล่นใหญ่ยิ่งกว่าเดิม ในปีนี้เลยพ่วงแจกทองเข้ามา หวังกระตุ้นกำลังซื้อให้มากขึ้น เลยเอาทองเข้ามาดึงดูด เพราะเป็นไอเท็มที่คนไทยชอบ สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เล่าว่า

“การแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่นี้ ทำให้ตลาดซึมกว่าที่คิด ก่อนที่จะมีแคมเปญแจกทองได้คิดว่าจะมีกิจกรรมอื่นๆ มีการคิดเยอะแยะ แต่เราเห็นว่าตลาดซึมมาก มีสัญญาณตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ห้างฯ ใหญ่ๆ ยอดขายตกหมด เลยมาพลิกเกมใหม่ ได้คุยกับลูกค้าต่างจังหวัด พบว่าลูกค้าอยากได้เงิน แต่เราแจกเงินไม่ได้ เพราะไม่ได้รวยเหมือนรัฐบาล เลยทำเป็นแจกทอง เป็นอีกอย่างที่คนไทยอยากได้ เพราะเปลี่ยนเป็นเงินได้ เป็นการฉลอง 20 ปีไปในตัวด้วย”

แคมเปญใช้ชื่อว่า 1 แถม 1 พลัส ด้วยการแจกทองคำแท่ง หนักรวม 200 บาท มูลค่า 5 ล้านบาท ซื้อพิซซ่า 1 แถม 1 หน้าอะไรก็ได้ ราคา 239 บาทขึ้นไป ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับทองได้ทุกสาขาทั่วประเทศ แจกทุกสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ – 15 เมษายน 2564

การแจกทองครั้งนี้เรียกว่าเป็นแคมเปญครั้งใหญ่ที่สุด ทางแบรนด์เคยจัดชิงโชครถมอเตอร์ไซค์ 20 คันมาแล้วในปีก่อน แต่ไม่ค่อยถูกใจผู้บริโภคเท่าไหร่ เพราะเปลี่ยนเป็นเงินยาก มองว่าแจกทองจึงถูกใจคนไทยมากที่สุด

“เราชนะ” พ่นพิษ ทำคนไม่เข้าร้าน

คนละครึ่ง เราชนะ COVID-19 โรงเรียนไม่ปิดเทอม… ล้วนเป็นส่วนผสมทำให้ The Pizza Company ต้องกุมขมับอย่างหนักในตอนนี้

ภาณุศักดิ์ เสริมว่า นอกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 พบว่าหลังจากมีมาตรการเยียวยาของทางรัฐบาลต่างๆ ได้สร้างผลกระทบอย่างหนัก ไม่ว่าจะ คนละครึ่ง เราชนะ ที่จะให้เงินเยียวยาผ่านทางแอปพลิเคชัน เพื่อใช้จ่ายตามร้านเล็กๆ ในชุมชน แต่ไม่สามารถใช้จ่ายตามร้านในศูนย์การค้าได้

“หลังจากมีไทยชนะทำให้คนเข้าห้างฯ น้อยลง ผู้บริโภคเอาเงินเยียวยาไปซื้อร้านข้างนอกหมด แต่ธุรกิจเล็กใหญ่ก็เจ็บตัวเหมือนกัน วอนให้รัฐช่วยเหลือกันด้วย คนที่มีกิจการใหญ่ก็เจ็บมาก คนมีกิจการน้อยก็เจ็บน้อย แต่พอมีมาตรการช่วยบางคน ไม่ช่วยบางคน”

เหมือนรัฐบาลรักลูกไม่เท่ากัน อย่างน้อยต้องให้ทุกบริษัทเข้าร่วมมาตรการ ให้โอกาสคนมาใช้เงินกับเราบ้าง ให้เราได้ใช้บ้าง

นอกจากไทยชนะแล้ว ร้านอาหารยังต้องเจอกับปัญหาใหญ่ก็คือ “โรงเรียนยังไม่ปิดเทอม” หลายๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะศูนย์การค้า ร้านอาหาร ล้วนเฟื้องฟูในช่วงปิดเทอมอย่างมาก เพราะเป็นช่วงที่ผู้ปกครองพาเด็กๆ มาเที่ยวเล่นในห้างฯ มาจับจ่ายใช้สอย

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ที่เพิ่งมีการเปิดเรียนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ยังไม่ทราบเลยว่าจะมีการปิดเทอมหรือไม่ การเข้าห้างฯ ก็ยิ่งลดลง แถมเลยเทศกาลปาร์ตี้ จัดเลี้ยงไปแล้วด้วย ทำให้การขายเหนื่อยหนักเป็น 2 เท่า

ปรับแผนกันรายอาทิตย์!

จากแผนการตลาดที่มีการวางเป็นรายปี ก็เริ่มขยับปรับเปลี่ยนทุกไตรมาส ทุกเดือน จนตอนนี้ต้องมีการประเมินสถานการณ์ ปรับเปลี่ยนทุกสัปดาห์เลยทีเดียว

“ตอนนี้การทำงานต้องคุยกันอาทิตย์ต่ออาทิตย์ ตอนแรกเตรียมแผนเปิดสินค้าที่เน้นการทานในร้านก็ต้องหยุด เพราะไม่มีคนมาทาน นิวยอร์ก พิซซ่าต้องปรับให้มีไซส์ 15 นิ้วเพื่อให้ส่งบ้านได้ ต้องมีการปรับแผนกันหมด แต่ยังดีที่พิซซ่าเป็นสินค้าที่เหมาะสั่งทานที่บ้าน” 

Photo : Shutterstock

สำหรับเดือนมีนาคมปีที่แล้วที่มีโปร 1 แถม 1 สามารถสร้างยอดขาย 1,000 ล้านบาท โตกว่าปีก่อนๆ 10% เป้าหมายของปีนี้ ภาณุศักดิ์บอกว่า อยากได้ยอดขายเท่าปีที่แล้ว หรืออยู่ที่ 800-1,000 ล้านบาท ไม่หวังให้เติบโตมากกว่าเดิม เป็นการหวังสูงไป เพราะปีที่แล้วมีปิดเทอม มีการล็อกดาวน์ที่ชัดเจน แต่ปีนี้ยังไม่รู้ว่าจะปิดเทอมเมื่อไหร่ กำหนดอนาคตยาก

“แต่ก่อนถ้ามีโปรแบบนี้จะสบายใจแล้ว คนพร้อมจะกินได้ทุกเมื่อ เดี๋ยวเงินก็เข้า แต่ตอนนี้เราไม่รู้เงินในกระเป๋าลูกค้าว่ามีมากน้อยแค่ไหนแล้ว” 

สำหรับปีนี้ยังมีแผนที่จะขยายอีก 4-5 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างจังหวัด ทำให้ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งหมด 417 สาขา เป็นสาขาแฟรนไชส์ 50%

]]>
1321421
เปิดอินไซต์ “นิวยอร์ก พิซซ่า XXXL” โปรดักส์ฮีโร่ พา The Pizza Company ฝ่ามรสุม https://positioningmag.com/1315992 Sun, 24 Jan 2021 15:58:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1315992 ช่วงวิกฤต COVID-19 ธุรกิจร้านอาหารต่างได้รับผลกระทบ หากใครที่ปรับตัวไม่ทันก็อาจจะเสียลูกค้า หรือซึมยาวไปเลยก็ได้ แต่ The Pizza Company สวมวิญญาณนักสู้ ดีไซน์เมนูพิซซ่าไซส์ยักษ์ใหญ่ 18 นิ้ว เพื่อดึงทราฟิกให้ลูกค้ากลับมากินที่ร้านให้ได้ กลายเป็นเมนูกู้วิกฤตไปเลยทีเดียว

ต้องทำอะไรใหม่ เพื่อดึงลูกค้าเข้าร้าน

จากที่ประเทศไทยได้เจอกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทางรัฐบาลได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการระบาดของโรค ส่งผลกระทบให้ร้านอาหาร และธุรกิจต่างๆ ต้องหยุดชะงัก แต่เมื่อหลังจากการคลายล็อกดาวน์ร้านอาหารก็ยังไม่สามารถกลับมาได้เต็ม 100% เพราะผู้บริโภคยังไม่กล้าออกมาเดินห้างฯ เท่าไหร่นัก

กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้ The Pizza Company ต้องแก้เกมเพื่อที่จะดึงลูกค้าให้กลับมาทานที่ร้านให้ได้ แต่จากการทำผลสำรวจก็พบว่า การที่ออกพิซซ่าหน้าใหม่ๆ ก็ไม่ได้กระตุ้นเท่าที่ควร เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ทำมาตลอด หรือจะแค่ออกโปร 1 แถม 1 อย่างเดียวก็ไม่ได้แล้ว เพราะตอนนั้นก็ออกโปร 1 แถม 1 ยาว ถึง 2 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เดือนเมษายน เรียกว่าอัดโปรแรงที่สุด จึงต้องหานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เรียกเสียงว้าว

พิซซ่ายักษ์ 18 นิ้วสไตล์นิวยอร์ก เทียบกับพิซซ่าถาดกลางของ The Pizza Company

ผลจึงออกมาเป็นเมนูใหม่ “นิวยอร์ก พิซซ่า” ได้เริ่มวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 เป็นท่าไม้ตายที่จะดึงทราฟฟิกกลับเข้าร้านโดยเฉพาะ เพราะเมนูนี้มีการเล่นกิมมิกที่ว่า เป็นพิซซ่าไซส์ใหญ่จนใส่ถุงไม่ได้ จึงไม่มีบริการเดลิเวอรี่

นิวยอร์ก พิซซ่าจะเป็นพิซซ่าไซส์ยักษ์ใหญ่ขนาด 18 นิ้ว ใหญ่กว่าพิซซ่าถาดกลาง 2 เท่า มีแป้งบางกรอบสไตล์นิวยอร์ก มีการพัฒนาสูตรแป้งใหม่เป็นแบบโฮมเมด

ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เคยเล่าให้ฟังถึงตอนที่จำหน่ายเมนูนี้แรกๆ ว่า

จริงๆ ได้เตรียมพัฒนาสูตรพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กนี้มากว่า 1 ปีแล้ว เดิมตั้งใจจะเก็บไว้ออกจำหน่ายปี 2564 เพื่อรอโมเมนตัมตลาดกลับมาคึกคักก่อน แต่สถานการณ์ลูกค้าในร้านเงียบเหงาแบบนี้ ทำให้ต้องหาทางแก้โจทย์ และยอมเสี่ยงนำเมนูใหม่ออกมาจำหน่ายเลย

โดยที่เบื้องหลังของเมนูนี้ ก็เพื่อต้องการสร้างทราฟฟิกลูกค้ากลับมาทานที่ร้านนั่นเอง เพราะจากการทำผลสำรวจ การออกพิซซ่าหน้าใหม่ๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก

หลังจากที่เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมก็ได้รับผลตอบรับดี เพียงแค่ 14 วัน นิวยอร์ก พิซซ่าสามารถโกยยอดขายได้เกือบ 100 ล้านบาท หรือมียอดจำหน่าย 200,000 ถาด สร้างการเติบโตให้แบรนด์ถึง 70%

ไฮบริดแป้ง “บางนุ่ม”

อีกหนึ่งอินไซต์สำคัญของเมนูนิวยอร์ก พิซซ่า นั่นคือการปรับตามความต้องการของผู้บริโภค จากผลสำรวจพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่ทานพิซซ่าจะชอบทาน “แป้งหนานุ่ม” ถึง 90% โดยที่จะทาน “แป้งบางกรอบ” แค่ 10% เท่านั้น แต่ในยุคนี้จะมีลูกค้าบางคนรู้กสึกว่าทานแป้งหนานุ่มแล้วรู้สึกผิดบ้าง กลัวอ้วนบ้าง เลยหันมาทานแป้งบางกรอบ

ทาง The Pizza Company จึงคิดค้นแป้งสูตรใหม่ให้อยู่ตรงกลางเป็น “แป้งบางนุ่ม” โดยมีการเพิ่มบางบางชนิดเข้าไปให้มีเนื้อสัมผัสเป็นแป้งโฮมเมดสไตล์อิตาเลี่ยนมากขึ้น เพราะด้วยเทรนด์ในปัจจุบันหลายคนชอบเรื่องออแกนิก พิซซ่าโฮมเมด จึงออกมาเป็นนิวยอร์ก พิซซ่า

เปิดไซส์ XXL 15 นิ้ว เดลิเวอรี่ได้

แรกเริ่มที่จำหน่ายเมนูนี้ได้มีแค่ไซส์ XXXL ขนาด 18 นิ้วเท่านั้น และไม่มีบริการส่งเดลิเวอรี่ เพราะไม่มีถุงไซส์ใหญ่พอที่จะใส่กล่องใหญ่ มีราคาเปิดตัวที่ 399 บาท/ถาด

เมื่อได้รับผลตอบรับดี เมื่อต้นเดือนมกราคม The Pizza Company จึงเปิดแคมเปญใหม่ พร้อมกับออกนิวยอร์ก พิซซ่าไซส์ XXL ขนาด 15 นิ้ว เพื่อรองรับบริการส่งเดลิเวอรี่ได้ ราคาเริ่มต้น 379 บาท

ครั้งนี้ได้เพิ่ม 4 หน้าใหม่ เพิ่มความเป็นพิซซ่าโฮมเมดมากขึ้น ได้แก่ มาการิต้า, คาโบนาร่า, พาร์ม่าแฮม และซีฟู้ด มาเนีย โดยพิซซ่าหน้า “ดับเบิ้ลเป๊ปเปอโรนี” จะขายดีที่สุดในตระกูลนี้

โดยที่ทางแบรนด์มีการตั้งเป้าว่านิวยอร์ก พิซซ่าจะสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ตลอดช่วง 4 เดือนนี้

มีแบรนด์แอมบาสเดอร์ สร้างซับแบรนด์ รีเฟรชให้เด็กลง

ด้วยความที่แบรนด์ The Pizza Company มีอายุได้ 20 ปีแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ดูไม่เด็ก และก็ไม่ได้แก่มาก แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มลูกค้าก็มีการเติบโตขึ้นทุกวัน ทำให้แบรนด์ต้องมีการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ใหม่อยู่ตลอดเวลา

ในปีนี้จึงเปิดตัว “ไอซ์ – พาริส อินทรโกมาลย์สุต” แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกสำหรับนิวยอร์ก พิซซ่า และถือว่าเป็นการใช้กลยุทธ์นี้อีกครั้งในรอบ 10 ปี หลังจากที่เคยใช้ “โน้ต อุดม แต้พานิช” เป็นพรีเซ็นเตอร์

เหตุผลที่เลือก “ไอซ์ พาริส” นั้น เพราะด้วยความที่ไอซ์เป็นนักแสดง และนักร้องภายใต้ค่าย “นาดาวบางกอก” เป็นค่ายขวัญใจวัยรุ่น มีแฟนคลับ และผลงานมากมาย อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์เป็นเด็กลูกครึ่ง คนรุ่นใหม่ สนุกสนาน สะท้อนความเป็นนิวยอร์กเกอร์ของนิวยอร์ก พิซซ่าได้

นอกจากการมีแบรนด์แอมบาสเดอร์แล้ว The Pizza Company ยังได้หมายมั่นปั้นมือให้นิวยอร์ก พิซซ่าเป็นซับแบรนด์เลยด้วย เพื่อเป็นแบรนด์ที่ทำตลาดเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ตั้งเป้าที่จะให้นิวยอร์ก พิซซ่าสร้างรายได้ในสัดส่วน 20-25% ของรายได้ทั้งหมดของแบรนด์

ต้องมีแผนสำรอง เป็นปลาวาฬที่ว่ายเร็ว 

ภาณุศักดิ์ บอกว่า ปี 2563 เป็นปีนี้ที่หนักสุด ทั้งในเรื่องของการทำงาน และเรื่องธุรกิจ แต่ยอดขายก็ยังเติบโตได้ แต่ต้องมีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด และต้องเป็นปลาวาฬที่วายเร็ว เป็นแบรนด์ใหญ่ที่คิดเร็วทำเร็ว จะช้าไม่ได้

“ในช่วงคลายล็อกก็รีบออกเมนูนิวยอร์ก พิซซ่าเพื่อกระตุ้นการเข้าร้าน จากแต่ก่อนเวลาจะออกสินค้าแต่ละครั้งต้องใช้ 4 เดือนในการทดลองสินค้า แต่ตอนนี้ใช้เวลาไม่ถึงเดือนเท่านั้น หรือเจอกระแสสังคมต่างๆ ก็สามารถเอามาเล่นได้ อย่างคนละครึ่งก็มีมาจัดโปรโมชัน”

ปกติแล้ว The Pizza Company จะมีเมนูใหม่อยู่ตลอด แต่ละเมนูจะมีระยะเวลาเฉลี่ย 3 เดือน แต่ตอนนี้อยู่เพียงแค่ 4-6 สัปดาห์เท่านั้น เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ต้องมีเมนูใหม่มากระตุ้นตลอด โดยที่ในปี 2564 ได้เตรียมเมนูใหม่ 15 รายการ จากปี 2563 มี 9 รายการ แต่สามารถยืดหยุ่นได้ ถ้าเมนูไหนดูแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็สามารถเปลี่ยน หรือแทรกใหม่ได้ทันที

ปัจจุบัน The Pizza Company มีทั้งหมด 426 สาขา แบ่งเป็น 2 โมเดล ได้แก่ Full Service มีพื้นที่นั่งทานในร้าน 50% และ Self Service ซื้อกลับบ้าน 50% ในปี 2563 มีการขยายสาขา 10-12 สาขา ปิด 6-7 สาขา ในปี 2564 มีการชะลอการเปิดสาขาใหม่ ดูสถานการณ์ก่อน และมีการมองโมเดลใหม่ๆ

โดยการทานที่ร้านจะมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 700 บาท จะสูงกว่าบริการเดลิเวอรี่ 20-25% ที่มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 500 บาท ซึ่งแบรนด์ The Pizza Company เป็นแบรนด์ใหญ่ มีสัดส่วนรายได้ถึง 40% ของไมเนอร์ ฟู้ด

3 หน้าพิซซ่าที่ขายดีที่สุด ได้แก่ ฮาวายเอี้ยน, ซีฟู้ด ค็อกเทล และซูเปอร์เดอลุกซ์ ส่วนใหญ่สั่งถาดกลาง เลือกแป้งหนานุ่ม

]]>
1315992
Pizza Express เชนร้านอาหารดังในอังกฤษ สั่งปิด 67 สาขา ปลดพนักงาน 1,100 คน เพื่อพยุงธุรกิจ https://positioningmag.com/1291238 Wed, 05 Aug 2020 11:11:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291238 เชนร้านอาหารชื่อดังเเห่งเกาะอังกฤษ  Pizza Express ประกาศจะปิดสาขาลงกว่า 67 เเห่งเเละปลดพนักงานอย่างน้อย 1,100 คน เพื่อต่อสู้กับความท้าทายที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน จากการเเพร่ระบาดหนักของ COVID-19

Pizza Express ถือหุ้นใหญ่โดย Hony Capital บริษัทจากประเทศจีน นับเป็นหนึ่งในเเบรนด์พิซซ่าที่ได้รับความนิยมในสหราชอาณาจักร มีการขยายสาขา 600 เเห่งทั่วโลก ในจำนวนนี้กว่า 449 เเห่งอยู่ในอังกฤษ

โดยการปลดพนักงานและปิดสาขาครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในแผนการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรับมือกับผลกระทบทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโรคระบาด

บริษัทตัดสินใจลดขนาดธุรกิจร้านอาหารในสหราชอาณาจักรลง 15% เพื่อปกป้องพนักงานในประเทศ 9,000 คน” Zoe Bowley เอ็มดีของ Pizza Express ระบุในเเถลงการณ์

ความเคลื่อนไหวนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอังกฤษเปิดตัวเเคมเปญ Eat Out to Help Out หวังกระตุ้นให้ผู้คนออกมาทานอาหารนอกบ้าน โดยมีเชนฟาสต์ฟู้ดหลายรายเข้าร่วมอย่าง Pizza Express, Costa Coffee เเละ McDonald’s

โดยรัฐบาลอังกฤษจะมอบส่วนลด 50% ให้กับเหล่านักชิมในทุกวันจันทร์ถึงพุธตลอดเดือนสิงหาคม สามารถใช้ได้ไม่จำกัดมื้อผ่านร้านอาหารกว่า 72,000 แห่ง โดยไม่มีขั้นต่ำ แต่มีข้อแม้ว่าส่วนลดจะจำกัดที่ไม่เกิน 10 ปอนด์ต่อคน หรือราว 410 บาท ไม่สามารถใช้ได้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่สามารถใช้สำหรับซื้อกลับบ้านได้ โดยนักชิมสามารถใช้ส่วนลดได้บ่อยเท่าที่ต้องการในวันที่มีสิทธิ์ และสามารถใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้คูปองหรือโค้ดใด ๆ เพราะร้านจะหัก 50% จากบิลและเรียกเก็บส่วนลดจากรัฐบาลเอง

อ่านเพิ่มเติม :  อังกฤษออกแคมเปญ ‘Eat out to help out’ ให้ส่วนลดค่าอาหาร 50% ตลอดเดือนส.. หวังกระตุ้นทานอาหารนอกบ้าน

สำหรับ Pizza Express เป็นธุรกิจร้านอาหารขนาดใหญ่รายล่าสุดในอังกฤษที่ประกาศปลดพนักงาน จากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤต COVID-19 บริษัทต้องเเบกรับภาวะหนี้ก้อนโต จนต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรมาตั้งเเต่ปีที่เเล้ว เเละเมื่อเกิดโรคระบาดที่กระทบต่อธุรกิจร้านอาหารโดยตรง ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เเย่ลงไปอีก

ขณะเดียวกันอังกฤษ เป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในอัตราสูง รัฐบาลจึงต้องสั่งปิดร้านอาหารทุกประเภท เมื่อวันที่ 23 มี.. ที่ผ่านมา ก่อนจะเริ่มคลายล็อกดาวน์เเละอนุญาตให้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว

ตอนนี้ Pizza Express กลับมาเปิดให้บริการได้เเล้วใน 166 สาขา โดยบริษัทยืนยันว่าจะยังคงออกโปรโมชั่นเเละเเคมเปญใหม่ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาอีกครั้ง เเละเเน่นอนว่าจะยังคงทยอยกลับมาเปิดสาขา (ที่ยังปิดอยู่) ต่อไปให้ได้

 

ที่มา : BBC , AFP

]]>
1291238
จับโต๊ะในกล่องพิซซ่ามาเป็นโต๊ะของจริง! แคมเปญสุดเก๋จาก IKEA x Pizza Hut ฮ่องกง https://positioningmag.com/1268054 Thu, 12 Mar 2020 10:24:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1268054 ใครที่เคยสั่งพิซซ่าเดลิเวอรี่คงคุ้นเคยกันดีกับ “โต๊ะ” สีขาวตัวจิ๋วตรงกลางถาดพิซซ่า และวันนี้เจ้าโต๊ะตัวนั้นได้ขยายร่างมาเป็นโต๊ะขนาดเท่าของจริง ผ่านแคมเปญการตลาดที่ร่วมมือกันระหว่าง IKEA กับ Pizza Hut ฮ่องกง

แคมเปญการตลาดโดย Ogilvy ฮ่องกง ดึงเอาสองแบรนด์ใหญ่คือ IKEA และ Pizza Hut มาร่วมมือกันผลิตเฟอร์นิเจอร์โต๊ะกลมสีขาว 3 ขา แบบเดียวกับโต๊ะในกล่องพิซซ่าเดลิเวอรี่ พร้อมแปะโลโก้แบรนด์ Pizza Hut ไว้บนโต๊ะ โดยใช้ชื่อสินค้าว่า Säva และมีวางขายจริงในร้านเฟอร์นิเจอร์ IKEA ฮ่องกง

โต๊ะพิซซ่านี้ออกแบบขนาดที่ใช้จริงโดยการวัดไซซ์ให้สามารถวางกล่องพิซซ่าของ Pizza Hut ได้พอดี และเมื่อแยกชิ้นส่วนโต๊ะตัวนี้ใส่ในกล่อง ยังออกแบบให้กล่องใส่ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ของ IKEA หน้าตาเหมือนกล่องพิซซ่าอีกด้วย

ไอเดียการ collab ของสองแบรนด์เริ่มด้วยการยิงทีเซอร์จากเพจเฟซบุ๊กของ Pizza Hut ลงโพสต์ภาพพนักงานเดลิเวอรี่ของ Pizza Hut ที่ไปแอบหลับในโชว์รูม IKEA โดยไม่ใส่แคปชั่นอะไรเลย แต่มียอดแชร์ไปกว่า 1,500 ครั้ง จากนั้นจึงมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ร่วมกัน

พิซซ่าหน้าสวีดิชมีตบอลจาก Pizza Hut x IKEA

นอกจากจะมีโต๊ะพิซซ่าแล้ว ทาง Pizza Hut ยังสร้างสรรค์สินค้าของตนเองให้เข้ากับ IKEA ด้วยเช่นกัน โดยออก พิซซ่าหน้าสวีดิชมีตบอล อาหารประจำชาติสวีเดนต้นกำเนิดแบรนด์ IKEA นั่นเอง

“แคมเปญนี้เป็นการแสดงความขี้เล่นของ Pizza Hut ออกมา และทำให้อัตลักษณ์ของเราไปไกลกว่าในครัวสู่การ collab กับแบรนด์ใหม่ที่น่าสนใจ” Wendy Leung ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Pizza Hut ฮ่องกง กล่าว

Source

]]>
1268054
Domino’s Pizza เตรียมให้บริการส่งพิซซ่าด้วย “รถไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ” เปิดประตูรถง่ายๆ ด้วย PIN https://positioningmag.com/1235073 Tue, 18 Jun 2019 04:04:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1235073 การส่งพิซซ่าด้วยคนอาจดูเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เมื่อ Domino’s Pizza เตรียมให้บริการส่งพิซซ่าด้วย “รถไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ” ล้ำกว่าคนอื่นไปอีก

โดย Domino’s ได้ร่วมมือกับ Nuro โดยใช้ R2 รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นที่สองในการส่งสินค้า วิธีการคือเมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากแอปหรือเว็บไซต์ จะมีตัวเลือกนี้ขึ้นหลังจากนั้นลูกค้าจะได้รับ PIN เพื่อปลดล็อกประตูและรับพิซซ่าไปกินได้ทันที

บริการรูปแบบใหม่จะเริ่มเปิดในช่วงปลายปีที่ เมืองฮูสตัน เมืองขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัส และมีขนาดใหญ่อันดับสี่ของสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในปี 2017 Domino’s เองก็ได้ร่วมมือกับ Ford ในการทดสอบการส่งพิซซ่าด้วยรถขับเคลื่อนตัวเองเช่นเดียวกัน

สำหรับ Nuro ก่อตั้งขึ้นโดย Dave Ferguson และ Jiajun Zhu ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในโครงการรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองของ Google (ซึ่งต่อมากลายเป็น Waymo) ก่อนจะแยกออกมาตั้งบริษัทเอง ปัจจุบันมีทีมวิศวกรล้วนมีประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องจากทั้ง Waymo, Apple, Uber, GM และ Tesla เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Nuro เพิ่งได้รับเงินการลงทุนเกือบ 1 พันล้านเหรียญจาก SoftBank.

Source 

]]>
1235073