ยุคเทคโนโลยี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 16 Apr 2024 11:52:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 การมาของ AI จะแบ่งพนักงานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ “คนที่ทำงานได้ดีขึ้น” กับ “คนที่ตกงาน” https://positioningmag.com/1470173 Tue, 16 Apr 2024 11:52:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470173 รายงานวิจัยจากสหรัฐฯ คาดว่า “AI” จะกระทบพนักงานแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ “คนที่ทำงานได้ดีขึ้น” กับ “คนที่ตกงาน” โดยจะมี 20% ของพนักงานที่เสี่ยงตกงานในอนาคต และกลุ่มพนักงานรายได้ต่ำจะเสี่ยงมากที่สุด

ยังไม่มีอะไรที่แน่นอนนักเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยี AI แต่มี 3 อย่างที่ชัดเจนขึ้นแล้วในขณะนี้คือ 1) AI จะมากระทบหรือเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงานนับล้านตำแหน่งในไม่กี่ปีข้างหน้า 2) AI น่าจะทำให้พนักงานบางส่วนทำงานได้ดีขึ้น และ 3) AI น่าจะมาทดแทนตำแหน่งงานบางตำแหน่งได้

แต่สุดยอดคำถามของเรื่องนี้คือ ‘จะมีพนักงานมากเท่าไหร่ และอาชีพไหน ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบมากที่สุดจาก AI ?’

สภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งทำเนียบขาว มีการออกรายงานวิจัยชิ้นหนึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า 20% ของพนักงานอเมริกันขณะนี้ อยู่ในตำแหน่งงานที่มี “ความเสี่ยงสูง” ที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากเทคโนโลยี AI

คนกลุ่ม 20% นี้ไม่ได้จะถูกทดแทนด้วย AI โดยสิ้นเชิง แต่อาจจะถูกทดแทนได้เป็นบางส่วนในเนื้องานที่ทำ ซึ่งจะทำให้คนกลุ่มนี้ ‘เสี่ยง’ มากกว่าอาชีพอื่นๆ

รายงานชิ้นนี้สรุปไฮไลต์ไว้ว่า การมาของ AI จะเป็นข่าวดีของพนักงานบางกลุ่มและข่าวร้ายของอีกกลุ่ม เพราะการใช้ AI จะทำให้พนักงานกลุ่มหนึ่งมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ไม่ต้องใช้เวลามากกับงานที่น่าเบื่อ ได้รายได้สูงกว่าเดิม และอาจจะได้ทำงานน้อยลงเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์ ขณะที่พนักงานอีกกลุ่มอาจจะต้องแข่งขันสูงขึ้น ถูกกดค่าแรงลง หรือเลวร้ายที่สุดคือใช้ AI ทำแทนพวกเขาได้เลย

 

งานที่ได้เงินเดือนต่ำมีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะถูก AI ทดแทน

รายงานนี้ไม่ได้ชี้ชัดลงไปว่าอาชีพไหนหรืออุตสาหกรรมไหนที่จะถูก AI มากระทบในทางลบมากที่สุด

แต่ทางสภาฯ ระบุเลยว่า พนักงานที่เสี่ยงที่สุดที่จะถูก AI ทดแทน ประกอบด้วย 2 ดัชนีชี้วัด คือ 1) เป็นอาชีพที่ AI สามารถทำแทนได้มาก 2) เนื้องานไม่ต้องการศักยภาพการทำงานที่สูงมากนักเนื่องจากเนื้องานไม่ยากหรือซับซ้อนเท่าไหร่ ทำให้ถูกทำเป็นระบบอัตโนมัติได้

สภาฯ พบว่ามี 10% ของพนักงานอเมริกันที่ตรงกับดัชนีชี้วัดทั้งสองข้อ และคนกลุ่มนี้มักจะเป็นพนักงานรายได้ต่ำและมีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าชั้นปริญญาตรี

นั่นหมายความว่า AI จะเข้ามาทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นไปอีก เพราะจะมาทดแทนแรงงานในกลุ่มรายได้ต่ำ แต่กลับทำให้งานที่ได้รายได้สูงยิ่งได้เงินเดือนเพิ่มสูงขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม รายงานนี้ยังชี้ด้วยว่า บางครั้ง AI อาจจะมาแทนที่อาชีพหนึ่งได้ แต่อาจจะเกิดเป็นอาชีพใหม่ขึ้นมาด้วย เช่น หากวันหนึ่ง “รถโรงเรียน” สามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติได้เอง จนไม่ต้องมีอาชีพ “คนขับรถโรงเรียน” แต่ในเหตุการณ์จริงโรงเรียนและสังคมย่อมต้องการบุคลากรที่เป็นผู้ใหญ่ทำหน้าที่ “คนดูแลบนรถ” คอยกำกับดูแลนักเรียนอยู่ดี ซึ่งก็เป็นไปได้ที่โรงเรียนจะยังจ้างคนขับรถต่อไปเพียงแต่ต้องเปลี่ยนไปทำหน้าที่แบบอื่น

 

การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจมักจะ ‘ช่วย’ คนหนึ่งแต่ ‘ทำร้าย’ อีกคน

AI ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งแรกในเชิงเศรษฐกิจ หากย้อนกลับไปเมื่อทศวรรษ 1980s ในช่วงที่ประเทศจีนเริ่มขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญในการค้าโลก นักเศรษฐศาสตร์บางคนเชื่อว่า การล้นทะลักเข้ามาของสินค้าจีนต้นทุนต่ำจะเป็นคุณแก่สหรัฐฯ แม้ว่าภาคการผลิตท้องถิ่นของสหรัฐฯ เองต้องพ่ายแพ้ไป

“คนที่เสียอาชีพการงานไปเพราะสินค้าจีนเข้ามาทุบตลาดย่อมเกิดอาการช็อก แต่คนอื่นๆ จะได้สินค้าราคาถูกจาก Walmart หรือ Target หรือห้างอื่นๆ” Angus Deaton นักเศรษฐศาสตร์ผู้ชนะรางวัล Nobel Memorial Prize กล่าวกับ Business Insider “และทฤษฎียังบอกด้วยว่า คุณค่าที่เราได้รับมากกว่าสิ่งที่เราสูญเสียไป”

อย่างไรก็ตาม Deaton เองก็เริ่มไม่ค่อยแน่ใจมากขึ้นๆ ว่าการแลกในครั้งนั้นยังถือว่าคุ้มค่าหรือไม่ ดังนั้น การมาของ AI นั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นคุณและคุ้มค่ากับชาวอเมริกันหรือเปล่า

Source

]]>
1470173
ผ่า 10 เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค ปี 2561 ยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนมนุษย์ ! https://positioningmag.com/1152920 Mon, 08 Jan 2018 06:37:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1152920 เทคโนโลยีควบคุมด้วยเสียง – หูฟังจะถูกใช้งานทุกวันตลอด 24 ชม. แม้ขณะนอนหลับ – ยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะทำให้โฆษณาดูเหมือนผลิตภัณฑ์จริงจนแยกไม่ออก

อีริคสัน ผู้ผลิตเทคโนโลยีการสื่อสาร นำเสนอรายงานประจำปีฉบับที่ 7 เกี่ยวกับ 10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2561 และในอนาคต

10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค ปี 2561 และในอนาคต

1. ร่างกายของเราคือส่วนต่อประสาน

ผู้ใช้งานปัจจุบันมากกว่าครึ่งที่ใช้อุปกรณ์สั่งงานด้วยเสียงมีความเชื่อว่าเราจะใช้ท่าทาง การแสดงออกทางสีหน้า การออกเสียงสูงต่ำ และการสัมผัส ในการทำปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ราวกับเพื่อนมนุษย์ ผู้ใช้งานจำนวน ใน ส่วนคิดว่าแนวโน้มเช่นนี้จะเกิดขึ้นภายในอีก ปีข้างหน้า

2. เสียงที่ได้ยิน

63 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคอยากได้หูฟังที่ช่วยแปลภาษาแบบ real time และ 52 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคต้องการที่จะใส่หูฟังเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากการกรนของคนในครอบครัว

3. เรียนรู้ตลอดเวลา

ผู้บริโภค 30 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าเทคโนโลยีใหม่ทำให้พวกเขารู้สึกล้าหลัง แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ยังทำให้พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ผู้บริโภค 46 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าอินเทอร์เน็ตทำให้พวกเขาได้เรียนรู้และลืมทักษะต่าง ๆ เร็วกว่าที่เคยเป็นมา

4. การออกอากาศทางโซเชียลมีเดีย

โซเซียลมีเดียยังคงถูกเผยแพร่ด้วยตัวกระจายภาพและเสียงแบบเดิม แต่ครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้บริโภคกล่าวว่า AI จะมีประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกโพสต์ลงบนโซเซียลเน็ตเวิร์ค

5. โฆษณาอัจฉริยะ

การทำโฆษณาสินค้าและผลิตภัณฑ์จะเป็นไปอย่างชาญฉลาด ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) จำนวนกว่าครึ่งคิดว่าการทำโฆษณาอัจฉริยะมีความเหมือนจริงมากจนแทบจะสามารถใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์จริงได้เลย

6. การสื่อสารที่แปลกไป

ผู้บริโภคจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์คิดว่าไม่สามารถบ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรได้ ผู้บริโภคจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ยังถูกหลอกด้วยสมาร์ทโฟนที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบต่ออารมณ์ของพวกเขาได้อีกด้วย

7. สังคมแห่งการผ่อนคลาย

32 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนและคนทำงานคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะทำงานเท่านั้น 40 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าพวกเขาต้องการหุ่นยนต์ที่จะสามารถทำงานสร้างรายได้ให้แก่พวกเขา และยังสามารถมีเวลาพักผ่อนอีกด้วย

8. รูปถ่ายที่อยู่ในห้อง

จินตนาการทำให้เราสามารถเดินเข้าไปดูรูปและหวนระลึกถึงอดีตได้ ผู้บริโภคจำนวน 3 ใน 4 เชื่อว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า พวกเขาจะได้ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (virtual reality) เดินเข้าไปดูรูปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนได้

9. ถนนที่อยู่บนอากาศ

การจราจรบนถนนทั่วไปในเมืองอาจติดขัด แต่บนท้องฟ้ายังคงมีที่ว่าง ผู้บริโภคจำนวน 39 เปอร์เซ็นต์คิดว่าเมืองของพวกเขาต้องการโครงข่ายถนนสำหรับโดรนและยานพาหนะที่บินได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมีความกังวลว่าโดรนจะหล่นลงบนหัวของพวกเขาสักวัน

10. โลกแห่งอนาคต

โลกแห่งการเชื่อมต่อย่อมต้องการพลังงาน มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคเชื่อว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะมีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องที่ชาร์จอีกต่อไป   

ไมเคิล บิยอร์น หัวหน้างานฝ่ายวิจัย ห้องปฏิบัติการวิจัยผู้บริโภคของอีริคสัน กล่าวว่า “เรากำลังเข้าสู่ยุคแห่งอนาคตที่อุปกรณ์ต่าง ๆ จะไม่จำเป็นต้องมีปุ่มเปิดปิดหรือสวิตช์แต่อย่างใด แต่จะถูกควบคุมด้วยระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟนแทน ในความเป็นจริงแล้ว นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นและยากสำหรับผู้คนที่จะต้องเรียนรู้การใช้งานแบบใหม่ในทุก ๆ อุปกรณ์ที่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับ Internet of Things”

ในวันนี้คุณอาจรู้สึกว่ามันยุ่งยากซับซ้อนในการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ในอนาคตอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นฝ่ายเรียนรู้เราเอง ในการที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง อุปกรณ์จะต้องสามารถถ่ายทอดข้อมูลปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีความซับซ้อนได้ เพื่อที่จะประมวลผลไปยังระบบ could และให้การตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติภายในเวลาอันรวดเร็วระดับหนึ่งในพันของหนึ่งวินาที และความต้องการเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นในยุคต่อ ๆ ไป”

ทั้งนี้ข้อมูลในรายงาน 10 แนวโน้มผู้บริโภคปี 2561 มาจากห้องปฏิบัติการวิจัยผู้บริโภคของอีริคสัน และผลสำรวจออนไลน์เกี่ยวกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใน 10 เมืองทีมีอิทธิพลทั่วโลก เมื่อเดือนตุลาคม 2560 โดยอ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่างประชากรจำนวน 30 ล้านราย ซึ่งเป็นผู้ที่มีการปรับเปลี่ยนได้เร็วกว่าผู้อื่น ทำให้กลุ่มตัวอย่างมีความเข้าใจในการทำแบบสำรวจแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต.

]]>
1152920