สูตรไม่มีน้ำตาล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 22 Sep 2020 10:41:23 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “สิงห์” วางหมากรบ ส่ง “เลมอนโซดา” บุกตลาดน้ำอัดลมเต็มตัว เสริมแกร่งนอนแอลฯ https://positioningmag.com/1298168 Tue, 22 Sep 2020 10:05:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1298168 ตลาดเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลกำลังหอมหวาน ทำให้ “สิงห์” หันมาลุยตลาดนี้เต็มที่ช่วยเสริมพอร์ตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ให้แน่นขึ้น โดยเครื่องดื่มนำร่อง “สิงห์ เลมอนโซดา” แบบน้ำตาล 0% วางขาย 1 เดือนแรกทำยอดขายเกินเป้า 5 เท่า เตรียมออกรสชาติอื่นเพิ่มภายในปีนี้ และจะจับตลาดน้ำอัดลมอย่างต่อเนื่อง พิจารณาตั้งโรงงานผลิตใหม่ภายในปีหน้า งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

“ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล” Chief Marketing Officer-Brand บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยถึงยอดขาย 1 เดือนแรกของ “สิงห์ เลมอนโซดา” ว่าทะลุเกินเป้าที่วางไว้ถึง 5 เท่า ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยหลังจากนี้จะมีวางขายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในเซเว่น อีเลฟเว่นไปจนครบ 3 เดือนแรก หลังจากนั้นจะเริ่มวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดทุกแห่ง และส่งจำหน่ายผ่านเครือข่ายร้านค้าดั้งเดิม ผับบาร์ ร้านอาหารต่างๆ

สิงห์ เลมอนโซดา เป็นเครื่องดื่มกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ ของสิงห์ตัวแรกที่เจาะไปในหมวดใหม่คือ “น้ำอัดลม” (carbonated soft drink) จากก่อนหน้านี้จะมีเฉพาะน้ำดื่ม น้ำแร่ และโซดา โดยเปิดผลิตภัณฑ์แรกก็มีเฉพาะแบบ “น้ำตาล 0%” เลย ไม่มีแบบใส่น้ำตาลปกติ

 

0 cal มาแรง ภายใน 3 ปีสัดส่วนจะพุ่งเป็น 30% ของตลาด

ที่เลือกประเดิมตลาดด้วยเลมอนโซดา 0 cal เป็นเพราะกระแสที่ดีมากของกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล พลังงาน 0 cal
ธิติพรประเมินว่าตลาดกลุ่มนี้เติบโต 30-40% ต่อปีมาหลายปีแล้ว แต่ในตลาดยังมีตัวเลือกน้อยมาก นำเทรนด์โดยกลุ่มน้ำอัดลม “น้ำดำ” ที่มีตัวเลือก 0 cal มานานแล้ว ขณะที่ปีนี้เพิ่งจะมีกลุ่ม “น้ำใส” ที่ทำตลาด 0 cal บ้างแล้ว แต่ก็ยังขาดรสชาติอื่นๆ ที่ผู้บริโภคต้องการในกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลเหล่านี้

“ผมคิดว่าคนเริ่มชินกับรสชาติหวานน้อยมากขึ้น ทำให้ผลตอบรับดี” ธิติพรกล่าว “ดังนั้นเทรนด์เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ อย่างไรก็จะเป็นสายสุขภาพ ตลาด 0 cal จะโตมาก เทียบกับตลาดส่วนอื่นจะทรงตัว

สิงห์ เลมอนโซดา

จากปัจจุบันกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของตลาดรวมน้ำอัดลม ธิติพรมองว่าน่าจะโตไปถึง 30% ของตลาดรวมได้ภายใน 3 ปี ดังนั้น สิงห์จะเน้นจับตลาดนี้ รวมไปถึงกลุ่มเครื่องดื่มที่ดีสุขภาพอื่นๆ เช่น น้ำเติมวิตามิน ก็กำลังศึกษาอยู่เช่นกัน

ปี 2563 พอร์ตเครื่องดื่มของสิงห์รวมทั้งกลุ่มมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ต้นปีออกสินค้าใหม่มาแล้ว 2 รายการคือ สิงห์ เลมอนโซดา และ เบียร์สิงห์ รีเสิร์ฟ ภายในสิ้นปีนี้จะมีออกใหม่อีก 2-3 รายการ ส่วนหนึ่งในจำนวนนี้จะเป็นกลุ่มน้ำอัดลมอีก โดยแย้มว่าจะมี “รสชาติใหม่” ในกลุ่มน้ำ 0 cal

 

จัดสมดุลพอร์ต เพิ่มนอนแอลฯ ให้มากขึ้น

ด้านมุมมองพอร์ตสินค้าของสิงห์เอง การเพิ่มหมวดใหม่คือ “น้ำอัดลม” ก็มีความสำคัญ เพราะจะช่วยเติมพอร์ตกลุ่มเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ให้หลากหลายมากขึ้น สัดส่วนสมดุลกับกลุ่มมีแอลกอฮอล์มากกว่าเดิม

“สัดส่วนในพอร์ตเครื่องดื่มของสิงห์”

ปี 2562 – alcoholic 85 : 15 non-alcoholic
ปี 2563F – alcoholic 80 : 20 non-alcoholic
ปี 2564F – alcoholic 70 : 30 non-alcoholic

สินค้าในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ของสิงห์

พอร์ตเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 17,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น น้ำดื่ม 50% โซดา 40% และน้ำแร่ 10% เมื่อสิงห์มีแนวทางจะจัดสมดุลให้กลุ่มนอนแอลกอฮอล์สำคัญมากขึ้น หากมีไลน์สินค้าแค่ 3 กลุ่มนี้ การเพิ่มสินค้าให้หลากหลายจะทำได้ยาก ดังนั้น การแตกไลน์เครื่องดื่มใหม่อย่างน้ำอัดลมจึงเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งไป

ธิติพรคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 จะมีสัดส่วนกลุ่มน้ำอัดลม 5% ในพอร์ตนอนแอลกอฮอล์ จากรายการสินค้าที่จะออกมาเพิ่มทั้งปีนี้และปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นรสชาติใหม่ ขนาดใหม่ ฯลฯ

และภายในสิ้นปี 2564 น่าจะสรุปแผนการตั้งไลน์ผลิตหรือโรงงานใหม่เพื่อผลิตสินค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะได้ มองว่าน่าจะต้องใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเปิดไลน์ผลิตใหม่ในบริเวณโรงงานเดิมหรือหาพื้นที่ใหม่

การจัดสมดุลพอร์ตมีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ล่าสุดคือช่วงล็อกดาวน์ป้องกัน COVID-19 รัฐบาลมีคำสั่งห้ามจำหน่ายสุราทั่วประเทศไปเกือบ 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. – 2 พ.ค. 63 ทำให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้รับผลกระทบรุนแรง ฝั่งเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์แม้จะกระทบบ้างเหมือนกันเพราะประชาชนไม่ได้ออกจากบ้าน แต่ก็ยังดีกว่าเหล้าเบียร์ที่ห้ามจำหน่าย

 

น้ำแร่ “เพอร์รา” ยังโตดีแม้ตลาดรวมเจ็บหนัก

สำหรับภาพรวมพอร์ตเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ของสิงห์ ธิติพรมองว่าปีนี้น่าจะโตได้ประมาณ 2% โตไม่มากเพราะมีช่วงล็อกดาวน์ที่ตลาดติดลบ แต่ขณะนี้สถานการณ์กลับมาเติบโตปกติ เฉลี่ยแล้วทั้งปีจึงน่าจะโตได้เล็กน้อยดังกล่าว

หากแบ่งการเติบโตตามกลุ่มสินค้า น้ำดื่มสิงห์คาดว่าจะโต 3% น้ำแร่เพอร์ราโต 10% ส่วนโซดาสิงห์น่าจะทรงตัวไม่เติบโต

ตลาดน้ำแร่นั้น ธิติพรกล่าวว่าตลาดรวมติดลบมาตั้งแต่ปีก่อน และปีนี้ยังติดลบต่อเนื่องน่าจะมากกว่า -10% ด้วยเหตุผลใหญ่ๆ คือน้ำแร่เป็นเครื่องดื่มที่ผู้บริโภคหลักคือวัยทำงานกับนักท่องเที่ยวต่างชาติและนิยม “ดื่มนอกบ้าน” มากกว่าซื้อเป็นแพ็กติดบ้าน เมื่อเกิดล็อกดาวน์และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เปิดประเทศ ทำให้ตลาดน้ำแร่ยิ่งเจ็บหนัก ส่วนเหตุผลรองที่อาจมากระทบบ้างคือ เทรนด์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพบางส่วนหันไปดื่มน้ำเสริมวิตามินแทนน้ำแร่

ส่วนน้ำดื่ม “เพอร์รา” ที่ยังโตได้ 10% ดีกว่าตลาด แต่ก็ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งเคยโตถึง 30-40% การเติบโตที่ผ่านมาป็นผลจากการโหมตลาดด้วยแพ็กเกจจิ้งดีไซน์ร่วมกับดีไซเนอร์ซึ่งประสบความสำเร็จมาก ผู้บริโภคซื้อสะสม และเริ่ม “ติดยี่ห้อ” กลายเป็นลูกค้าประจำของเพอร์ราไป ส่งให้ปีนี้เพอร์ราขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ตลาดน้ำแร่เป็นครั้งแรก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 26%

สรุปรวมเป้าหมายนอนแอลกอฮอล์ของสิงห์ ธิติพรกล่าวว่าบริษัท “จะเพิ่มช่องว่างทิ้งห่างเบอร์ 2” หลังจากขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ครบทั้งน้ำดื่ม น้ำแร่ และโซดา เสริมด้วยการดันดาวรุ่งอย่างกลุ่มน้ำอัดลม แต่กลุ่มนี้ไม่ขอเป็นเบอร์ 1 แค่ได้มาร์เก็ตแชร์ 5-10% ก็พอใจแล้ว เพราะถ้าจะแข่งขันหนักในตลาดนี้คงต้อง “เทกโอเวอร์” บริษัทอื่นเท่านั้นถึงจะบุกได้เต็มตัว

]]>
1298168
ก่อนภาษีน้ำตาลจะมา! “สไปรท์” วางขายสูตรไม่มีน้ำตาลแล้ว https://positioningmag.com/1220776 Wed, 20 Mar 2019 04:52:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1220776 มีข้อมูลเปิดเผยว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ย 100 กรัม/คน/วัน ขณะที่องค์การอนามัยโลก เคยแนะนำว่าไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 50 กรัม/คน/วัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพลดความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฯลฯ

จึงเป็นที่มาของการที่กรมสรรพสามิตได้ประกาศให้มีภาษีความหวานส่งผลให้เครื่องดื่มที่มีความหวานเกินกำหนดจะต้องเสียภาษีมากขึ้น โดยครอบคลุมทั้ง น้ำอัดลม ชาเขียว นม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟกระป๋อง เครื่องดื่มปรุงแต่งต่างๆ ฯลฯ 

ล่าสุดกรมสรรพสามิตเตรียมปรับอัตราภาษีความหวาน รอบที่ 2 ในช่วง 1 .. 2562 – 30 .. 2564 โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

  1. เครื่องดื่มกลุ่มที่มีปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 6 กรัม ยกเว้นการเก็บภาษี
  2. เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 6 กรัม แต่ไม่เกิน 8 กรัม ต้องเสียภาษี 0.10 บาทต่อลิตร
  3. เครื่องดื่มกลุ่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัม จะต้องเสียภาษี 1 บาท/ลิตร จากเดิม 0.5 บาท/ลิตร
  4. เครื่องดื่มกลุ่มที่ปริมาณน้ำตาลเกิน 14 กรัม แต่ไม่เกิน 18 กรัม จะต้องเสียภาษี 3 บาท/ลิตร จากเดิม 1 บาท/ลิตร
  5. และเครื่องดื่มกลุ่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 18 กรัม จะต้องเสียภาษี 5 บาท/ลิตร

ดังนั้นก่อนภาษีน้ำตาลจะขึ้นอีกระลอก จึงเป็นที่สังเกตว่าผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมน้ำดื่มจะมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้หลายรายได้รับผลกระทบพอสมควร ยอดขายที่ลดลงเพราะต้องปรับราคาขายที่เพิ่มมากขึ้น

ทางออกสำหรับเรื่องนี้นอกจาการที่ปรับขนาดเพื่อลดอัตราภาษีที่ต้องจ่าย หลายแบรนด์ก็เลือกวางขายสูตรที่ไม่มีน้ำตาล เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่ทำให้สินค้าแพงขึ้น ล่าสุดสไปรท์หนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ภายใต้โคลาโคลาซึ่งมีสินค้าที่ขึ้นชื่ออย่างโค้ก ได้นำสูตรที่ไม่มีน้ำตลาดเข้ามาวางขายในบ้านเราแล้ว

ข้อมูลจากเพจผู้บริโภค ด้ระบุว่า สินค้าใหม่ของสไปรท์เป็นกลิ่นเลมอนไลม์ สูตรไม่มีน้ำตาล พบในบิ๊กซี ขนาด 1.25 ลิตรราคา 23 บาท ข้อมูลโภชนาการที่ระบุให้พลังงานทั้งหมด 0 กิโลแคลอรี โดยใช้สารให้ความหวานเช่นเดียวกับโค้กซีโร่

ก่อนหน้านี้ภายใต้ร่มเงาของโคลาโคลามีสินค้าที่เป็นสูตรน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลเลย 7 ชนิด ได้แก่ โค้กไลท์ โค้กซีโร่ โค้กพลัส คอฟฟี่ (Coke Plus Coffee) มินิทเมด ออเร้นจ์ ไฟเบอร์ มินิทเมด ฮันนี่ เลมอน เป็นต้น.

ที่มา :

]]>
1220776
เลิกหวาน! “ไมโล” ส่งสูตรไม่มีน้ำตาลทำตลาดครั้งแรกของโลก อัดงบ 200 ล้าน ปั้นพอร์ตรายได้ใหม่ https://positioningmag.com/1218244 Wed, 06 Mar 2019 13:38:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1218244 ด้วยเทรนด์เครื่องดื่ม “ทางเลือกสุขภาพ” น้ำตาลต่ำ ถูกขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุขตามนโยบายรัฐบาล เพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งการบังคับใช้ภาษีน้ำตาล นับเป็นแรงผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมต้องเปลี่ยนตาม 

หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีการปรับตัวตอบรับเทรนด์ทางเลือกสุขภาพ คือ เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทพร้อมดื่ม 6,000 ล้านบาท และชนิดผง 4,000 ล้านบาท โดยรวมเติบโต 4-5% แต่พบว่าผลิตภัณฑ์น้ำตาลต่ำ สามารถขยายตัวได้สูงกว่าภาพรวม

เปิดตัวสูตรไม่มีน้ำตาลครั้งแรกในโลก-ไทย

ไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์นมและโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “เนสท์เล่” ได้รับเครื่องหมายสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” 48 ผลิตภัณฑ์ โดยให้ความสำคัญการลดปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เข้าสู่ตลาดตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ในปี 2560 ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ไมโล” สูตรน้ำตาลน้อยกว่า 30% เพื่อเป็นตัวเลือกผู้บริโภค พบว่าได้รับการตอบรับดี ปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ของพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ไมไล และยังมีแนวโน้มเติบโต จากเทรนด์ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมองหาสินค้าที่ไม่มีน้ำตาลทรายมากขึ้น

หลังการเปิดตัวไมโลสูตรน้ำตาลน้อยกว่า 30% เนสท์เล่ได้ทำงานเชิงรุก โดยมองหานวัตกรรมที่จะมาตอบโจทย์ผู้บริโภคต่อเนื่อง จึงได้ร่วมมือของ 3 ทีมนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ในระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระดับภูมิภาคจากประเทศสิงคโปร์ และระดับท้องถิ่นจากประเทศไทย

โดยใช้เวลา 2 ปี คิดค้นนวัตกรรม ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย ที่ถือเป็น “บิ๊กสเตป” ของแบรนด์ “ไมโล” ครั้งแรกในโลกและครั้งแรกในรอบกว่า 6 ทศวรรษ ในประเทศไทยกับการผลิตภัณฑ์สูตร “ไม่เติมน้ำตาลทราย” โดยเครื่องดื่มจะได้ความหวานธรรมชาติจากส่วนผสมนมและมอลต์ ซึ่งได้รับสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ และขานรับนโยบายสุขภาพของรัฐบาลในการส่งเสริมให้ผู้บริโภครับประทานน้ำตาลอย่างเหมาะสม

“การคิดค้นสูตรไม่เติมน้ำตาล ถือเป็นโจทย์หินของเครื่องดื่มในตลาดที่ผู้บริโภคคุ้นชินกับรสหวาน แต่จากการวิจัยกับกลุ่มผู้บริโภค ที่ได้ชิมรสชาติไมโลใหม่ ปรากฏว่า 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชอบรสชาติและสนใจจะซื้อผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย”

ทุ่ม 200 ล้าน ปั้นพอร์ต 10%

การเปิดตัว “ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย” ถือเป็นการทำตลาดรายแรกของกลุ่มเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ ที่ไม่เติมน้ำตาลทราย จึงเตรียมใช้งบประมาณสื่อสารและการตลาด 200 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้กับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหลักคือคุณแม่ยุคใหม่ที่มีลูกอายุ 7-12 ปี ผ่านแคมเปญสื่อดิจิทัลหลากหลายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคน้ำตาลอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้จะมีกิจกรรมการแจกผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย ในโมเดิร์นเทรดหลักแสนกล่อง และโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้าและร้านสะดวกซื้อที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

สำหรับการทำตลาดช่วงเริ่มต้นจะจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 เพื่อกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายอย่างรวดเร็วจำนวนกว่า 12,000 ร้านค้า ภายใน 7 วัน และตั้งแต่มิถุนายน 2562 จะวางจำหน่ายที่ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ โดยวางจำหน่ายขนาด 180 กรัม ราคา 13 บาท ซึ่งเป็นขนาดและราคาเดียวกับไมโล สูตรปกติ และสูตรน้ำตาลน้อยกว่า 30% เพื่อให้เป็นทางเลือกเครื่องดื่มสุขภาพ

ปัจจุบัน “ไมโล” มีส่วนแบ่งการตลาด 30% เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ สัดส่วนมาจากกลุ่มพร้อมดื่ม 60% และชนิดผง 40% หลังเปิดตัวสูตรไม่มีน้ำตาลทราย คาดว่าสินค้ากลุ่มนี้จะมีสัดส่วน 10% ของพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ไมโล และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลักดันการเติบโต พร้อมส่งเสริมให้ผู้บริโภคและเด็กไทย “อ่อนหวาน”

]]>
1218244
ยกเครื่อง “โค้ก ซีโร่” ปรับสูตรใหม่ ให้โดนทั้งสุขภาพและรสชาติ https://positioningmag.com/1138445 Mon, 04 Sep 2017 08:44:18 +0000 http://positioningmag.com/?p=1138445 เมื่อเทรนด์สุขภาพมาแรง โค้กจึงต้องหันมาให้น้ำหนักกับ “โค้กซีโร่” สูตรไม่มีน้ำตาลมากขึ้น ด้วยการปรับ “รสชาติใหม่” ให้อร่อยเหมือนโค้กดั้งเดิม

พร้อมกับปรับแพ็กเกจใหม่ ใส่โลโก้ “แถบแดง” ตามแบบฉบับของโค้กลงบนแพ็กดำเพื่อให้เอกลักษณ์เดียวกันกับเครื่องดื่มโค้กทุกประเภท

คลาวเดีย นาวาร์โร ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มั่นใจว่าสูตรใหม่นี้มีรสชาติใกล้เคียงกับรสชาติของโค้กออริจินอลมากที่สุด ยืนยันจากผลการทดสอบจากกลุ่มผู้บริโภคในหลายประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น

เพื่อสร้างการรับรู้และการสื่อสารให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงได้ปรับดีไซน์ แพ็ก
เกจใหม่
โดยเพิ่ม ‘โลโก้โคคา-โคลาแถบแดง’ ที่มีอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มภายใต้แบรนด์โค้ก ลงบนแพ็กสีดำของ ‘โค้ก ซีโร่สูตรไม่มีน้ำตาล’ และเพิ่ม ‘ซีโร่ ชูการ์ (ZERO SUGAR)’ ที่ด้านบนของแพ็ก ให้ผู้บริโภครับรู้ได้ทันทีว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล

โดยปัจจุบันกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทยจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโคลาทั้งหมดสามรูปแบบ ได้แก่ โค้ก รสชาติออริจินอล และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโคลาที่ไม่มีน้ำตาล ได้แก่ โค้ก ซีโร่ สูตรไม่มีน้ำตาล

เพื่อสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้น โค้ก ซีโร่ สูตรไม่มีน้ำตาลได้รับสัญลักษณ์โภชนาการ ‘เครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพ’ ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากมูลนิธิส่งเสริมโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

เพื่อเป็นการเสริมสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น เพราะถือเป็นปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาจึงต้องทุ่มโฆษณาที่เน้นกลุ่มคนเมือง เช่น Building Wrap ใจกลางกรุงเทพมหานคร บิลบอร์ด รถไฟฟ้า BTS รวมถึงโฆษณาออนไลน์และโซเชียลมีเดีย

โค้ก ซีโร่ สูตรไม่มีน้ำตาล วางขายในรูปแบบของกระป๋องขนาด 325 มล. ราคา 14 บาท และขวด PET ขนาด 450 มล. ราคา12 บาท ขนาด 500 มล. ราคา15 บาท และขนาดใหญ่สุด 1.25 ล. ราคา 27บาท

ทั้งนี้ จากข้อมูลจากการวิจัยในช่วงเวลา 3 ปี นับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2557 – 31 มกราคม 2560 ของบริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า มูลค่าตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมในประเทศไทยอยู่ที่ 51,500 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งรวม 51%

]]>
1138445