เซ็ปเป้ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 23 Apr 2024 09:52:35 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” รีแบรนด์ใหญ่ในรอบ 18 ปี สู่ “เซ็ปเป้ บิวติ” ผู้นำเทรนด์การสื่อสาร Beauty Standard ใหม่ ที่มองว่า “ความหลากหลาย” คือ “ความสวย” https://positioningmag.com/1470674 Tue, 23 Apr 2024 09:00:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470674

ตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทยมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดมากขึ้นทุกปี เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหม่ๆ ในตลาด อีกทั้งยังแข่งขันเรื่องโปรโมชั่นกันอย่างรุนแรง ผู้เล่นในตลาดจึงต้องแข่งขันกันด้วยเรื่องของแบรนด์ดิ้ง รวมไปถึงชูเรื่องฟังก์ชันนอลของสินค้า เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น

แต่ถ้าพูดถึงตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล ดริ้งค์ จะไม่พูดถึง “เซ็ปเป้” หรือบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) เลยคงไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด และเป็นผู้สร้างกระแสเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล ดริ้งค์ในประเทศไทย ซึ่งแบรนด์ได้ทำตลาดมา 18 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2558 และครองใจผู้บริโภคมาแล้วหลายเจนเนอเรชั่น

ในปีนี้เซ็ปเป้ถือโอกาสฉลองครบรอบ 18 ปี ด้วยการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ จาก “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” (Sappe Beauti Drink) สู่ “เซ็ปเป้ บิวติ” (Sappe Beauti) นับเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ในการเปลี่ยนทั้งชื่อแบรนด์, Brand Mission และแพ็คเกจจิ้ง เพื่อต้องการสร้างอาณาจักรบิวติที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เครื่องดื่มอีกต่อไป

อีกทั้งเซ็ปเป้ บิวติ ยังต้องการเป็น Trend Setter ในการสื่อสารเรื่อง Beauty Standard แบบใหม่ ว่าความหลากหลายคือ ความสวยที่แท้จริง ซึ่งไม่จำเป็นต้องสวยตาม Beauty Standard ของสังคมที่จะต้องขาว ผอม หุ่นดี แต่ทุกคนสวยได้ในแบบของตัวเอง โดยได้อินไซต์จากผู้บริโภคในยุคนี้ที่รักตัวเองในแบบที่เป็นตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องสวยตามแบบมาตรฐานของคนทั่วไป โดยที่เซ็ปเป้จะเป็นผู้สนับสนุนความสวยนั้นเอง

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE กล่าวว่า

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เซ็ปเป้เดินหน้าคิดค้นและพัฒนาสูตรเครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแตกต่างด้วยการใส่นวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ ในเครื่องดื่ม เพิ่มคุณประโยชน์ที่หลากหลาย ในรสชาติที่อร่อย ผสานความสดชื่นอย่างลงตัว เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคอย่างตรงจุด จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และยังครองความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความสวยมายาวนานต่อเนื่อง 18 ปี

ในปีนี้เซ็ปเป้ก้าวไปอีกขั้นสู่การเป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่เข้าใจผู้บริโภค Gen Z ด้วยการปรับโฉมรีแบรนด์ครั้งสำคัญจาก เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ สู่การเป็น “เซ็ปเป้ บิวติ” อย่างเป็นทางการ พร้อมต่อยอดสู่การเป็นแบรนด์เพื่อสุขภาพและความสวยที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้นในหลากมิติ โดยออกสตาร์ทด้วยแคมเปญ สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร”

แคมเปญ “สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร” เป็นแคมเปญทางการตลาดที่สื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่ม Gen Z โดยหยิบยกประเด็นร้อนในสังคมอย่างเรื่องมาตรฐานความสวย (Beauty Standard) มาบอกเล่าในมุมมองใหม่ ผ่านโปรเจค The Rejected Casts ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่สร้างจากเรื่องจริงของกลุ่ม Gen Z หลากหลายเพศ จำนวน 7 แคสต์ ผ่านการให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ตรงและเหตุผลที่ไม่ผ่านแคสต์ติ้งงานโฆษณา

ซึ่งล้วนเป็นเพราะรูปร่าง สีผิว ใบหน้า ดวงตา และรอยยิ้มที่ไม่ตรงตามพิมพ์นิยม ก่อนจะเฉลยว่าทุกคนผ่านการแคสต์งานในครั้งนี้ และได้ร่วมเป็นตัวแทนความสวยในแบบฉบับของตัวเองที่ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับใครของแบรนด์เซ็ปเป้ บิวติ เพื่อสื่อถึงการให้คุณค่ากับทุกความสวย พร้อมฉีกค่านิยมความสวยในกรอบเดิมๆ ของสังคม ด้วยการให้โอกาสนักแสดงที่เคยถูกปฏิเสธงานมามากมาย เพียงเพราะพวกเขาสวยไม่ตรงตามมาตรฐานความสวยที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบ

นางสาวปิยจิต เสริมอีกว่า “แต่เดิมเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์วางจุดยืนเป็นเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล ดริ้งค์ที่ขายฟังก์ชันนอลเป็นหลัก เช่น สูตรที่ดื่มแล้วขาวอมชมพู สูตรที่ดื่มแล้วสวย สูตรที่ดื่มแล้วหุ่นดี แต่ตอนนี้เราเข้าใจผู้บริโภค และ Beauty Standard ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย”

และเพื่อให้โดนใจกลุ่ม Gen Z มากยิ่งขึ้น เซ็ปเป้ บิวติ ยังเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ล่าสุด ซึ่งได้นักออกแบบชื่อดังที่กวาดรางวัลด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์มาแล้วทั่วโลก มารับหน้าที่ดีไซน์ฉลากบรรจุภัณฑ์ใหม่ทั้ง 4 รสชาติ ในคอนเซ็ปต์ “โอบกอดตัวเอง (Embrace Yourself)” ที่นำดอกไม้ที่มีความหมายสื่อถึงความรักที่ให้กับตัวเอง มาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ ได้แก่

  • สูตรคอลลาสกิน (Collaskin) ขวดสีชมพู ใช้ดอกคาเนชั่นแทนสัญลักษณ์ของความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ
  • สูตรเอส-ลิม (S-lim) ขวดสีเขียวอ่อน ใช้ดอกลิลลี่แทนสัญลักษณ์ของความรักอย่างอ่อนหวาน อ่อนโยน
  • สูตรบิวติท็อกซ์ (Beautitox) ขวดสีเขียวเข้ม ใช้ดอกทานตะวันแทนสัญลักษณ์แห่งความรักที่ให้กำลังใจ
  • สูตรบิวติ อายส์ (Beauti Eyes) ขวดสีแดง ใช้ดอกเบญจมาศแทนสัญลักษณ์ของความรักที่มีชีวิตชีวา สดใส

ซึ่งช่วยสะท้อนตัวตน และความชื่นชอบของกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในแต่ละลายจะมีการสอดแทรกรูปการ์ตูนของคนที่มีความหลากหลายทั้งรูปร่าง เพศ และสีผิวเอาไว้บนฉลาก เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมของแคมเปญอีกด้วย

“เพราะความสวยคือความหลากหลาย เซ็ปเป้ บิวติ จึงอยากจุดประกายมุมมองเรื่องความสวยในรูปแบบใหม่ พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีความมั่นใจในตัวเอง มีความรักตัวเอง (Self-Love) ตลอดจนกล้าที่จะเป็นตัวเองให้เต็มที่ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนสามารถเปล่งประกายความสวยในแบบของตัวเองได้อย่างเท่าเทียมกัน” นางสาวปิยจิต กล่าวเพิ่มเติม

สัมผัสกับเครื่องดื่ม เซ็ปเป้ บิวติ โฉมใหม่ ทั้ง 4 รสชาติ ได้แล้ววันนี้ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขา และร้านค้าทั่วไปทั่วประเทศ ในราคา 20 บาท หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Line: @sappeonline และShopee: Sappe Official Store หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Sappe Beauti Drink และ Tiktok: Sappeonline

]]>
1470674
ดื่มแล้วขำ! “เซ็ปเป้ขวดฟ้า” คัมแบ็ก จากคาโมมายล์ อัพเกรดสู่เทอร์ปีน https://positioningmag.com/1336785 Mon, 14 Jun 2021 06:37:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1336785 หลังจากเมื่อ 4 ปีก่อนเซ็ปเป้ได้สร้างไวรัล “เซ็ปเป้ขวดฟ้า” ดื่มแล้วขำ ดื่มแล้วอารมณ์ดีมากแล้ว จนเกิดเป็นปรากฏการณ์บนโลกออนไลน์ ในปีนี้เทรนด์ของกัญชาสายเขียวกำลังมา เซ็ปเป้จึงคัมแบ็กขวดฟ้า อัพเกรดเป็น “กลิ่นเทอร์ปีน” เป็นสารสกัดคล้ายกลิ่นกัญชา ช่วยในการผ่อนคลายเช่นกัน

เซ็ปเป้ขวดฟ้าในตำนาน

ในช่วงปี 2560 ถือเป็นช่วงที่ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริ้งก์ไม่ได้มีการเติบโตมากนัก ผู้เล่นเล็กๆ ต่างถอยทัพไปจับตลาดอื่น แต่ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดก็ยังคงยืนหยัด แล้วออกสินค้าใหม่ๆ ที่ยังตอบโจทย์ลูกค้าได้อยู่

ในตอนนี้เซ็ปเป้ได้ออกสินค้าตัวใหม่สูตรรีแล็กซิ่ง มีส่วนผสมของ “ลาเวนเดอร์ คาโมไมล์ แอล–ธีอะนีน” หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า “เซ็ปเป้ขวดฟ้า” ในตอนนั้นได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ เมื่อมีคนแชร์กันว่าดื่มตัวนี้แล้วอารมณ์ดี หายง่วง ดื่มแล้วหัวเราะ

เซ็ปเป้ขวดฟ้า
Photo : Twitter @heng1312

โดยปกติแล้วเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริ้งก์จะไม่ได้ดื่มแล้วเห็นผลภายในพริบตาเหมือนกับกาแฟ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง ที่ดื่มแล้วจะหายง่วง หรือสดชื่นขึ้นมาทันทีทันใด แต่จะเป็นการเสริมจากภายในไปเรื่อยๆ เพราะด้วยส่วนผสมค่อนข้างจะเป็นเรื่องความสวยความงาม หรือวิตามินต่างๆ

แต่เซ็ปเป้ขวดฟ้าได้ฉีกตลาดด้วยการที่มีคนดื่มแล้วมีความรู้สึกเห็นผลจริง รู้สึกจริง จึงเกิดการแชร์ต่อกันบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ “อยากลอง” ต่อๆ กัน บางทีถึงกับสินค้าขาดตลาดกันเลยทีเดียว

ถ้าดูในแง่ของส่วนผสมแล้ว เครื่องดื่มของเซ็ปเป้จะตอบโจทย์คนที่เป็น Pain Point ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสูตรคอลลาเจน สำหรับผิวสวย, ไฟเบอร์ สำหรับขับถ่าย, ไบโอติน สำหรับบำรุงผม และเล็บ หรือลูทีน สำหรับบำรุงสายตา

ส่วนเซ็ปเป้ขวดฟ้าเป็นสูตรรีแล็กซิ่ง สำหรับคนที่ต้องการความผ่อนคลาย ส่วนผสมหลักคือ ลาเวนเดอร์, คาโมไมล์ และแอล–ธีอะนีน ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย หลับสบาย คลายกังวล คลายความล้าต่างๆ ได้ดี ส่วนคนที่ดื่มแล้วหัวเราะ หรืออารมณ์ดี ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เป็นอุปทานหมู่ หรือจากผลของส่วนผสมจริงๆ แต่ที่แน่ๆ ทำให้ยอดขายถล่มทลาย

ขวดฟ้าคัมแบ็กในร่าง “เทอร์ปีน”

ในพ.ศ.นี้ คงไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่า “กัญชง-กัญชา” อีกแล้ว ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มต่างจับตลาดตรงนี้กันเต็มที่ เมื่อกฎหมายปลดล็อกเมื่อไหร่ คงได้เห็นกันแบบเต็มรูปแบบ

เซ็ปเป้เองก็ได้นำร่องกระแสกัญชามาแล้ว ในรูปแบบของคาเฟ่เครื่องดื่มที่ร้าน HAVE A sip DAY CAFE by เพรียว คาเฟ่ โดยใชเครื่องดื่มของเพรียว และ All Coco เป็นหลัก เครื่องดื่มซีรีส์ “มาเพรียวกัญ” Preaw x Cannabis และ “หอมอร่อยด้วยกัญ” All Coco x Cannabis มีส่วนผสมของกัญชา

ล่าสุดเซ็ปเป้ได้คัมแบ็กขวดฟ้าในตำนาน พร้อมกับอัพเกรดใหม่สำหรับสายเขียวโดยเฉพาะ เปิดตัว “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm)” กลิ่นเทอร์ปีน นำเอากลิ่นเทอร์ปีนซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด

ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ถือเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำเครื่องดื่ม Functional Drink ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และความงาม ที่เน้นนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในเครื่องดื่มอย่างแท้จริง โดยบริษัทฯ ได้หยิบเอาสินค้าที่เคยเป็นกระแสโด่งดังกลับมาเพิ่มสีสันด้วยการผสมนวัตกรรม กลิ่นกัญชา (เทอร์ปีน) ซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม นำมาสร้างความแปลกใหม่ และเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจ และอยากทดลองกลิ่นเทอร์ปีนในเครื่องดื่ม ถือเป็นการชิมลาง ก่อนที่กฏหมายจะปลดล็อกให้ใช้พืชกัญชาได้ในอนาคต” 

เซ็ปเป้สูตรนี้จะใช้กลิ่นเทอร์ปีน และมีสารสกัดดั้งเดิมของขวดฟ้าก็คือ จากลาเวนเดอร์ คาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน ซึ่งทีมงานได้ใช้เวลา และความพยายามในการพัฒนาสินค้าให้มีกลิ่น และรสชาติที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด หวังเอาใจสายเขียวทั่วประเทศ

กลิ่นเทอร์ปีนช่วยเสริมในเรื่องการผ่อนคลายอารมณ์ และบำบัดความเครียด ส่งผลให้สุขภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้น ​สารสกัดจากลาเวนเดอร์ทำให้คลายความวิตกกังวล และคาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน จะช่วยลดความเครียด ช่วยให้นอนหลับสบาย รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่มีส่วนผสมจากน้ำตาล แคลอรีต่ำ

เซ็ปเป้ขวดฟ้า

เซ็ปเป้จำหน่ายในราคาขวดละ 20 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในตลาด เพราอย่างอิชิตันที่มีเครื่องดื่มเทอร์ปีน จำหน่ายในราคา 30 บาท

สำหรับการคัมแบ็กรอบนี้ เซ็ปเป้จะสามารถสร้างไวรัลได้อีกหรือไม่ ต้องจับตาดูกันต่อไป
]]>
1336785
ไม่พลาด! “เซ็ปเป้” เปิดคาเฟ่เครื่องดื่มผสมกัญชาใจกลางสยามฯ เอาใจสายเขียว https://positioningmag.com/1323961 Thu, 18 Mar 2021 08:29:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323961 “บมจ.เซ็ปเป้” หรือ SAPPE เปิดตัวเครื่องดื่มซีรีส์ใหม่ “มาเพรียวกัญ” Preaw x Cannabis และ “หอมอร่อยด้วยกัญ” All Coco x Cannabis มี 4 เมนูใหม่ที่มีส่วนผสมของกัญชา โดยนำร่องที่ร้าน HAVE A sip DAY CAFE by เพรียว คาเฟ่แบบป็อปอัพใจกลางเมืองย่านสยามสแควร์ และร้าน All Coco สาขาเซ็นทรัล อีสวิลล์

ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า

“กระแสกัญชาฟีเวอร์ในประเทศไทย ถือว่าเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นจำนวนมาก โดยจุดเริ่มต้นมาจากการปลดล็อกกัญชากัญชงออกจากการเป็นสารเสพติด ทำให้หลายบริษัทนำเอาประโยชน์ของกัญชา-กัญชงมาใช้ประกอบอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงพัฒนาเป็นสารสกัดในรูปแบบต่างๆ ให้ง่ายต่อการใช้งานหรือลิ้มลอง”

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือร้านอาหาร และเครื่องดื่มที่นำส่วนประกอบของพืชกัญชาไปประกอบอาหารหรือเครื่องดื่มจำหน่าย จะต้องซื้อมาจากแหล่งปลูกที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เท่านั้น  

ปัจจุบันมูลค่าตลาดกัญชาทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2567 จะมีมูลค่ารวมทั่วโลกกว่า 103,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น ตลาดกัญชาเพื่อการแพทย์มีสัดส่วน 60% ของมูลค่าตลาดกัญชาทั้งหมด และอีก 40% เป็นตลาดกัญชาเพื่อการสันทนาการ

ในปัจจุบันเริ่มมีหลายบริษัทยักษ์ใหญ่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มของโลก สนใจใช้สารสกัดจากกัญชาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ จึงคาดว่าตลาดกัญชาทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยจะเติบโตและกระจายในหลายธุรกิจมากขึ้น ซึ่งถือเป็น Mega Trend ในอนาคต 

ในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับ SAPPE ในการสร้างประสบการณ์เครื่องดื่มผสมกัญชา ผ่านหน้าร้าน HAVE A sip DAY CAFE by เพรียว ใจกลางย่านสยามสแควร์ และหน้าร้าน All Coco สาขาเซ็นทรัล อีสวิลล์ ที่จะทำให้ผู้บริโภคได้ร่วมลิ้มลองรสชาติ โดยออกสินค้าเครื่องดื่มผสมกัญชาเอาใจคนรักสุขภาพสายเขียว เพื่อนำเสนอประสบการณ์สุด Relax ด้วยความร่วมมือกับแหล่งปลูกใบกัญชาที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  

เปิดตัวเครื่องดื่มซีรีส์ใหม่ “มาเพรียวกัญ” Preaw x Cannabis นำเสนอ 2 เมนู ได้แก่

  • เครื่องดื่ม มาเพรียวกัญ เป็นสูตรกาแฟพิเศษจากน้ำ Detox ผสมกับน้ำต้มกัญชา ภายใต้คอนเซ็ปต์ ผอม หุ่นดี อารมณ์ดี ต้อนรับ Summer ด้วยกาแฟหอมกรุ่นจากกาแฟเพรียว ซึ่งผสมผสานกับกัญชาเต็มใบ ในราคา 69 บาท
  • เครื่องดื่ม ท็อกซ์กัญ เพรียวคลอโรฟิลล์โซดาผสมใบกัญชา ใช้สูตรหัวเชื้อ Detox เข้มข้น ฉีดผสมซาบซ่าด้วยใบกัญชาคุณภาพเต็มใบ ในราคา 89 บาท 

นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวเมนูเครื่องดื่มมะพร้าวน้ำหอม All Coco ที่แปลกใหม่ ด้วยซีรีส์ หอมอร่อยไปด้วยกัญ All Coco x Cannabis เปิดมิติใหม่น้ำมะพร้าวผสมกัญชาจำนวน 2 เมนู ได้แก่

  • เครื่องดื่ม Snowflake Cannabis มะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะสูตรออริจินัลผสมใบกัญชา ราคา 149 บาท
  • Mojito Coco Heaven ราคา 149 บาท 
]]>
1323961
ผู้บริโภคไม่ยึดติดแบรนด์ สินค้าไม่โดนถูกเทเร็ว “เซ็ปเป้” ชี้โอกาสเป็นของธุรกิจเครื่องดื่มขนาดกลาง-เล็ก https://positioningmag.com/1231097 Wed, 22 May 2019 23:05:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1231097 ธุรกิจวันนี้นอกจากจะถูก Disrupt จากเทคโนโลยีแล้ว พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย ไม่มี Brand Loyalty เหมือนในอดีต พร้อมลองของใหม่

ในอุตสาหกรรม “อาหารและเครื่องดื่ม” ต้องเผชิญความท้าทายจากพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ จะเลือกสินค้าที่ตอบสนองความต้องการและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นกลุ่มที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ ต้องการลองสินค้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา กลยุทธ์การทำตลาดของแบรนด์ต่างๆ ในวันนี้ จึงต้องโฟกัสไปที่การพัฒนาสินค้า ออกมาเอาใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

อเนก ลาภสุขสถิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก “ผู้เล่น” ที่เติบโตสูงอยู่ในกลุ่มขนาดกลางและเล็กมากกว่าบริษัทระดับโกลบอล เพราะมีความคล่องตัวในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ตามเทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการ “ลองของใหม่” ได้อย่างรวดเร็ว

 

ในอดีตผู้บริโภคเลือกแบรนด์ที่มั่นใจ แต่ในยุคที่ทุกคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ตลอดเวลา แม้เป็นแบรนด์ใหม่ ผู้บริโภคก็มีช่องทางหาข้อมูลสินค้าได้เอง การเป็นแบรนด์เก่า หรือแบรนด์ใหม่ จึงไม่ใช่ปัจจัยตัดสิน แต่อยู่ที่สินค้าหากโดนใจ ก็พร้อมลองของใหม่

อเนก ลาภสุขสถิต

สินค้าไม่โดน วงจรชีวิตจบเร็ว

หากย้อนไปสัก 7 – 8 ปีก่อน สินค้าแต่ละประเภท จะมีวาไรตี้ของ SKU ไม่มาก วงจรชีวิตของสินค้าที่อยู่ในเกณฑ์ “ยอดขายไม่วิ่ง” หรือ “ไม่โดนใจผู้บริโภค” อาจจะยังอยู่ในตลาดหรือบนชั้นวางได้อีก 2 – 3 ปี แต่ช่วง 1 – 2 ปีนี้ต้องบอกว่าทุกอย่าง “เร็วมาก” หากเข้าข่าย “แป้ก” จบชีวิตภายใน 5 – 6 เดือนเท่านั้น จะเห็นได้ว่าในตลาดอาหารและเครื่องดื่ม บนชั้นวางจะมีวาไรตี้ของสินค้าจำนวนมากและเปลี่ยนแปลงเร็ว

กลยุทธ์การทำตลาดของ “เซ็ปเป้” จึงต้องมุ่งไปที่พัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาตลอด ปัจจุบันมี 7 – 8 แบรนด์หลัก มีสินค้ากว่า 1,000 SKU ที่ทำตลาดทั้งไทยและส่งออก 91 ประเทศ โดยชูความหลากหลายของสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มวันนี้ แต่ละประเภทจะมีทั้งแบบ น้ำ เจลลี่ แบบเม็ด บาร์ เพื่อตอบสนองความสะดวกในการรับประทานของแต่ละกลุ่มและสถานการณ์

ปกติแต่ละปีจะเปิดตัวสินค้าใหม่เฉลี่ย 13 – 14 SKU ปีที่ผ่านมามีสินค้าใหม่ 16 – 17 SKU เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความหลากหลาย ปีนี้จะวางสินค้าใหม่ทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มราว 20 SKU ส่วนสินค้าที่ต้องออกจากตลาดมีเพียงปีละ 1 – 2 SKU เท่านั้น

ปิยจิต รักอริยะพงศ์

จับมือสารพัดพันธมิตรเข็นสินค้าลงตลาด

ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็ปเป้” วางตัวเป็นองค์กรด้านนวัตกรรม จึงต้องร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายทั้งระดับโลกและท้องถิ่น ที่เปิดตัวไปแล้ว คือ ความร่วมมือระหว่าง SAPPE และ Danone จัดตั้งบริษัทร่วมทุน “ดานอน-เซ็ปเป้ เบฟเวอเรจเจส” เพื่อร่วมกันทำตลาด B’lue เครื่องดื่มผสมวิตามินเซ็ปเป้ ดูแลการผลิตและกระจายสินค้าในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

ปีที่ผ่านมาได้จัดตั้ง SAPPE INNO STUDIO ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เปิดรับไอเดียและพัฒนานวัตกรรมสินค้าอาหารและเครื่องดื่มร่วมกับพันธมิตร 4 กลุ่ม คือ มหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาต่างๆ, SME, เกษตรกร และพนักงาน เพื่อนำไอเดียมาพัฒนาเป็นสินค้า

ปัจจุบันได้สร้างแบรนด์สินค้าใหม่จาก SAPPE INNO STUDIO แล้ว 3 แบรนด์ คือ Chim Dii สแน็กคางกุ้ง ซึ่งพัฒนาร่วมกับ SME ผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์คางกุ้ง Okusno ที่ทำตลาดในประเทศไทย ส่วนแบรนด์ ChimDii จะทำตลาดต่างประเทศผ่านเครือข่ายร้านค้ากว่า 2.9 แสนจุดขาย ใน 91 ประเทศที่เซ็ปเป้ ทำตลาดอยู่

แบรนด์ Maxtive ทำงานร่วมกับเกษตรกร ที่ทำหน้าที่ซัพพลาย “กล้วยหอมทอง” เพื่อพัฒนาเป็นนวัตกรรมอาหารให้พลังงาน ทำตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ และแบรนด์ Shootz เครื่องดื่มให้พลังงาน ซึ่งเป็นไอเดียจากพนักงานของเซ็ปเป้ สำหรับพนักงานที่เสนอไอเดียหากพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่าย จะได้ส่วนแบ่งรายได้จากยอดขายสินค้าแบรนดังกล่าวเป็นวลา 1 ปี

ปัจจุบัน SAPPE INNO STUDIO มีโปรเจกต์ที่จะพัฒนาสินค้าและแบรนด์ใหม่อยู่ในมือที่เตรียมออกมาทำตลาดต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนี้ โดยแต่ละปีจะมีแบรนด์ใหม่ 3 – 4 แบรนด์

ด้านผลประกอบการปีนี้ยังมั่นใจเติบโตได้ 30% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 2,886 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ต่างประเทศ 60% และในไทย 40% ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลัก 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม (Functional Drink) กลุ่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้ (Juice Drink) กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทผงพร้อมชงเพื่อสุขภาพและความงาม (Functional Powder) กลุ่มเครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม (Other RTD Segment) และกลุ่มขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ (Healthier Snack)

ส่อง 6 เทรนด์เครื่องดื่ม

เทรนด์เครื่องดื่มในตลาดโลก ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภค มี 6 เทรนด์

  1. ฟังก์ชันนอลดริ้งก์ (Hyper Personalized Functionality) ด้านสุขภาพและความงาม
  2. วัตถุดิบจากพืช (Plant-Based) เป็นเทรนด์ที่เกาะกระแสการดูแลสุขภาพและใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ
  3. สีสันจากธรรมชาติ (Color and Nostalgia) เครื่องดื่มที่มีลูกเล่นจากสีสันพืชผักธรรมชาติ เช่น ดอกอัญชัน ฟักทอง
  4. ภูมิปัญญาท้องถิ่น (Globally-Inspired Flavors) เป็นแหล่งผลิตที่มี storytelling เช่น แหล่งผลิตมะพร้าวน้ำหอมที่มีรสชาติดีที่สุดในโลก หรือแหล่งผลิตกล้วยหอมทองรสชาติดี
  5. มีชิ้นเนื้อของวัตถุดิบเป็นส่วนผสม (Texture) เครื่องดื่มที่ใส่ชิ้นเนื้อผสม เพื่อให้ได้ประสบการณ์จากการดื่ม
  6. กระบวนการผลิตที่ดูแลสิ่งแวดล้อม วัตถุดิบออร์แกนิก (Sustainability) การทำธุรกิจที่ใส่ใจสังคมชุมชนและเติบโตอย่างยั่งยืน
]]>
1231097