แบรนด์กระเป๋าหรู – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 14 Jul 2021 09:38:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ลูกค้าพร้อมเปย์! Gucci ขึ้นราคากระเป๋าหรู 5-9% งัดรายได้ชดเชยช่วง COVID-19 https://positioningmag.com/1284453 Sun, 21 Jun 2020 14:39:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1284453 Gucci ปรับขึ้นราคากระเป๋าหรูของแบรนด์ราว 5-9% เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปในช่วง COVID-19 ระบาด ขณะที่ Chanel ประเมินธุรกิจจะหดตัวไปอีกอย่างน้อย 18 เดือน แม้ว่ายอดขายในจีนจะกลับมาโตเกิน 100%

นักวิเคราะห์จากบริษัท Jefferies รายงานการปรับราคาของ Gucci ว่ามีการปรับราคากระเป๋าดัง 2 รุ่นคือ รุ่น Dionysus และ Zumi ขึ้นประมาณ 5-9% จากการสำรวจราคา 3 ประเทศ ได้แก่ จีน อิตาลี และอังกฤษ โดย Gucci เป็นแบรนด์กระเป๋าหรูรายที่สามแล้วที่ปรับราคาสินค้าขึ้นช่วง COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ตามหลังแบรนด์ Louis Vuitton และ Chanel ที่ปรับไปแล้วก่อนหน้านี้

การปรับราคาขึ้นของ Gucci เป็นการเสี่ยงคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าเศรษฐีนักช้อปว่าจะกลับมาซื้ออีกครั้ง แม้ว่าราคาจะปรับขึ้นแล้วก็ตาม

“เราไม่แปลกใจเลยที่ Gucci แบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง จะเดินตามโอกาสการขึ้นราคาสินค้าเพื่อลดผลกระทบจากรายได้ที่หดตัวลง เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ” Cereda บริษัทนักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งกล่าว

กระเป๋า Gucci Zumi mini (Photo: gucci.com)

ก่อนที่ Gucci จะปรับขึ้นราคาเพียงสองวัน Chanel แบรนด์หรูจากฝรั่งเศสเพิ่งประเมินว่าโรคระบาด COVID-19 จะส่งผลกระทบตลาดสินค้าลักชัวรีไปอีกอย่างน้อย 18 เดือนไปจนถึง 24 เดือน

“เรามองว่าสภาวะเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจลักชัวรีไปอีกอย่างน้อย 18 เดือน หรืออาจจะมากถึง 24 เดือน” ฟิลิปป์ บลองดัวซ์ ซีเอฟโอของ Chanel กล่าวกับสำนักข่าว Reuters

แม้ว่า 85% ของหน้าร้าน Chanel ทั่วโลกจะกลับมาเปิดทำการได้แล้ว และยอดขายของแบรนด์ในจีนกลับมาโตมากกว่า 100% ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงเห็นการฟื้นตัวทั้งในปารีส มิลาน และเบอร์ลิน แต่บลองดัวซ์ยังมองว่า “การดำเนินงานที่แข็งแกร่งเหล่านี้ยังไม่สามารถชดเชยรายได้ธุรกิจระหว่างประเทศได้ เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติในแต่ละประเทศที่หายไปมีผลกับธุรกิจดิวตี้ฟรีของเรา และดิวตี้ฟรีคือกลุ่มธุรกิจที่ยังต้องปิดอีกยาวนาน”

ดังนั้น เพื่อตอบสนองการคาดการณ์เชิงลบในอนาคต Chanel มีการตัดงบโฆษณาแล้ว พร้อมลดกำลังการผลิต รวมถึงกำลังพิจารณากิจกรรมการจัดแฟชั่นโชว์ใหม่

สำหรับภาพรวมธุรกิจลักชัวรี Bain & Company ประเมินว่าธุรกิจนี้รวมทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 3.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่ปีนี้อาจจะได้เห็นการหดตัวสูงสุดถึง 35%

Source

]]>
1284453
ที่มาราคาใบละ(หลาย)แสนของ “Hermes Birkin” หนึ่งในกระเป๋าแบรนด์เนมที่แพงที่สุดในโลก https://positioningmag.com/1262953 Mon, 03 Feb 2020 09:46:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1262953 Hermes Birkin คือกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูสนนราคาหลักแสนบาท ยิ่งรุ่นพิเศษอย่าง Himalaya ราคาพุ่งขึ้นไปถึง 15 ล้านบาท แต่ทำไมกระเป๋าแบรนด์นี้และรุ่นนี้จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ เรามาติดตามตำนานของ Hermes Birkin และกลยุทธ์การหล่อเลี้ยงดีมานด์-ซัพพลายจนทำให้กระเป๋าใบนี้กลายเป็นสินค้าเพื่อการลงทุน

กระเป๋า Hermes เป็นไฮเอนด์แบรนด์ที่สาวๆ ต่างหมายปอง โดยราคาต่ำสุดเริ่มต้นที่ 1,875 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 56,250 บาท และนั่นคือราคากระเป๋าสะพายข้างขนาดเล็กรุ่น Aline Mini Bag เท่านั้น แต่ถ้าเป็นรุ่นยอดฮิตอย่าง Birkin ราคาเริ่มต้นโดยประมาณคือ 9,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 2.7 แสนบาท ยิ่งถ้าหากเป็นรุ่น Himalaya Birkin ด้วยแล้ว ราคาจะพุ่งขึ้นไปถึง 5 แสนเหรียญ หรือ 15 ล้านบาท!!

อะไรทำให้กระเป๋าใบหนึ่งมีราคาสูงเทียบได้กับการซื้อบ้านทั้งหลัง และยังมีคนมากมายต้องการเป็นเจ้าของ เรามาติดตามตำนานของกระเป๋า Hermes Birkin กัน

เรื่องราวย้อนกลับไปถึงปี 1984 นักแสดงสาว Jane Birkin (นามสกุลของเธอจะกลายเป็นชื่อกระเป๋าในเวลาต่อมา) บังเอิญได้นั่งติดกับ Jean-Louis Dumas ซีอีโอของ Hermes บนเที่ยวบินหนึ่ง เป็นที่รู้กันดีว่า Jane Birkin มักจะหิ้วตะกร้าสานไปไหนมาไหนด้วยเวลาเดินทาง และครั้งนี้ก็เช่นกัน Birkin พยายามนำตะกร้าใส่บนที่เก็บของเหนือศีรษะของเครื่องบิน ทำให้ฝาตะกร้าเปิดและข้าวของตกหล่นกระจายบนพื้น

Jane Birkin with her husband Serge Gainsbourg in London’s Berwick Street, April 1977
Jane Birkin กับตะกร้าสานคู่ใจของเธอ (photo: The Irish Times)

Birkin บ่นให้ Dumas ฟังว่าเธอไม่สามารถหากระเป๋าที่ถูกใจใช้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้เลย Dumas จึงเริ่มสเก็ตช์ภาพกระเป๋าตามความต้องการของ Birkin บนเครื่องบินลำนั้นเลย และอีกหนึ่งปีต่อมา Dumas ก็นำกระเป๋า “The Birkin Bag” ใบแรกให้เธอชม

ตัวกระเป๋ามีขนาดใหญ่พอที่จะจุของมากมาย แต่ยังคงดูลักชัวรี พร้อมช่องเก็บของภายใน และมีที่ปิดกระเป๋าเพื่อไม่ให้ข้าวของหล่นออกมาโดย Hermes Paris ผลิตกระเป๋ารุ่นนี้จากหนังหลายแบบ มีตั้งแต่หนังลูกวัว หนังจระเข้ ไปจนถึงหนังนกกระจอกเทศ (ล่าสุดเพิ่งมีแบบทำจากผ้าใบเพิ่มเข้ามา) และทุกใบเป็นกระเป๋าแฮนด์เมดที่สร้างจากฝีมือช่างอย่างพิถีพิถัน

กระเป๋าถือ Birkin สีทราย สีคลาสสิกของ Hermes (photo: Hermes)

แม้ยุคนี้กระเป๋า Hermes Birkin จะโด่งดังมาก แต่เมื่อครั้งที่กระเป๋าออกวางตลาดใหม่ๆ มันไม่ได้เป็นกระเป๋ายอดนิยมทันที กว่าที่ Birkin จะดังจริงๆ และขึ้นสู่สถานะ “It Bag” (กระเป๋าบ่งบอกสถานะทางสังคม) ก็อีก 10 กว่าปีต่อมา และทำให้กระเป๋าที่เคยขายในราคา 12,000 เหรียญสหรัฐ ขยับราคาขึ้นไปที่ 50,000 เหรียญสหรัฐ

แน่นอนว่า Jane Birkin คือจุดเริ่มต้นของการประชาสัมพันธ์กระเป๋าใบนี้ เนื่องจากเธอหิ้วมันไปตามที่ต่างๆ อยู่เสมอ แต่กระเป๋าเริ่มเป็นเทรนด์โด่งดังจริงๆ เมื่อเป็นส่วนหนึ่งในฉากของซีรีส์ดังเรื่อง Sex and the City เมื่อปี 2001 พล็อตของตอนนี้ ตัวละคร Samantha Jones ใช้ชื่อลูกค้าเซเลบของเธอเพื่อซื้อกระเป๋า Birkin โดยไม่ต้องรอคิวยาวถึง 5 ปี หลังซีรีส์ตอนนี้ออกอากาศคิวรอซื้อกระเป๋า Hermes Birkin ก็ยาวขึ้นถึง 3 เท่า

ชื่อเสียงของเซเลบที่หิ้วกระเป๋าใบนี้ไปมายิ่งช่วยให้กระเป๋าโด่งดังยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Victoria Beckham, Kate Moss, Kim Kardashian หรือ Lady Gaga

Sex and the City
ฉากจากซีรีส์เรื่อง Sex and the City ที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋า Hermes Birkin และทำให้มันดังเป็นพลุแตก

นั่นคือการสร้างดีมานด์ในโลกแห่งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่กระเป๋าคงไม่ดันราคาขึ้นสูงขนาดนี้ได้หากไม่จำกัดซัพพลาย และเป็นการจำกัดซัพพลายที่มีเหตุผลรองรับ

Mason Howell ผู้เชี่ยวชาญด้านกระเป๋าถือจากบริษัทขายแบรนด์เนมมือสอง The Real Real อธิบายว่า Birkin แพงมากเพราะเรื่องราวการผลิต Birkin เป็นกระเป๋าแฮนด์เมดและเป็นงานศิลปะในตัวเอง ช่างของ Hermes ต้องมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีจึงจะได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ได้ ซัพพลายของกระเป๋าจึงมีน้อย

Hermes ใช้กลยุทธ์นี้เพื่อให้ซัพพลายในตลาดมีจำกัดและกลายเป็นสินค้าที่ทุกคนตามหา โดยจำนวนผลิตกระเป๋า Birkin ต่อปีเป็นความลับสุดยอดของบริษัท แต่มีการคาดการณ์กันว่าบริษัทจะเลี้ยงปริมาณในตลาดให้อยู่ที่ไม่เกิน 2 แสนใบ

กระเป๋า Hermes Himalaya Birkin ไซส์ 25 ซม. (Photo: Christies.com)

ส่วนกระเป๋าที่แพงที่สุดของ Hermes คือรุ่น Himalaya Birkin เป็นกระเป๋าหนังจระเข้สีขาวประดับด้วยทองคำขาว 18K และเพชรมากกว่า 200 เม็ด กระเป๋ารุ่นนี้แบ่งออกเป็น 3 ไซส์ แต่ไซส์ที่หายากที่สุดคือขนาด 35 เซนติเมตร ซึ่งมีสถิติขายรีเซลด้วยราคาที่แพงที่สุดเมื่อปี 2019 ด้วยราคา 5 แสนเหรียญหรือ 15 ล้านบาท ผู้ซื้อต่อคือ David Oancea หรือชื่อในวงการคือ Vegas Dave ผู้เชี่ยวชาญด้านการพนันกีฬา

Oancea ให้ข้อมูลกับ Business Insider ว่ากระเป๋ารุ่นนี้และไซส์นี้เท่าที่เขาทราบมีแค่ 2 ใบในโลก นอกจากเขาที่เพิ่งซื้อมันมาแล้ว อีกคนหนึ่งที่มีในครอบครองคือ Marjorie Harvey ภรรยาของ Steve Harvey พิธีกรคนดังแห่งเวทีมิสยูนิเวิร์ส

ส่วนเหตุผลที่ Oancea ลงทุนซื้อกระเป๋าแพงระยับ เป็นเพราะเขารักการทำลายสถิติ และต้องการเป็นที่รู้จักจากการครอบครองกระเป๋าใบนี้เขายังยืนยันไม่ขายกระเป๋าที่เป็นตัวสร้าง “คอนเทนต์” สุดฮอตบนโซเชียลมีเดีย ยกเว้นจะมีคนยอมจ่ายให้ถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ!! (60 ล้านบาท)

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Vegas Dave ?⚾?? (@itsvegasdave) on

ปัจจุบันกระเป๋า Hermes Birkin ไม่ใช่สินค้าที่วางขายทั่วไป คนที่จะได้สิทธิซื้อต้องเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าของ Hermes มาแล้วจำนวนมาก หรือเป็นคนดังในสังคม จากนั้นทาง Hermes จะเสนอสิทธิซื้อกระเป๋า Birkin ให้เอง และถึงจะได้สิทธิซื้อแล้วก็ยังต้องต่อคิวรอการผลิต แถมยังไม่สามารถเลือกสีหรือไซส์ของกระเป๋าได้ รวมถึงยังถูกจำกัดจำนวนการซื้อต่อคนต่อปีด้วย

เมื่อซัพพลายของใหม่ในตลาดมีน้อยและเข้าถึงยาก ดังนั้นราคารีเซลมือสอง (หรือสาม สี่ ห้า) ย่อมพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย กระเป๋า Birkin จึงไม่ใช่แค่สินค้าแฟชั่นแต่กลายเป็นทรัพย์สินเพื่อการลงทุน ที่เศรษฐีบางคนจ่ายเงินซื้อเก็บแทนทองคำ โดยมีผลการศึกษาราคาจาก baghunter.com เมื่อปี 2017 พบว่าราคาของ Birkin เพิ่มขึ้น 500% ในช่วง 35 ปีที่ผ่านมา หรือเฉลี่ยปีละ 14% เป็นผลตอบแทนที่สูงยิ่งกว่าการลงทุนในหุ้น S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12% ต่อปี

Victoria Beckham หนึ่งในเซเลปที่ใช้กระเป๋า Hermes Birkin ว่ากันว่าเธอมีกระเป๋ารุ่นนี้กว่า 100 ใบ (photo: Danny Martindale/FilmMagic)

Howell จาก The Real Real กล่าวด้วยว่าราคาจะเติบโตมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับเป็น Birkin สีไหน ไซส์ไหน ใช้วัสดุใดในการตัดเย็บและตกแต่ง อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วถ้าคุณซื้อ Birkin สักใบหนึ่งเมื่อปี 2004 มาในราคา 4,000 เหรียญ ผ่านไป 15 ปี คุณจะสามารถขายมันได้ในราคา 5,000-6,000 เหรียญ แม้ว่าจะผ่านการใช้งานมาหลายครั้ง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่กระเป๋าที่ต้องเก็บไว้ในตู้ที่บ้านเท่านั้นจึงจะเก็งกำไรได้

อย่างที่ได้กล่าวไปว่าโดยรวมแล้วจำนวนกระเป๋ารุ่นนี้มีน้อย ยิ่งเมื่อมาแยกเป็นสี ไซส์ วัสดุหนังที่ใช้ และวัสดุเครื่องประดับ ยิ่งทำให้มีกระเป๋าที่เป็นแบบเดียวกันเป๊ะน้อยลงไปอีก กระเป๋า Birkin แต่ละใบจึงเหมือนเป็น Limited Edition ในตัวมันเอง Howell กล่าวว่า คุณสมบัติแบบนี้ทำให้ผู้บริโภคอาจจะยอมจ่ายเพิ่มอีก 10,000 เหรียญเพื่อให้ได้แบบกระเป๋าที่ตัวเองต้องการ

ราคารีเซล Hermes Birkin (photo: Komehyo.co.th)

สำหรับในไทย ราคา Birkin มือสองที่ขายอยู่ในเว็บไซต์ Komehyo ร้านแบรนด์เนมมือสอง สนนราคาตั้งแต่ 2.3 แสนบาทจนถึง 5.3 แสนบาท

แล้วใครบ้างที่เป็นนักสะสม Birkin เซเลบคนหนึ่งที่ครอบครองกระเป๋า Birkin ไว้มากที่สุดคือ Victoria Beckham สื่อคาดการณ์กันว่าเธอมีกระเป๋ารุ่นนี้อยู่กว่า 100 ใบ มูลค่ารวมกันมากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 60 ล้านบาท) แต่ยังมีคนที่สะสม Birkin ไว้มากกว่า Victoria คนๆ นั้นคือ Jamie Chua นักธุรกิจหญิงในสิงคโปร์ที่มีกระเป๋า Birkin ถึง 200 ใบ!!

ส่วนต้นกำเนิดของกระเป๋าอย่าง Jane Birkin กลับเป็นคนที่ใช้กระเป๋าใบนี้แบบที่คนรัก Birkin ต้องร้องกรี๊ดมากที่สุด เพราะเธอติดสารพัดสติกเกอร์ไว้บนตัวกระเป๋าเหมือนมันทำจากพลาสติกมิใช่หนังแท้ “การใช้กระเป๋าคงไม่สนุกเท่าไหร่ถ้าเราไม่เอามาใช้แบบสมบุกสมบันราวกับเคยมีแมวมานั่งทับ!” Birkin กล่าว

Source: Business Insider, BBC, Fashionista

]]>
1262953
เมื่อโฆษณาไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับ GOYARD https://positioningmag.com/1234786 Sun, 16 Jun 2019 02:55:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1234786

ในยุคที่การแข่งขันทางการตลาดรุนแรงดุเดือดเพื่อเชือดเฉือนส่วนแบ่งการตลาดกัน “โฆษณา” คือหนึ่งในอาวุธสำคัญที่ทุกแบรนด์งัดกันเข้ามาสู้ บางอุตสาหกรรมอาจต้องใช้งบโฆษณากันปีละหลักร้อยล้านหรือพันล้านบาท ทุ่มงบมหาศาลในการคว้าตัวดาราที่กำลังฮอตฮิตที่สุดมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ได้ จนผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าในยุคนี้ เราจะขายของหรือสร้างแบรนด์ได้อย่างไรถ้าเราไม่โฆษณา

แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในโลกนี้ มีแบรนด์ที่ยืนหยัดและเติบโตมานานเกินกว่าร้อยปี โดยไม่เคยเสียค่าโฆษณาแม้แต่บาทเดียว ผมกำลังพูดถึงแบรนด์กระเป๋าสัญชาติฝรั่งเศสชื่อ GOYARD ที่หลายคนอ่านชื่อแบรนด์ว่า โก-หยาด แต่จริงๆ การอ่านตามต้นตำรับภาษาฝรั่งเศส แบรนด์นี้อ่านว่า โก-ยาร์ ซึ่งแบรนด์กำเนิดขึ้นที่ปารีส เพียงหนึ่งปีก่อนแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Louis Vuitton ด้วยธุรกิจผลิตกระเป๋าและกล่องสำหรับคนรวยเพื่อใช้บรรจุสิ่งของในการเดินทางหรือส่งไปต่างประเทศ ลองนึกภาพดูนะครับว่าร้อยกว่าปีก่อน ที่การเดินทางยังไม่ได้สะดวกแบบทุกวันนี้ คนที่มีสิทธิ์เดินทางไกล หรือส่งของไปไกลๆ ล้วนแล้วแต่เป็นคนรวย หรือนักธุรกิจใหญ่โตทั้งนั้น

จุดเด่นของ Goyard นั้นเป็นที่รู้กันว่าคือลายเพนต์ที่อยู่บนกระเป๋าและหีบเดินทางทุกใบ โดยเพนต์เป็นทรง chevron หรือทรงคล้ายๆ กับตัว Y ที่มีชื่อเรียกว่า Goyardine ซึ่งในอดีตนั้น สินค้าทุกใบจะผ่านการเพนต์ด้วยมือของช่างฝีมือล้วนๆ แต่ด้วยปัจจุบันที่ธุรกิจเติบโตขึ้น ขยับขยายจำนวนสาขามากขึ้นไปทั่วโลก มีหลายแหล่งข้อมูลบอกว่า Goyardine ในปัจจุบันใช้เทคนิคการพิมพ์แบบพิเศษ ไม่ได้ใช้ช่างฝีมือเพนต์ด้วยมืออีกต่อไปแล้ว เพราะผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้ายังเพนต์มือกันอยู่ จะต้องมีกองทัพช่างใหญ่โตขนาดไหนถึงจะสามารถผลิตสินค้าออกมาได้มากเพียงพอกับความต้องการที่สูงขึ้นทุกปี

แต่อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่ยังมั่นใจได้ตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ คือสินค้าของ Goyard ยังคงผลิตในสำนักช่าง Goyard ในประเทศฝรั่งเศสทุกชิ้น ไม่มีการขยับขยายฐานการผลิตไปที่ประเทศอื่นโดยเด็ดขาด ซึ่งต่างจากแบรนด์ไฮเอนด์หลายแบรนด์ ที่เริ่มขยับขยายฐานการผลิตไปที่ประเทศอื่นมานานแล้ว

ด้วยความที่ Goyard เป็นแบรนด์ที่ยึดมั่นในคุณภาพการผลิต และระมัดระวังเรื่องการขยายสาขาไม่ให้กลายเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ง่ายจนเกินไป ทำให้แบรนด์นี้เริ่มสร้างกลุ่มแฟนที่จงรักภักดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าแบรนด์นี้จะไม่เคยจ้างพรีเซ็นเตอร์ให้มาช่วยถือสินค้าโปรโมตเลยแม้แต่คนเดียว แต่ Goyard กลับกลายเป็นไอเท็มฮอตที่ปรากฏตัวอยู่ใน pop culture ตลอดเวลา หนึ่งในนั้นคือการเข้าไปเป็นพร็อพในมิวสิกวิดีโอของ Rihanna จนทำให้คนมากมายรู้จักแบรนด์นี้ โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแม้แต่บาทเดียว ซึ่งวงการที่เลิฟแบรนด์นี้มาก กลับไม่ใช่แค่สายแฟชั่น แต่ลุกลามไปถึงวงการแร็พเปอร์ ที่ตัวท็อปที่ล้วนแล้วแต่มี Goyard ในครอบครองทั้งสิ้น

นอกจากจะไม่เคยลงงบโฆษณาแล้ว จนถึงวันนี้ที่ใครๆ ก็แห่กันไปขายของออนไลน์กันตั้งแต่แปรงสีฟันยันรถยนต์ แต่ Goyard ยังคงยึดมั่นกับการขายสินค้าผ่านหน้าร้านเท่านั้น ไม่ขายของผ่านทาง e-commerce เลยแม้แต่ชิ้นเดียว อย่างไรก็ดี Goyard นั้นไม่ได้ปฏิเสธการใช้ social media โดยปัจจุบันทางแบรนด์มี Youtube channel และ Instagram ซึ่งจำนวน follower ก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไร และทางแบรนด์เองก็ดูจะไม่ได้แคร์อะไรกับตัวเลขพวกนี้

จากประสบการณ์ตรงของผม การซื้อกระเป๋ายี่ห้อนี้นั้นต้องใช้ดวงและแต้มบุญอยู่พอสมควร เพราะใช่ว่ารุ่นและสีที่ต้องการจะมีของให้เราได้ควักเงินซื้ออยู่ตลอดเวลา และแน่นอนว่าแบรนด์เองก็ไม่ได้ง้อหรือเสียดายที่พลาดโอกาสการขายเลย สิ่งที่พนักงานบอกผมคือ ถ้าวันนี้ยังไม่มีของรุ่นที่คุณอยากได้ สิ่งเดียวที่คุณควรทำคือ อดทน และลองกลับมาเช็กดูอีกทีถ้ามีโอกาส ซึ่งผมใช้เวลากว่าครึ่งปี กว่าจะได้กระเป๋าสตางค์รุ่นและสีที่อยากได้มาครอบครองสมใจ

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Goyard มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่างจากแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์อื่นๆ เป็นเพราะในวันนี้ Goyard ยังคงเป็นธุรกิจส่วนตัวที่ไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ และไม่ได้เป็นแบรนด์ที่อยู่ในเครือแฟชั่นยักษ์ใหญ่ ทำให้อำนาจการตัดสินใจ และแนวทางในการดำเนินธุรกิจนั้น สามารถกำหนดได้โดยไม่ต้องเอาเรื่องผลกำไร หรือตัวเลขการเติบโตขึ้นมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แบรนด์จึงไม่จำเป็นต้องขยายสาขา เพิ่มยอดขายเพื่อทำตัวเลขเอาใจนักลงทุน หรือตลาดหลักทรัพย์ และปัจจัยนี้แหละที่ทำให้แบรนด์อายุร้อยกว่าปียังคงเป็นที่ปรารถนาของคนจำนวนมาก โดยไม่ต้องให้ใครมาโปรโมต หรือลงโฆษณาแม้แต่ครั้งเดียว

แม้จะเคยมีข่าวลือออกมาช่วงสองสามปีก่อนว่า LVMH ยักษ์ใหญ่แห่งวงการแฟชั่น สนใจจะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อแบรนด์ Goyard เข้ามาอยู่ในอาณาจักรของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วดีลนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง.

]]>
1234786