Chanel แจ้งขึ้นราคากระเป๋าบางรุ่น 5-17% ในสกุลเงินยูโร เหตุต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นจากไวรัส COVID-19 กระทบซัพพลายเชน อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าลักชัวรีชี้ราคาไทยปรับขึ้นมาถึง 20% เมื่อรวมผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน นักวิเคราะห์มองสินค้าแบรนด์หรูวางเป้าขึ้นราคารอนักช้อปที่อัดอั้นจากช่วง COVID-19 ระบาด
สำนักข่าว Reuters รายงานข้อมูลจาก Chanel เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทมีการปรับราคากระเป๋าบางรุ่นขึ้น 5-17% (ในสกุลเงินยูโร) โดยกระเป๋าที่จะปรับราคาขึ้นเป็นรุ่นไอคอนของแบรนด์ ได้แก่ 11.12 , 2.55 , Boy, Gabrielle, Chanel 19 และกลุ่มสินค้าเครื่องหนังชิ้นเล็กอื่นๆ
โดยบริษัทชี้แจงว่ามีการปรับขึ้นราคาเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นในช่วงการระบาดของไวรัส COVID-19 มีผลกระทบต่อซัพพลายเชน
หลังจากปรับราคาในสกุลเงินยูโรมาตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2020 Chanel แจ้งว่าราคาทั่วโลกจะทยอยปรับขึ้นในระดับใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้เกิดความแตกต่างด้านราคามากจนเกินไป ส่งผลให้ลูกค้าจีนและเกาหลีใต้แห่ต่อคิวยาวเหยียดหน้าห้างฯ เพื่อรอซื้อกระเป๋า Chanel ก่อนปรับราคา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้บริโภคที่นิยมสินค้าลักชัวรีในไทยพบว่า ราคากระเป๋าเมื่อแปลงเป็นเงินบาทไทยแล้ว ราคาหิ้วจากช็อปในยุโรปและราคาหน้าช็อปไทยนั้นปรับขึ้นมาประมาณ 15-20% สำหรับกระเป๋า Chanel รุ่นสุดฮิตอย่าง Classic Flap Bag ขนาด 10″ จากเดิมราคาหิ้วเคยอยู่ที่ราวๆ 185,000 บาท ขึ้นมาเป็น 220,000 บาท ส่วนหน้าช็อปไทยเคยอยู่ที่ประมาณเกือบ 200,000 บาท ขึ้นมาเป็น 235,000 บาท เมื่อวานนี้
การปรับราคาของกระเป๋า Chanel นั้นเกิดขึ้นเกือบทุกปี ล่าสุดเคยขึ้นราคากระเป๋าบางรุ่นมาแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2019 แต่ที่การปรับรอบนี้น่าตกใจคือสัดส่วนการขึ้นราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าครั้งก่อนๆ
ไม่ได้มีแค่ Chanel ที่ปรับราคาขึ้นช่วงเกิดโรคระบาด แม้แต่ LVMH ก็ปรับราคากระเป๋า Louis Vuitton บางรุ่นขึ้นประมาณ 14% ในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และมีรายงานว่าร้านเครื่องประดับ Tiffany สาขาในเกาหลีใต้ก็ปรับราคาขึ้นประมาณ 10% เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2020
ลูกค้าลักชัวรีรอกลับไปช้อป
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า Chanel รวมถึงแบรนด์ลักชัวรีอื่นๆ เลือกปรับราคาแรงในช่วงนี้ เพื่อเตรียมรับกระแสนักช้อปที่จะกลับมาโหมซื้อสินค้า ชดเชยช่วงที่มีการปิดล็อกดาวน์ประเทศระหว่างการระบาดของไวรัส COVID-19 และเมื่อมองในมุมบริษัท กลยุทธ์การปรับราคาอาจทำให้บริษัทมีผลกำไรรวมทั้งปีที่ดีขึ้น
View this post on Instagram
สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์การค้า Lotte ในเกาหลีใต้ เปิดเผยกับสำนักข่าว SCMP ว่า สินค้ากลุ่มลักชัวรีทำยอดขายในช่วงวันที่ 1-10 พฤษภาคม 2020 สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 30% สะท้อนภาพกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มนี้ที่รอการกลับไปใช้จ่ายหลังหมดโรคระบาด
- มองอนาคตตลาด ‘Luxury’ ที่อาจต้องใช้เวลา 2 ปีถึงจะฟื้น และจีนจะครอง 50% ของยอดขายทั่วโลก
- วิเคราะห์ : เปิดเมืองมาเกือบ 2 เดือน แต่ทำไมชาวจีนยังคง “ว่างงาน” ในอัตราสูง
อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง ตลาดจีนที่เคยเป็นตลาดหลักของสินค้าลักชัวรีโดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 35% จากยอดขายทั่วโลกในปี 2019 มุมมองของผู้บริโภคชาวจีนอาจเปลี่ยนไปหลังการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ จนชาวจีนมองการเก็บเงินสดสำคัญกว่าการซื้อสินค้าสร้างไลฟ์สไตล์หรือแม้แต่การลงทุนสินทรัพย์
ต้องจับตามองกันอีกครั้งว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคสินค้าลักชัวรีหลังการระบาดจะเปลี่ยนไปหรือไม่!
Source: Reuters, Business Insider, SCMP, New York Post