มองอนาคตตลาด ‘Luxury’ ที่อาจต้องใช้เวลา 2 ปีถึงจะฟื้น และจีนจะครอง 50% ของยอดขายทั่วโลก

รายงานใหม่จาก Bain & Company คาดการณ์ว่ายอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยหรือสินค้า Luxury ทั่วโลกในไตรมาส 2 ของปีอาจลดลงมากถึง 60% เนื่องจากการระบาดของโรค COVID-19 เนื่องจากหลายประเทศต้องปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็นและสั่งคนให้อยู่ในบ้านให้มากที่สุด

Bain & Company ระบุว่า เพื่อสกัดกั้นการแพร่กระจายของ COVID-19 ประเทศต่าง ๆ จึงบังคับปิดร้านค้าปลีก, การเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ หลายล้านคนทั่วโลกต้องตกงานและโลกอยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อยอดขายสินค้า ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยส่วนบุคคลทั่วโลกหรือสินค้า Luxury ที่ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, เครื่องประดับ, นาฬิกา, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และอุปกรณ์เสริม

Photo : Shutterstock

โดยคาดว่ายอดขายสินค้า Luxury ทั่วโลกจะลดลงประมาณ 50% – 60% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี แม้ว่าในบางประเทศจะเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ลง ขณะที่ภาพรวมทั้งปีคาดว่าจะหดตัวประมาณ 20% – 35% เหลือประมาณ 1.8-2.2 แสนล้านยูโร จากที่ปี 2019 มีมูลค่าตลาดสูงถึง 2.81 แสนล้านยูโร

“จะมีการฟื้นตัวของตลาดหรู แต่อุตสาหกรรมจะเปลี่ยนไปอย่างสุดซึ้ง” Claudia D’Arpizio หุ้นส่วนของ Bain และผู้เขียนรายงานหลักกล่าว

ด้านที่ปรึกษาบริษัท McKinsey & Company ออกรายงานในเดือนเมษายนซึ่งกล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า มูลค่าตลาด Luxury ทั่วโลกในปี 2020 จะหดตัวระหว่าง 35% – 39% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ประมาณ 80% ของบริษัทแฟชั่นที่จดทะเบียนในตลาดยุโรปและอเมริกาเหนือจะอยู่ในภาวะคับขันทางการเงิน

“หากตลาด Luxury จะกลับมาเป็นปกติหรือมีมูลค่าเท่ากับปี 2019 ต้องใช้เวลา 2-3 ปี หรือประมาณปี 2565 ถึง 2566 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแนวโน้มทางเศรษฐกิจระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเวลานั้น กระแสการท่องเที่ยวและความสามารถของแบรนด์ในการคาดการณ์และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค”

ทั้งนี้ คาดว่าผู้บริโภคชาวจีนจะนำไปสู่การฟื้นฟูในการจับจ่ายสินค้าหรูหรา โดยภายในปี 2568 ตลาด Luxury จะมีมูลค่าถึง 3.2 – 3.3 แสนล้านยูโร ขณะที่ผู้บริโภคชาวจีนจะมีสัดส่วนการใช้จ่ายให้กับสินค้า Luxury เกือบครึ่งหนึ่งของการใช้มูลค่าตลาดทั่วโลก จากที่ปี 2019 มีสัดส่วนประมาณ 35%

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทางทั่วโลกลูกค้าชาวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ เช่น ปารีส, ลอนดอน และนิวยอร์กเพื่อซื้อสินค้า Luxury ทำให้เกิดแนวโน้มที่จะทำสั่งซื้อภายในประเทศแทน

“ประเทศจีนจะยังคงผลักดันการเติบโตของตลาดสินค้าฟุ่มเฟือย และคาดว่าจะมีการซื้อสินค้าประมาณ 50% ในจีนแผ่นดินใหญ่”

Source