โรงแรม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 09 Jun 2022 11:25:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 CPN ลุยสร้าง “โรงแรม” ประกบศูนย์การค้า 37 แห่ง เปิดแบรนด์ใหม่ “Centara One – Go! Hotel” https://positioningmag.com/1388312 Thu, 09 Jun 2022 10:10:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388312
  • “เซ็นทรัลพัฒนา” (CPN) กางแผนลุยธุรกิจ “โรงแรม” เต็มตัว จากเดิมมีเพียง 2 แห่งในพอร์ต อีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มอีก 37 แห่ง รวม 4,000 ห้อง ใน 27 จังหวัด มูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านบาท
  • ทั้งหมดจะประกบกับ “ศูนย์การค้า” ทั้งเซ็นทรัล-โรบินสัน ตามแผนงาน “มิกซ์ยูส” และจะทำให้พอร์ตโรงแรมของเซ็นทรัลพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 10% ของบริษัท
  • ผนึก “เซ็นทารา” เข้ามาบริหาร 3 แบรนด์ ได้แก่ Centara, Centara One และ Go! Hotel สำหรับสองแบรนด์หลังคือแบรนด์ใหม่ “เอ๊กซ์คลูซีฟ” ให้กับเซ็นทรัลพัฒนาเท่านั้น เจาะตลาดโรงแรมระดับกลางและพรีเมียมแมส
  • ปัจจุบัน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) มีโรงแรมเพียง 2 แห่งในพอร์ต คือ โรงแรมฮิลตัน พัทยา และ โรงแรมเซ็นทาราและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ อุดรธานี โดยรายได้จากกลุ่มโรงแรมคิดเป็นเพียง 2% ในพอร์ต เพราะดังที่ทราบกันว่าเซ็นทรัลพัฒนาเน้นหนักด้านศูนย์การค้าเป็นหลัก แต่นับจากนี้ CPN จะกระโดดเข้ามาในตลาดโรงแรมเต็มตัวแล้ว

    “วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ประกาศแผนของบริษัท “5 ปี ขยายโรงแรม 37 แห่ง รวม 4,000 ห้อง ใน 27 จังหวัด มูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านบาท” เริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นปีแรก

    (จากซ้าย) โรงแรม Centara Ayutthaya, Centara One Rayong และภาพจำลอง Go! Hotel

    การลงทุนครั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนาจะประกบโรงแรมเข้ากับศูนย์การค้าในเครือไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัลหรือโรบินสัน ตามนโยบายการดำเนินโครงการแบบ “มิกซ์ยูส” มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม คอนโดมิเนียมในบริเวณเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การทำธุรกิจ ‘synergy’ กันได้ ลูกค้ามีความสะดวกสบาย เสริมโอกาสทางการค้าให้กันและกัน

    วัลยายังกล่าวด้วยว่า กลยุทธ์การบุกตลาดโรงแรมครั้งนี้ของ CPN จะตอบโจทย์ทั้งลูกค้าพักผ่อน ธุรกิจ ทำงาน รวมถึงจะมีครบทุกเซ็กเมนต์ และยังเน้นการจ้างงานคนในชุมชน เน้นอัตลักษณ์อาหารและการออกแบบจากท้องถิ่นด้วย เพราะหวังให้โรงแรมของเซ็นทรัลพัฒนาเป็นมาตรฐานใหม่ทั้งในเมืองหลักและเมืองรองของประเทศ

    “วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา

    “ภูมิ จิราธิวัฒน์” Head of Hotel Property บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวขยายความการตัดสินใจพัฒนาโรงแรมมากขึ้นของบริษัท นอกจากนโยบายมิกซ์ยูสแล้ว ยังเกิดจากบริษัทเล็งเห็นว่าการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวได้ดีกว่านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเดือนเมษายนที่ผ่านมา คนไทยเที่ยวในไทยถึง 30 ล้านคน เทียบกับเมษายน 2562 คนไทยเที่ยวไทย 38 ล้านคน

    นอกจากนี้ยังมีกระแส workation คนย้ายที่ทำงานไปทำงานทางไกลจากจังหวัดที่ได้พักผ่อน รถไม่ติด อากาศบริสุทธิ์ ทำให้ค่าเฉลี่ยการเข้าพักหลัง COVID-19 เพิ่มเป็น 3-5 วัน จากก่อนเกิดโรคระบาดจะเฉลี่ยที่ 2-3 วัน

    CPN โรงแรม
    ภูมิ จิราธิวัฒน์” Head of Hotel Property บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา

    เมื่อรวมกับศักยภาพของเครือเซ็นทรัล ทางเซ็นทรัลพัฒนามีที่ดินใจกลางเมืองจากการพัฒนาศูนย์การค้าอยู่แล้วโดยไม่ต้องจัดซื้อเพิ่ม และมีเซ็นทาราเป็นผู้บริหารโรงแรมที่เชี่ยวชาญ การขยับมาพัฒนาโรงแรมจึงเป็นทิศทางที่เหมาะสม

     

    เปิดแบรนด์ใหม่ ‘Centara One’ และ ‘Go! Hotel’

    ภูมิกล่าวต่อว่า การเปิดตัวโรงแรมทั้งหมด 37 แห่ง ภายใน 5 ปี จะแบ่งเป็น 3 เซ็กเมนต์ครบทุกระดับ ได้แก่

    • Centara แบรนด์ระดับฟูลเซอร์วิส ราคาห้องพักประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป โดยจะเปิดทั้งหมด 4 แห่ง เช่น Centara Korat, Centara Ayutthaya, Centara Ubon
    • Centara One แบรนด์ผสมผสานไลฟ์สไตล์และธุรกิจ (Bleisure) ในระดับกลาง ราคาห้องพักประมาณ 1,500-1,700 บาท จะเปิดทั้งหมด 8 แห่ง เช่น Centara One Rayong
    • Go! Hotel แบรนด์โรงแรมระดับพรีเมียมแมส โรงแรมขนาด 79 ห้อง ราคาห้องพักประมาณ 1,000 บาท จะเปิดทั้งหมด 25 แห่ง มีแผนเปิดแล้ว 7 ทำเล คือ โคราช, อุบลราชธานี, อยุธยา, ระยอง, ศรีราชา, ชลบุรี และเชียงราย
    โรงแรม CPN
    แผนการเปิดโรงแรมของ CPN แบ่งตามแบรนด์

    สำหรับแบรนด์ใหม่คือ Centara One และ Go! Hotel นั้น วัลยากล่าวว่าเกิดจากทางเซ็นทรัลพัฒนาที่ต้องการจะเปิดโรงแรมในหัวเมืองต่างๆ แต่ต้องการแบรนด์ในระดับกลางและพรีเมียมแมสที่จะเข้าถึงตลาดเหล่านั้นได้ ทำให้นำไปพูดคุยกับเซ็นทาราเพื่อวางคอนเซ็ปต์แบรนด์ใหม่ขึ้นมา และจะเป็นแบรนด์ “เอ๊กซ์คลูซีฟ” สำหรับโครงการที่พัฒนาโดย CPN เท่านั้น (ทั้งนี้ Go! Hotel จะเป็นลิขสิทธิ์ของเซ็นทรัลกรุ๊ป เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่เซ็นทรัลดูแลตั้งแต่เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เวียดนาม)

     

    ประเดิมแห่งแรก ‘Centara Korat’

    จากแผนงานดังกล่าว แห่งแรกและแห่งเดียวที่จะเปิดตัวในปี 2565 คือโรงแรม Centara Korat อยู่ในโครงการมิกซ์ยูสร่วมกับเซ็นทรัล โคราช และคอนโดฯ Escent โคราช มูลค่าทั้งโครงการมิกซ์ยูส 10,000 ล้านบาท

    Centara Korat เปิดแกรนด์โอเพนนิ่ง กันยายน 2565

    ภูมิกล่าวถึงโรงแรมนี้ว่า จะเป็นโรงแรมขนาด 218 ห้อง มีไฮไลต์เด่น เช่น ร้านอาหาร House of Kin (เฮาส์ ออฟ กิน) ร้านที่ทานได้ทุกเจนเนอเรชัน มีตั้งแต่ส้มตำถึงเฟรนช์ฟรายส์ สามารถจัดเลี้ยงในโอกาสพิเศษได้, ร้านอาหาร Rooftop ให้คนท้องถิ่นได้มีที่แฮงต์เอาต์พร้อมชมวิวเมืองโคราช, ห้องประชุมพื้นที่ 930 ตารางเมตร รองรับการเป็นจังหวัด MICE City ทั้งหมดนี้จะเปิดบริการกันยายน 2565

     

    ดันพอร์ตโรงแรมขึ้นมาเป็น 10%

    ดังที่กล่าวว่าโรงแรมเป็นสัดส่วนที่น้อยมากในพอร์ตรวมของ CPN ขณะนี้ แต่หลังการเพิ่มแผนงานด้านโรงแรม วัลยามองว่า เมื่อเปิดครบ 37 แห่งใน 5 ปีข้างหน้า พอร์ตโรงแรมจะขึ้นมามีสัดส่วน 10% ของบริษัท

    “เรามั่นใจในการลงทุนเพราะการพักโรงแรมยุคนี้คนไม่ได้ไปเพื่อการท่องเที่ยว แต่มีการไปติดต่อธุรกิจ และการ workation” วัลยากล่าว

    “เราเห็นตัวอย่างจากเมืองนอก แม้เราจะไปเมืองรองของเขาแต่ก็ยังมีโรงแรมที่มีมาตรฐานให้เข้าพัก เราก็อยากจะทำให้ได้เหมือนกัน ยกระดับมาตรฐานโรงแรมในเมืองรองขึ้นมา” ภูมิกล่าว

    ]]>
    1388312
    ผ่าตลาดแรงงานครึ่งปีแรก “ท่องเที่ยว-โรงแรม-การบิน” ยังเคว้งอีกยาว “อาหาร” ยังต้องการสูง https://positioningmag.com/1344486 Thu, 12 Aug 2021 14:12:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1344486 ผ่าตลาดแรงงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 คนไทยยังมีความต้องการสมัครงานสูง การแข่งขันสูงขึ้น กลุ่มอาหาร ยานยนต์ และบริการ ยังมีความต้องการสูงที่สุด ส่วนกลุ่ม “ท่องเที่ยว-โรงแรม-การบิน” ยังเคว้งอีกยาว หลายองค์กรเริ่มเปิดรับการทำงานแบบ Work from Home มากขึ้น

    โลกการทำงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับตลาดแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดทำให้เกิดนวัตกรรม เกิดอาชีพใหม่ๆ ตลอดจนปัญหาระบบการศึกษาที่ไม่สามารถผลิตคนได้ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับตลาดแรงงานเป็นวงกว้าง

    แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย (JobThai) เปิดเผยถึงข้อมูลการหางาน สมัครงาน จากการรวบรวมข้อมูลในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 พร้อมวิเคราะห์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับตลาดแรงงานไทย พบว่า ในเดือนมกราคม – มิถุนายน 2564 มีผู้ต้องการหางาน สมัครงาน เพิ่มขึ้นกว่าปี 2563

    Photo : Shuttetstock
    • มีผู้ใช้งานสะสมมากกว่า 13 ล้านคน เติบโตขึ้น 17%
    • มีการสมัครงาน 9.6 ล้านครั้ง เติบโตขึ้น 8%
    • องค์กรมีการเปิดรับพนักงานรวมทั้งหมด 772,145 อัตรา เพิ่มขึ้น 13.70%
    • ในช่วงที่ผ่านมาหลายองค์กรมีการเปิดรับบุคลากรโดยสามารถทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) หรือทำงานทางไกล (Remote Working) 11,036 อัตรา เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3-4 ปี 2563 18.70%
    • องค์กรยังเปลี่ยนมาสัมภาษณ์งานทางออนไลน์มากถึง 78,101 อัตรา เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3-4 ปี 2563 ถึง 208.10%

    สำหรับข้อมูลความต้องการแรงงาน และความต้องการของผู้สมัครงานทั่วประเทศ ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2564 มีดังนี้

    5 ประเภทธุรกิจมีความต้องการแรงงานมากที่สุด

    1. ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม 66,977 อัตรา

    องค์กรที่มีความต้องการแรงงานมากในธุรกิจนี้ เช่น บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องดื่มในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, บริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหาร เครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป อาทิ อาหารกระป๋อง และอาหารแช่แข็งเพื่อการส่งออก, บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคคา-โคล่า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

    2. ธุรกิจยานยนต์/ชิ้นส่วนยานยนต์ 57,390 อัตรา

    องค์กรที่มีความต้องการแรงงานมากในธุรกิจนี้ เช่น บริษัท ท็อปเบส์ท จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนโครงสร้าง ตัวถัง ประกอบรถโดยสาร และตัวถังรถบรรทุก และจัดจำหน่ายรถโดยสารและรถบรรรทุกเพื่อการพาณิชย์, MAXXIS INTERNATIONAL (THAILAND) CO.,LTD. ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์, บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด ผู้นำเข้า จัดจำหน่ายและบริการซ่อม และอะไหล่ รถ Forklift ในแบรนด์ของ Unicarrier ประเทศไทย

    3. ธุรกิจบริการ 51,822 อัตรา

    องค์กรที่มีความต้องการแรงงานมากในธุรกิจนี้ เช่น บริษัท เอ็มโอแค็ป จำกัด ซึ่งทำธุรกิจด้าน Outsourcing Contact Center, บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจด้าน Customer Service Management, Thailand YellowPages ผู้บุกเบิกธุรกิจการให้บริการค้นหาข้อมูล รายชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ขององค์กรธุรกิจ การค้นหาสินค้า และบริการต่างๆ เป็นรายแรกของประเทศไทย

    4. ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง – รับเหมาก่อสร้าง 50,132 อัตรา

    องค์กรที่มีความต้องการแรงงานมากในธุรกิจนี้ เช่น บริษัทดูโฮม จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างครบวงจร, บริษัท เจ ดับบลิว เอส คอนสตรัคชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีก่อสร้างชั้นสูง, บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด แหล่งรวมสินค้า และวัสดุอุปกรณ์เพื่อการตกแต่งซ่อมแซมที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร

    5. ธุรกิจขายปลีก 47,956 อัตรา

    องค์กรที่มีความต้องการแรงงานมากในธุรกิจนี้ เช่น บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือโลตัส ประเทศไทย, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค, วัตสัน ประเทศไทย ร้านเพื่อสุขภาพ และความงาม

    5 สายงานที่มีการเปิดรับมากที่สุด

    สายงานที่มีการเปิดรับมากที่สุด ได้แก่

    1. งานขาย 158,753 อัตรา
    2. งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ 89,279 อัตรา
    3. งานช่างเทคนิค/อิเล็กทรอนิกส์ 83,440 อัตรา
    4. งานธุรการ/จัดซื้อ 43,574 อัตรา
    5. งานวิศวกร 40,697 อัตรา
    Photo : Shutterstock

    5 สายงานไอทีที่มีการเปิดรับมากที่สุด

    1. โปรแกรมเมอร์ (Programmer) 12,296 อัตรา

    ทำหน้าที่พัฒนาระบบซอฟต์แวร์รวมถึงดูแลระบบ ให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ

    ทักษะที่จำเป็น : ทักษะการเขียนโปรแกรมและความรู้ด้านภาษาคอมพิวเตอร์ โดยมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาที่นิยมใช้ เช่น JavaScript, C#, Python และ PHP

    2. ไอทีแอดมิน/เน็ตเวิร์กแอดมิน (IT Admin/Network Admin) 5,629 อัตรา

    ทำหน้าที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบเน็ตเวิร์ก ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อให้พนักงานแผนกต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น

    ทักษะที่จำเป็น : มีความรู้ความสามารถในเรื่องของระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ และระบบเน็ตเวิร์ก

    3. เทคนิคซัพพอร์ต (Technical Support/Help Desk) 3,598 อัตรา

    ทำหน้าที่ดูแลการใช้งานโปรแกรมและอุปกรณ์ต่างๆ ของพนักงานภายในบริษัท และช่วยเหลือให้คำแนะนำเรื่องการใช้โปรแกรมกับลูกค้าหากเกิดปัญหาขึ้น

    ทักษะที่จำเป็น : มีความรู้ความสามารถในเรื่องการใช้งานและแก้ปัญหาโปรแกรมต่าง ๆ

    Bearded IT Technician in Glasses with Laptop Computer and Black Male Engineer Colleague are Using Laptop in Data Center while Working Next to Server Racks. Running Diagnostics or Doing Maintenance Work

    4. วิศวกรคอมพิวเตอร์ (Computer Engineering) 2,354 อัตรา

    ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาระบบและสถาปัตยกรรมทางด้านคอมพิวเตอร์ครอบคลุมทั้งในส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของระบบ

    ทักษะที่จำเป็น : มีความรู้ด้านระบบ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และการออกแบบสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์

    5. นักทดสอบซอฟต์แวร์ (Software Tester) 1,961 อัตรา

    ทำหน้าที่ทดสอบซอฟต์แวร์เพื่อค้นหาข้อผิดพลาด ตรวจสอบคุณภาพของระบบซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้คนใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ทักษะที่จำเป็น : ความรู้พื้นฐานทางด้าน Software Testing, การวิเคราะห์ ออกแบบการ Test

    นอกจากสายงานที่กล่าวไปข้างต้นแล้วยังมีอาชีพงานไอทีที่น่าจับตามองอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security), นักพัฒนาบล็อกเชน (Blockchain Developer), นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist), นักพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence Engineer)

    กระทบการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่

    ในแต่ละปีจะมีนักศึกษาจบใหม่เข้ามาในตลาดแรงงาน ซึ่งในปีนี้นักศึกษาจบใหม่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากโควิด-19 โดยในจ๊อบไทยมีบัญชีผู้ใช้งานที่เป็นนักศึกษาจบใหม่ 178,399 คน คิดเป็น 17.14% ของจำนวนผู้สมัครงานทั้งหมดในแพลตฟอร์ม ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

    • สายงานที่เปิดรับนักศึกษาจบใหม่มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.งานขาย 35,031 อัตรา 2.งานช่างเทคนิค/อิเล็กทรอนิกส์ 14,074 อัตรา 3.งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ 11,332 อัตรา 4.งานบริการ 8,777 อัตรา และ 5.งานวิศวกร 7,677 อัตรา
    • สายงานที่มีนักศึกษาจบใหม่สมัครมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.งานธุรการ/จัดซื้อ 60,780 คน 2.งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ 47,137 คน 3.งานขาย 36,980 คน 4.งานวิศวกร 30,565 คน และ 5.งานขนส่ง-คลังสินค้า 28,344 คน

    นักศึกษาจบใหม่ท่องเที่ยว / โรงแรม / การบินเคว้ง

    ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม หรือการบิน ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยตรง ทำให้องค์กรต่างๆ ไม่มีการจ้างงานในสายนี้เพิ่มมากนัก นักศึกษาจบใหม่ในสาขานี้จึงได้รับผลกระทบไปด้วย

    โดยข้อมูลจาก กลุ่มบนเฟซบุ๊ก “JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน” ซึ่งมีสมาชิกภายในกลุ่มกว่า 200,000 คน พบว่าประเด็นในการพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาของเด็กจบใหม่ในสาขาดังกล่าว มีดังนี้

    • การหางานด้านท่องเที่ยว โรงแรมยาก ทำให้ว่างงานนานขึ้น
    • คนที่ทำงานด้านท่องเที่ยว โรงแรม เช่น ไกด์ พนักงานในโรงแรม พนักงานบริษัททัวร์ ถูกลดเงินเดือน ให้ลาไม่รับค่าจ้าง ตลอดจนถูกปลด เนื่องจากบริษัทต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราวหรือถาวร
    • ต้องหางานข้ามสายซึ่งต้องแข่งขันกับคนที่จบมาตรงสาย

    ด้านข้อมูลในจ๊อบไทยพบว่า 5 สายงานที่นักศึกษาจบใหม่ด้านท่องเที่ยว/โรงแรมสมัครมากที่สุด ได้แก่ 1.งานธุรการ/จัดซื้อ 11,590 ครั้ง 2.งานบริการ 5,998 ครั้ง 3.งานขาย 5,682 ครั้ง 4.งานบุคคล/ฝึกอบรม 3,127 ครั้ง และ 5.งานการตลาด 2,633 ครั้ง

    ในสถานการณ์นี้ปฏิเสธไม่ได้ว่านักศึกษาจบใหม่ในธุรกิจท่องเที่ยว/โรงแรม/การบิน ต้องเพิ่มโอกาสในการหางานจนกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัว โดยต้องนำทักษะที่มีไปต่อยอดใช้กับสายงานอื่น (Transferable Skills) อย่างคนที่มีทักษะความสามารถทางภาษาอาจมองหาโอกาสในสายงานดูแลลูกค้าหรือบริการในธุรกิจอื่น ๆ  ที่ไม่ได้รับผลกระทบมาก หรือ งาน Account Executive ในเอเจนซี่ ซึ่งเป็นการใช้จุดแข็งทางด้านภาษาและการสื่อสารที่มีอยู่แล้ว และเพิ่มคอร์สเรียนเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ รวมทั้งการใช้ Social Media ก็จะทำให้โปรไฟล์เข้าตา HR มากขึ้นได้ หรืออาชีพเสริมอื่น ๆ เช่น ติวเตอร์สอนภาษา เนื่องจากช่วงนี้นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ก็อาจเป็นโอกาสในการทำงานของเราได้

    ]]>
    1344486
    เปลี่ยน “โรงแรม” เป็น “โรงหนัง” ส่วนตัวแบบ VIP เทรนด์ท่องเที่ยวมาแรงในจีน https://positioningmag.com/1331144 Sat, 08 May 2021 14:19:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1331144 หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ของทางการจีน รายงานว่าโรงแรมธีมโรงภาพยนตร์ บริการที่พักรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ภาพ และเสียงระดับกลางถึงระดับไฮเอนด์เทียบเท่าโรงภาพยนตร์ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในจีน

    ม่ายเตี่ยนหว่าง (Meadin) บริษัทให้บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของจีน เผยว่าปัจจุบันกลุ่มโรงแรมรูปแบบดังกล่าวมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของภาคธุรกิจโรงแรมในจีน โดยครองส่วนแบ่งการตลาด 4.27%

    “ตลาดภาพยนตร์ที่เฟื่องฟูมีบทบาทสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้อุตสาหกรรมโรงแรม” เกาม่านเสี่ย นักวิจัยของบริษัทฯ กล่าว

    เกาเผยว่าการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 นำไปสู่การสับเปลี่ยนในอุตสาหกรรมการบริการ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและพฤติกรรมการซื้ออย่างมาก อาทิ การคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่มากขึ้น ซึ่งดึงดูดให้ลูกค้าหันมาสนใจโรงแรมธีมโรงภาพยนตร์

    นอกจากนั้นโรงแรมแบบดั้งเดิมยังพากันพลิกโฉมเพื่อรองรับกระแสดังกล่าว ตัวอย่างเช่น เรสต์ โฮเทล (Rest Hotel) ของอี้ไป่ โฮเทลส์ กรุ๊ป (Hotels Group) ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเปลี่ยนห้องพัก 20% ของโรงแรมให้กลายเป็น “ห้องชมภาพยนตร์วีไอพี”

    ทั้งนี้ เกาเสริมว่าโรงแรมธีมโรงภาพยนตร์เป็นนวัตกรรมใหม่ในการตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า และเป็นการแสวงหาความร่วมมือกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์มากขึ้นด้วย

    ]]>
    1331144
    เช็กลิสต์ 15 Hospitel เปลี่ยนโรงแรมเป็นหอผู้ป่วย อีกทางเลือกในการรักษา COVID-19 https://positioningmag.com/1328204 Mon, 19 Apr 2021 13:54:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328204 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้คำว่า “Hospitel” ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีกครั้ง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อในกรณีที่โรงพยาบาลไม่สามารถรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมากเข้ารับการรักษาพยาบาลได้

    Hospitel มาจากคำว่า Hopital (โรงพยาบาล) + Hotel (โรงแรม) แนวคิดนี้จะใช้กับสำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการของ COVID-19 ไม่รุนแรง ซึ่งต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลักเป็นเวลาอย่างน้อย 4 -7 วันก่อนจะถูกส่งตัวไปพักยังโรงแรม

    ซึ่งผู้ป่วยที่เข้าพักใน Hopitel จะต้องมีความสามารถในการดูแลตัวเอง และตกลงที่จะอยู่ที่โรงแรมหลังจากวันที่ออกจากโรงพยาบาลไปจนครบกำหนด 10 หรือ 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการแพร่เชื้อและเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อ

    Hospitel จะมีการดูแลภายใต้มาตรฐานและการกำกับของโรงพยาบาลเท่านั้น

    สำหรับกลุ่มผู้ป่วย COVID-19 ที่จะรับการรักษาในหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) จะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้

    1. ผู้ป่วยยืนยันที่ไม่มีอาการ หลังนอนโรงพยาบาล 4-7 วัน เมื่อไม่มีภาวะแทรกซ้อนให้พักต่อที่ Hospitel จนครบ 10 วัน (และครบ 14 วันในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์)
    2. ผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการ ไม่มีภาวะเสี่ยง/ภาวะร่วม หลังนอนโรงพยาบาล 4-7 วันเมื่ออาการดีขึ้นให้พักต่อที่ Hospitel จนครบ 10 วัน (และ14 วันในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์)
    3. ผู้ป่วยยืนยันโควิดที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี ที่ไม่มีอาการ หรือ ไม่มีภาวะเสี่ยง/ภาวะอื่นร่วม เข้าพัก รักษา สังเกตอาการที่ Hospitel จนครบ 10 วัน (และ 14 วันในกรณีสงสัยเชื้อกลายพันธุ์)
    4. ทั้งนี้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ในหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ แนะนําให้เอกซเรย์ปอดทุกราย หากปอดผิดปกติควรอยู่โรงพยาบาล

    วัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง Hospitel

    1. ช่วยลดความแออัดของเตียงผู้ป่วย COVID-19 ในโรงพยาบาลหลัก
    2. ส่งเสริมการดูแล ผู้ป่วย COVID-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นผู้ป่วย กลุ่ม ไม่มีอาการ/อาการน้อย ก่อนจำหน่ายกลับบ้าน เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วย Covid-19 ในสถานการณ์การระบาดที่รุนแรง (การบริหารจัดการเตียง และการใช้ทรัพยากร โดยเฉพาะ PPE อย่างคุ้มค่า)
    3. ส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจและสังคมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาสังคม รวมทั้งสร้างความมีส่วนร่วมของชุมชน

    15 รายชื่อ Hospitel ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine หรือ ASQ) ที่รับกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศก่อนหน้านี้ ดังนี้

    1. โรงแรมมาเลเซีย

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลสุขุมวิท
    จำนวนเตียง: 80 เตียง

    2. โรงแรมรอยัล รัตนโกสินทร์

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลปิยะเวท
    จำนวนเตียง: 158 เตียง

    3. โรงแรมอินทรา รีเจนท์

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลปิยะเวท
    จำนวนเตียง: 455 เตียง

    4. โรงแรมโอโซน โฮเต็ล แอท สามย่าน

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลวิภาราม ชัยปราการ
    จำนวนเตียง: 40 เตียง

    5. โรงแรมสินสิริ รีสอร์ท

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเสรีรักษ์
    จำนวนเตียง: 64 เตียง

    6. โรงแรมชีวา กรุงเทพ

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลกรุงเทพ
    จำนวนเตียง: 77 เตียง

    7. โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลธนบุรี
    จำนวนเตียง: 324 เตียง

    8. โรงแรมสินสิริ

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลสินแพทย์
    จำนวนเตียง: 52 เตียง

    9. โรงแรม ฌ เฌอ – เดอะ กรีน โฮเทล

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์
    จำนวนเตียง: 400 เตียง

    10. โรงแรมโอทู ลักซ์ชัวรี่

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์
    จำนวนเตียง: 194 เตียง

    11. โรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
    จำนวนเตียง: 171 เตียง

    12. โรงแรมเดอะกรีนวิว

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลบางปะกอก 9
    จำนวนเตียง: 400 เตียง

    13. โรงแรมเมเปิล

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์
    จำนวนเตียง: 150 เตียง

    14. โรงแรมเวิร์ฟ โฮเต็ล

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเมดพาร์ค
    จำนวนเตียง: 324 เตียง

    15. โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ อินน์ (สาทร)

    โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเมดพาร์ค
    จำนวนเตียง: 108 เตียง

    เกณฑ์สำหรับโรงแรมที่จะเปลี่ยนเป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่

    หมวด 1 โครงสร้างอาคาร และวิศวกรรมปลอดภัยพร้อมเครื่องปรับอากาศแยกส่วน
    หมวด 2 บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเกี่ยวกับมาตรการด้านสุขภาพ
    หมวด 3 ติดตั้งวัสดุ อุปกรณ์สํานักงาน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น
    หมวด 4 ความพร้อมด้านเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
    หมวด 5 มีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อชุมชนและระบบการจัดการของเสีย

    Source

    ]]>
    1328204
    เปิดความท้าทายทายาทเจน 3 “รีเจ้นท์ กรุ๊ป” ปั้น “วาลา หัวหิน” บูทีค รีสอร์ตหรู 5 ดาว https://positioningmag.com/1307282 Mon, 23 Nov 2020 15:15:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1307282 พูดคุยกับ “วศุมา คณาธนะวนิชย์” ทายาทเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของ “รีเจ้นท์ กรุ๊ป” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของโรงแรมขนาดใหญ่ในชะอำ หัวหิน ความท้าทายครั้งใหญ่ในการเปิดโครงการใหม่ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19  

    รู้จัก “วาลา หัวหิน” บูทีค รีสอร์ตในเครือรีเจ้นท์ กรุ๊ป

    เรียกได้ว่าเป็นเวลากว่า 30 ปี ที่โรงแรม “รีเจ้นท์ ชะอำ หัวหิน” ได้ทำตลาดโลดแล่นในเมืองชะอำ เป็นโครงการของ “รีเจ้นท์ กรุ๊ป” ธุรกิจของตระกูล “เตชะไพบูลย์” กลายเป็นโครงการที่ไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน

    ในปีนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของรีเจ้นท์ กรุ๊ป ในการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มาพร้อมกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ยิ่งเพิ่มความยาก และความท้าทายมากขึ้นไปอีก

    วศุมา รีเจ้นท์ กรุ๊ป vala huahin

    รีเจ้นท์ กรุ๊ปได้เพิ่งเปิดโครงการ วาลา หัวหิน – นู แชปเตอร์ โฮเทล (VALA Hua Hin – Nu Chapter Hotels) บูทีค บีชรีสอร์ต ระดับ 5 ดาว ได้เปิดให้บริการ Soft Opening เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นโครงการใหม่ในรอบหลายปี อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ “วศุมา คณาธนะวนิชย์” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท รีเจ้นท์ กรุ๊ป ทายาทเจนเนอเรชั่นที่ 3 เข้ามาดูแลอย่างเต็มระบบตั้งแต่ Day One

    วาลา หัวหิน ใช้งบลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่ทั้งหมด 20 ไร่ ชูจุดเด่นด้วยพื้นที่กว้างขวาง มีความเป็นส่วนตัว ท่ามกลางบรรยากาศที่สงบ ร่มรื่น อุดมด้วยแมกไม้ใหญ่นานาชนิด ติดชายหาดทอดยาวถึง 260 เมตร มีส่วนผสม 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ 1. โลเคชั่นที่ตั้งติดชายหาด มีความเป็นส่วนตัว 2. ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ และ 3. มีความใกล้ชิดธรรมชาติอย่างเต็มที่

    วาลา หัวหิน ได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิก Small Luxury Hotels of the World (SLH) ตอกย้ำความมีเอกลักษณ์ โดดเด่น หรูหราทันสมัย คำว่า VALA หมายถึงพลังของธรรมชาติ ถือเป็นทางเลือกใหม่ของหัวหิน-ชะอำ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ต้องการโรงแรมในรูปแบบบูทีค รีสอร์ต

    วศุมา เริ่มเล่าว่า วาลา หัวหิน ใช้เวลาในการพัฒนากว่า 2 ปี เป็นการเอาพื้นที่ที่เป็นที่ดินดั้งเดิมของครอบครัวที่มีกว่า 500 ไร่ มาพัฒนา ซึ่งตรงนี้เป็นที่ดินสวย ติดหาด มีต้นไม้สูงใหญ่จำนวนมาก จึงมีการออกแบบพื้นที่โครงการให้ยังคงรักษาต้นไม้เดิมเอาไว้ทั้งหมด หรือบางต้นย้ายไปปลูกในจุดใหม่แทน 

    vala huahin

    โครงการนี้ให้บริการห้องพักทั้งหมดเพียง 97 ห้อง แบ่งเป็นโซนห้องพักบนอาคาร 3 ชั้น จำนวน 84 ห้อง สามารถเห็นวิวทะเลทุกห้อง และโซนพูลวิลล่า โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 4,000 – 18,000 บาท 

    ในตอนแรกโครงการนี้จะเปิดให้บริการช่วงเดือนเมษายน แต่ติดเรื่องการแรพ่ระบาดของไวรัส COVID-19 และเรื่องการก่อสร้างที่ล่าช้า จึงเลื่อนมาเปิดช่วงกันยายน แต่ในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับผลตอบรับดี มีอัตราการเข้าพัก 40-50% แต่ก็เริ่มทยอยเปิดในส่วนพูลวิลล่าเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เปิดให้บริการแค่บนตึก

    ปั้น Nu Chapter Hotels ลุยตระกูลบูทีค

    จะเห็นได้ว่าวาลา หัวหิน จะมีคำว่า Nu Chapter Hotels หรือนู แชปเตอร์ โฮเทล ต่อท้าย นั่นคือแบรนด์ใหม่ที่รีเจ้นท์ กรุ๊ปปั้นขึ้นมา เพื่อเป็นกลุ่มแมเนจเมนต์ของผู้บริหารนิวเจนรุ่นใหม่ และเป็นแบรนด์ที่จับกลุ่มตลาดบูทีค รีสอร์ตหรูด้วย เป็นการเสริมพอร์ตให้แข็งแรงขึ้น

    แต่เดิมรีเจ้นท์ กรุ๊ปมีโครงการในเครือ ได้แก่ โรงแรมเดอะ รีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ต, รีเจ้นท์ชาเล่ย์ และโรงเรียนการโรงแรมและท่องเที่ยว รีเจ้นท์ ชะอำ โดยที่โรงแรมเดอะ รีเจ้นท์ ชะอำ เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว วางจุดยืนเป็นโรงแรมที่จับกลุ่มสัมมนา และครอบครัวเป็นหลัก

    vala huahin

    แต่ยูนิตนู แชปเตอร์ โฮเทลจะขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ เป็นนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ มีคาแร็กเตอร์เป็นเอกลักษณ์ ใส่ใจเรื่องสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มครอบครัว เพื่อน หรือคู่รักก็ได้ แต่เป็นไลฟ์สไตล์การท่องเทีย่วของคนรุ่นใหม่นั่นเอง

    วศุมาเสริมอีกว่า ชื่อ Nu Chapter มาจากชื่อของคุณตา และคุณยายมาผสมกัน คุณยายชื่อโนรี หรือตัว N คุณตาชื่ออุทรณ์ หรือตัว U ทั้งสองคนเป็นคนสำคัญ เป็นคนก่อตั้งบริษัท อีกทั้งยังสามารถพ้องเสียงเป็น “นิว” แปลว่าสิ่งใหม่ๆ ได้ด้วย รวมถึง “นู่” เป็นชื่อเล่นของวศุมาเองที่ชื่อว่านูนู่

    ขอมีคาแร็กเตอร์ ไม่ต้องพึ่งเชนใหญ่บริหาร

    วศุมาได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาวาลา หัวหินตั้งแต่วันแรก มีส่วนร่วมในการออกแบบ เลือกวัสดุก่อสร้าง กำหนดคอนเซ็ปต์ คาแร็กเตอร์ ซึ่งสิ่งต่างๆ สะท้อนมาจาก Passion ส่วนตัวของวศุมาเองทั้งสิ้น

    “วาลา หัวหิน มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน จะเป็นสถานที่ที่แต่ละคนสามารถเอ็นจอยได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว คนทำงาน วัยรุ่น แต่มีไลฟ์สไตล์ชัดเจน เป็นคนพิถีพิถัน โปรดักต์จะมีความ Feminine มีความนิ่ง สงบ มีลายเส้นชัดเจน ถ้าเปรียบเป็นคน จะเป็นสาวอายุประมาณ 30 ปี เป็นคนที่ไม่ได้รักแค่ตัวเอง แต่รักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย”

    vala huahin

    อีกหนึ่งเรื่องสำคัญก็คือ การปั้นนู เชปเตอร์ โฮเทล เป็นเหมือนหน่วยการบริหารใหม่ จะแตกต่างจากโรงแรมสมัยใหม่ยุคนี้ที่บางโครงการจะใช้ “เชนโรงแรม” รายใหญ่เข้ามาบริหาร เพื่อต้องการสร้างแบรนด์อย่างรวดเร็ว ใช้เชนใหญ่ช่วยบริหารสร้างความเชื่อมั่น

    แต่วศุมากลับคิดตรงข้าม ต้องการพัฒนาโครงการที่เป็น Independent ไม่ต้องพึ่งพาเชนโรงแรมขนาดใหญ่ เพราะสามารถเข้าใจลูกค้าท้องถิ่นได้ดีกว่า แนวคิดนี้มาจากไลฟ์สไตล์ของวศุมาเองที่เป็นคนชอบท่องเที่ยว ในการเลือกแต่ละที่ก็จะเลือกโรงแรมที่มีคาแร็กเตอร์ ชอบโรงแรมขนาดเล็ก เพราะต้องการดูความหลากหลาย การบริหาร ความพิเศษ การบริการ และกิมมิกต่างๆ เป็นสิ่งที่เชนโรงแรมขนาดใหญ่ทำไม่ได้

    “การเลือกใช้เชนโรงแรมใหญ่ๆ หรือไม่ใช้เชน ขึ้นอยู่กันศักยภาพของที่นั้นๆ การบริหารเองจะทำให้เรารู้จักในพื้นที่ดี ถ้าทำเองทำได้มากกว่า ทำได้สอดคล้องมากกว่า ชูดคาแร็กเตอร์ได้มากกว่า ก็เลือกที่จะบริหารเอง”

    ต้องเป็นกรีนโฮเทล

    นอกจากเรื่องดีไซน์ที่ชูแนวคิด Nature’s Touch with a Modern Design นั่นคือการใช้ดีไซน์แบบโมเดิร์น ท่ามกลางธรรมชาติรายล้อมได้อย่างลงตัว ที่นี่จะมีพื้นที่สีเขียวถึง 48% รวมไปถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือ Sustainability ก็เป็นคอนเซ็ปต์สำคัญของโครงการเช่นกัน

    vala huahin

    วศุมาเป็นคนอินกับเรื่องสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมองว่าเทรนด์การท่องเที่ยวในยุคนี้เปลี่ยนไป คนจะมองหาอะไรที่เป็นคุณค่าต่อจิตใจมากขึ้น การท่องเที่ยวไม่ใช่แค่จุดนอน แต่เป็นเดสติเนชั่น

    วาลา หัวหินจึงมีคอนเซ็ปต์ Green Hotel ด้วย ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เริ่มงดใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง อุปกรณ์ที่ใช้สิ้นเปลือง อุปกรณ์ในห้องน้ำก็เป็นแบบรีฟิว เลือกวัสดุที่ย่อยสลายได้ และลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) การทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์ และการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ รวมไปถึงการใช้วัตถุดิบในประเทศ และผักผลไม้ตามฤดูกาล

    ความยากของทายาทเจน 3

    วศุมาเป็นบุตรสาวคนโตของ ปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กับวิศิษฐ  คณาธนะวนิชย์ มีน้องชาย 1 คน นีโน่-กุลนาถ คณาธนะวนิชย์ นักธุรกิจสาวในวัย 30 ปี ได้ช่วยกิจการครอบครัวของรีเจ้นท์ กรุ๊ปมา 5 ปีแล้ว แรกเริ่มอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจดูในเรื่องการตลาด ระบบปฏิบัติการต่างๆ และปรับปรุงรีโนเวตเล็กๆ น้อยๆ

    vala huahin

    โปรเจกต์นี้จึงเป็นก้าวสำคัญของวศุมาที่ได้รับผิดชอบโครงการใหญ่เป็นครั้งแรก จึงมีการทุ่มเทมาก และได้รวบรวมสิ่งที่ชอบ เทรนด์ต่างๆ ไว้ในโครงการนี้

    “วาลา หัวหินเป็นก้าวใหญ่ของทายาทเจน 3 เป็นเหมือนลูกคนแรก ที่ได้เห็นการเติบโตตั้งแต่วันแรก อาจจะตะกุกตะกักไปบ้าง แต่ที่ออกมาก็พอใจ ดีที่ว่าตั้งแต่เด็กๆ ได้เห็นภาพการทำงานของครอบครัวมาตลอด ที่บ้านไม่ได้กดดันอะไรมาก ส่วนใหญ่เกิดจากเรากดดันตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ก็ให้คำปรึกษาอยู่ เพียงแต่ตัวเราอยากให้อะไรออกมาดีมากๆ อยากให้ทุกคนมาแล้วประทับใจ”

    วศุมา เสริมอีกว่า ความยากของการบริหารคือ การเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยเจอ ต้องตัดสินใจด้วยความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง การออกแบบ ต้องเป็นคนหลักในการตัดสินใจ ยิ่งเป็นโปรเจกต์แรกก็ยิ่งยาก แต่ก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ

    “ถ้ามี 100 อย่างให้ตัดสินใจ ตัดสินถูก 80 ก็โอเคแล้ว อีก 20 เป็นบทเรียน”

    สำหรับแผนการพัฒนาโครงการวาลา หัวหินในเฟสที่ 2 ต้องรอดูผลตอบรับต่อไปในอนาคต แต่ได้มีการปรับเข้ากับเทรนด์การท่องเที่ยวของคนยุคใหม่มากขึ้น มีกิจกรรมให้ใช้เวลาที่โรงแรมมากขึ้น อีกทั้งชะอำ-หัวหินก็ยังเป็นเดสติเนชั่นหลักสำหรับคนไทยที่ต้องการอยากไปทะเล ยังเป็นตัวเลือกที่สำคัญอยู่ไม่น้อย

    ]]>
    1307282
    ห้องเช่าสะเทือน! โรงแรม Eastin Makkasan จัดโปรเช่าเริ่มต้น 7,425 บาท/เดือน ฟรีค่าน้ำ/ไฟ https://positioningmag.com/1304936 Sat, 07 Nov 2020 07:48:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304936 โรงแรม Eastin Hotel Makkasan ดิสรัปต์วงการเช่าห้องพัก คอนโด จัดโปรเช่ารายเดือนในราคาเริ่มต้น 7,425 บาท ได้บริการระดับโรงแรม ไม่ต้องเสียค่าน้ำค่าไฟ อยู่ได้ระยะยาว 

    โรงแรมต้องหาทางเอาตัวรอด

    หลังจากการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ทำให้ธุรกิจโรงแรมย่อมได้รับผลกระทบอย่างหนัก ถึงแม้ว่าตอนนี้การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มกลับมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีอัตราเข้าพักเต็มที่เหมือนเดิม โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่ขาดนักท่องเที่ยว ทำให้ต้องดิ้นหาวิธีเอาตัวรอดกันยกใหญ่

    ในช่วงที่ผ่านมจึงได้เห็นเชนโรงแรมใหญ่ๆ ดึงกลยุทธ์นำห้องพักมาเป็นห้องเช่าบ้าง หรือจัดเป็นเหมือนห้องทำงานบ้าง สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศจาก Work from Home เป็น Work from Hotel แทน

    ตอนนี้โรงแรม Eastin Makkasan ได้อัดโปรโมชันใหญ่ เรียกว่าเป็นการ Disrupt วงการห้องพัก และคอนโดอย่างมาก เพราะนำห้องพักมาเปิดเช่าในระยะยาว ยิ่งอยู่ระยะยาวหลายเดือน ยิ่งได้ราคาถูกลง มีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 7,425 บาท หลายคนมองว่าถูกว่าการเช่าห้องพักในเมืองอีก

    และทางโรงแรมยังได้ดึง Pain Point จากการเช่าห้องพักมาใช้ ทั้งไม่ต้องมีการวางมัดจำล่วงหน้า และฟรีค่าน้ำค่าไฟอีกด้วย

    มีห้องพัก 3 รูปแบบให้เลือก

    1. ห้องดีลักซ์ ขนาด 30 ตร.ม.

    • ราคา 9,900 บาท/เดือน
    • สามารถเลือกพักแบบเตียงคิงส์ หรือเตียงทวิน
    • จ่ายเดือนละ 8,415 บาท เมื่อจ่ายเงินล่วงหน้า 3 เดือน (25,245 บาท)
    • จ่ายเดือนละ 7,425 บาท เมื่อจ่ายเงินล่วงหน้า 6 เดือน (44,550 บาท)

    2. ห้องดีลักซ์คอร์เนอร์ ขนาด 30 ตร.ม.

    • ราคา 11,900 บาท/เดือน
    • มีให้บริการแบบเตียงคิงไซส์เท่านั้น
    • จ่ายเดือนละ 10,115 บาท เมื่อจ่ายเงินล่วงหน้า 3 เดือน (30,345 บาท)
    • จ่ายเดือนละ 8,295 บาท เมื่อจ่ายเงินล่วงหน้า 6 เดือน (53,550 บาท)

    3. ห้องเอ็กเซ็คคูทีฟสวีท ขนาด 70 ตร.ม.

    • ราคา 14,900 บาทต่อเดือน
    • มีให้บริการแบบเตียงคิงไซส์เท่านั้น
    • จ่ายเดือนละ 12,665 บาท เมื่อจ่ายเงินล่วงหน้า 3 เดือน (37,995 บาท)
    • จ่ายเดือนละ 11,175 บาท เมื่อจ่ายเงินล่วงหน้า 6 เดือน (67,050 บาท)

    พร้อมรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เป็นบริการระดับโรงแรม

    • ฟรีค่าน้ำ และค่าไฟ
    • ฟรีสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สาย
    • รับชุดต้อนรับในวันที่เช็กอิน (ผ้าเช็ดตัว 2 ผืน/ สบู่ 1 ก้อน /เจลอาบน้ำ 1 ขวด / แชมพู 1 ขวด)
    • ส่วนลด 30% สำหรับค่าอาหาร และเครื่องดื่ม (ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์)
    • ส่วนลด 10% สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • เครื่องปรับอากาศ
    • สระว่ายน้ำ/ ห้องออกกำลังกาย
    • บริการช่องสัญญาณ TV 32 ช่อง

    • ตู้มินิบาร์
    • รถรับส่งระหว่างโรงแรมและสถานีรถไฟฟ้า (4 รอบต่อวัน)
    • ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
    • ไมโครเวฟในพื้นที่ส่วนกลาง
    • เครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้าในพื้นที่ส่วนกลาง
    • เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
    • สะอาด ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก SHA
    • จ่ายค่ามัดจำเพื่อประกันความเสียหายเพียงครั้งเดียว
    • รับส่วนลด 20% สำหรับค่าซักอบรีด
    • รับส่วนลด 20% สำหรับบริการรีดผ้า

    • ฟรีบริการห้องเก็บของ (แชร์พื้นที่)
    • ฟรีบริการทำความสะอาด 1 ครั้ง/สัปดาห์
    • ฟรีบริการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน 1 ครั้ง/สัปดาห์
    • ฟรีบริการเปลี่ยนผ้าขนหนู 1 ครั้ง/สัปดาห์
    • ฟรีน้ำดื่ม 500 มล. 2 ขวด/วัน
    • ฟรีที่จอดรถ 1 คัน
    • ฟรีเครื่องดื่มต้อนรับทุกวันที่ล็อบบี้เลานจ์ 1 แก้ว/ห้อง/วัน
    • รับประทานอาหารเช้า (เมนูพิเศษ) ในราคาเพียง 100 บาท/เซต

    ]]>
    1304936
    “ปทุมวัน ปริ๊นเซส” พลิกเกม ปรับโรงแรม 5 ดาว เป็น “เรสซิเดนซ์” พักระยะยาว เริ่ม 5 หมื่นบาท https://positioningmag.com/1299018 Mon, 28 Sep 2020 08:23:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1299018 โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส โรงแรมระดับ 5 ดาว ในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เปิดตัวบริการ “ปทุมวัน ปริ๊นเซส เรสซิเดนซ์” ให้บริการที่พักแบบระยะยาว ด้วยห้องชุดสวีทพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ราคา 50,000 และ 80,000 บาทต่อเดือน จับกลุ่มนักธุรกิจข้ามชาติ นักการทูต และคนไทย

    นักท่องเที่ยวหาย ต้องจับกลุ่มนักธุรกิจ

    เป็นที่ทราบกันดีว่าจากวิกฤต COVID-19 ทำให้ธุรกจท่องเที่ยว โรงแรมต่างได้รับผลกระทบใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจที่จับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้หลายแห่งต้องปรับกลยุทธ์กันยกใหญ่เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด

    ล่าสุดโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ที่อยู่ติดกับศูนย์การค้า MBK ได้พลิกเกมจากโรงแรม 5 ดาว ปรับเป็นเรสซิเดนซ์ให้พักระยะยาว จับกลุ่มนักธุรกิจ นักการทูต และคนไทย

    ปทุมวัน ปริ้นเซส

    อาทร วนาสันตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม บี เค โฮเต็ล แอนด์ ทัวร์ริซึ่ม จำกัด เปิดเผยว่า

    “เพื่อเป็นการดำเนินธุรกิจโรงแรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส โรงแรมระดับ 5 ดาวในเครือของ เอ็ม บี เค กรุ๊ป ซึ่งปกติมีนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวเข้ามาพักตลอดปีเฉลี่ยที่ 80-90% ได้เปิดบริการใหม่ “ปทุมวัน ปริ๊นเซส เรสซิเดนซ์” เพื่อให้บริการสำหรับการเข้าพักแบบระยะยาว โดยจับกลุ่มเป้าหมายเป็นนักธุรกิจทั้งนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย เจ้าหน้าที่การทูต นักธุรกิจชาวไทยที่ต้องการที่พักใกล้ที่ทำงาน หรือนักศึกษาที่ต้องการที่พักใกล้สถานศึกษา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเช่าที่พักเป็นคอนโดมิเนียมที่มีราคาสูงแต่ส่วนใหญ่จะไม่มีบริการเหมือนที่โรงแรมระดับ 5 ดาวนำเสนอ”

    ราคาเริ่มต้นเดือนละ 50,000 บาท

    โดยปทุมวัน ปริ๊นเซส เรสซิเดนซ์ มีราคาสำหรับห้องชุดสวีทสำหรับเข้าพัก 1 คนหรือเป็นคู่ พื้นที่ภายในมี 1 ห้องนอน ขนาด 72 ตร.ม. ราคา 50,000 บาท ต่อเดือน และห้องชุดสวีทเชื่อมต่ออีก 1 ห้อง เหมาะสำหรับพักเป็นครอบครัว ขนาด 102 ตร.ม. ราคา 80,000 บาท ต่อเดือน พร้อมสิทธิพิเศษ

    • บริการทำความสะอาดห้องชุดสวีท (2 ครั้งต่อสัปดาห์)
    • ค่าไฟฟ้า น้ำประปา
    • อินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง
    • ส่วนลด 50% สำหรับบริการซักรีด
    • สิทธิ์การเข้าใช้คลับเลานจ์ 4 ครั้งต่อเดือน
    • สิทธิ์การเข้าใช้ฟิตเนสที่ ดิ โอลิมปิค คลับ ฟรีไม่จำกัด
    • ราคาสมาชิกสำหรับกีฬาประเภทแบดมินตัน เทนนิส และสควอช
    • บริการ “You Buy, We Cook” (มีค่าบริการเพิ่มเติม)
    • บริการเชฟทำอาหารให้ส่วนตัว (มีค่าบริการเพิ่มเติม)
    • ส่วนลด 25% สำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่ห้องอาหารคองจู, ซิตี้ บิสโทร, เทอราซซ่า และทีแอทล็อบบี้ และสตูดิโอ บาร์
    • บริการรถลีมูซีน ไป-กลับ 1 เที่ยวต่อปี (สนามบินสุวรรณภูมิหรือดอนเมือง)
    • ที่จอดรถฟรี 1 คัน
    ]]>
    1299018
    กาสิโนก็ไม่รอด! ‘MGM Resorts’ ประกาศ ‘เลิกจ้าง’ พนักงาน 18,000 ตำแหน่ง https://positioningmag.com/1294613 Sun, 30 Aug 2020 01:52:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1294613 แน่นอนว่าธุรกิจที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวอย่างธุรกิจ ‘โรงแรม’ และ ‘กาสิโน’ ต่างก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก COVID-19 และหนึ่งในนั้นก็คือ ‘MGM Resorts International’ เจ้าของธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่และธุรกิจกาสิโนรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับผลกระทบจนต้อง ‘พักงาน’ พนักงาน จนล่าสุดก็เปลี่ยนเป็น ‘เลิกจ้าง’ ถาวร

    ในช่วงเดือนมีนาคมที่ COVID-19 กำลังระบาดอย่างหนัก ส่งผลให้ ‘MGM Resorts International’ ต้องพักงานพนักงานถึง 62,000 คน จากพนักงานทั้งหมด 70,000 คน หรือคิดเป็นกว่า 90% ของพนักงานทั้งหมด แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเริ่มดีขึ้น โรงแรมและกาสิโนบางแห่งของ MGM สามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้ง แต่มีพนักงานเพียง 10,000 คนเท่านั้นที่กลับมาทำงาน

    และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งจดหมายไปยังพนักงานจำนวน 18,000 คนซึ่งถูกพักงานระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID-19 ให้เป็นการ ‘เลิกจ้าง’ โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะยังได้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย และหากพนักงานกลุ่มนี้ถูกเรียกถูกเรียกตัวกลับมาทำงานภายในสิ้นปี 2564 พวกเขาจะได้ตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เหมือนเดิม

    “หัวใจสำคัญของบริษัทคือ พนักงานของเราและบริการระดับโลกที่คุณมอบให้ ไม่มีอะไรทำให้ฉันเจ็บปวดมากไปกว่าการส่งข่าวแบบนี้” Bill Hornbuckle CEO MGM Resorts International ระบุในจดหมายที่ส่งให้พนักงาน

    สำหรับผลประกอบการของ MGM ในไตรมาส 2 ของปี 2563 มีรายได้อยูที่ 290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 91%

    Source

    ]]>
    1294613
    ภาพจากสถานที่จริง! โรงแรมคอนเซ็ปต์แหวกแนวในสวิส ไร้ผนัง-เพดาน ชมวิว 360 องศา https://positioningmag.com/1282303 Fri, 05 Jun 2020 11:37:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1282303 ตากลมห่มฟ้า นอนจ้องตากับแสงดาว บนเตียงของโรงแรม Zero Real Estate ในสวิตเซอร์แลนด์และลิกเตนสไตน์ ถึงจะบอกว่าเป็นโรงแรม แต่มีเตียงเพียงเตียงเดียวเท่านั้น และไม่มีผนัง ไม่มีเพดาน ให้คุณอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

    โครงการ Zero Real Estate กระจายทำเลวางเตียงนอนไร้ผนัง ไร้เพดาน ในมุมสวยสะกดใจใน 6 จุดทางตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ (Toggenburg, Heidiland, St. Gallen-Bodensee, Appenzellerland AR, Thurgau Bodensee, Schaffhauserland) และอีก 1 จุดในประเทศลิกเตนสไตน์

    รวมทั้งหมด 7 จุดที่แขกผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์สดใสในช่วงฤดูร้อนของสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมมี “บัตเลอร์” คอยบริการและเสิร์ฟอาหารเช้าถึงเตียงนอน สนนราคาค่าที่พักเริ่มต้น 295 ฟรังก์สวิสต่อคืน (ประมาณ 9,700 บาท) เข้าพักได้ 2 ท่าน

    Princes Suite จาก Zero Real Estate ตั้งอยู่กลางไร่องุ่นในลิกเตนสไตน์ พร้อมชมวิว 3 ประเทศ ลิกเตนสไตน์-สวิตเซอร์แลนด์-ออสเตรีย (Photo by zerorealestate.ch)

    อันที่จริงแล้วโครงการ Zero Real Estate เป็นโครงการงานศิลปะของสองพี่น้องฝาแฝด แฟรงก์ และ แพทริก ริกคลิน ศิลปินแนวคอนเซ็ปชวล ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงแรม ดาเนียล ชาร์บอนเนียร์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวท้องถิ่นให้ตีความการพัฒนาโรงแรมในรูปแบบของตัวเอง ผ่านการทดลองที่สร้างให้เห็นว่า “โรงแรม” นั้นไม่ต้องลงทุนก่อสร้างตัวตึกอะไรเลยก็ได้

    โครงการยังเชื่อมโยงกับท้องถิ่น โดยบัตเลอร์ผู้บริการแขกก็คือเกษตรกรในพื้นที่นั้นนั่นเอง (ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าบัตเลอร์จะใส่เสื้อขาวผูกโบหูกระต่าย แต่ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์กับรองเท้าบูทยาง) และที่พักสำรองในกรณีฝนตกหรือฉุกเฉินก็คือบ้านพักหรือโรงนาท้องถิ่นของเกษตรกรที่อยู่ใกล้ๆ รวมถึงอาหารเช้าจะปรุงด้วยวัตถุดิบของท้องถิ่นเช่นกัน

    บัตเลอร์คอยบริการ (Photo by Facebook@nullsternspinoff)

    Zero Real Estate เป็นโครงการต่อยอดมาจาก Null Stern Hotel โปรเจกต์ลักษณะเดียวกันที่เคยจัดในปี 2016 คำนี้แปลได้ตรงตัวว่า “โรงแรม 0 ดาว” เพราะดาวดวงเดียวที่มีในโรงแรมแห่งนี้คือ “คุณ” เนื่องจากศิลปินมองว่าแขกที่เข้าพักคือนักแสดงที่ขึ้นสู่เวที และสิ่งที่แขกได้แสดงก็คือการพิสูจน์คอนเซ็ปต์ที่ว่า โรงแรมไม่ต้องมีผนังหรือเพดานก็เป็นที่พักได้จริง

    “ห้องที่ไม่มีผนังหรือเพดานเป็นการแสดงออกถึงการปลดปล่อยสู่เสรีภาพด้วย และคงไม่มีที่ไหนที่เราจะได้อยู่ใน ‘ห้อง’ ที่อากาศหมุนเวียนได้ดีเท่าฤดูร้อนของสวิตเซอร์แลนด์อีกแล้ว” แพทริก ริกคลิน กล่าว

    Lüsis Suite วิวเทือกเขาแอลป์ และทะเลสาบ (Photo by zerorealestate.ch)

    ในห้วงเวลาที่หลายๆ คนต้องการไปท่องเที่ยว แต่ก็ยังกลัวการอยู่ในพื้นที่ปิดกับคนแปลกหน้ามากมาย โรงแรมไร้ผนัง เพดาน และอยู่กันแค่ 2 คนกับบัตเลอร์อีก 1 คนอาจจะเป็นคำตอบที่ใช่ แต่ใครที่เพิ่งคิดจะจองตอนนี้อาจไม่ทัน เพราะโครงการระบุในเว็บไซต์ว่ามีคนต่อคิวยาว 9,000 คน และบางจุดถูกจองเต็มไปจนถึงสิ้นปี 2020 แล้ว

    Source: zerorealestate.ch, Reuters, Nuvo Magazine

    ]]>
    1282303
    เปิดใจ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ยากกว่าการปิด “ดุสิตธานี” คือดูแลพนักงานเต็มที่ 100% https://positioningmag.com/1273267 Tue, 14 Apr 2020 14:55:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1273267 CEO ดุสิตธานี เปิดใจในวันที่ต้องปิดโรงแรมทั้งหมด 7 แห่งในไทยชั่วคราว แต่ต้องดูแลพนักงานทุกคน ยอมลดเงินเดือนระดับผู้บริหาร เพื่อให้พนักงานได้เงินเดือนเต็ม 100%

    ดูแลพนักงานให้เหมือนครอบครัว

    จากวิกฤต COVID-19 ในตอนนี้ที่สร้างผลกระทบต่อทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร เรียกว่าไม่มีนักท่องเที่ยว รวมถึงคนในประเทศเองก็ต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย ลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสให้มากที่สุด

    “ดุสิตธานี” เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และโรงแรมในประเทศไทย ได้ประกาศปิดให้บริการโรงแรมในเครือทั้งหมด 7 แห่งเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วย

    ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า

    “วิกฤติครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้า เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย เพราะไม่ใช่แค่กระทบกับธุรกิจ แต่ยังกระทบถึงการใช้ชีวิต กระทบถึงความรู้สึก เราต้องอยู่ห่างจากคนที่เรารัก เราไม่สามารถแม้แต่จะกอด เพื่อปลอบประโลมใจหรือให้กำลังใจกันได้ในวันที่เราต่างต้องการมันมากที่สุด แต่เราจะต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและอดทน”

    ศุภจี บอกว่า ในวันที่ต้องตัดสินใจประกาศยุติการให้บริการโรงแรม 7 แห่งในประเทศ ไม่ต้องใช้ความยากลำบากในการตัดสินใจ เพราะเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้เข้าพักและพนักงาน จากการแพร่ระบาดของไวรัส ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า “สุดท้ายเราต้องปิดโรงแรม” แต่สิ่งที่ยากกว่า ละเอียดอ่อนกว่า คือ การดูแลพนักงานทุกคนของดุสิตธานี ที่อยู่ร่วมกันเหมือนกับครอบครัวใหญ่ โดยยังคงต้องรักษาสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ เช่น ผู้ถือหุ้น

    ผู้บริหารลดเงินเดือน 25-50% พนักงานรับเต็ม 100%

    เบื้องหลังการบริหารจัดการวิกฤติการณ์นี้ ศุภจีบอกว่า เธอเลือกที่จะบาลานซ์ด้วยการยืดระยะเวลาจนดุสิตธานีน่าจะเป็นกลุ่มท้ายๆ ที่ประกาศปิดโรงแรมเป็นการชั่วคราว ซึ่งเธอต้องประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมๆ กับจัดวางโครงสร้างทางการเงิน ดูแลสภาพคล่อง  ควบคุมต้นทุน เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้ว พนักงานอยู่ได้ ธุรกิจอยู่ได้ ซึ่งหมายถึงผู้ถือหุ้นก็จะอยู่ได้

    “เรามีมาตรการเพื่อให้เกิดผลกระทบกับพนักงานน้อยที่สุด โดยเฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติการ เราพยายามจะไม่ให้กระทบเลย เพราะเราทราบอยู่แล้วว่า พนักงานกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องการการประคับประคอง เราต้องดูแลให้ดี”

    สิ่งที่ดุสิตธานีทำ ก็คือ ผู้บริหารยอมลดเงินเดือนตัวเองลง ผู้บริหารระดับสูง ระดับรองลงมา ก็ลดเงินเดือนตามส่วน ตั้งแต่ลด 50% จนถึง 25% เพื่อให้พนักงานที่อยู่ในฐานล่างพีระมิดไม่ได้รับผลกระทบ ระดับปฏิบัติการยังคงได้รับเงินเดือน 100% เต็มเหมือนเดิม ได้รับสวัสดิการเหมือนเดิม ไม่มีการลดคน แม้โรงแรมจะปิดให้บริการชั่วคราว และเพื่อให้พนักงานไม่ต้องไปเพิ่มภาระให้กับประกันสังคม เพราะดุสิตธานียังพอมีกำลัง ยังคงดูแลทุกคนได้อย่างเท่าเทียม

    เพราะธุรกิจเดินต่อได้ด้วย “พนักงาน”

    ข้อสังเกตประการสำคัญนับเนื่องตั้งแต่การยุติการให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงการปิดโรงแรม 7 แห่งเป็นการชั่วคราว คือ การรักษาพนักงานกลุ่มดุสิตธานีไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งศุภจีบอกว่า เพราะ “พนักงาน” คือคนที่ทำให้เกิดธุรกิจนี้ และธุรกิจนี้จะเดินหน้าต่อไปได้ก็ด้วยพนักงาน

    “ในวันที่เราให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปิดโรงแรม เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย และเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน แต่เราก็ยังทำธุรกิจใหม่ๆ เช่น ดิลิเวอรี่ พนักงานของเรายังมีงานทำ เรายังพยายามหารายได้ และยังแบ่งปัน เราใช้ช่วงเวลานี้ถือโอกาสซ่อมบำรุงโรงแรม ปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยการทำ Business Transformation และ Technology Transformation เพื่อให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพ และไม่เกิดความซ้ำซ้อน เราเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะรอวันกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง”

    แม้วันนี้ห้องพักทุกห้องของโรงแรมดุสิตธานีจะถูกปิดลง แต่เมื่อประตูห้องพักถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง “ศุภจี” มั่นใจว่า หัวใจของพนักงานทุกคนที่ได้รับการเยียวยาและดูแลจากองค์กร จะกลับมาพร้อมให้บริการลูกค้าของดุสิตธานีอย่างเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม

    ]]>
    1273267