ครม. – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 02 Feb 2022 01:08:45 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เช็กเงื่อนไข… เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 65 กลุ่มเป้าหมาย 20 ล้านคน https://positioningmag.com/1372607 Tue, 01 Feb 2022 14:01:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372607 ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และเห็นชอบร่างประกาศ คกก. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงาน และความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มตกหล่นให้สามารถเข้าถึงโครงการ

โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ประมาณ 20 ล้านคน (ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิม และผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่) คาดสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 โดยมีกรอบวงเงินดำเนินการ 564.455 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียน และการยืนยันตัวตน 164.274 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียน ของหน่วยรับลงทะเบียน 400.181 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบฯ ของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว

คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน มีดังนี้

  • ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ
  • รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี
  • ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ เช่น วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น
  • ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คกกฯกำหนด
Photo : Shutterstock

ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการฯ และปัญหาผู้มีบัตรฯ ที่ไม่ควรได้รับสิทธิ ทั้งนี้ จะมีการเปิดรับลงทะเบียน ตามโครงการอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ จะมีการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อีกด้วย

สำหรับผู้ได้รับสิทธิจากโครงการ ปี 2565 จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรสวัสดิการฯ เนื่องจากบัตรสวัสดิการฯ ที่ได้เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี และจะหมดอายุในเดือน ก.ย. 2565 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตบัตรสวัสดิการฯ ใหม่ ประมาณ 1,258 ล้านบาท อีกทั้งลดปัญหาเรื่องการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชน หรือการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้สิทธิแทน และช่วยลดการทุจริต เช่น กรณีร้านค้าเก็บบัตรสวัสดิการฯ ไว้เอง เป็นต้น

]]>
1372607
ครม.ไฟเขียวงบกว่า 5,500 ล้าน อุดขาดทุนบริการ PSO “รฟท.-ขสมก.” ปี 2565 https://positioningmag.com/1364963 Wed, 01 Dec 2021 14:11:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1364963 ครม.เห็นชอบอุดหนุนส่วนต่าง PSO ให้รฟท.-ขสมก.วงเงินรวมกว่า 5,550 ล้านบาท สำหรับบริการสาธารณะ ปี 2565 เสริมสภาพคล่องและไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง สั่งรฟท.เร่งพัฒนาทรัพย์สิน สร้างรายได้เพิ่ม และเดินหน้าฟื้นฟู ขสมก. ช่วยลดงบอุดหนุนจากรัฐ

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 พ.ย. 2564 มีมติเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2565 (วันที่ 1 ต.ค. 2564 – 30 ก.ย. 2565) รวมทั้งสิ้น 5,557 ล้านบาท

แบ่งเป็นขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 2,279.781 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 3,278.866 ล้านบาท โดยในส่วนของ ขสมก. เป็นการอุดหนุนสำหรับการให้บริการรถโดยสารถธรรมดาในเขตกทม.และปริมณฑล จำนวน 1,460 คัน ซึ่งประเมินระยะทางวิ่งให้บริการเฉลี่ย 209 กม./คัน/เดือน ประมาณการผู้โดยสารจำนวน 354 คน/คัน/วัน

Bmta bus รถเมล์
Photo : Shutterstock

ทั้งนี้ ขสมก.ได้ประเมินโดยใช้สมมุติฐานรายได้ จากปี 2563 และสมมุติฐานค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าซ่อมแซมรถ ค่าภาษีต่อทะเบียนรถโดยสาร ค่าประกันภัยรถโดยสาร ค่าเช่าสถานีที่ ค่าเช่าระบบ GPS ค่าเชื้อเพลิง เงินเดือนค่าจ้างและสวัสดิการ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เฉลี่ย 3 ปี โดยประเมินรายได้จากการให้บริการสาธารณะ 1,933.995 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการต้นทุนอยู่ที่ 4,213.776 ล้านบาท ขาดทุนเพื่อขออุดหนุน PSO จำนวน 2,279.781 ล้านบาท

สำหรับ รฟท. เป็นการอุดหนุนบริการเชิงสังคมทั่วประเทศ จำนวน 152 ขบวน (รถชานเมือง 65 ขบวน รถท้องถิ่น 51 ขบวน รถธรรมดา 32 ขบวน และรถรวม 4 ขบวน) และมีประมาณการจำนวนผู้โดยสารเชิงสังคม จำนวน 24.22 ล้านคน โดยประมาณการรายได้จากบริการสาธารณะ ที่ 297.988 ล้านบาท ประมาณการต้นทุนที่ 3,576.854 ล้านบาท มีผลขาดทุนเพื่อขออุดหนุน PSO จำนวน 3,278.866 ล้านบาท

Photo : Shutterstock

ด้านนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุม ครม. วันที่ 30 พ.ย.2564 ว่า ครม.เห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2565 รวมทั้งสิ้น 5,557 ล้านบาท แบ่งเป็น ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 2,279 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 3,278 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นวงเงินอุดหนุนจ่ายชดเชยผลขาดทุนให้กับ ขสมก. และ รฟท. ในรูปของเงินงบประมาณตามจำนวนส่วนต่างของประมาณการรายได้และต้นทุนการให้บริการสาธารณะ

ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถทั้ง ขสมก.และ รฟท. จัดบริการสาธารณะที่มีคุณภาพกับประชาชนอย่างต่อเนื่องและลดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินภารกิจ ซึ่งภาระงบประมาณที่รัฐต้องชดเชยดังกล่าว ยังคงไม่เกินร้อยละ 30 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด

Photo : Shutterstock

นอกจากนี้ ครม.ยังให้ ขสมก. และ รฟท. พิจารณาหาวิธีการเพิ่มรายได้และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการให้บริการสาธารณะ เพื่อเป็นแนวทางในการลดกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะจากรัฐบาลด้วย โดยให้ ขสมก. เร่งดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่สอดคล้องกับแผนปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ส่วน รฟท. นั้นให้เร่งดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะการหารายได้เพิ่มจากทรัพย์สิน จากการถ่ายโอนทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทลูกของ รฟท. (บริษัท เอสอาร์ทีแอสเสท จำกัด) เพื่อให้มีเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน

Source

]]>
1364963
เปิดเงื่อนไขเงินเยียวยา ‘วินมอเตอร์ไซค์-แท็กซี่’ อายุเกิน 65 ปี สูงสุดคนละ 10,000 บาท เร่งจ่ายพ.ย.นี้ https://positioningmag.com/1356291 Tue, 12 Oct 2021 08:48:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356291 ครม. อนุมัติเงินเยียวยา กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์แท็กซี่ อายุเกิน 65 ปี ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด รับสูงสุดคนละ 10,000 บาท เร่งจ่ายพ..นี้ 

วันนี้ (12 .. 64) โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เเถลงว่า คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติกรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาทในโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด

กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ขับรถแท็กซี่ 12,918 ราย และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง 3,776 ราย คาดว่าจะจ่ายเงินรอบแรกได้วันที่ 8-12 .. และรอบ 2 ในวันที่ 22-26 .. 64

#มีเงื่อนไขอะไรบ้าง

  • ต้องมีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก
  • ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในระบบประกันสังคม
  • โอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์’ (Promptpay) ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

#ได้คนละเท่าไหร่

ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเป็นระยะเวลา 2 เดือน เดือนละ 5,000 บาท รวมทั้งหมดเป็น 10,000 บาท (กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, พระนครศรีอยุธยา, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา)

ในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้มที่ประกาศเพิ่มเติม สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเป็นระยะเวลา 1 เดือน เป็น 5,000 บาท (กาญจนบุรี, ตาก, นครนายก, นครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, เพชรบุรี, เพชรบูรณ์, ระยอง, ราชบุรี, ลพบุรี, สิงห์บุรี, สมุทรสงคราม, สระบุรี, สุพรรณบุรี และอ่างทอง)

#ลงทะเบียนอย่างไร

สำหรับวิธีการลงทะเบียนร่วมโครงการนั้น กรมการขนส่งทางบก จะเปิดให้มีการลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของโครงการ และดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ (วินมอเตอร์ไซค์) ที่มีอายุเกิน 65 ปี จากฐานข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ

ส่วนกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เช่า ที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ จะต้องทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนก่อน เช่น ให้นิติบุคคลรถเช่า/สหกรณ์แท็กซี่เป็นผู้รับรอง เป็นต้น

 

 

]]>
1356291
ครม.เเจก ‘เงินเยียวยา’ ประกันสังคม ม.33 ม.39 ม.40 เพิ่มอีก 1 เดือน ใน 29 จังหวัด งบรวม 6 หมื่นล้าน เล็งขยายช่วยเเท็กซี่ https://positioningmag.com/1345042 Tue, 03 Aug 2021 09:42:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345042 ครม. ทุ่มงบ 6 หมื่นล้าน เเจกอีก ‘เงินเยียวยา’ ให้นายจ้าง-ลูกจ้าง ระบบประกันสังคม ม.33 ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม เพิ่มอีก 1 เดือน เล็งขยายช่วยรถเเท็กซี่ 

วันนี้ (3 ส.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ จากคำสั่งข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 30 ขยายจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เป็น 29 จังหวัด (เพิ่มอีก 16 จังหวัดจากเดิม 13 จังหวัด) จำนวน 1 เดือน

สำหรับ 29 จังหวัดสีเเดงเข้มล่าสุด ได้เเก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง

การช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและมาตรการควบคุมการระบาด จะครอบคลุม 9 กลุ่มสาขาอาชีพ-ธุรกิจ ในระบบประกันสังคม ม.33 ม.39 และ ม.40 คือ

-กิจการก่อสร้าง
-กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
-กิจการศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ
-กิจการกิจกรรมการบริการด้านอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ
-การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
-การขายส่งและการขายปลีก
-การซ่อมยานยนต์
-กิจกรรมการบริหารและสนับสนุนวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมวิชาการ
-ข้อมูลข่าวสารและการศึกษา

ในส่วนที่เป็น ‘แรงานนอกระบบ’ กำหนดให้ลงทะเบียนเป็นแรงงานตามระบบประกันสังคมก่อน เพื่อรับความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลได้วางไว้ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

โดยครม.ได้ขยายวงเงินจากเดิม 3 หมื่นล้านบาทเป็น 6 หมื่นล้านบาท เเหล่งเงินงบประมาณจากพ.ร.ก.กู้เงิน เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท พร้อมขยายระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือขยายระยะเวลาในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้มที่ประกาศไปเเล้วในรอบเเรก ‘เพิ่มเป็น 2 เดือน’ (ก.ค. – ส.ค. ) ส่วนใน 16 จังหวัดที่เพิ่มมาใหม่จะให้ความช่วยเหลือ 1 เดือน (ส.ค.)

สำหรับรูปเเบบการช่วยเหลือ ตามที่ประกาศไปในรอบเเรก ระบุว่า ผู้ประกันตน มาตรา 33 จะได้รับเงินความช่วยเหลือ 2,500 บาทต่อ 1 เดือน ผู้ประกันตน มาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 5,000 บาทต่อ 1 เดือน

นายจ้างหรือผู้ประกอบการ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อหัวของลูกจ้างในบริษัท สูงสุดไม่เกิน 200 คน เช่น ถ้ามีลูกจ้าง 10 คน เจ้าของร้านจะได้รับ 30,000 บาท

ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ ‘ไม่ได้อยู่’ ในมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่ยังประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน ให้นำหลักฐานไปลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 กับสำนักงานประกันสังคม เพื่อที่จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท

เบื้องต้นทางกระทรวงแรงงาน จะโอนเงินเยียวยา ‘งวดแรก’ ให้ลูกจ้างผู้ประกันตน ‘มาตรา 33’ จำนวน 2,500 บาท และนายจ้าง ผู้ประกอบการมาตรา 33 ตามจำนวนลูกจ้าง ให้พื้นที่ 10 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สงขลา ภายในวันที่ 4 ส.ค.- 6 ส.ค. 64 ผ่านเข้าบัญชี ‘พร้อมเพย์’ ที่ลูกจ้างผูกไว้กับบัตรประชาชนเท่านั้น เเละบัญชีนิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ

ต่อมาในวันที่ 9 ส.ค. 64 จะมีการโอนเงินเยียวยารอบเเรกให้นายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 3 จังหวัดอย่าง ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา และฉะเชิงเทรา ผ่านบัญชีพร้อมเพย์เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้ โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมสำรวจฐานข้อมูล เเละจะนำมาพิจารณาในขั้นตอนต่อไป

 

]]>
1345042
สรุป ครม.เยียวยาล็อกดาวน์ 10 จังหวัด ‘เเจกเงิน’ แรงงาน ม.33 คนละ 2,500 บาท ฟรีแลนซ์ ม.39-40 คนละ 5,000 บาท ลดค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือน https://positioningmag.com/1342127 Tue, 13 Jul 2021 09:40:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342127 สรุป มติ ครม.เคาะมาตรการเยียวยาล็อกดาวน์ 10 จังหวัด ‘เเจกเงิน’ ให้ผู้ได้รับผลกระทบ ผู้ประกันตน ม.33 ได้รับคนละ 2,500 บาท เเรงงานฟรีแลนซ์ ม.39-40 ได้รับคนละ 5,000 บาท เพิ่มชดเชยค่าจ้างเป็น 9 กลุ่มอาชีพ ลดค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือน รวมงบประมาณ 4.2 หมื่นล้าน

วันนี้ (13 ก.ค.2564) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการเยียวยา กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด ได้เเก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา วงเงินงบประมาณรวม 30,000 ล้านบาท

โดยจะช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งเพิ่มจาก 4 กลุ่มสาขาอาชีพ เป็น 9 กลุ่มสาขาอาชีพ คือ

(เดิม)

1. กิจการก่อสร้าง
2. กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
3. กิจการศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ
4. กิจการกิจกรรมการบริการด้านอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ

(เพิ่ม)
5.การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
6.การขายส่งและการขายปลีก
7.การซ่อมยานยนต์
8.กิจกรรมการบริหารและสนับสนุนวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมวิชาการ
9.ข้อมูลข่าวสารและการศึกษา

#รูปแบบการช่วยเหลือ 

กลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบและนอกระบบ ‘สัญชาติไทย’ มีดังนี้

👉ผู้ประกันตน มาตรา 33 จะได้รับเงินความช่วยเหลือ 2,500 บาท จำนวน 1 เดือน
👉ผู้ประกันตน มาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน
👉ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ ‘ไม่ได้อยู่’ ในมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่ยังประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน ให้เตรียมหลักฐานเพื่อลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 กับสำนักงานประกันสังคม ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อที่จะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน

ทั้งนี้ เป็นการเยียวยาเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ (28 มิ.ย. 64) ที่ประกาศว่า
👉ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ จะได้เงินชดเชย 50% ของฐานเงินเดือน รวมไม่เกินคนละ 10,000 บาท เเละจะได้รับเงินเพิ่มเติม จำนวน 2,000 บาทต่อราย
👉 นายจ้างหรือผู้ประกอบการ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อหัวของลูกจ้างในบริษัท สูงสุดไม่เกิน 200 คน เช่น ถ้ามีลูกจ้าง 10 คน เจ้าของร้านจะได้รับ 30,000 บาท

อ่านรายละเอียด : สรุปมาตรการเยียวยา ลูกจ้างเเละเจ้าของกิจการ “ร้านอาหาร-ก่อสร้าง” ช่วยจ่ายค่าแรง 50% นาน 1 เดือน รับเพิ่มหัวละ 2,000 บาท

นอกจากนี้ รัฐบาลยังเคาะเยียวยา ‘ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ’ ทั่วประเทศ เป็นระยะเวลา 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค. 64) โดยใช้ฐานเดือนกุมภาพันธ์ ช่วยประชาชนช่วงโควิด วงเงินรวม 1.2 หมื่นล้าน

#ลดค่าไฟ

👉บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150หน่วย/เดือน : ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก

👉บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150หน่วย/เดือน หากน้อยกว่าหรือเท่ากับเดือน ก.พ. 64 คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง
-กรณีมากกว่าเดือนก.พ. แต่ไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ให้จ่ายเท่ากับเดือน ก.พ. 64
-ระหว่าง 501-1,000 หน่วย/เดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือน ก.พ. 64+ 50% ของหน่วยไฟฟ้าที่เพิ่มจากเดือน ก.พ. 64
-เกิน 1,000 หน่วย/เดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือน ก.พ. 64+ 70% ของหน่วยไฟฟ้าที่เพิ่มจากเดือน ก.พ. 64 โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

👉กิจการขนาดเล็ก(ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ใช้ไฟฟ้าฟรี 100 หน่วยแรก
👉กิจการขนาดกลาง ขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะ องค์กรไม่แสวงหากำไรและการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ยกเว้นการเรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุด (Minimum Charge) จนถึงสิ้นเดือนธ.ค. 64 โดยให้จ่ายค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (demand Charge) ตามกำลังไฟฟ้าที่ใช้จ่ายจริง

#ค่าน้ำประปา

👉 มีมาตรการลดภาระค่าน้ำประปาลง 10% เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ระยะเวลา 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย. 64)

พร้อมจะมีมาตรการ ‘ลดค่าเทอม’ ในเทอมที่ 1 เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งทางกระทรวงการศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษาฯ จะประกาศรายละเอียดต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาใน 1 สัปดาห์

 

]]>
1342127
เช็กเลย! ครม.อัด 4 เเพ็กเกจแจกเงิน เยียวยาโควิด ‘คนละครึ่งเฟส 3-ยิ่งใช้ยิ่งได้-เติมเงินบัตรคนจน’ รวมกว่า 1.4 แสนล้าน https://positioningmag.com/1334808 Tue, 01 Jun 2021 07:51:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1334808 ครม. อนุมัติ 4 เเพ็กเกจแจกเงิน เยียวยาโควิด ‘คนละครึ่ง เฟส 3-ยิ่งใช้ยิ่งได้-เติมเงินบัตรคนจน กลุ่มเปราะบางจากเราชนะ’ วงเงินรวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท

วันนี้ (1 มิ.ย.64) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่าน 4 โครงการ ได้แก่

1.โครงการคนละครึ่งเฟส 3 แจก 3,000 บาทต่อคน รัฐช่วยจ่ายวันละไม่เกิน 150 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ (เดือน ก.ค.- ธ.ค. 64) แบ่งเป็นช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ จะทยอยจ่าย 1,500 บาท และไตรมาส 4 อีก 1,500 บาท

ครอบคลุม 31 ล้านคน ใช้งบประมาณ 93,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย

2. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ผู้เข้าร่วมโครงการและใช้เงินตามเงื่อนไข จะได้รับ ‘E-Voucher’ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในอัตรา 10-15% สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดโครงการ (เดือนก.ค.-ก.ย. 64)

เจาะกลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการบริโภคผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะมีการเปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หลังจากที่ ครม.อนุมัติโครงการ

3.โครงการ ‘เติมเงิน’ ให้ผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนละ 200 บาท รวมแต่ละคนจะได้รับ 1,200 บาท ตลอดระยะเวลา 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค. 64) ครอบคลุม 13.65 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1.64 หมื่นล้านบาท

4.โครงการ ‘เติมเงิน’ ให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ไม่มีมือถือสมาร์ทโฟน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่เคยเข้าร่วมโครงการเราชนะ เดือนละ 200 บาท รวมแต่ละคนจะได้รับ 1,200 บาท ตลอดระยะเวลา 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค. 64) ครอบคลุม 2.5 ล้านคน ใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

 

]]>
1334808
สรุป ‘คนละครึ่ง’ เฟส 3 ให้คนละ 3,000 ‘เราชนะ – ม.33 เรารักกัน’ รับเพิ่ม 2,000 เเจก e-Voucher ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ อีกคนละ 7,000 บาท https://positioningmag.com/1330614 Wed, 05 May 2021 09:44:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330614
ครม.ไฟเขียว ‘คนละครึ่ง’ เฟส 3 ให้คนละ 3,000 บาท ต่อ ‘เราชนะ’ เเละ ‘ม.33 เรารักกัน’ ให้เพิ่มคนละ 2,000 บาท พร้อมออกโครงการใหม่ ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ แจก e-Voucher กระตุ้นใช้จ่าย อีกคนละ 7,000 บาท
วันนี้ (5 พ.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ทั้ง เราชนะ คนละครึ่งเฟส 3 และ ม.33 เรารักกัน
สำหรับมาตรการคนละครึ่งเฟส 3′ จะได้รับเงินเยียวยาคนละ 3,000 บาท (ใช้ได้วันละไม่เกิน 150 บาท) ให้สิทธิ์ 31 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท เริ่มตั้งเเต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564
ส่วน ‘เราชนะ’ จะเพิ่มเงินให้คนละ 2,000 บาท เเบ่งเป็นสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ มีกลุ่มเป้าหมายราว 32.9 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท ให้ใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2564
ด้านโครงการ ‘ม.33 เรารักกัน’ จะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้ประกันตน ม.33 คนละ 2,000 บาท เเบ่งเป็นสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ กลุ่มเป้าหมาย 9.27 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 1.85 หมื่นล้านบาท ให้ใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2564
สำหรับ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะให้เงินค่าครองชีพเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม) ครอบคลุมประชาชน 13.65 ล้านคน และเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ จำนวนกลุ่มเป้าหมาย 2.5 ล้านคน เพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ชื่อว่า ‘ยิ่งใช้ยิ่งดี’ โดยรัฐจะสนับสนุน e-Voucher ให้กับประชาชน ที่ใช้จ่ายซื้อสินค้า อาหาร และเครื่องดื่มและค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน
โดยเมื่อประชาชนใช้จ่ายดังกล่าวเเล้ว จะได้รับการสนับสนุน e-Voucher จากภาครัฐ ในช่วงเดือน กรกฏาคม-กันยายน 2564 และสามารถนำ e-Voucher จากภาครัฐไปใช้จ่ายในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2564
]]>
1330614
เคาะแล้ว! ครม.เห็นชอบให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไว้ที่ 7% ต่อไปอีก 1 ปี https://positioningmag.com/1294078 Tue, 25 Aug 2020 10:00:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1294078 ครม.เห็นชอบคงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ต่อไปอีก 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้คงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ต่อไปอีก 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน

ปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า

“วันนี้ (25 สิงหาคม 2563) คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่..) พ.ศ. …. (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยให้ยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ สำหรับรายการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564”

ปรีดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปอีก โดยยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจให้กับภาคเอกชน อันจะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีการฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) คลี่คลายลง”

สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) 1161 หรือที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ

Source

]]>
1294078
สาระสำคัญ 9 ข้อ “พ.ร.บ.คู่ชีวิต” มีอะไรบ้าง หลังครม.เห็นชอบ คู่รักเพศเดียวกันจดทะเบียนได้ https://positioningmag.com/1286950 Wed, 08 Jul 2020 10:57:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286950 วันนี้ (8 ..) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง ...คู่ชีวิต พร้อมแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องแล้ว ด้านกระเเสในทวิตเตอร์คัดค้าน ผุดเเฮชเเท็ก #ไม่เอาพรบคู่ชีวิต ติดท็อปเทรนด์ ผลักดัน #สมรสเท่าเทียม ต่อไป

รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.. …. และเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) .. …. เนื่องจากกฎหมายมีความเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งเสนอโดยกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาร่าง พ...คู่ชีวิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีหลักเพื่อให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี

โดยสาระสำคัญของ พ...คู่ชีวิต มีดังนี้

1. “คู่ชีวิต” หมายความว่า บุคคลสองคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันโดยกำเนิด และได้จดทะเบียนคู่ชีวิตตาม พ.ร.บ.นี้

2. กำหนดให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัว มีอำนาจ พิจารณาพิพากษาคดีตาม พ.ร.บ.นี้

3. กำหนดให้การจดทะเบียนคู่ชีวิตจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายยินยอม มีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ และทั้งสองฝ่ายมีสัญชาติไทย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทย

4. กำหนดให้ในกรณีที่ผู้เยาว์จะจดทะเบียนคู่ชีวิต ต้องได้รับความยินยอมของบิดา มารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้ปกครอง หรือศาล รวมทั้งกำหนดให้ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อจดทะเบียนคู่ชีวิต

5. กำหนดให้คู่ชีวิตมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา (มาตรา 3 และ 5 (2) และมีอำนาจดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไปเช่นเดียวกับสามีหรือภริยา (มาตรา 29 วรรคหนึ่ง) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

6. กำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างคู่ชีวิต โดยแบ่งเป็นสินส่วนตัว และทรัพย์สินร่วมกัน

7. คู่ชีวิตสามารถรับบุตรบุญธรรมได้ รวมทั้งคู่ชีวิตฝ่ายหนึ่งจะจดทะเบียน รับผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของคู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรมของตน ด้วยก็ได้

8. เมื่อคู่ชีวิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย ให้คู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิและหน้าที่ เช่นเดียวกับคู่สมรสตามบทบัญญัติใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยมรดก

9. กำหนดให้นำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยคู่สมรส (มาตรา1606 1652 1563) ครอบครัว และบุตรบุญธรรม มาใช้บังคับแก่คู่ชีวิตด้วยโดยอนุโลม

ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีสาระสำคัญ ดังนี้

1. กำหนดให้ชายหรือหญิง จะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรส หรือคู่ชีวิตอยู่ไม่ได้

2. กำหนดให้เหตุผลฟ้องหย่า รวมถึงกรณีสามีหรือภรรยาอุปการะเลี้ยงดู หรือยกย่องผู้อื่นฉันคู่ชีวิต

3. กำหนดให้สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพในกรณีหย่าหมดไป ถ้าฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่ หรือจดทะเบียนคู่ชีวิต

นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญภายหลังจากที่ร่าง พ.ร.บ. รวม 2 ฉบับในเรื่องนี้ มีผลใช้บังคับแล้ว รวมทั้งให้ร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ พิจารณาศึกษาผลกระทบและแนวทางในการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและหน้าที่ของคู่ชีวิตให้มีความเป็นธรรม เท่าเทียม และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างแท้จริง

รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่า ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิตถือเป็นก้าวย่างสำคัญของสังคมไทยในการส่งเสริมความเสมอภาคเท่าเทียมของคนทุกเพศ เป็นการรับรองสิทธิ์ในการก่อตั้งครอบครัวของคู่รักที่มีเพศเดียวกันให้เป็นคู่ชีวิต และเป็นเครื่องมือทางกฏหมายในการจัดการกับความสัมพันธ์ทางครอบครัวได้เช่นเดียวกับคู่สมรส ครอบคลุมการจดทะเบียนและการเลิกการเป็นคู่ชีวิต สิทธิและหน้าที่ระหว่างคู่ชีวิต การจัดการทรัพย์สิน การรับบุตรบุญธรรมและมรดก เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศและสอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเป็นการรับรองสิทธิ์ในการก่อตั้งครอบครัวของคู่รักเพศเดียวกัน และเป็นเครื่องมือทางกฎหมายในการจัดการความสัมพันธ์ทางครอบครัว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกสิทธิ์เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ จึงทำให้การประเมินและติดตามการกฎหมายของ 2 ฉบับนี้ หลังบังคับใช้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และจะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายฉบับอื่นๆ ตามมา

ด้านกระเเสตอบรับหลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ...คู่ชีวิต ช่วงบ่ายวันนี้ ในสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ มีการเเสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย โดย #ไม่เอาพรบคู่ชีวิต ได้มีการพูดถึงจำนวนมาก จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ประเทศไทยในอันดับ 3 (ณ เวลา 17.31 น.) ซึ่งมีการเเสดงความคิดเห็นบางส่วนว่า พ...คู่ชีวิตดังกล่าว ยังไม่ครอบคลุมสิทธิเเละมีความเท่าเทียมอย่างเเท้จริง จึงไม่เห็นด้วยเเละมีการเรียกร้องให้มี #สมรสเท่าเทียม ต่อไป 

โดยหลายคนมองว่า พ.ร.บ.คู่ชีวิต ยังไม่ตอบโจทย์การนำไปสู่ “สมรสเท่าเทียม” ขณะที่บางคนมองว่า การออกร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต เป็นการแบ่งแยกเพศจากการออก พ.ร.บ.ใหม่ แทนที่จะมีการปรับแก้และใช้ พ.ร.บ.เดียวกันกับการแต่งงานระหว่างชายและหญิง เพื่อให้ทุกเพศเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง

บางความเห็นมองว่า พ.ร.บ.คู่ชีวิตนั้น ยังไม่ได้ให้สิทธิต่างๆ ของคู่ชีวิตได้เท่าเทียมกับคู่สมรส และร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ยังไม่เปิดให้คนทุกเพศสามารถหมั้นกันได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….

ก่อนหน้านี้ในสังคมออนไลน์ ได้เชิญชวนกันให้ร่วมแสดงความคิดเห็น ผ่านเว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เเละเเฮชเเท็ก #สมรสเท่าเทียม ก็ขึ้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไทยเช่นเดียวกัน

 

]]>
1286950
เตรียมชงครม. ตรึงค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ถึงสิ้นปีนี้ ลดค่าครองชีพประชาชน  https://positioningmag.com/1285816 Tue, 30 Jun 2020 08:40:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285816 กระทรวงคมนาคมชงครม.ปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ตามสัญญา โดย BEM ช่วยตรึงราคาเดิมถึงสิ้นปี 63 เพื่อลดค่าครองชีพศักดิ์สยามสั่ง รฟม.เจรจาปี 64 คาด CPI ติดลบ ให้ลดราคาต่อ

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เสนอการปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สายเฉลิมรัชมงคล) หรือ MRT

ตามสัญญาสัมปทานทุก 2 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 3 .. 63 โดยพิจารณาตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) ทุก 2 ปี ซึ่งพบว่าจะมีจำนวน 4 สถานีที่ต้องปรับขึ้นค่าโดยสารใหม่ อัตรา 1 บาท ตามเงื่อนไขสัญญา

รฟม.ได้หารือกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทาน ซึ่งเอกชนได้มีหนังสือเสนอที่จะยังไม่ปรับขึ้นค่าโดยสารออกไปจนถึงสิ้นปี 2563 เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ทำให้ตั้งแต่วันที่ 3 ..นี้จะยังคงจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราเดิมเริ่มต้นที่ 16 และสูงสุด 42 บาท

ทั้งนี้ ได้ให้ รฟม.หารือกับเอกชนเพิ่มเติมในการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ในปี 2564 ว่า หากคำนวณ CPI แล้วติดลบ ควรจะต้องพิจารณาอัตราค่าโดยสารให้สอดคล้องด้วย

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (30 มิ..) เห็นชอบตามที่ รฟม.เสนอการจัดเก็บค่าโดยสารตามร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสาร ตามสัญญาโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ช่วงหัวลำโพงบางซื่อ โดยจะมีผลในวันที่ 3 .. 2563 เป็นต้นไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) ทุก 2 ปี ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2565 จะมีการปรับค่าโดยสารใหม่ จำนวน 4 สถานี คือ สถานีที่ 1, 4, 7, 10 โดย BEM ได้มีหนังสือให้ความร่วมมือในการจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราเดิมที่ 16 บาท และสูงสุด 42 บาท ต่อไปจนถึงสิ้นปี 63 โดยไม่มีการสงวนสิทธิ์ใดๆ

Source

]]>
1285816