คอนเทนต์เอเชีย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 Jan 2024 09:03:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 10 อันดับคอนเทนต์ไทยบน “Netflix” ที่มีชั่วโมงการรับชมสูงสุด ครึ่งปีแรก 2023 https://positioningmag.com/1460742 Mon, 29 Jan 2024 09:02:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460742 สำหรับคนที่อยากรู้ว่าคอนเทนต์บน “Netflix” แต่ละเรื่องมีคนดูมากแค่ไหน ความปรารถนาของคุณเป็นจริงแล้ว เพราะสตรีมมิ่งเจ้านี้จะเริ่มเปิดเผยข้อมูลยอดรับชมของคอนเทนต์ทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม!

ข้อมูลนี้ออกมาในรูปแบบรายงานชื่อ What We Watched: A Netflix Engagement Report โดยจะประกาศข้อมูลทุกๆ ครึ่งปี ครั้งแรกที่มีการประกาศคือเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2023 เป็นข้อมูลรอบวันที่ 1 มกราคม 2023 – 30 มิถุนายน 2023

รายงานนี้เปิดข้อมูลแบบละเอียดจริงๆ เพราะสามารถดาวน์โหลดตาราง Excel มาอ่านเองได้เลย ภายในแสดงข้อมูลคอนเทนต์ทั่วโลกรวมทั้งหมดกว่า 18,000 เรื่อง! ครอบคลุมคอนเทนต์ 99% ที่มีอยู่บน Netflix ไม่ว่าจะเป็นออริจินอลหรือเป็นการซื้อลิขสิทธิ์มาฉาย

การรายงานนี้จะไม่นับเป็นจำนวนครั้งหรือจำนวนบัญชีที่เข้าไปดู แต่คิดเป็น ‘จำนวนชั่วโมง’

สะท้อนให้เห็นว่า Netflix ต้องการวัดคุณภาพของคอนเทนต์ คนดูต้องชื่นชอบจริงๆ ถึงจะเปิดดูจนจบเรื่อง หรือกดดู EP. ต่อไปและต่อไปเรื่อยๆ รวมถึงถ้าแฟนคลับบัญชีเดิมกดดูวนไปซ้ำๆ ก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์ที่ดีเช่นกัน

10 อันดับแรกคอนเทนต์ที่มีชั่วโมงการรับชมสูงสุดบน Netflix ทั่วโลก รอบครึ่งปีแรก 2023
  1. The Night Agent SS1
    ซีรีส์แอคชั่น ภาษาอังกฤษ
    812 ล้านชั่วโมง
  2. Ginny & Georgia SS2
    ซีรีส์คอมเมดี้ ภาษาอังกฤษ
    665 ล้านชั่วโมง
  3. The Glory SS1
    ซีรีส์ดราม่า ภาษาเกาหลี
    623 ล้านชั่วโมง
  4. Wednesday SS1
    ซีรีส์แฟนตาซีสยองขวัญ ภาษาอังกฤษ
    508 ล้านชั่วโมง
  5. Queen Charlotte: A Bridgerton Story
    ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ ภาษาอังกฤษ
    503 ล้านชั่วโมง
  6. You SS4
    ซีรีส์เขย่าขวัญ ภาษาอังกฤษ
    441 ล้านชั่วโมง
  7. La Reina del Sur SS3
    ซีรีส์ดราม่าระทึกขวัญ ภาษาสเปน
    430 ล้านชั่วโมง
  8. Outer Banks SS3
    ซีรีส์แอคชั่นผจญภัย ภาษาอังกฤษ
    403 ล้านชั่วโมง
  9. Ginny & Georgia SS1
    ซีรีส์คอมเมดี้ ภาษาอังกฤษ
    302 ล้านชั่วโมง
  10. FUBAR SS1
    ซีรีส์แอคชั่นคอมเมดี้ ภาษาอังกฤษ
    266 ล้านชั่วโมง

จากข้อมูลคอนเทนต์ยอดนิยม Netflix เล็งเห็นข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น 30% ของการรับชมคอนเทนต์บน Netflix เป็นการชมคอนเทนต์ที่ ‘ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ’ ตัวอย่างใน Top 10 มีคอนเทนต์ถึง 2 เรื่องที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ คือ The Glory (เกาหลี) และ La Reina del Sur (สเปน)

ฝั่งอุตสาหกรรมบันเทิงไทยก็มีความร่วมมือกับ Netflix ในการผลิตหรือลงสตรีมคอนเทนต์ที่ใช้ภาษาไทยดำเนินเรื่องเช่นกัน โดย Positioning เจาะตาราง Excel ของ Netflix และจัดลำดับข้อมูลดังนี้

10 อันดับคอนเทนต์ไทยบน “Netflix” ที่มีชั่วโมงการรับชมสูงสุด ครึ่งปีแรก 2023
  1. Hunger คนหิวเกมกระหาย
    ภาพยนตร์ดราม่า
    92.3 ล้านชั่วโมง
  2. Royal Doctor หมอหลวง ซีซัน 1
    ซีรีส์ย้อนยุคคอมเมดี้
    24.3 ล้านชั่วโมง
  3. Girl from Nowhere เด็กใหม่ ซีซัน 1
    ซีรีส์ดราม่าระทึกขวัญ
    14.2 ล้านชั่วโมง
  4. DELETE ซีซัน 1 (*)
    ซีรีส์ดราม่าระทึกขวัญ
    8.0 ล้านชั่วโมง
  5. Nak นางนาค สะใภ้พระโขนง
    ซีรีส์ย้อนยุคโรแมนติก
    8.0 ล้านชั่วโมง
  6. Moo 2 หมู่ 2
    ภาพยนตร์ตลกเดี่ยวไมโครโฟน
    4.9 ล้านชั่วโมง
  7. To the Moon and Back มาตาลดา ซีซัน 1
    ซีรีส์โรแมนติก
    3.9 ล้านชั่วโมง
  8. Bad Romeo คือเธอ ซีซัน 1
    ซีรีส์โรแมนติก
    3.8 ล้านชั่วโมง
  9. Oh My Girl รักจังวะ..ผิดจังหวะ
    ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้
    3.6 ล้านชั่วโมง
  10. Love Destiny the Movie บุพเพสันนิวาส ๒
    ภาพยนตร์ย้อนยุคโรแมนติก
    3.4 ล้านชั่วโมง

(*) ซีรีส์เรื่อง DELETE เข้าสตรีมมิ่งวันที่ 28 มิถุนายน 2023 ทำให้มีเวลาเพียง 3 วันในการจัดอันดับรอบนี้

คอนเทนต์ภาษาไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในรอบนี้คือ “Hunger คนหิวเกมกระหาย” มีชั่วโมงรับชมที่สูงเป็นอันดับ 110 ของโลก และยิ่งน่าประทับใจหากมองว่านี่คือชั่วโมงรับชมของ “ภาพยนตร์” เรื่องหนึ่งที่มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า แปลว่าถ้ามีการรับชมคนละหนึ่งครั้ง จะเท่ากับมีผู้ชมหนังไทยเรื่องนี้ประมาณ 46 ล้านคนทั่วโลก

สิ่งที่น่าสนใจอีกประเด็นจาก 10 อันดับแรก คือดูเหมือนว่าคอนเทนต์ไทยจะได้รับความนิยมในกลุ่ม “ย้อนยุค” และ “โรแมนติก” มีถึง 3 คอนเทนต์ในการจัดอันดับที่เป็นเรื่องราวย้อนยุคในอดีต และมีถึง 5 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรักเป็นหลัก

น่าติดตามต่อว่าคอนเทนต์ไทยบน Netflix ในรอบครึ่งปีหลัง 2023 จะมีเรื่องใดที่ประสบความสำเร็จ เอาชนะใจคนดูบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้อีกบ้าง!

]]>
1460742
‘Netflix’ อัดงบเพิ่ม 2 เท่าโหมสร้าง ‘ออริจินอลคอนเทนต์’ ลุยตลาดเอเชีย https://positioningmag.com/1318384 Mon, 08 Feb 2021 06:39:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1318384 ‘Netflix’ สตรีมมิ่งเบอร์ 1 ของโลกด้วยจำนวนสมาชิกทั่วโลกกว่า 200 ล้านราย และจากนี้กำลังต้องการเพิ่มผู้ใช้ให้สูงขึ้นอีกด้วยการโหมทำตลาด ‘เอเชีย’ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด

เมื่อปีที่ผ่านมา Netflix มีผู้ใช้ใหม่จากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 9.3 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยรายได้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นเกือบ 62% ส่วนในยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกาเพิ่มขึ้นเพียง 40%

จากการเติบโตดังกล่าว ทำให้ Netflix เริ่มจะรุกหนักไปยังตลาดเอเชียมากขึ้น โดยมีแผนจะเพิ่มงบประมาณเป็น 2 เท่าสำหรับการทำออริจินอลคอนเทนต์ในภูมิภาค โดยหวังว่าจะได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจากประเทศอินเดีย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และที่อื่น ๆ ส่วน ‘จีน’ ยังเป็นประเทศเดียวที่ Netflix ยังเจาะตลาดไม่ได้

“เราตื่นเต้นมากเกี่ยวกับศักยภาพของตลาดเอเชีย มีผู้คนหลายร้อยล้านคนที่เรายังคงพยายามหาวิธีที่ในการเชื่อมต่อและสร้างความบันเทิงให้กับเขา” Greg Peters ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Netflix กล่าว

เมื่อสามปีก่อน Reed Hastings ซีอีโอ Netflix เคยคาดการณ์ว่าผู้ใช้ 100 ล้านคน” คนจะมาจากอินเดียเพียงแห่งเดียว และนับจากนั้น บริษัทก็ได้เห็น “การเติบโตอย่างมาก” โดยตั้งแต่ปี 2018-2020 Netflix ใช้เงินประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อลิขสิทธิ์หรือผลิตเนื้อหาในเอเชีย และตอนนี้ได้รวบรวมคอนเทนต์ของเอเชียมากกว่า 200 เรื่อง นอกจากนี้ยังมีพนักงานประมาณ 600 คนทั่วภูมิภาค โดยมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ใช้ดึงดูดผู้ชมเอเชียไม่ใช่แค่คอนเทนต์ดัง ๆ จากฝั่งตะวันตกเท่านั้น แต่คือการปรับเนื้อหาให้เข้ากับผู้ชมในภูมิภาค ‘มิน ยองคิม’ ที่เข้าร่วมกับ Netflix ในปี 2016 ในฐานะผู้บริหารเนื้อหาคนแรกในเอเชีย ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานฝ่ายเนื้อหาของ Netflix ในเกาหลีใต้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ระบุว่า “รู้ดีว่าเนื้อหาในท้องถิ่นจะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของธุรกิจในเอเชีย” เธอกล่าว

ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าจริง โดยในปีที่แล้ว ซีรีส์เกาหลีสามารถครอง 10 ซีรีส์ยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ชมในภูมิภาคที่รับชมคอนเทนต์เกาหลีเพิ่มขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2019 ส่วนผู้ชมอนิเมะญี่ปุ่นในภูมิภาคเพิ่มขึ้น 2 เท่า

ภาพจาก Facebook Netflix

ขณะที่ปัจจุบันคอนเทนต์เอเชียไม่ได้ดึงดูดแค่ผู้ชมในภูมิภาคเท่านั้น แต่กำลังได้รับความสนใจไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ “Alice in Borderland” ของญี่ปุ่น “Kingdom” และ “Indian Matchmaking” ของเกาหลีใต้ซึ่งถ่ายทำระหว่างอินเดียและสหรัฐอเมริกาล้วนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั่วโลก

นอกจากนี้ บริษัทได้พยายามทำราคาให้ถูกลง เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยเปิดแพ็กเกจเฉพาะมือถือ โดยเริ่มต้นในอินเดียและได้ขยายไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และไทย รวมถึงได้เพิ่มคำบรรยายและการพากย์เสียงใน 35 ภาษาอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีตลาดเอเชียขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่ Netflix ยังไม่สามารถเจาะตลาดได้ก็คือ ‘จีน’ ซึ่งทางผู้บริหารเองระบุว่ายังไม่มีแผนที่จะเปิดให้บริการ

“ไม่มีอะไรที่ฉันจะบอกว่าฉันพอใจ เราต้องปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา เราพยายามเชื่อมโยงกับผู้คนมากมายทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ใช่ทุกคน ดังนั้น เราจึงมีงานต้องทำมากขึ้น”

Source

]]>
1318384