กลยุทธ์ใหม่ของ “Netflix” ในการครองบัลลังก์สตรีมมิ่งคือการเจาะเข้าสู่ตลาดถ่ายทอดสด “กีฬา” เพื่อดึงคนดูกลุ่มใหม่ๆ และเพิ่มคอนเทนต์ให้หลากหลาย ช่วยดึงสมาชิกเก่าไม่ให้บอกเลิกสมาชิกไปเสียก่อน
คอกีฬาฮือฮากันทันทีเมื่อ “Netflix” ประกาศโปรแกรมถ่ายทอดสด “กีฬา” รายการใหม่ “The Netflix Slam” จับคู่หยุดโลกในวงการเทนนิส “ราฟาเอล นาดาล ปะทะ คาร์ลอส อัลคาราซ” แชมป์แกรนด์สแลม 22 สมัยประจันหน้ากับนักเทนนิสมือวางอันดับ 2 ของโลกคนปัจจุบัน
แมตช์นี้จะพบกันวันที่ 3 มีนาคม 2024 เป็นแมตช์พิเศษที่จัดขึ้นในลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และ Netflix เป็นสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มที่จะถ่ายทอดสดไปในกลุ่มประเทศที่พูดภาษาอังกฤษและภาษาสเปน
การถ่ายทอดสดกีฬานัดนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของ Netflix เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 แพลตฟอร์มนี้มีการถ่ายทอดสดกีฬาครั้งแรกในรายการ “The Netflix Cup” เป็นกีฬากอล์ฟแมตช์พิเศษ โดยสร้างสรรค์ไอเดียจับคู่นักกอล์ฟอาชีพจากรายการ PGA Tour กับนักแข่งรถฟอร์มูลาวันมาเป็นทีมกอล์ฟทีมเดียวกัน รวมทั้งหมด 4 ทีมเพื่อแข่งขันหาแชมป์รายการ และมีการถ่ายทอดสดไปหลายประเทศ
เหตุที่ Netflix สนใจการถ่ายทอดสดกีฬา มาจากสถิติจากวงการโทรทัศน์แบบดั้งเดิมและเคเบิลทีวี สถานการณ์วงการโทรทัศน์นั้นมีคนดูน้อยลงเรื่อยๆ แต่กลุ่มที่ยังเปิดโทรทัศน์ปกติดูอยู่เป็นเพราะต้องการชมถ่ายทอดสดกีฬานั่นเอง
โดยข้อมูลจาก Neilsen พบว่า ผู้ชมในสหรัฐฯ เปิดโทรทัศน์ดูถ่ายทอดสดกีฬาเพิ่มขึ้นถึง 360% เมื่อฤดูกาลใหม่ของรายการอเมริกันฟุตบอล National Football League (NFL) เริ่มต้นขึ้น
นั่นทำให้ Netflix รู้ว่า บรรดาคอกีฬาถือเป็นกลุ่มผู้ชมที่แข็งแรงมาก และหันมาทำคอนเทนต์เกี่ยวกับกีฬามากขึ้นโดยเฉพาะสารคดีเจาะลึกวงการกีฬาต่างๆ เช่น “Formula 1: Drive to Survive” เพื่อเจาะลึกในรายการแข่งขันรถฟอร์มูลาวัน “Full Swing” เจาะลึกเบื้องหลังการแข่งขัน PGA Tour หรือ “Quarterback” เจาะลึกวงการกีฬาอเมริกันฟุตบอลรายการ NFL เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม Netflix ยังไม่มีแผนที่จะเข้าไปประมูลชิงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาตามฤดูกาลใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันโดย “สเปนเซอร์ นอยมานน์” ซีเอฟโอบริษัท เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เหตุเพราะประเมินแล้วคิดว่าการลงทุนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐไปกับค่าลิขสิทธิ์คงจะไม่ได้กำไรกลับมามากเท่าไหร่นัก
“เท็ด ซารานดอส” ซีอีโอร่วมของ Netflix ก็เคยประกาศไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 ว่าบริษัทไม่ได้สนใจประมูลถ่ายทอดสดกีฬาทั้งฤดูกาล แต่ต้องการจะลงทุนเฉพาะคอนเทนต์ที่ “เกี่ยวกับกีฬา” เท่านั้น โดยหวังว่าจะได้กลุ่มคนดูประเภท “คอกีฬา” กลุ่มเดียวกับที่ชมถ่ายทอดสดในโทรทัศน์ปกติ ให้หันมาดูสารคดีและแมตช์พิเศษใน Netflix ด้วย
- คนดูไหวไหม? Netflix อาจ “ขึ้นราคา” สตรีมมิ่งเร็วๆ นี้ หลังข้อตกลงกับกลุ่มนักเขียนบทกระทบต้นทุน
- ‘ดิสนีย์’ ประกาศจะ ‘ลดต้นทุน’ อีก 2 พันล้านเหรียญฯ มั่นใจธุรกิจ ‘สตรีมมิ่ง’ ทำกำไรภายในปีหน้า
เทรนด์การถ่ายทอดสดกีฬาผ่านสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มนั้นไม่ได้มีแต่ Netflix ที่เล็งเห็น แพลตฟอร์มอื่นก็มีการใช้กลยุทธ์นี้เช่นกัน เช่น “Amazon Prime” ชิงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรายการ Thursday Night Football การแข่งขัน NFL ในคืนวันพฤหัสบดีมาได้ หรือ “AppleTV” ก็ชิงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรายการ Friday Night Baseball การแข่งขันเบสบอลเมเจอร์ลีกทุกคืนวันศุกร์ และรายการฟุตบอล Major League Soccer ของสหรัฐฯ
ที่มา: Reuters, The Verge, CNBC