วัน ‘Black Friday’ ใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ความวิตกกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับการจับจ่ายในร้านค้าและห้างสรรพสินค้านั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ของอเมริกากำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วประเทศ ทำให้มีผู้คนจำนวนที่ไปกางเต็นท์รอช้อปปิ้งในวันนี้ลดลง
จากการสำรวจของ Deloitte เกี่ยวกับการจับจ่ายซื้อของในร้านค้าช่วงวันหยุดพบว่าผู้บริโภค 57% ระบุว่าพวกเขากังวลเกี่ยวกับการซื้อของในร้านค้าเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือยกันยายนที่มี 51% ขณะที่ผู้บริโภคจำนวน 61% วางแผนที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ในวัน Black Friday มากกว่าร้านค้าที่ 54% นอกจากนี้ 61% ระบุว่าพวกเขา ‘ไม่แน่ใจ’ หรือ ‘ไม่มีแผน’ ที่จะซื้อของกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ในสัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 48%
“ฉันเดาว่าตอนนี้เปอร์เซ็นต์น่าจะสูงกว่านี้ เนื่องจากการระบาดของโรคให้ผู้คนหันไปช้อปออนไลน์ นี่คือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป” Rod Sides รองประธานและผู้นำด้านการค้าปลีกการค้าส่งและการจัดจำหน่ายของสหรัฐฯ กล่าว
Jeff Gennette ซีอีโอของ Macy ยอมรับความจริงดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยบอกกับนักวิเคราะห์ในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์ว่า “เราคาดว่าปริมาณการใช้งานจะลดลงในช่วง Black Friday” ส่วนร้านค้าปลีกอื่น ๆ รวมถึง Macy’s, Walmart, Target และ Dick’s Sporting Goods ได้เสนอโปรโมชัน Black Friday ล่วงหน้า ก่อนวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้าโดยหวังว่าจะดึงความต้องการของนักช้อปไปข้างหน้าและหลีกเลี่ยงร้านค้าที่แออัด นอกจากนี้ยังเตรียมความพร้อมของคลังสินค้าเพื่อรองรับการซื้อขายผ่านออนไลน์
]]>กระทรวงการคลังของอังกฤษ ระบุว่า หากข้อตกลง Brexit สำเร็จลุล่วงในช่วงปลายปีนี้ ทางสหราชอาณาจักรมีเเผนจะยกเลิกมาตรการ VAT-free shopping เนื่องจากผลประโยชน์ในหลายส่วนของสหราชอาณาจักรที่ไม่สอดคล้องกับบรรทัดฐานระหว่างประเทศ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูงและเสี่ยงต่อการฉ้อโกง
ด้านบรรดายักษ์ใหญ่ค้าปลีกเเละเเบรนด์หรูต่างๆ อย่าง Marks & Spencer, Heathrow และ Selfridges ร่วมส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษว่า การยกเลิกดังกล่าว จะสร้างความเสี่ยงกับเเรงงานกว่า 7 หมื่นคน โดยขายสินค้าปลอดภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวนอกสหภาพยุโรปนั้น สามารถทำรายได้กว่า 3.5 พันล้านปอนด์ (ราว 1.4 เเสนล้านบาท) ในเเต่ละปี
สำหรับโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ VAT Retail Export Scheme (VAT RES) เป็นสิทธิพิเศษให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อสินค้าในเเหล่งท่องเที่ยว อย่างในกรุงลอนดอนและเอดินเบอระ รวมถึงย่านช้อปปิ้งยอดนิยมอย่าง Bicester Village เเต่ไม่ได้นำมาใช้หรือบริโภคในสหราชอาณาจักรสามารถขอคืนภาษีได้โดยเป็นโครงการที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของชาวต่างชาติ
สมาคมการค้าปลีกระหว่างประเทศ (AIR) ที่ร่วมลงนามในจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษดังกล่าว มองว่า การยกเลิกมาตรการนี้ จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเเละธุรกิจค้าปลีกที่กำลังเจอมรสุม COVID-19 ยิ่งไปกว่านั้น สหราชอาณาจักรจะกลายเป็นประเทศเดียวในยุโรป ที่จะไม่มีการช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี
“ตอนนี้มาดริด มิลานและปารีส กำลังยินดีกับสิ่งที่รัฐบาลอังกฤษทำ เพราะถ้านักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายเเพงกว่าในสินค้าประเภทเดียวกัน พวกเขาก็คงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนใจไปประเทศอื่น”
ด้าน Thierry Andretta ผู้บริหารเเบรนด์หรูอย่าง Mulberry ที่ได้ร่วมลงนามในจดหมายร้องเรียนดังกล่าว บอกว่า การตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษ จะทำลายความสามารถการแข่งขันกับประเทศอื่นในยุโรป ทำให้เสียเปรียบทั้งด้านการจ้างงานและการผลิตในภาคอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Visit Britain ระบุว่า ในปี 2018 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้เงินราว 6 พันล้านปอนด์ (ราว 2.4 แสนล้านบาท) เพื่อช้อปปิ้งในสหราชอาณาจักรโดยในส่วนนี้กว่า 3.5 พันล้านปอนด์ เป็นการขายแบบไม่ต้องเสียภาษี เเต่มีนักท่องเที่ยวขอคืนภาษีเพียง 2.5 พันล้านปอนด์เท่านั้น
ที่มา : BBC , the guardian
]]>