จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 28 Feb 2021 13:06:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อย.สหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนป้องกัน COVID-19 เเบบฉีด ‘เข็มเดียว’ ของ Johnson & Johnson เเล้ว https://positioningmag.com/1321194 Sun, 28 Feb 2021 10:52:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321194 ทางการสหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนป้องกัน COVID-19 เเบบฉีดเข็มเดียวของบริษัท Johnson & Johnson (J&J) อย่างเป็นทางการเเล้ว

นับเป็นวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ชนิดที่ 3 ที่ผ่านการรับรองให้ใช้ได้ในอเมริกา เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ต่อจาก Pfizer-Biontech เเละ Moderna 

สำนักงานอาหารและยาหรือเอฟดีเอ (FDA) ระบุว่า วัคซีนของ J&J ที่ฉีดเพียงเข็มเดียว มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันผู้ป่วย COVID-19 ไม่ให้มีอาการหนัก และสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้

โดยผลวิจัยทางคลินิกในเฟสสาม จากการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง 44,000 คน ปรากฏว่า วัคซีนดังกล่าวสามารถลดการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 100% ภายในระยะเวลา 28 วันหลังรับการฉีดวัคซีน แต่หากคำนวณภายในกรอบเวลา 14 วัน จะมีประสิทธิผลป้องกันได้ 85%

ขณะที่ประสิทธิผลในภาพรวมอยู่ที่ 66% เเบ่งเป็น 64% สำหรับป้องกันอาการป่วยปานกลางจาก COVID-19 และสูงขึ้นเป็น 85% ในการป้องกันอาการป่วยหนัก 

อย่างไรก็ตาม วัคซีนของ J&J ยังต้องมีการวิจัยเพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าอาจจะใช้ป้องกันกรณีการติดโควิด-19 ที่ไม่ได้แสดงอาการป่วยได้หรือไม่ 

J&J ตั้งเป้าจะส่งมอบวัคซีนให้ได้ 20 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ และให้ได้ 100 ล้านโดสภายในเดือนมิถุนายน

ล่าสุดประเมินว่า ตอนนี้มีชาวอเมริกันกว่า 65 ล้านคน รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสไปเเล้วจากวัคซีน Pfizer-Biontech เเละ Moderna ที่ได้รับการอนุมัติมาตั้งเเต่เดือนธันวาคม ปีที่เเล้ว โดยมีประสิทธิภาพเฉลี่ยราว 95% เเต่ต้องฉีดรวม 2 เข็ม

รัฐบาลสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรปและแคนาดา ได้สั่งวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ J&J เเล้ว ขณะที่โครงการวัคซีน COVAX ภายใต้การนำขององค์การอนามัยโลก ได้สั่งจองเป็นจำนวนกว่า 500 ล้านโดส เพื่อนำไปมอบเเจกจ่ายให้กับประเทศยากจน

 

ที่มา : Reuters , CNN

 

]]>
1321194
“จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” ระงับทดลองวัคซีน COVID-19 อีกตัว หลังพบอาสาสมัครล้มป่วยปริศนา https://positioningmag.com/1301313 Wed, 14 Oct 2020 04:44:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301313 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ประกาศว่าจะระงับการทดลองทางคลินิกวัคซีน COVID-19 ของทางบริษัท อย่างน้อยๆ ก็หลายวัน เพื่อเปิดทางให้คณะควบคุมความปลอดภัยอิสระ เข้าประเมินอาการป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้ของอาสาสมัครผู้เข้าร่วมทดลองรายหนึ่ง

หุ้นของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลงมากกว่า 2% หลังมีข่าวหยุดการทดลอง และทบทวนด้านความปลอดภัย หลังจากก่อนหน้านี้การทดลองว่าที่วัคซีนของคู่แข่งสำคัญอย่าง แอสตราเซเนกา พีแอลซี ซึ่งใช้เทคโนโลยีคล้ายกัน ก็ถูกระงับมานานกว่า 1 เดือน หลังพบผู้อาสาสมัครรายหนึ่งในสหราชอาณาจักร ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเปิดเผยในวันจันทร์ที่ 12 ต.ค. ว่าอาการป่วยกำลังได้รับการตรวจสอบทบทวนจากคณะกรรมการเฝ้าระวังข้อมูลและความปลอดภัยอิสระ เช่นเดียวกับคณะทำงานด้านคลินิก และความปลอดภัยของพวกเขาเอง

คณะกรรมการเฝ้าระวังข้อมูล และความปลอดภัยอิสระ กำลังตรวจสอบทบทวนการทดลองของแอสตราเซเนกาเช่นกัน จำเป็นต้องยื่นผลการตรวจสอบของพวกเขาต่อองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ก่อนที่จะสามารถกลับมาเดินหน้าทดลองอีกครั้ง

มาไท มัมเมน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจยาของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดผยว่าทางบริษัทได้แจ้งคณะกรรมการความปลอดภัย เกี่ยวกับกรณีผู้เข้าร่วมทดลองล้มป่วยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ต.ค. และทางคณะกรรมการร้องขอข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมบอกว่าทางบริษัทกำลังรวบรวมขอมูลเพื่อตอบคำถามต่างๆ ของทางคณะกรรมการ

เขาบอกว่าสืบเนื่องว่ามันเป็นการทดลองแบบอำพราง ทางบริษัทจึงไม่ทราบว่าอาสมัครที่ล้มป่วยนั้นได้รับวัคซีนจริง หรือยาหลอก และเผยว่าทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังอยู่บนเส้นทางของการเกณฑ์อาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองให้ครบ 60,000 คนในช่วง 2 หรือ 3 เดือนข้างหน้า

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บอกว่าปัญหาหยุดชะงักถือเป็นเรื่องปกติของการทดลองกลุ่มใหญ่ และเน้นว่าการสมัครใจหยุดการฉีดว่าที่วัคซีนให้แก่บรรดาผู้เข้าร่วมการทดลอง นั้นต่างจากการถูกระงับตามกฎข้อบังคับที่กำหนดโดยบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

ก่อนหน้านี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คาดหมายว่าจะมีข้อมูลเพียงพอสำหรับขอใบอนุญาตจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี ในขณะที่ ไฟเซอร์ อิงค์ และ โมเดอร์นา อิงค์ 2 บริษัทที่กำลังวิจัยพัฒนาวัคซีนเช่นกัน คาดหมายว่าจะสามารถขอใบอนุญาตจากองค์การอาหาร และยาสหรัฐฯ สำหรับว่าที่วัคซีนของพวกเขา เร็วกว่านั้น

พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ส่งเสียงแสดงความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจสร้างแรงกดดันแก่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ และบรรดาผู้ผลิตยา ให้เร่งรีบป้อนวัคซีนที่ไม่มีความปลอดภัยเข้าสู่ตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งของเขา หลังจากเขาพูดย้ำมาตลอดว่าจะมีวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งที่สามารถใช้การได้ก่อนศึกเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน

วัคซีน COVID-19
Photo : Shutterstock

เมื่อเดือนที่แล้ว แอสตราเซเนกา ได้ระงับการทดลองขั้นสุดท้ายของวัคซีนทดลอง COVID-19 ที่พวกเขาร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด สืบเนื่องจากพบอาการป่วยรุนแรงไม่ทราบสาเหตุในอาสาสมัครรายหนึ่งในอังกฤษ แม้นับตั้งแต่นั้นว่าที่วัคซีนของ แอสตราเซเนกา ได้กลับสู่การทดลองแล้วในอังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้ และอินเดีย แต่ในสหรัฐฯยังคงระงับการทดลอง

วัคซีนของทั้งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และแอสตราเซเนกา ต่างใช้ไวรัสอะดีโน (adenovirus) เป็นตัวนำพาคำสั่งทางพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันตอบโต้ไวรัสเป้าหมาย ซึ่งในกรณีนี้ก็คือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ทั้งสองยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Operation Warp Speed ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีน โดยเมื่อวันที่ 22 กันยายน วัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นวัคซีนที่ 4 ของโครงการนี้ ที่เข้าสู่ขั้นสุดท้ายของการทดลองในมนุษย์ “มันเป็นเคสที่ 2 ของวัคซีนอะดีโนไวรัสที่กระตุ้นความกังวลด้านความปลอดภัย” จากความเห็นของนักวิเคราะห์รายหนึ่ง

ในส่วนวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ใช้เทคโนโลยีที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

แอสตราเซเนกา และพวกผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์บอกว่า การระงับการทดลองเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของอาการป่วยของอาสาสมัครถือเป็นเรื่องปกติ

Source

]]>
1301313
“จอห์นสัน” เลิกขายแป้งเด็กผสมทัลคัมในสหรัฐฯ-แคนาดา เหตุยอดขายลดน้อยลง https://positioningmag.com/1279780 Wed, 20 May 2020 16:25:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1279780 บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ผู้ผลิตสินค้าสำหรับเด็กประกาศว่า จะเลิกจำหน่ายแป้งฝุ่นเด็กผสมทัลคัม (Talc) ทั้งในสหรัฐฯ และแคนาดา เนื่องมาจากยอดขายตก ท่ามกลางการถูกฟ้องร้องไม่ต่ำกว่า 19,000 คดี ที่ผู้บริโภคอเมริกันออกมาชี้ว่า แป้งเด็กจอห์นสันทำให้เกิดมะเร็ง

รอยเตอร์รายงานวันนี้ว่า บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ออกแถลงการณ์ในวันที่ 19 พ.ค. กล่าวว่า ทางบริษัทจะหยุดการส่งสินค้าแป้งเด็กจอห์นสันรุ่นที่ผสมทัลคัม (Talc) จากการที่สถานการณ์วิกฤต COVID-19 นำมาสู่การจำกัดในการซื้อ และการผลิต และทำให้ทางบริษัทจะยุติการขายในทวีปอเมริกาเหนือ

“ความต้องการสำหรับแป้งเด็กจอห์นสันผสมทัลคัมในอเมริกานั้นลดลงส่วนใหญ่ เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และได้รับการเติมเชื้อไฟจากข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และการโจมตีอย่างสม่ำเสมอจากโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคดีความที่เกิดขึ้น”

รอยเตอร์รายงานว่า แป้งเด็กจอห์นสันรุ่นคลาสสิกที่ได้รับการจำหน่ายอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1894 แต่ปัจจุบันนี้กลับมียอดขายเหลือแค่ 0.5% ของตลาดสินค้าด้านสุขภาพของผู้บริโภค

การออกแถลงการณ์ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่จะเลิกการขายแป้งเด็กผสมทัลคัมทั้งในตลาดสหรัฐฯ และแคนาดาสร้างความดีใจให้กับผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบ

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ คริสตัล เด็คการ์ด (Crystal Deckard) ที่ดาร์เลน โคเกอร์ (Darlene Coker) มารดาของเธอมีคดีความฟ้องร้องกับบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดยระบุว่า แป้งเด็กจอห์นสันทำให้เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด (mesothelioma) ซึ่งเป็นโรคมะเร็งชนิดที่พบได้น้อย แต่อันตรายถึงชีวิตที่เกิดกับเยื่อหุ้มปอด มะเร็งชนิดนี้มักเป็นผลจากการสูดดมแร่ใยหินเป็นเวลานาน

แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 1999 โคเกอร์ได้ถอนคดีนี้ออกไปหลังจากไม่สามารถบังคับให้ทางจอห์นสันแสดงบันทึกภายในได้ และเธอได้เสียชีวิตจากโรคร้ายในปี 2009

ซึ่งทางเด็คคาร์ดกล่าวว่า “ดิฉันหวังว่าแม่จะสามารถอยู่ถึงวันนี้เพื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น”

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ยังคงเชื่อมั่นในความปลอดภัยของแป้งฝุ่นเด็กจอห์นสันที่มีส่วนผสมของทัลคัมอยู่” โดยทางบริษัทได้อ้างการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีมานานหลายสิบปี

ซึ่งทางบริษัทได้ถูกตรวจสอบอย่างหนักในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์แป้งเด็กหลังจากรอยเตอร์ได้รายงานในปี 2018 ว่า ทางจอห์นสันรับรู้มานานหลายสิบปีว่ามีแร่ใยหิน (asbestos) อยู่ในส่วนผสมทัลคัมของตัวเอง

โดยในบันทึกภายในบริษัทที่ปรากฏในศาลระบุว่า ย้อนไปตั้งแต่ปี 1971 เป็นอย่างน้อยไปจนถึงต้นปียุค 2000 พบว่า สารทัลคัมของบริษัท และผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นโรยตัวของจอห์นสันบางครั้งถูกตรวจพบว่ามีการผสมอยู่ของแร่ใยหิน

และมาจนถึงเวลานี้จอห์นสันถูกฟ้องร้องทางกฎหมายไม่ต่ำกว่า 19,000 คดี จากผู้บริโภคและครอบครัวผู้เสียหายที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ผสมทัลคัมของจอห์นสันนั้นทำให้เกิดโรคมะเร็งเนื่องมาจากการปนเปื้อนของแร่ใยหินที่รู้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง

ทั้งนี้ได้มีข้อมูลจากทาง จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้บอกว่า การหยุดจำหน่ายแป้งเด็กในครั้งนี้ จากส่วนหนึ่งในการประเมินกลุ่มผลิตภัณฑ์ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ COVID-19 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คอนซูเมอร์ เฮลธ์ ได้หยุดการจัดส่งสินค้าหลายร้อยรายการในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา เพื่อจัดลำดับความสำคัญของผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูง และเพื่อให้มีความเหมาะสมกับการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ในการผลิตและการกระจายสินค้าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค

จากการประเมินดังกล่าว จึงได้มีการตัดสินใจที่จะยุติการจำหน่ายสินค้าประมาณ 100 รายการ อย่างถาวร รวมถึงแป้งเด็กจอห์นสัน การยุตินี้มีผลเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้น แป้งเด็กจอห์นสันมีสัดส่วนทางธุรกิจคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.5% ของธุรกิจสุขภาพผู้บริโภค (Consumer Health) ทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา

ความต้องการของแป้งเด็กจอห์นสันในภูมิภาคอเมริกาเหนือได้ลดลง โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และข้อมูลที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และการโฆษณาให้มีการฟ้องร้องอย่างต่อเนื่อง

ด้วยรายงานการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์โดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั่วโลกที่ยาวนานกว่าทศวรรษนั้นได้สนับสนุนความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เราจะยังคงปกป้องผลิตภัณฑ์อย่างเข้มแข็ง รวมถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และการต่อสู้กับการฟ้องร้องที่ไม่มีมูลความจริงต่อผลิตภัณฑ์และบริษัทฯ ซึ่งคำตัดสินของศาลที่มีต่อบริษัทฯ เมื่อได้รับการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ได้ถูกยกฟ้องไปแล้วทั้งหมด

บริษัทฯ จะยุติการจำหน่ายแป้งเด็กจอห์นสันในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยสินค้าที่ยังมีอยู่ในขณะนี้ จะยังคงจำหน่ายผ่านผู้ค้าปลีกต่อไปจนกว่าจะหมด สำหรับแป้งเด็กจอห์นสันที่ใช้แป้งข้าวโพดเป็นส่วนผสมนั้น จะยังคงวางจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือ แป้งเด็กจอห์นสันทั้งสองประเภทซึ่งประกอบด้วยแป้งที่ใช้ทัลก์ และแป้งข้าวโพดเป็นส่วนผสมจะยังคงวางจำหน่ายในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก

Source

]]>
1279780