หลังจากจีนประกาศยกเลิกหลายมาตรการที่ใช้ในการควบคุมโควิด-19 ภาคการท่องเที่ยวจีนเริ่มมีความหวังว่าจะได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่เส้นทางการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจีนดูจะยังอีกยาวไกล
จากช่วงเทศกาลปีใหม่ 2023 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวภายในประเทศมีการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย โดยมีการเดินทางทั้งหมด 52.7 ล้านครั้งทั่วประเทศ ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของเทศกาลปีใหม่ 2022 อ้างอิงข้อมูลโดย กระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของประเทศจีน
จำนวนการท่องเที่ยวในประเทศนี้คิดเป็นเพียงสัดส่วน 42.8% เมื่อเทียบกับปีใหม่ปี 2019 ก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ และหากคิดเป็นมูลค่า จะลดเหลือเพียง 35.1% ของปี 2019 ด้วย
ที่จริงการฟื้นตัวในเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาควรทำได้ดีกว่านี้ แต่เพราะเกิดอัตราติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงในประเทศทำให้หลายคนต้องล้มเลิกแผนท่องเที่ยวไป
ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา โรงแรมต่างๆ พยายามเอาตัวรอดด้วยการโปรโมตแพ็กเกจการจัดปาร์ตี้รับปีใหม่และ ‘staycation’ สำหรับคนท้องถิ่นทดแทน เนื่องจากยอดจองห้องจากต่างประเทศยังต่ำอยู่
ส่วนปี 2023 นี้ การคลายล็อกมาตรการคุมโควิด-19 น่าจะทำให้คนจีนเกิดความกระตือรือร้นที่จะท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญและเอเจนซี่ทัวร์หลายแห่งมองตรงกันว่า คนจีนน่าจะเลือกจองทริปเที่ยวสั้นลงและถูกลง เพราะการต่อสู้กับโรคระบาดมาตลอดทำให้เศรษฐกิจจีนฝืดเคือง และเกิดอัตราว่างงานสูงขึ้น โดยส่วนใหญ่เน้นทริปที่มีระยะสั้นไม่เกิน 3 วัน
หาก ‘จีนเที่ยวจีน’ นับว่าฟื้นตัวช้าแล้ว การท่องเที่ยวขาเข้าจากต่างประเทศเข้ามายังแดนมังกรยิ่งฟื้นตัวช้ากว่า โดยบริษัทบริหารโรงแรมหลายรายมองตรงกันว่า การคลายเข้มงวดในการควบคุมโควิด-19 ทำให้ยอดจองห้องพักในจีนดีขึ้นบ้าง แต่การที่ยังมีข่าวการระบาดในเมืองต่างๆ ทั่วแดนมังกรก็ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงลังเลที่จะเข้ามาเยือน
ผู้บริหารโรงแรมระดับ 5 ดาวรายหนึ่งในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า โรงแรมของตนค่อนข้างมองบวกกับการคลายล็อกการเข้าประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมนี้ เพราะปกติปักกิ่งเคยเป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้เชื่อว่ายอดจองจะดีขึ้นบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเร็วนัก ในช่วงสองสามสัปดาห์แรกหลังคลายล็อกน่าจะยังไม่มียอดจองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
รายงานจากสมาคมการท่องเที่ยวประเทศจีนที่ออกมาเมื่อเดือนธันวาคม 2022 เชื่อว่า จีนจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 20 ล้านคนภายในปี 2023 เทียบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ 145 ล้านคนที่เดินทางเข้าจีนในปี 2019 ปีนี้การท่องเที่ยวขาเข้าของจีนน่าจะยังซบเซาอยู่มาก
จุดหมายปลายทางในจีนในระยะนี้ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมสูง คือมณฑลที่อยู่ทางใต้ซึ่งอากาศอบอุ่นกว่า เช่น ยูนนาน ไห่หนาน น่าจะเป็นจุดหมายของทั้งต่างชาติและคนจีนจากเมืองใหญ่เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ นานจิง เทียนจิน ที่อยากออกท่องเที่ยวกันแล้ว
]]>การตัดสินใจเปิดประเทศของจีน ผ่อนคลายกฎการเดินทางเข้าและออกจากประเทศ ทำให้นักวิเคราะห์มีความหวังขึ้นมาว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยถึงจังหวะชะลอตัวลงบ้าง หลังจากช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ รวมถึงจะเป็นปลดล็อกคอขวดในซัพพลายเชนการผลิตโลก เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้กับเศรษฐกิจปี 2023
จีนประกาศเปิดประเทศเริ่มตั้งแต่ 8 มกราคม 2023 โดยผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป (จากเดิมต้องกักตัว 8 วัน) ถือเป็นก้าวใหญ่ในการเปิดประเทศจีน แหล่งเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ศูนย์รวมการผลิตสินค้า และมีจำนวนประชากรถึง 1,400 ล้านคน
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs วาณิชธนกิจสัญชาติอเมริกัน เชื่อว่า แม้ว่าการเปิดประเทศจะยิ่งทำให้ระบบสาธารณสุขจีนตึงเครียดยิ่งขึ้นจากปัจจุบันที่มีจำนวนเคสผู้ป่วยโควิด-19 พุ่งสูงอยู่แล้ว แต่โดยภาพรวมแล้วการเปิดประเทศจะเป็นผลบวกกับเศรษฐกิจจีน
การผ่อนคลายให้ชาวจีนเดินทางภายในประเทศได้อิสระ และการท่องเที่ยวขาเข้าเมืองจีนที่จะขยับดีขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า จีดีพีจีนจะโตได้มากกว่า 5% ในปี 2023
กลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ก่อนทันทีคือ สนามบินเซี่ยงไฮ้ คาสิโนในมาเก๊า และ สายการบินสัญชาติจีน ไม่ว่าจะทำการบินในประเทศหรือต่างประเทศ
รวมถึงเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เช่น “ประเทศไทย” จะเป็นผู้ชนะตัวจริงในการเปิดประเทศจีน เพราะไทยเป็นส่วนสำคัญในซัพพลายเชนการผลิตโลกซึ่งเชื่อมต่อกับจีน รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
ข้อมูลจาก Ctrip แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของจีนระบุว่า ทันทีที่รัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศ การค้นหาทริปเดินทางต่างประเทศก็พุ่งขึ้นทันที 10 เท่าภายในเวลาครึ่งชั่วโมง และประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ที่คนจีนสนใจเดินทางมา รองจากประเทศญี่ปุ่น
ล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่นระบุแล้วว่า จะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากนักท่องเที่ยวจีนก่อนเข้าประเทศ และหากพบเชื้อเป็นบวกจะต้องกักตัวไว้ก่อน มาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนของญี่ปุ่นนี้น่าจะเป็นบวกต่อไทย เพราะรัฐไทยยืนยันว่าจะใช้มาตรการต่อนักท่องเที่ยวจีนแบบเดียวกับทุกชาติที่เดินทางเข้ามา คือไม่มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือขอเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
ในแง่ของซัพพลายเชนโลกที่เคยปั่นป่วนมาตลอดเพราะมาตรการจัดการโควิด-19 ของจีน ทำให้การส่งมอบสินค้าตั้งแต่ iPhone ไปจนถึงรถยนต์ดีเลย์ไปมาก เมื่อจีนจะผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้แล้ว ทำให้มุมมองต่อเศรษฐกิจโลกดีขึ้นไปด้วย
จากการสำรวจกลุ่มผู้จัดการกองทุน สำรวจโดย Bank of America (BofA) พบว่า ผู้จัดการกองทุนเริ่มจะมองเศรษฐกิจโลกดีขึ้นเพราะข่าวนี้ จากเมื่อเดือนก่อนมีถึง 73% ที่คิดว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะย่ำแย่ลง ขณะนี้ลดเหลือ 69% ที่ยังคิดแบบเดิม
“การประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะดีขึ้นกว่าที่คาดนั้น น่าจะเกิดจากการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ดูจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว” BofA กล่าว
ข่าวดีของจีนส่งผลดีกับตลาดทุนแล้ว โดยตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ขยับขึ้นมา 1% ส่วนดัชนี CSI 300 ดัชนีรวมหุ้นบริษัทใหญ่ที่สุดของจีน 300 แห่ง ปรับขึ้นมาแล้ว 1.15%
]]>ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจีนประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายซึ่งเป็นสัญญาณถึงการเปิดประเทศเต็มรู้แบบเพราะไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป แต่นักเดินทางที่เดินทางเข้าสู่จีนจะยังคงต้องทำการตรวจเชื้อแบบ PCR ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทางเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
ส่งผลให้การ ค้นหาท่องเที่ยวต่างประเทศพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ตามรายงานของ Trip.com Group ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประชาชนชาวจีนต่างเร่งวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนในช่วงหยุดยาวปลายเดือนมกราคม เริ่มตั้งแต่วันที่ 21-27 มกราคม โดยช่วงเวลสดังกล่าวถือเป็นช่วงหยุดยาวที่สุดของจีน
สำหรับจุดหมายปลายทางนอกประเทศที่ชาวจีนให้ความสนใจ 10 จุดหมาย ได้แก่
จะเห็นว่า ไทย ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของชาวจีน โดยก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของ COVID-19 นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนถึง 10.99 ล้านคน (อ้างอิงตัวเลขปี 2562) คิดเป็น 27.63% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด สร้างรายได้ 5.43 แสนล้านบาท และในปีหน้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนประเทศไทย เป็นจำนวนกว่า 18 ล้านคน และจะสร้างรายได้ประมาณ 9.7 แสนล้านบาท
คงต้องรอดูว่าเมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถเดินทางได้ จะช่วยให้สร้างเม็ดเงินให้การท่องเที่ยวไทยได้เหมือนกับก่อนช่วง COVID-19 ระบาดหรือไม่
]]>