เป็นระยะเวลาถึง 3 ปี ของการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดในการสกัดกั้น COVID-19 นับตั้งแต่การปิดพรมแดนไปจนถึงการล็อกดาวน์บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน แต่ในเดือนนี้จีนตัดสินเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน โดยลดมาตรการควบคุมโควิดภายในประเทศเกือบทั้งหมด และล่าสุด ได้ยกเลิกข้อบังคับที่ให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องเข้ารับการกักตัว โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจีนประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายซึ่งเป็นสัญญาณถึงการเปิดประเทศเต็มรู้แบบเพราะไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป แต่นักเดินทางที่เดินทางเข้าสู่จีนจะยังคงต้องทำการตรวจเชื้อแบบ PCR ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทางเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
ส่งผลให้การ ค้นหาท่องเที่ยวต่างประเทศพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ตามรายงานของ Trip.com Group ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประชาชนชาวจีนต่างเร่งวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนในช่วงหยุดยาวปลายเดือนมกราคม เริ่มตั้งแต่วันที่ 21-27 มกราคม โดยช่วงเวลสดังกล่าวถือเป็นช่วงหยุดยาวที่สุดของจีน
สำหรับจุดหมายปลายทางนอกประเทศที่ชาวจีนให้ความสนใจ 10 จุดหมาย ได้แก่
- ญี่ปุ่น
- ไทย
- เกาหลีใต้
- สหรัฐอเมริกา
- สิงคโปร์
- มาเลเซีย
- ออสเตรเลีย
- สหราชอาณาจักร
- มาเก๊า
- ฮ่องกง
จะเห็นว่า ไทย ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของชาวจีน โดยก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของ COVID-19 นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนถึง 10.99 ล้านคน (อ้างอิงตัวเลขปี 2562) คิดเป็น 27.63% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด สร้างรายได้ 5.43 แสนล้านบาท และในปีหน้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนประเทศไทย เป็นจำนวนกว่า 18 ล้านคน และจะสร้างรายได้ประมาณ 9.7 แสนล้านบาท
คงต้องรอดูว่าเมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถเดินทางได้ จะช่วยให้สร้างเม็ดเงินให้การท่องเที่ยวไทยได้เหมือนกับก่อนช่วง COVID-19 ระบาดหรือไม่