ชิป – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 07 Jul 2025 04:03:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 งานเข้าไทย! หลัง ‘สหรัฐฯ’ จ่อแบนส่งออก ‘ชิป AI’ เพราะกลัวส่งต่อให้จีน https://positioningmag.com/1529023 Mon, 07 Jul 2025 03:35:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1529023 อย่างที่รู้กันว่า สหรัฐอเมริกา มีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูงของ จีน โดยเฉพาะความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ เพราะกลัวจีนจะนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ในกองทัพ ล่าสุด สหรัฐฯ กำลังพิจารณาการส่งออกชิป AI ไปยังภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะกลัวจะถูกส่งต่อให้จีน

โดย Reuters อ้างแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับสถานการณ์ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กำลังดำเนินการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานชิปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากพบว่ามีการนำเข้าชิป AI เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในบางประเทศแถบนี้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่ามีการใช้ประเทศเหล่านี้เป็นทางผ่านเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการควบคุมการส่งออกที่มุ่งเป้าไปที่จีน

ซึ่ง 2 ประเทศที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI ก็คือ ไทย และ มาเลเซีย เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการผลิตและประกอบชิปที่สำคัญในซัพพลายเชนระดับโลก รวมถึงมีการลงทุนด้าน Data Center และโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่างในปี 2024 ทางมาเลเซียได้มีการนำเข้าชิป AI เพิ่มขึ้นถึง 3,400% การเพิ่มขึ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า มาเลเซียอาจ ทําหน้าที่เป็นประตูหลังที่มีศักยภาพสําหรับการเข้าถึงโปรเซสเซอร์ Nvidia ขั้นสูงของจีน ทั้งนี้ หากมาตรการนี้มีผลบังคับใช้จริง อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนด้านเทคโนโลยีและ AI ในภูมิภาค

แม้ว่ามาตรการดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาและยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่คาดว่าอาจมีข้อยกเว้นบางประการสำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและประกอบชิปในภูมิภาค เพื่อไม่ให้กระทบต่อซับพลายเชนทั่วโลก มากนัก

]]>
1529023
‘Intel’ เตรียมโละพนักงาน 20% หลัง ‘ซีอีโอใหม่’ เข้ารับตำแหน่งได้เดือนเดียว https://positioningmag.com/1519481 Thu, 24 Apr 2025 10:37:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1519481 อย่างที่รู้กันว่า Intel ที่เคยเป็นพี่ใหญ่ในตลาด ชิป ปัจจุบันได้ถูก Nvidia และ AMD แซงหน้าไปแล้ว จนทำให้กำไรของ Intel หายไปกว่า 90% ในช่วง 3 ปี จนล่าสุด ได้แต่งตั้งซีอีโอใหม่เพื่อมาแก้วิกฤตไปเมื่อเดือนที่แล้ว

ล่าสุด ตามรายงานของ Bloomberg เปิดเผยว่า Intel กำลังจะ ลดจำนวนพนักงานลงมากกว่า 20% เพื่อปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมุ่งเน้นกลับไปที่วัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม อย่างไรก็  ตาม ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าจะลดจำนวนพนักงานส่วนไหน หรือระดับใดเป็นพิเศษ

โดยแผนการเลิกจ้างในครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญครั้งแรกภายใต้การคุมบังเหียนขอ Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อฟื้นฟูบริษัทที่กำลังประสบปัญหา หลังจากประสบความท้าทายมาหลายปี

โดยหลังรับตำแหน่ง Tan ได้เปิดเผยว่า เขามีแผนใหม่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างกลยุทธ์ AI ของ Intel และกำลังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อวิธีการผลิตชิป รวมถึงการดำเนินการตัดลดพนักงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เขามองว่า ชั้นผู้บริหารระดับกลางนั้นมีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้เคลื่อนไหวได้ช้า ทำให้เขาต้องการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ และกลุ่มชิปต้องรายงานตรงที่เขา

ที่ผ่านมา Intel ได้มีการลดจำนวนพนักงานครั้งสำคัญในเดือนสิงหาคมที่แล้วที่ 15% หรือประมาณ 15,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน ลดต้นทุนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 เนื่องจากบริษัทกำลังเจอกับปัญหาต้นทุนที่สูง แต่กำไรกลับลดลง อีกทั้งยังต้องหางบเพื่อไปลงทุนกับชิป AI ซึ่ง Intel กำลังตามหลังคู่แข่งอย่าง Nvidia อยู่

ทั้งนี้ จากตัวเลขในปี 2024 บริษัท Intel มีพนักงาน 108,900 คน

]]>
1519481
ขอกลับมาผงาด! ‘ญี่ปุ่น’ เตรียมทุ่ม 10 ล้านล้านเยน ฟื้นอุตสาหกรรม ‘เซมิคอนดักเตอร์’ https://positioningmag.com/1498850 Wed, 13 Nov 2024 12:14:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498850 ในยุค AI แบบนี้ อุตสาหกรรมที่คึกคักเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น เซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิป ซึ่งปัจจุบัน ไต้หวัน กลายเป็นประเทศเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรม แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ในอดีต ญี่ปุ่น ถือเป็นผู้เล่นเบอร์ต้น ๆ และรัฐบาลญี่ปุ่นก็ต้องการพาประเทศกลับมาผงาดในอุตสาหกรรมอีกครั้ง

รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ประกาศแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่ของประเทศ โดยเตรียมทุ่มงบสนับสนุนมูลค่า 10 ล้านล้านเยน (ราว 2.25 ล้านล้านบาท) หรือมากกว่า ภายในปีงบประมาณ 2030 เพื่อใช้เป็นตัวเร่งให้เกิดการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนกว่า 50 ล้านล้านเยน (ราว 11.27 ล้านล้านบาท) ตลอด 10 ปีข้างหน้า ซึ่งมาตรการทั้งหมดคาดว่า จะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม 160 ล้านล้านเยน (ราว 36.12 ล้านล้านบาท) 

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ไต้หวัน และหลายประเทศในสหภาพยุโรป โดยเน้นที่การวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์รุ่นต่อไป

“เราจะกําหนดกรอบความช่วยเหลือใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนภาครัฐและเอกชนมากกว่า 50 ล้านล้านเยนในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามการฟื้นฟูอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์” Shigeru Ishiba นายกรัฐมนตรี กล่าว 

หนึ่งในบริษัทที่จะได้รับผลประโยชน์จากเงินทุนนี้ ก็คือ Rapidus ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดยรัฐบาลญี่ปุ่น ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทชิป 8 บริษัท และบริษัทชิปเจ้าอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Toyota Motor และ Sony Group และกําลังร่วมมือกับ IBM ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมา Rapidus บริษัทได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ แล้ว เนื่องจากตั้งเป้าที่จะผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ภายในปี 2027 ซึ่งชิปดังกล่าวจะนำไปใช้ในการพัฒนา AI

ทั้งนี้ ในปี 1988 ญี่ปุ่นเคยเป็นเป็นประเทศที่ครองส่วนแบ่งในตลาดชิปถึง 50% แต่หลังจากปี 1990 เป็นต้นมา ญี่ปุ่นต้องประสบกับปัญหาจากนโยบาย ข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างญี่ปุ่น-อเมริกา ส่งผลให้ต้องปรับราคาสินค้าและต้องเปิดตลาดให้บริษัทจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน จนในปี 2017 สัดส่วนของญี่ปุ่นในตลาดชิปลดเหลือไม่ถึง 10%

ขณะเดียวกัน ประเทศอย่าง ไต้หวัน และ เกาหลีใต้ ก็หันมาลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของตัวเอง โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ผลักดัน จนปัจจุบัน บริษัท TSMC ของไต้หวันกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปอันดับ 1 ของโลก ส่วนฝั่งเกาหลีใต้ก็มี ซัมซุง (Samsung) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทวางแผนที่จะเริ่มผลิตชิป 2 นาโนเมตรในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2025

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า เงินอุดหนุนเป็นสิ่งจําเป็น แต่ไม่สามารถรับประกันความสําเร็จได้ เพราะสถาปัตยกรรมของชิป 2 นาโนเมตรแตกต่างจากชิป 3 นาโนเมตร โดยเฉพาะการผลิตจํานวนมาก ถือเป็นความท้าทายสําหรับผู้เล่นทุกคน

Source

]]>
1498850
สหรัฐฯ สั่ง ‘TSMC’ ห้ามส่งชิปขั้นสูงให้ ‘จีน’ หวังสกัดการพัฒนา AI https://positioningmag.com/1498278 Mon, 11 Nov 2024 04:25:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498278 สหรัฐอเมริกา ยังคงเดินหน้าแบนหัวเว่ย โดยไม่ใช่แค่คุมเข้มการส่งออก ชิป หรือ เซมิคอนดักเตอร์ ของบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ เพราะหลังจากที่มีการพบว่า หัวเว่ย ได้ใช้ชิปจาก TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติไต้หวัน ทำให้สหรัฐฯ ได้ขอให้เลิกจัดส่งชิปขั้นสูงไปยังจีน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ขอให้ TSMC หรือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของโลก หยุดส่งชิปขนาด 7 นาโนเมตร หรือมากกว่า ซึ่งเป็นชิปขั้นสูงที่มีไว้สําหรับขับเคลื่อน AI และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ไปยังประเทศจีน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. นี้

โดยก่อนหน้านี้ ทาง Tech Insights บริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีได้แยกชิ้นส่วนสินค้าของ หัวเว่ย (Huawei) ที่เผยให้เห็นชิปของ TSMC อยู่ภายใน ซึ่งถือเป็นการ ละเมิดการควบคุมการส่งออก เพราะหัวเว่ยถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ ส่งผลให้ทาง TSMC ต้องหยุดจัดส่งชิปให้กับบริษัท Sophgo เนื่องจากคาดว่าเป็นบริษัทที่ส่งต่อชิปให้ทางหัวเว่ย

จากเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาสู่การปราบปรามครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทอื่น ๆ อีกมากมายในจีน และจะช่วยให้สหรัฐฯ ประเมินว่าบริษัทอื่น ๆ กําลังเปลี่ยนเส้นทางชิปสําหรับ AI ไปยังหัวเว่ยหรือไม่ 

ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ร่างกฎใหม่เกี่ยวกับการส่งออกอุปกรณ์ทําชิปจากต่างประเทศ และวางแผนที่จะเพิ่มบริษัทจีนประมาณ 120 แห่ง ในรายชื่อนิติบุคคลที่จํากัดของกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงโรงงานผลิตชิป ผู้ผลิตเครื่องมือ และบริษัทที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ร่างดังกล่าวยังไม่ถูกบังคับใช้

ทั้งนี้ จากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาของ TSMC แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีรายได้จากชิปขนาด 7 นาโนเมตรหรือชิปขั้นสูงถึง 69% จากรายได้ทั้งหมด 

Source

]]>
1498278
จับตา ‘ซัมซุง’ เข้าสังเวียนชิปเอไอ หลังถูก SK Hynix คู่แข่งร่วมชาติปาดหน้า จนมูลค่าบริษัทร่วง 4 ล้านล้านบาท https://positioningmag.com/1498217 Fri, 08 Nov 2024 14:01:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498217
ในวันที่แอปพลิเคชัน AI เช่น ChatGPT ของ OpenAI ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จําเป็นในการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ก็เติบโตขึ้นตาม ซึ่งหนึ่งในหัวใจหลักของโครงสร้างพื้นฐานก็คือ หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ซึ่งนั่นทำให้ Nvidia บริษัทผู้ผลิต GPU ชั้นนำของโลกกลายเป็นผู้เล่นเบอร์ 1 ในตลาด และกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก เนื่องจาก GPU ของ Nvidia ได้กลายเป็นมาตรฐานที่ใช้โดยยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีสําหรับการฝึกอบรม AI

อย่างไรก็ตาม ส่วนสําคัญของสถาปัตยกรรมเซมิคอนดักเตอร์นั้นคือ หน่วยความจําแบนด์วิดท์สูง หรือ HBM ซึ่งก่อนที่ AI จะเติบโตตลาด HBM นั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก และนั่นคือจุดที่ ซัมซุง (Samsung) พลาดไป เพราะบริษัทไม่ได้มุ่งเน้นที่จะพัฒนาในส่วนนี้ เนื่องจากมีความซับซ้อนและลงทุนสูง แถมตลาดยังเล็ก

อย่างไรก็ตาม SK Hynix มองเห็นโอกาสนี้ บริษัทเปิดตัวชิป HBM ซึ่งชิปดังกล่าวได้รับการอนุมัติให้ใช้ในสถาปัตยกรรม Nvidia ส่งผลให้บริษัท SK Hynix จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ Nvidia

ด้วยเหตุนี้เองทำให้ซัมซุงต้องพ่ายให้กับ SK Hynix จนทำให้บริษัทสูญเสียมูลค่าตลาดไปถึง 126,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4 ล้านล้านบาท เพราะแม้ว่าซัมซุงจะมีธุรกิจหลากหลาย และรายได้หลักจะมาจากธุรกิจอย่างสมาร์ทโฟนกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ธุรกิจชิปเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ดีที่สุด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลประกอบการของซัมซุงจะลดลง จนทำให้บริษัทต้องยอมออกมาขอโทษบรรดานักลงทุน ในขณะที่ SK Hynix กลับสามารถทำกำไรสูงเป็นประวัติศาสตร์ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ซัมซุงกำลังเร่งผลิต HBM ในชื่อ HBM3E โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ยอดขาย HBM ของซัมซุงเติบโตกว่า 70% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 และซัมซุงได้เปิดเผยว่ากำลังพัฒนา HBM4 ซึ่งเป็นรุ่นถัดไป โดยคาดว่าจะสามารถผลิตจำนวนมากได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025

แม้ว่าซัมซุงจะมี HBM3E ในตลาด แต่ยังถือว่าตามหลังคู่แข่งอย่าง SK Hynix อยู่ ดังนั้น ถ้าซัมซุงจะกลับมาสู่ตลาด HBM ในตอนนี้อาจต้องรอ Nvidia คัดเลือก ซึ่งในปัจจุบันซัมซุงยังไม่เสร็จสิ้นการตรวจสอบนี้ และถ้าซัมซุงได้ไฟเขียวจาก Nvidia ก็จะทำให้ซัมซุงกลับสู่การเติบโตและแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกับ SK Hynix โดยทางซัมซุง

โดยทางซัมซุง เปิดเผยว่า บริษัทมีความก้าวหน้าเกี่ยวในกระบวนการคัดเลือกของ Nvidia ว่า เสร็จสิ้นขั้นตอนสําคัญในกระบวนการคัดเลือก และคาดว่าจะเริ่มขยายยอดขายในไตรมาส 4 ในขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า ด้วยความแข็งแกร่งของซัมซุงในการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนความสามารถในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของบริษัท อาจจะช่วยให้บริษัทตามทัน SK Hynix ได้

]]>
1498217
กระแส AI บูม “ไต้หวัน” รับอานิสงส์ ส่งชิปออกเพิ่มขึ้น 22% ทำนิวไฮ 5.6 ล้านล้านบาท https://positioningmag.com/1498150 Fri, 08 Nov 2024 10:23:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498150 ปัจจุบัน เซมิคอนดักเตอร์ (สารกึ่งตัวนำที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้า หรือ ชิป) เป็นส่วนประกอบ ที่ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงกังหันลมรวมถึงขีปนาวุธต่างก็ขาดไม่ได้ และยังเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในหลายประเทศ 

ซึ่ง “ไต้หวัน” ได้กลายเป็นมหาอํานาจระดับโลกเพราะผลิตชิปส่งออกไปทั่วโลก โดยมีการรายงานว่า มูลค่าผลผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 22% ในปีนี้ คิดเป็นมากกว่า 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 5.6 ล้านล้านบาท หลังจากที่ผลผลิตลดลง 10.2% เหลือ 4.3 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน (4.5 ล้านล้านบาท) ในปี 2566 เนื่องจากความต้องการด้านคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคซบเซาลง

Cliff Hou (侯永清) ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวัน และรองประธานอาวุโสของ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (TSMC, 台積電) บริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่ของไต้หวันที่ครองตลาดผลิตชิปมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกและมี Apple Inc และ Nvidia Corp เป็นพันธมิตรหลัก แสดงความเห็นว่า 

ปัจจุบันเศรษฐกิจหลายๆ ประเทศรวมถึงไต้หวันมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI ซึ่งไต้หวันควรเร่งการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาตำแหน่งผู้ผลิตและส่งออกชิปที่อุตสาหกรรมทั่วโลกขาดไม่ได้ 

โดยคําพูดของ Cliff Hou เกิดขึ้นหลังจากที่ Donald Trump คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดย Donald Trump เคยกล่าวในตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ว่า ไต้หวันได้ครองส่วนแบ่งของอุตสาหกรรมชิปของสหรัฐฯ ไปกว่า 95% ทําให้ Cliff Hou เกิดความกังวลว่า ไต้หวันอาจโดนภาษีส่งออกชิปที่สูงขึ้น เนื่องจาก Donald Trump อาจผลักดันนโยบายคุ้มครองการค้าขึ้นใหม่

ทั้งนี้ ไต้หวันยังไม่ได้รับการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับภาษีใหม่ที่เกี่ยวกับด้านเซมิคอนดักเตอร์จากสหรัฐฯ

ที่มา : Nikkei 

]]>
1498150
แผนรับมือกรณีจีนบุกไต้หวัน! ซีอีโอ “Nvidia” ประกาศพร้อมย้ายไปผลิต “ชิป” ที่ประเทศอื่น https://positioningmag.com/1490442 Wed, 18 Sep 2024 02:19:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1490442 ซีอีโอ “Nvidia” แย้มแนวคิดรับมือหาก “จีน” ตัดสินใจบุก “ไต้หวัน” บริษัทจะเลือกย้ายฐานผลิต “ชิป” GPUs ไปผลิตกับบริษัทอื่นที่ประเทศอื่นแทน แม้ยอมรับว่าประสิทธิภาพจะไม่ดีเท่ากับ TSMC

ระหว่างการประชุม Communacopia & Technology Conference ที่จัดโดย Goldman Sachs เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2024 “Jensen Huang” ซีอีโอของ Nvidia ตอบคำถามที่ถูกถามบนเวทีเกี่ยวกับการพึ่งพิงบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ให้เป็นผู้ผลิตชิป GPUs ของ Nvidia ท่ามกลางภัยคุกคามที่ประเทศจีนอาจจะเดินทัพบุกไต้หวันได้ในอนาคต

Huang ตอบว่า “ถ้าหาก TSMC ตกอยู่ในอันตราย การผลิตซัพพลายของเราจะยังมีต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ดีเท่าการผลิตกับ TSMC ก็ตาม”

ซีอีโอ Nvidia บอกด้วยว่า บริษัทของเขาเป็นเจ้าของ “ทรัพย์สินทางปัญญา” เพียงพอที่จะย้ายการผลิตจากโรงงานหนึ่งไปอีกโรงงานได้ หากมีความจำเป็น “เรามีความสามารถพอที่จะทำได้” Huang กล่าว แต่เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีในการผลิตและผลผลิตที่ออกมาอาจจะไม่ดีเทียบเท่ากับ TSMC “แต่เราก็ยังจะผลิตซัพพลายออกมาได้อยู่”

“หากว่ามีอะไรก็ตามเกิดขึ้นจริงๆ” ซีอีโอ Nvidia กล่าวต่อ “เราควรจะสามารถดึงไปผลิตชิป (fab) ในโรงงานอื่นได้” แม้ว่า TSMC จะเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ดีที่สุดในโลกหากอ้างอิงจากตัวชี้วัดเรื่อง “อัตรากำไรที่เหลือเชื่อ”

Lin Wei-chih รองประธานบริหาร Witology Markettrend Research Institute กล่าวกับสำนักข่าว China Times ว่า ปัจจุบันโรงผลิตชิปในขั้นเวเฟอร์นั้น ไม่มีใครสามารถแทนที่เทคโนโลยีของ TSMC ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มบริษัทออกแบบชิปอย่าง Nvidia หรือ AMD เองก็ไม่ได้ต้องการจะพึ่งพิงการผลิตไว้ที่บริษัทเดียวเช่นกัน

Lin บอกว่า หากบริษัทออกแบบชิปต้องการจะกระจายการผลิตให้หลากหลาย ตัวเลือกในระดับต่อมาที่พวกเขามักจะเลือกคือ Samsung (เกาหลี) ตามด้วย Intel (สหรัฐฯ)

เขายังวิเคราะห์ด้วยว่า แม้ Samsung และ Intel จะยังเทียบกับ TSMC ไม่ได้ในแง่อัตราการทำกำไรเพราะกระบวนการผลิตยังไม่ขั้นสูงเท่า แต่ถ้ามีการสั่งผลิตเป็นจำนวนมากก็จะได้การประหยัดต่อขนาดที่ช่วยถัวเฉลี่ยได้บ้าง แต่หลังจากนั้นยังมีขั้นตอนการตัดแบ่งชิ้นชิปอีก ซึ่งอาจจะทำให้ต้นทุนสูงกว่าเดิมเมื่อเปลี่ยนโรงงานผลิต

เมื่อเทียบกันแล้วเขามองว่าการกระจายคำสั่งผลิตในขั้นตอนการทดสอบชิปและบรรจุชิปลงอุปกรณ์นั้นยังทำได้ง่ายกว่า โดยมีบริษัทอย่าง Amkor Technology ที่อาจจะเห็นโอกาสในการมารับช่วงงานในขั้นตอนนี้ หรือ TSMC เองอาจจะเลือกหาเอาต์ซอร์สมาทำงานในขั้นตอนนี้ก็ได้

Source

]]>
1490442
‘บิ๊กเทคจีน’ เร่งตุน ‘ชิปซัมซุง’ สำหรับพัฒนา AI ก่อนจะถูก ‘สหรัฐฯ’ กีดกันการส่งออกในช่วงเดือนนี้ https://positioningmag.com/1485245 Tue, 06 Aug 2024 05:57:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485245 ดูเหมือนมาตรการการคุมเข้มการส่งออก เซมิคอนดักเตอร์ ไป จีน ของ สหรัฐอเมริกา จะทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด เหล่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนเลยต้องเร่งกักตุนชิป จาก ซัมซุง เพื่อป้องกันกรณีดังกล่าว

บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน อาทิ หัวเว่ย (Huawei), เทนเซ็นต์ (Tencent) และ ไป่ตู้ (Baidu) รวมไปถึงบริษัทสตาร์ทอัพกำลัง กักตุนเซมิคอนดักเตอร์หน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) จาก ซัมซุง (Samsung Electronics) เพื่อรับมือกับการที่สหรัฐฯ จะควบคุมการส่งออกชิปดังกล่าวไปยังจีน ซึ่งคาดว่าสหรัฐฯ จะกำหนดข้อจำกัดใหม่ภายในเดือนนี้

โดยบริษัทต่าง ๆ ของจีนได้เพิ่มการซื้อเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความสามารถด้าน เอไอ (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก รายได้ในฝั่งชิป HBM ประมาณ 30% ของซัมซุงมาจากจีน และความเคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จีนกำลังเตรียมพร้อมที่จะรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของตนให้เดินหน้าต่อไป ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกอื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น

เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศจีนยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ ความต้องการชิป HBM ของซัมซุงในประเทศจีนจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากกำลังการผลิตของผู้ผลิตอื่น ๆ ถูกจองเต็มโดยบริษัท AI ของอเมริกาไปแล้ว ซึ่งชิป HBM ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในการพัฒนาโปรเซสเซอร์ขั้นสูง และทั่วโลกมีผู้ผลิตเพียง 3 ราย เท่านั้น ที่ผลิตชิป HBM ได้แก่ SK Hynix (เกาหลีใต้), Samsung (เกาหลีใต้) และ Micron Technology (สหรัฐอเมริกา)

โดยปัจจุบัน Micron งดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ HBM ไปยังจีนตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะที่ SK Hynix ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่ที่เป็น HBM เช่น Nvidia มุ่งเน้นไปที่การผลิตชิป HBM ขั้นสูงมากกว่า และ SK Hynix เปิดเผยเมื่อต้นปีนี้ว่า บริษัทกำลังปรับการผลิตเพื่อขยายผลผลิต HBM3E โดยชิป HBM ของบริษัทขายหมดในปีนี้ และเกือบจะขายหมดสำหรับปี 2025

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถประมาณปริมาณหรือมูลค่าของชิป HBM ที่เก็บไว้ในจีนได้

Source

]]>
1485245
‘Intel’ ประกาศเลิกจ้างพนักงานระลอกใหญ่ 15,000 คน หลัง ‘กำไรหด’ สวนทางต้นทุน https://positioningmag.com/1484917 Fri, 02 Aug 2024 03:08:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484917 ปฏิเสธไม่ได้ว่าในแวดวงไอทีตอนนี้คือ AI ทำให้บริษัทผู้ผลิตชิป ที่สามารถผลิตชิป AI ได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ และคาดว่าตลาดชิป AI จะพุ่งแรงโตทะลุ 9.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม อาจไม่ใช่ผู้ผลิตชิปทุกรายที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของ AI

ล่าสุด อินเทล (Intel) ผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐฯ ประกาศว่าจะ ปลดพนักงานมากกว่า 15% หรือราว 15,000 คน นอกจากนี้ บริษัทยังเสนอมาตรการ ลาออกโดยสมัครใจ และการ Early Retire สำหรับพนักงานที่เข้าเงื่อนไข จากแผนการลดจำนวนพนักงานดังกล่าว นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ในการ ลดค่าใช้ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 หลังจากที่ผลประกอบการ ไม่เติบโตตามที่คาดไว้ อีกทั้งยัง ไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทรนด์ AI

“ต้นทุนของเราสูงเกินไป ขณะที่อัตรากําไรของเราต่ำเกินไป เราต้องการการดําเนินการที่กล้าหาญกว่านี้เพื่อจัดการกับทั้งสองด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากผลประกอบการทางการเงินและแนวโน้มสําหรับครึ่งหลังของปี 2024 ซึ่งยากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้” Pat Gelsinger ซีอีโอ กล่าว

แม้ 25 ปีที่แล้ว อินเทลจะเป็น ผู้นําการปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกี่ยวกับชิป CPU แต่กลับปรับตัวรับกับการมาของ สมาร์ทโฟน และ AI ช้าเกินไป แม้ว่าที่ผ่านมาอินเทลจะพยายามคว้าโอกาสจากการเติบโตของ AI แบบเดียวกับที่บริษัทฮาร์ดแวร์อื่น ๆ เช่น Nvidia ทำก็ตาม

โดยรายได้ของอินเทลระหว่างปี 2020-2023 ลดลงถึง 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนทางกับจำนวนพนักงานที่เติบโต 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน และรายได้ช่วงไตรมาส 2/2024 คาดว่าจะ ลดลง -1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าจะมีแนวโน้มครึ่งหลังที่ ท้าทาย มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้

Source

]]>
1484917
สหรัฐฯ เตรียมควบคุมการลงทุนในจีน เช่น AI ควอนตัมคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การผลิตชิป ชี้เป็นภัยความมั่นคงของประเทศ https://positioningmag.com/1477005 Mon, 24 Jun 2024 05:47:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477005 สหรัฐอเมริกา เตรียมที่จะควบคุมการลงทุนในจีน เช่น AI ควอนตัมคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การผลิตชิป ชี้เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นภัยความมั่นคงของประเทศ และปกป้องการลงทุนที่อาจส่งผลย้อนกลับมาทำร้ายประเทศได้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้นของ 2 มหาอำนาจ

รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ออกร่างกฎหมายที่เตรียมควบคุมให้บริษัทหรือนักลงทุนรายบุคคลต้องมีการแจ้งเตือนรัฐบาลถ้าหากมีการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ควอนตัมคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่เทคโนโลยีการผลิตชิป

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตามหลังมาจากในเดือนสิงหาคมปี 2023 ที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้เตรียมออกกฎเกณฑ์กำหนดให้บุคคลและบริษัทในสหรัฐฯ ต้องส่งเรื่องให้กับหน่วยงานรัฐเพื่อพิจารณาว่าธุรกรรมการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งบางธุรกรรมอาจถูกจำกัดหรือมีสิทธิ์ที่จะถูกแบนได้

ร่างดังกล่าวนั้นส่งผลต่อการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทั้งในหุ้นบริษัท หุ้นกู้ หรือแม้แต่การกู้เงิน และยังรวมถึงการร่วมทุนกับบริษัทหรือบุคคลในฝั่งจีนด้วย

Paul Rosen ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ที่ดูแลด้านความมั่นคงด้านการลงทุน ได้กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวที่เสนอนี้ทำให้ความมั่นคงของชาติของเราก้าวหน้าขึ้นโดยป้องกันผลประโยชน์การลงทุนของสหรัฐฯ ที่บางประเทศที่ใช้เพื่อคุกคามความมั่นคงต่อประเทศชาติ

แผนการดังกล่าวนี้ต้องการที่จะชะลอในการพัฒนาเทคโนโลยีที่คุกคามความมั่นคงขอสหรัฐฯ ซึ่งจีนต้องการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำหรือไล่ตามสหรัฐฯ ให้ใกล้เคียงมากที่สุด และจำกัดไม่ให้จีนเข้าถึงด้านเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งสามารถที่จะนำไปใช้ในทางทหารได้

นอกจากนี้ร่างกฎหมายยังห้ามไม่ให้บริษัทหรือนักลงทุนรายบุคคลลงทุนในเทคโนโลยี AI ที่มีความเสี่ยงว่าจะใช้ในการทหาร และยังจะต้องมีการแจ้งเตือนรัฐบาลถ้าหากมีการพัฒนาเทคโนโลยี AI หรือแม้แต่ในด้านเซมิคอนดักเตอร์

ในช่วงที่ผ่านมาสหรัฐได้ออกมาตรการเพื่อไม่ให้จีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดไม่ให้เข้าถึงชิปเร่งการประมวลผล AI ของ Nvidia จนทำให้ภาคเอกชนจีนต้องรีบซื้อชิปดังกล่าวจำนวนมาก หรือแม้แต่การขอร้องให้ชาติพันธมิตรอย่าง ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ไม่ให้จีนเข้าถึงอุปกรณ์การผลิตชิปรุ่นใหม่ล่าสุด

ไม่เพียงเท่านี้บริษัทในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่เน้นลงทุนในเหล่าสตาร์ทอัพ (VC) ได้ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีนเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะชะลอตัวลงไปเนื่องจากความขัดแย้งของ 2 มหาอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา

และกรณีดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่เริ่มลุกลามบานปลายเพิ่มมากขึ้น ไม่มีท่าทีที่จะชะลอตัวลงแต่อย่างใด

ที่มา – Al Jazeera, Reuters

]]>
1477005