ซีพี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 10 Jan 2025 01:10:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ซิกเว่ เบรกเก้ Come Back ประเทศไทย คุม ‘กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัล เครือ CP’ มีผล 1 มี.ค. เป็นต้นไป https://positioningmag.com/1505884 Thu, 09 Jan 2025 07:44:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1505884 ‘เครือเจริญโภคภัณฑ์’ หรือ ‘เครือ CP’ ประกาศแต่งตั้ง ‘ซิกเว่ เบรกเก้’ (Sigve Brekke) ให้ดำรงตำแหน่ง ‘ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัล เครือ CP รับผิดชอบการดำเนินธุรกิจกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัลในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้นตรงกับ ‘ศุภชัย เจียรวนนท์’ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยจะมีผลในวันที่ 1 มีนาคม 2568

 

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือ CP เปิดเผยว่า การเข้ามาของซิกเว่ เบรกเก้ครั้งนี้ เป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับเครือ CP ซึ่งมั่นใจในวิสัยทัศน์และประสบการณ์ของซิกเว่ที่จะพาเครือ CP สู่การเป็น Technology Company ชั้นนำระดับโลก พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

 

สำหรับบทบาทและความรับผิดชอบของซิกเว่ จะครอบคลุมถึงการดูแลรับผิดชอบธุรกิจที่เครือเจริญโภคภัณฑ์เข้าไปลงทุน เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีโทรคมนาคม ธุรกิจดิจิทัล และธุรกิจด้านการเงินดิจิทัล เป็นต้น

 

ทั้งนี้ ซิกเว่ เบรกเก้ เคยดำรงตำแหน่ง ‘ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร’ ของเทเลนอร์กรุ๊ปเป็นเวลา 9 ปี จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2024 ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่ง ‘รองประธานบริหารและหัวหน้าภูมิภาคเอเชีย’ รวมถึงเคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ‘ดีแทคในประเทศไทย’ และเคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของบริษัทต่าง ๆ หลายแห่งในกลุ่มเทเลนอร์ ทั้งยังเคยเป็นสมาชิกคณะกรรมการของ GSMA ตั้งแต่ปี 2017 ถึงปี 2024

 

ที่มา : เว็บไซต์ We are CP

]]>
1505884
โฟตอน เบอร์ 1 รถเพื่อการพาณิชย์จีน ร่วมทุน CP ลงทุน 1 พันล้าน ตั้งฐานผลิตรถบรรทุกในไทย https://positioningmag.com/1502475 Mon, 09 Dec 2024 10:42:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502475 โฟตอน (Foton) ค่ายรถเพื่อการพาณิชย์อันดับ 1 ในจีน ประกาศร่วมทุน (JV) แห่งที่ 2 กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตรถบรรทุกในไทย ย่านบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยใช้ชื่อว่า “โฟตอน ซีพี มอเตอร์“ ซึ่งวางโพซิชั่นเป็นฐานผลิตรถบรรทุกพวงมาลัยขวา สำหรับขายในประเทศ 80% และส่งออก 20%

เบื้องต้น มีกำลังผลิตราว ๆ 1,800 คัน/ปี ประเมินว่าอีก 3 ปี จะผลิตรถป้อนตลาดไม่ต่ำกว่า 7,200 คัน

ทั้งนี้ การลงทุนในประเทศไทย จากการเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

นอกจากนี้ ทางโฟตอนเตรียมขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับกลุ่มพาร์ตเนอร์ชิ้นส่วน อาทิ Foton Cummins, Yuchai, Fangsheng และ Fast ให้มาลงทุนในไทยมากขึ้น เพื่อเสริมศักยภาพด้านการผลิต

]]>
1502475
อ่านเกม “ไส้กรอก CP” กับกลยุทธ์โดนใจชาวกรุง รู้ทัน Lifestyle ให้สินค้าเป็น Life Solution https://positioningmag.com/1394957 Fri, 19 Aug 2022 04:00:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1394957

การทำการตลาดในยุคนี้ ยิ่งเข้าใจผู้บริโภคมากเท่าไหร่ ยิ่งทำสินค้าได้ตอบโจทย์มากเท่านั้น เหมือนอย่าง “ไส้กรอก ซีพี” กับแคมเปญใหญ่ “ไส้กรอก ซีพี กินดีทุกเช้า พร้อมทุกเช้า” เป็นการเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมกับปรับตัวตามไลฟ์สไตล์ในยุค New Normal ยิ่งในช่วงที่ทุกคนกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ ต้องใช้เวลาเร่งรีบในตอนเช้า บางคนไม่มีเวลาเตรียมมื้อเช้า ต้องพึ่งพาเดลิเวอรี่ หรือน้องๆไรเดอร์ เพื่อสั่งอาหาร

ไส้กรอก ซีพี เลยจัดเต็ม “ความสุข” มอบความสุขทั้งในด้านของสินค้าคุณภาพ ให้มีความสุขในทุกๆ เช้า ก่อนเริ่มงานในวันใหม่ รวมไปถึงความสุขทางใจ โดยที่แคมเปญ “ไส้กรอก CP กินดีทุกเช้า พร้อมทุกเช้า” ได้ส่งต่อความสุขด้วยไรเดอร์สุดหล่อโดนใจเหล่าแฟนคลับ สร้างปรากฎการณ์ทั้งบนโลกออนไลน์ และออฟไลน์

แคมเปญนี้ได้เซอร์ไพรส์คนกรุง ด้วยกองทัพไรเดอร์มากกว่า 100 คน ถือว่าเป็นกองทัพไรเดอร์มากที่สุดในประเทศไทย แจกผลิตภัณฑ์ “ไส้กรอก ซีพี” ให้คนกรุงบริเวณ 4 ย่านธุรกิจ ได้แก่ ราชประสงค์ สาทร วิทยุ และอโศก ได้อิ่มอร่อยในมื้อเช้า เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำงาน

พร้อมได้นักแสดงรับเชิญขวัญใจวัยรุ่น “แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์” และ “หยิ่น-อานันท์ หว่อง” มาร่วมสร้างสีสันเป็นทีมไรเดอร์แจกไส้กรอก CP บริเวณแยกราชประสงค์ เป็นการเรียกเสียงกริ๊ด และรอยยิ้มจากสาวๆ ได้เป็นอย่างดี เติมเต็มความสุขแก่ชาวออฟฟิศละแวกนั้น รวมถึงแฟนคลับที่มาให้กำลังใจตลอดงาน

จนทำให้ #มื้อเช้าดีๆต้องไส้กรอกซีพี ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของประเทศไทย ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยมีการพูดถึงงานนี้มากกว่าแสนครั้งจนผ่านไปกว่า 7 ชั่วโมงก็ยังได้รับการพูดถึง เรียกว่าเป็นแคมเปญที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ และพูดถึงอย่างมาก

ต้องบอกว่ามื้อเช้านั้นสำคัญกับทุกคน และเพื่อความสะดวกสบาย ให้ไส้กรอก ซีพีดูแลทุกคนเอง เป็นมื้อเช้าที่ได้ทั้งความอร่อย และสุขภาพ ไปพร้อมๆ กัน โดยที่แคมเปญใหม่นี้มีกลยุทธ์ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย สามารถจับไลฟ์สไตล์คนไทยได้อยู่หมัด ทำให้ไส้กรอก ซีพี กลายเป็นหนึ่งใน Life Solution ของผู้บริโภคในยุคนี้แบบกลายๆ

Life Solution ที่ว่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เป็นเหมือนตัวช่วยที่ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันดีขึ้น Solution ที่สำคัญของคนยุคนี้ ประกอบไปด้วยอะไรที่มีค่ามากๆ เช่น เวลา, สุขภาพ และความสุข แน่นอนว่า ไส้กรอก ซีพีสามารถตอบโจทย์ทุกข้อได้อย่างอยู่หมัด

ในเรื่องของ “เวลา” ด้วยไลฟ์สไตล์ และวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ มีความเร่งรีบ แอคทีฟแข่งกับเวลาอยู่เสมอ อาจทำให้ละเลยในการดูแลตัวเองไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย โดยเฉพาะการทานอาหารเช้า เชื่อว่าเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม เพราะต้องใช้เวลาในการเตรียมตอนเช้า

แต่ตอนนี้การเตรียมอาหารเช้าสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อาหารง่ายๆ อย่างไส้กรอก ซีพี สามารถเป็นมื้อเช้าแสนสะดวกให้กับทุกคน อีกทั้งยังเป็นอาหารว่างได้อีกด้วย ซึ่งไส้กรอก CP มีกลุ่มสินค้ามากมาย เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกกลุ่ม ทุกวัย เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนทำงานได้อย่างดี ไม่ผสมแป้ง 1 ซอง มีโปรตีน 19 g. เนื้อเน้นๆ โปรตีนจุกๆ อิ่มท้องกำลังดี

นอกจากจะได้ “กินดี” รสชาติความอร่อยของไส้กรอก ซีพี ไม่เพียงแต่ถูกปากคนไทย แต่ดังไกลถึงระดับโลก

ด้วยการการันตีคุณภาพคู่ความอร่อย ด้วยรางวัล“สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2022” หรือ Superior Taste Award 2022 จากสถาบันชั้นนำ International Taste Institute ณ ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและกลุ่มสินค้าไส้กรอก ที่ได้รับรางวัลนี้

อาจกล่าวได้ว่า Life solution นี้ ไม่ได้ใช้ Solution แต่เป็น “Solution ที่คุณภาพดี” จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค เดินหน้าก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทยถึง สองปีซ้อน ได้อย่างมั่นคง คู่คนไทยตลอดไป

 

 

 

 

 

 

 

]]>
1394957
‘เอไอเอส’ ไม่ขออยู่เฉยส่งแคมเปญ ‘อยู่กับเอไอเอสดีที่สุด’ พร้อมอัดส่วนลด 50% ดึงย้ายค่าย https://positioningmag.com/1363591 Tue, 23 Nov 2021 13:59:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1363591 ในช่วงสัปดาห์นี้ ในแวดวงโทรคมนาคมคงไม่มีข่าวไหนจะใหญ่ไปกว่าการที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ dtac จะควบรวมกัน แน่นอนว่าหลังจากมีข่าว หลายคนต่างก็ต้องคิดแล้วว่าการแข่งขันจากนี้จะเป็นอย่างไร และพี่ใหญ่อย่าง ‘เอไอเอส’ (AIS) จะงัดไม้ไหนออกมาสู้

ในตลาดโทรคมนาคมที่ผ่านมา เอไอเอสถือว่าเป็นเบอร์ 1 ที่แข็งแรงมาโดยตลอด หากอ้างอิงจากตัวเลขไตรมาส 3 ปี 64 เอไอเอส มีลูกค้าทั้งสิ้น 43.7 ล้านเลขหมาย มีคลื่นความถี่รวม 1,420 MHz และมีรายได้ รายได้ 130,995 ล้านบาท ขณะที่เบอร์ 2 อย่าง ทรูมูฟ เอช มีลูกค้า 32 ล้านเลขหมาย มีคลื่นรวม 990 MHz มีรายได้ 96,678 ล้านบาท ส่วน ดีแทค มี 19.3 ล้านเลขหมาย มีคลื่นรวม 270 MHz และมีรายได้ 78,818 ล้านบาท

แน่นอนว่าหากทรูและดีแทคควบรวมกันแล้วจะพลิกขึ้นนำเอไอเอสทันที แต่ในส่วนของจำนวนคลื่นความถี่ยังถือว่าน้อยอยู่ ดังนั้น ก่อนที่ทั้ง 2 บริษัทจะควบรวมกันอย่างสมบูรณ์ เอไอเอสก็ไม่รอช้าที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภคด้วยการใช้จุดแข็งของ จำนวนคลื่นความถี่ ว่ามีมากที่สุดพร้อมทั้งขยี้ด้วยแคมเปญ อยู่กับเอไอเอสดีที่สุด

โดยเอไอเอสถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่กวาดเอาดาราตัวท็อปมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้มากเบอร์ต้น ๆ ของไทย ไม่ว่าจะ เจมส์ จิรายุ, เป๊ก ผลิตโชค, เวียร์ ศุกลวัฒน์, เบลล่า ราณี, น้องเทนนิส, แบมแบม กันต์พิมุกต์, ลิซ่า ลลิษา และน้อง ๆ BNK48 ดังนั้น เอไอเอสจึงได้ปล่อยภาพเหล่าพรีเซ็นเตอร์เพื่อสื่อสารถึงความเป็น เบอร์ 1 เผยแพร่ลงในโซเชียลทุกช่องทาง โดยในทวิตเตอร์ก็ขึ้นเทรนด์เป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว

ไม่ใช่แค่ย้ำว่า อยู่กับเอไอเอสดีที่สุด แต่ถ้าย้ายมาอยู่ด้วยกันมันก็จะดีนะ เพราะมีความเห็นในโซเชียลบางส่วน ที่รู้สึกอยากย้ายค่ายหากทรูและดีแทคควบรวมกัน ดังนั้น เอไอเอสจึงอัด โปรย้ายค่าย โดยโปร 4G มีส่วนลด 50% แถมใช้ฟรี 1 เดือนด้วย ส่วนโปร 5G ลด 25%

ก็ไม่รู้ว่ากว่าจะถึงเวลาที่ทรูและดีแทคควบรวมกันเสร็จ เอไอเอสจะสามารถดึงลูกค้าย้ายค่ายไปได้มากน้อยแค่ไหน และไม่รู้ว่าทางทรูและดีแทคจะออกแคมเปญอะไรออกมารักษาลูกค้าไหม หรือจัดหนักทีเดียวตอนควบรวมไปเลย คงต้องรอดูกัน

]]>
1363591
จับตา! ‘เทเลนอร์’ จับมือ ‘ซีพี’ ควบรวม ‘ดีแทค-ทรู’ https://positioningmag.com/1363008 Fri, 19 Nov 2021 10:06:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1363008 เทเลนอร์ (Telenor) ร่อนจดหมายแจงกำลังพิจารณาควบรวมกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ผู้โชคดีคือเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นักสังเกตการณ์จับตาการเจรจาจะนำไปสู่การควบรวมกิจการมือถือระหว่างดีแทค (Dtac) และทรู (True) ในอนาคต

ดีแทคนั้นเป็นบริษัทลูกของเทเลนอร์ในประเทศไทย ขณะที่ทรูเป็นธุรกิจด้านสื่อและโทรคมนาคมของกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ล่าสุด รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ และ E24 ระบุว่า เทเลนอร์ได้ส่งเอกสารชี้แจงหลักทรัพย์ (​​stock exchange release) ว่าบริษัทกำลังพิจารณาการควบรวมกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย โดยจะร่วมเจรจากับเครือเจริญโภคภัณฑ์เพื่อก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา

แถลงการณ์ของเทเลนอร์ไม่เพียงชี้ว่า การควบรวมกิจการจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อก่อตั้งบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำในประเทศ แต่ระบุว่า ยังคงต้องตกลงกันในประเด็นสำคัญ และไม่แน่ใจว่าการเจรจาจะนำไปสู่ข้อตกลงขั้นสุดท้าย รวมถึงกรอบเวลาในเบื้องต้นที่ยังไม่มีการเปิดเผย ดังนั้น ยังไม่มีความแน่นอนว่าการเจรจาครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ โดยจะมีการแถลงความชัดเจนในวันที่ 22 พ.ย.นี้ อีกที

Photo : Shutterstock

ข่าวนี้ทำให้โลกเทความสนใจไปที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือที่เรียกกันในนามซีพี กรุ้ป (CP Group) ซึ่งมีธุรกิจหลากหลายด้านทั้งเกษตรกรรม การค้าปลีก โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมยานยนต์ เภสัชกรรม และการเงิน จากข้อมูลของบลูมเบิร์ก (Bloomberg) เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือซีพีนั้นมีตำแหน่งเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกที่มีทรัพย์สินมากกว่า 4,800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ซีพี กรุ๊ปถูกจัดเป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ปัจจุบัน ดีแทคมีฐานลูกค้ารวม 19.3 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้ารายเดือนราว 6.2 ล้านราย และลูกค้าในระบบเติมเงิน 13.1 ล้านราย ในขณะที่กลุ่มทรู มีฐานลูกค้าของทรูมูฟ เอช ราว 32 ล้านราย แบ่งเป็นรายเดือน 10.8 ล้านราย และเติมเงิน 21.2 ล้านราย

ดังนั้น ในกรณีที่เกิดการควบรวมกิจการกันจะทำให้มีฐานลูกค้ารวมมากกว่า 51 ล้านราย และขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศไทยทันที เนื่องจากปัจจุบันเอไอเอสมีฐานลูกค้ารวมอยู่ที่ 43.7 ล้านราย

โดยหลังจากที่มีความคืบหน้าจากสื่อต่างประเทศออกมา ทั้งทรู และดีแทคต่างส่งจดหมายแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า หากมีข้อชี้แจงใดที่บริษัทมีหน้าที่ต้องแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทางบริษัทฯ จะแจ้งข้อมูลให้ตลาดหลักทรัพย์ต่อไป

Source

]]>
1363008
ซีพีเตรียมเร่งขยายต่างประเทศ ปรับโครงสร้างธุรกิจกลุ่มค้าปลีก ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านทั่วภูมิภาค ต่อยอดออนไลน์ออฟไลน์ https://positioningmag.com/1349545 Wed, 01 Sep 2021 03:30:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1349545 “ธุรกิจค้าปลีกเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยบนเวทีโลก

และเป็นธุรกิจที่ประเทศไทยสามารถประสบความสำเร็จบนเวทีโลกได้”

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประธานกรรมการ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

 

“เราต้องการให้ธุรกิจค้าปลีกของเราทั่วโลกทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มให้กับเกษตรกร ผู้ผลิตและ SME ไทย ให้สามารถนำผลผลิตและสินค้าไปขายในต่างประเทศได้”

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประธานกรรมการ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

 

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) โดยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ประกาศว่าเครือซีพีตั้งเป้าขยายร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งของเครือให้ได้อย่างรวดเร็ว ทั่วภูมิภาค ซึ่งรวมถึงสาขาของสยามแม็คโคร และศูนย์ค้าปลีกค้าส่งรูปแบบอื่นๆ ในเครือซีพี

ปัจจุบัน เครือซีพีมีธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจค้าส่งอยู่ในประเทศจีน มาเลเซีย อินเดีย กัมพูชา เมียนมา ภายใต้แบรนด์และรูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย รวมจำนวนประมาณ 337 ร้านค้า

นายศุภชัย กล่าวว่า “ธุรกิจค้าปลีกเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยบนเวทีระดับโลก และเป็นธุรกิจที่ประเทศไทยสามารถประสบความสำเร็จบนเวทีโลกได้ นี่คือวิสัยทัศน์ร่วมกันของธุรกิจในกลุ่มค้าปลีกและค้าส่งในเครือซีพี”


เพิ่มความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพ

“เพื่อที่จะประสบความสำเร็จบนเวทีโลกที่ซับซ้อน เราต้องตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนำบริษัทในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของเครือซีพีขยายธุรกิจและแข่งขันกับผู้ประกอบธุรกิจในเวทีระดับโลก หากเมื่อมีการปรับโครงสร้างธุรกิจต่างๆ หลังได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว จะทำให้สยามแม็คโคร กลายเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด”

“การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความคล่องตัวในการตัดสินใจต่างๆ และยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย ก็คือ จะช่วยทำให้แม็คโคร และโลตัสส์ มีความคล่องแคล่ว รวดเร็ว (Agility) ในการเดินหน้าสู่ความสำเร็จบนเวทีระดับนานาชาติ” นายศุภชัย กล่าว


เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนทั่วไป

ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 31 สิงหาคม คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบที่จะนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ที่จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคม เพื่อให้อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จากปัจจุบัน 2,400 ล้านบาท เป็น 5,586 ล้านบาท โดยการเปิดขายหุ้นใหม่ จำนวน 6,372,323,500 หุ้น ที่ราคาพาร์ หุ้นละ 0.5 บาท ซึ่งในจำนวนนั้น จะเป็นการเปิดขายให้กับประชาชนทั่วไป จำนวน 1,362,000,000 หุ้น ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะเดินหน้าตามแผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ และแผนธุรกิจอื่นๆ

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร กล่าวว่า “เราต้องการเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจที่มีอนาคตการเติบโตที่น่าตื่นเต้นบนเวทีระดับนานาชาติ ด้วยการเพิ่มสัดส่วนที่มากขึ้นให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาร่วมเป็นเจ้าของแม็คโคร โดยบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการเป็นเจ้าของบริษัทฯ ให้กับประชาชนทั่วไป ถึง 2 เท่า จากเดิมสัดส่วนที่ประชาชนทั่วไปร่วมเป็นเจ้าของ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ 7% จะเพิ่มเป็นมากกว่า 15% ในขณะที่ จำนวนการถือหุ้นของเครือซีพี ในบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จะลดลงจาก 93% เหลือประมาณ 85%”

การปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทต่างๆ ครั้งนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการของ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และบริษัทอื่นๆ ที่ดำเนินการอยู่

“พนักงานทั้งหมด ผู้บริหาร การจัดการและงานประจำวัน ฟอร์แมตธุรกิจ การวางตำแหน่งทางธุรกิจ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และซัพพลายเออร์ จะยังคงอยู่และดำเนินการเช่นเดิม โดยการปรับโครงการธุรกิจครั้งนี้จะไม่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องบุคลากร และจะไม่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ ทั้งนี้การดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ตามแนวทางการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้ ยังคงต้องผ่านการเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น รวมถึงการอนุมัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป” นายศุภชัยกล่าว


‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’

นายศุภชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดโครงสร้างใหม่ของธุรกิจค้าปลีกเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือซีพีบนเวทีนานาชาติครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’ ที่เครือซีพีเพิ่งประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ในระบบเศรษฐกิจโลกยุคหลังวิกฤตโควิดด้วย “การสร้างแพลตฟอร์มให้กับบริษัทอื่นๆ จากประเทศไทย และผลิตภัณฑ์ของคนไทย เพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจของพวกเขาให้ได้มากที่สุด”

“เราต้องการให้ธุรกิจค้าปลีกของเราทั่วโลกทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มให้กับเกษตรกร ผู้ผลิต และ SME ไทยนับหมื่นๆ ราย ให้สามารถนำผลผลิตและสินค้าไปขายในต่างประเทศ”

“การขยายช่องทางค้าปลีกในตลาดโลกให้มากขึ้นสำหรับสินค้าไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลผลิตทางการเกษตร และอาหารสด คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยสานฝันของประเทศไทยในการเป็น ‘ครัวของโลก (Kitchen of the World)’ โดยร้านค้าของเครือซีพีจะทำหน้าที่เสมือนท่อธุรกิจที่ลำเลียงนำธุรกิจขนาดเล็กๆ จากประเทศไทย ให้เข้าสู่ตลาดใหม่ได้ พร้อมกับนำผลผลิตและสินค้าของไทยไปนำเสนอ สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของเขาเอง ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์ (Resilience) ให้กับธุรกิจของเรา” นายศุภชัย กล่าว


ยักษ์ใหญ่ระดับโลก

ประเทศไทยได้รับการยอมรับในวงการค้าปลีกระดับสากล จากการที่ธุรกิจค้าปลีกของไทยสามารถคว้ารางวัลยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรม จากสมาคมค้าปลีกที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังเป็นเจ้าของกิจการค้าปลีกระดับแลนด์มาร์คในหลายประเทศ อย่างไรก็ดี อาจจะยังไม่สามารถเทียบกับยักษ์ใหญ่ของวงการค้าปลีกระดับโลกได้

“ขนาดของธุรกิจ (scale) ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของธุรกิจค้าปลีกระดับโลก นั่นคือเหตุผลที่ในโลกปัจจุบัน บริษัทค้าปลีกระดับโลกจะเป็นบริษัทขนาดยักษ์ใหญ่ ยกตัวอย่างผู้ค้าปลีก 2 รายที่ใหญ่ที่สุดของโลก สามารถสร้างยอดขายของแต่ละรายได้มากกว่าขนาดเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศไทย จึงเป็นความท้าทายของธุรกิจค้าปลีกของไทยในการไปแข่งขันในระดับโลก”

“ผมมั่นใจว่า การร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทย การปรับโครงสร้างธุรกิจ และการก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมายชัดเจน ตลอดจนมีเงินทุนที่เพียงพอ จะส่งผลให้ประเทศไทยมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่ค่อนข้างใหญ่ และมีนัยสำคัญได้ในอนาคตอันใกล้นี้” นายศุภชัย กล่าว

นางสุชาดากล่าวว่า “แม็คโคร ได้สนับสนุนลูกค้าผู้ประกอบการต่างๆ มากมายในประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย เช่น ร้านโชห่วย มินิมาร์ท ตลอดจนโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยงอย่างแข็งขัน มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 32 ปี ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า คุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด เราได้คัดสรรสินค้าที่หลากหลาย ครบครัน มีคุณภาพดี ในราคาขายส่ง เพื่อให้ลูกค้าผู้ประกอบการรายย่อยสามารถลดต้นทุน ประกอบธุรกิจได้อย่างมีกำไร และเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้เรายังมุ่งมั่นเป็นพันธมิตรที่คู่ค้าทุกคนวางใจ พร้อมสนับสนุนลูกค้าผู้ประกอบการของเราให้พัฒนาธุรกิจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเร่งขยายธุรกิจต่างประเทศของเราในอนาคต จะสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตสินค้ารายย่อย (เอสเอ็มอี) และเกษตรกร ผู้ผลิตอาหารสด สินค้าสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดและเติบโตในเวทีโลกต่อไป” นางสุชาดา กล่าว

]]>
1349545
รายใหญ่ก็ไม่รอด! เมื่อ “เซเว่นฯ” ออก “น้ำจิ้มบาร์บีคิว” เหมือนแฝด “บาร์บีคิวพลาซ่า” https://positioningmag.com/1338967 Fri, 25 Jun 2021 05:52:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1338967 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อมีเพจ “มนุษย์รีวิวเซเว่น” ได้เขียนรีวิวถึงสินค้าใหม่ของเซเว่น ก็คือ “น้ำจิ้มบาร์บีคิว” ตรา ซีพี พร้อมกับคำอธิบายว่าเหมือนน้ำจิ้มของพี่ก้อนมาก หรือร้าน “บาร์บีคิว พลาซ่า” นั่นเอง พร้อมกับคำเชิญชวนว่าถ้าเจอให้รีบซื้อ เพราะราคาคุ้มมาก 59 บาทเท่านั้น

จากนั้น “บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด หรือเป็นมือทองการตลาดแห่งบาร์บีคิวพลาซ่า ได้แคปโพสต์ดังกล่าว แล้วไปแชร์ต่อ พร้อมกับตั้งคำถามมากมายแก่ “ซีพีออลล์” ครั้งหนึ่งเคยถูกชวนให้ทำน้ำจิ้มร่วมกัน แต่ได้ปฏิเสธไป ผลลัพธ์จึงออกมาแบบนี้หรือ?

จากโพสต์ของบุณย์ญานุช มีเนื้อหาประมาณว่า

“เมื่อเราอยู่ในโลกของนายทุนใหญ่
รายเล็ก รายย่อย รายกลาง (อาจ)ย่อมเป็นเหยื่อของรายใหญ่…
เห็น Product นี้ครั้งแรกก็ต้องพูดกับตัวเองว่า
“อ๋อ…แบบนี้เลยเหรอคะพี่”
การที่มาชวนเราทำแล้วเราไม่ทำ…
นี่คือผลตอบแทนของการไม่ศิโรราบพี่ใหญ่…
เราเดินกันคนละเกม เราทำธุรกิจกันคนละความคิด
ดีคะ…ยิ่งเป็นแบบนี้ ยิ่งมีแรงผลักดันให้ทำอะไรอีกหลายอย่าง…
เป็นกำลังใจให้รายเล็ก รายย่อยที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้
และเป็นกำลังใจให้ตัวเองและบริษัท
เราจะยังคงเดินหน้าสร้างความสุข ความอร่อยและแรงบันดาลใจให้ผู้คนให้ คิด ทำ สิ่งดี สร้างสรรค์และไม่ทำร้ายใคร..
อะไรที่มันไม่ใช่ มันก็คือ “ไม่ใช่”
อะไรที่มันไม่จริง มันเรียกว่า “ปลอม”
รักนะคะ…
ปลาเล็กทุกตัว…เชื่อดิว่าพวกเราทำได้…..
What doesn’t kill you, make you stronger
อะไรที่มันฆ่าเราไม่ได้…มันจะทำให้เราแกร่งขึ้น…

ทำให้หลายคนสามารถคาดเดาสถานการณืได้อย่างดีว่า ทางซีพีออลล์ได้ใช้กลยุทธ์เด็ดของตนเอง ในการพัฒนาสินค้าโดยอาจจะใช้แบรนด์อื่นเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้หลายครั้งทั้งก่อนหน้านี้จะพบเจอกับแบรนด์เล็ก แบรนด์ SME ที่อยากวางจำหน่ายสินค้าในเซเว่นฯ หรือแบรนด์ไหนที่ขายดีก็จะเกิดการพัฒนาสินค้าขึ้นมา

ด้วยสถานการณ์ของ COVID-19 ทำให้อุตสาหกรรมร้านอาหารต้องเจอศึกหนัก ยิ่งสำหรับร้านอาหารประเภทชาบู ปิ้งย่างที่ต้องอาศัยการนั่งทานในร้าน ทานเป็นกลุ่ม ยิ่งเจอความท้าทายหนัก ตั้งแต่ปีที่แล้วบาร์บีคิวพลาซ่าได้ปรับตัวมาตลอด ทั้งการออกแคมเปญกระตุ้น การจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ รวมถึงการไลฟ์ขายวัตถุดิบต่างๆ

แม้บาร์บีคิวพลาซ่าจะมีโปรขายวัตถุดิบต่างๆ ทั้งร้าน แต่ “น้ำจิ้ม” ที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ จะมีการขายพร้อมกับชุดอาหารเท่านั้น ไม่มีการขายแบบบรรจุขวด หรือขายแค่น้ำจิ้มอย่างเดียว ซึ่งทางแบรนด์เชื่อว่าตัวน้ำจิ้มนี่เองที่จะเป็นแม็กเน็ตสำคัญที่ยังดึงให้คนมาทานอาหารที่ร้าน

กรณีนี้ได้เกิดกับแบรนด์ร้านอาหารแบรนด์ใหญ่ที่หลายคนรู้จัก แต่ก็ยังเจอปลาที่ใหญ่กว่า ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าทางซีพีออลล์จะมีทีท่าอย่างไร แต่ล่าสุดทางเพจมนุษย์รีวิวเซเว่นได้ลบโพสต์รีวิวน้ำจิ้มบาร์บีคิวดังกล่าวออกไปแล้ว พร้อมชี้แจงว่าเป็นการรีวิวส่วนตัว ไม่ได้ถูกจ้างแต่อย่างใด แต่ชาวเน็ตก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เพราะเหมือนเป็นการโฆษณาให้เซเว่น

]]>
1338967
‘เทสโก้ โลตัส’ ปรับเเบรนด์ เปลี่ยนโลโก้ใหม่เป็น Lotus’s ใช้สีโทนพาสเทล หลังกลับสู่อ้อมอก ‘ซีพี’ https://positioningmag.com/1319272 Mon, 15 Feb 2021 05:33:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1319272 เทสโก้ โลตัสประเทศไทย ปรับเเบรนด์เปลี่ยนโลโก้ใหม่เป็น ‘Lotus’s’ ตัดคำว่า Tesco ออกพร้อมใช้สีโทนพาสเทลให้ดูเข้าถึงง่ายขึ้น หลังกลับมาอยู่ในอ้อมอกอาณาจักรซีพี

ช่วงปีปลายที่ผ่านมาซีพี ออลล์ได้เข้าซื้อกิจการเทสโก้ โลตัสในไทยและมาเลเซีย เปลี่ยนมือเจ้าของจากอังกฤษกลับมาสู่มือคนไทยอีกครั้ง ชนะดีลประมูลไปด้วยมูลค่ากว่า 3.3 เเสนล้านบาท 

ความเคลื่อนไหวล่าสุดกับการเปลี่ยนเเปลงภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ โดยวันนี้เทสโก้ โลตัสเปลี่ยนโลโก้ใหม่เป็น Lotus’s ตัดคำว่า Tesco ออกเเละเติม ’s เข้าไป โดยการเพิ่มตัว s มาอีก 1 ตัวนั้น มีความหมายแทนคำว่า SMART (Simple, Motivate, Agile, Responsible, transformative เเละ Sustainability) เป็นยุคใหม่ของโลตัสจะผสมผสานระหว่างค้าปลีก ‘ออฟไลน์’เเละ ‘ออนไลน์’ นำสินค้าชุมชนขึ้นมาอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล

พร้อมมีการปรับใช้สีโทนพาสเทลให้ดูทันสมัยเเละดูเข้าถึงง่ายขึ้น เเละเปลี่ยนสโลเเกนจาก ‘เราใส่ใจคุณ’ เป็น ‘รู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส’

ด้านเสียงตอบรับจากผู้บริโภคก็มีหลากหลาย ทั้งบอกว่าออกแบบมาได้น่ารักดี ดูเด็กลงและ friendly มากขึ้น ขณะที่บางคนก็เห็นว่าสีสันเเสบตาไป เเละเเบบเดิมดู Professional กว่า บางคนสงสัยว่า ‘Lotus’s’ ต้องอ่านออกเสียงอย่างไร ซึ่งก็มีคำคอบว่า Lotus’s จะยังคงอ่านออกเสียงว่าโลตัสเช่นเดิม

ทั้งนี้ หลังจากการควบรวมกิจการเทสโก้ โลตัสเสร็จสิ้น จะทำให้เครือซีพี ของตระกูลเจียวรนนท์ มีเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมากที่สุดในประเทศไทย

โดยมีร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น 12,089 สาขา แม็คโคร 136 สาขา ซีพีเฟรชมาร์ท 400 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต ซีพี เฟรช 1 สาขา เเละหากรวมกับเทสโก้ โลตัสที่มีอีก 2,046 สาขา จะทำให้เครือซีพีมีจำนวนสาขาร้านค้าปลีกรวมกันประมาณ 14,312 แห่งทั่วประเทศไทย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม :

 

 

]]>
1319272
ตระกูล “เจียรวนนท์” ครองอันดับ 21 มหาเศรษฐีโลก ปี 2020 ทรัพย์สิน 9.8 แสนล้าน https://positioningmag.com/1290703 Mon, 03 Aug 2020 07:09:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1290703 บลูมเบิร์ก จัดอันดับมหาเศรีษฐีโลกปี 2020 อันดับ 1 เป็นของตระกูล “วอร์ตัน” เจ้าของกิจการวอลมาร์ท (Walmart) ส่วนตระกูล “เจียรวนนท์” ครองอันดับที่ 21 ทรัพย์สินรวม 982,400 ล้านบาท

ปี 2020 ถือเป็นปีที่มีความท้าทายในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในสถาการณ์การแพร่ระบาดของโรคไว้รัส COVID-19 ที่กระทบต่อหลายธุรกิจทั่วโลก อย่างไรก็ดี หลายตระกูลมหาเศรษฐีทั่วโลก ต้องมีการปรับตัวกับสถานการณ์ที่กระทบการลงทุนใหม่ กระทบต่อธุรกิจในปัจจุบัน และที่สำคัญกระทบต่อพนักงานในองค์กร

การจัดอันดับมหาเศรษฐีโลก เดือนสิงหาคม ปี 2563 โดยบลูมเบิร์ก ระบุว่าในปีนี้ “วอร์ตัน” เจ้าของกิจการวอลมาร์ท (Walmart) ยังครองแชมป์มหาเศรษฐีโลกมีทรัพย์สิน 215 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.8 ล้านล้านบาท ซึ่งถือได้ว่า เป็นตระกูลที่บริหารธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุด มีสาขากว่า 11,000 สาขาทั่วโลก

สำหรับในประเทศไทยก็มีติดโผในอันดับที่ 21 เป็นของตระกูล “เจียรวนนท์” มีทรัพย์สินมูลค่ารวม 30.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 982,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจที่เริ่มต้นในประเทศไทย และได้ขยายการลงทุนไปกว่า 22 ประเทศทั่วโลก

โดยล่าสุด ได้ขยายธุรกิจฟาร์มกุ้งไปในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีธุรกิจด้านอาหารทั้งในอเมริกาและยุโรป ทำให้รักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เครือซีพี ได้มีธุรกิจที่หลากหลาย อาทิ เกษตร อาหาร ค้าปลีก สื่อสาร และธุรกิจอื่นๆ ในหลายประเทศ โดยมีการนำธงชาติไทยไปติดในทุกสำนักงานที่ไปลงทุน

]]>
1290703
ใกล้แล้ว! เครื่องจักร และวัตถุดิบหน้ากากของ CP ล็อตสุดท้ายถึงไทย อีกสัปดาห์เดียวเริ่มผลิต https://positioningmag.com/1272543 Thu, 09 Apr 2020 11:27:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1272543 CP เช่าเครื่องบินเหมาลำขนส่งเครื่องจักรล็อตสุดท้ายพร้อมวัตถุดิบถึงไทยแล้ว เตรียมเดินหน้าติดตั้งโรงงานหน้ากากอนามัยฟรีเพื่อบุคลากรทางการแพทย์ คาดทดสอบระบบหนึ่งสัปดาห์ ก่อนผลิตจริง

อัพเดตสถานการณ์ล่าสุดของโรงงานหน้ากากอนามัยใกล้สมบูรณ์เต็มที่ หลังจาก นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีนโยบายลงทุน 100 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรีแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนเพื่อใช้ในการป้องกันโรค

ล่าสุดจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทั่วโลก ส่งผลให้ทุกประเทศมีมาตรการเข้มงวดเรื่องการนำเข้าและส่งออก ซึ่งมีผลต่อการนำเข้าเครื่องจักรผลิตหน้ากากอนามัย ที่เครือซีพีได้ดำเนินการสั่งซื้อจากประเทศจีน รวมถึงปัญหาเรื่องการจัดหาวัตถุดิบที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก

ประกอบกับสถานการณ์การบินจากประเทศจีนที่มีจำนวนเที่ยวบินลดลงกว่า 70% และมีกำหนดการที่ไม่แน่นอน ทำให้ต้องปรับแผนการขนส่งเครื่องจักรกันแบบวันต่อวัน เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้ชัดเจน

ส่งผลให้ทีมงานเครือซีพีต้องตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการเช่าเหมาลำเพื่อขนส่งเครื่องจักรและวัตถุดิบเข้ามาประเทศไทยให้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยขณะนี้สามารถนำเข้าเครื่องจักรครบแล้ว พร้อมทั้งวัตถุดิบสำคัญคือ เมลต์โบลวน์ (Meltblown) ที่เป็นแผ่นป้องกันเชื้อโรค

คาดว่าจะใช้เวลาประกอบเครื่องจักรและทดสอบระบบอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะพร้อมเข้าสู่กระบวนการผลิต ซึ่งจะได้หน้ากากอนามัยจำนวน 3 ล้านชิ้นต่อเดือน

สำหรับวัตถุดิบสำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัยครั้งนี้ คือ แผ่นกั้นเชื้อโรค หรือ เมลต์โบลวน์ ภายในสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นวัตถุดิบที่หายากและราคาปรับสูงขึ้นจากภาวะปกติหลายสิบเท่า ทำให้กระบวนการจัดซื้อต้องใช้พลังจากเครือข่ายและพันธมิตรในหลายประเทศ เนื่องจากต้องการให้มีวัตถุดิบผลิตได้อย่างต่อเนื่อง

ตามมาตรฐานการผลิต หน้ากากอนามัยจะประกอบด้วย 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นนอนวูฟเวนชนิดสปันบอนด์ (สีเขียว) เคลือบสารไฮโดรโฟบิกเพื่อเพิ่มสมบัติกันน้ำ ชั้นต่อมาเป็นนอนวูฟเวนชนิดเมลต์โบลวน์ (สีขาว) ใช้ป้องกันเชื้อโรค และชั้นสุดท้ายเป็นนอนวูฟเวนชนิดสปันบอนด์ (สีขาว) โดยนอนวูฟเวนชนิดสปันบอนด์ (spunbond nonwoven)

]]>
1272543