ทำงานที่บ้าน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 03 Mar 2022 10:51:18 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ส่องเทรนด์ทำงาน ‘4 วัน/สัปดาห์’ ในเอเชีย ประเทศไหนพร้อม-ไม่พร้อมเปิดรับ! https://positioningmag.com/1376175 Thu, 03 Mar 2022 09:38:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376175 การมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพนักงานจำนวนมาก แต่บางประเทศในเอเชียการทำงานยาว 6 วัน/สัปดาห์ยังคงเป็นเรื่องปกติ! ในขณะที่เทรนด์โลกเริ่มมีการทดลองทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ หลังจากเจอกับการระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้พนักงานทั่วโลกได้ Work From Home อย่างไรก็ตาม ลองไปดูกันว่าแต่ละประเทศในภูมิภาคเอชียคิดเห็นอย่างไรกับการทำงาน 4 วัน/สัปดาห์กันบ้าง

เจมส์ รูท หุ้นส่วนและประธานร่วมของ Bain Futures นักคิดของบริษัทที่ปรึกษา Bain & Company กล่าวว่า ที่ในภูมิภาคเอเชียมีการทำงานถึง 6 วัน/สัปดาห์เป็นเพราะหลายคนมีค่านิยมว่า การทำงานหนักจะทำให้ประสบความสำเร็จ โดยมีหลายประเทศที่มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน เช่น เกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม พนักงานหลายคนเริ่มมองหา Work Life Balance ทำให้บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงเอเชียกำลังมองหาวิธีที่ทำให้พนักงานมีสมดุลมากขึ้น อาทิ สามารถทำงานครึ่งวันทุกวันศุกร์, ทางเลือกในการทำงานจากที่บ้าน, การลาคลอด, ให้ทุนสนับสนุนสำหรับการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ แต่ปัจจุบันมีเทรนด์แรงที่คนใกำลังให้ความสนใจก็คือ การทำงาน 4 วัน/สัปดาห์

“เป้าหมายคือ การให้เวลาแก่พนักงานให้มีวันหยุดยาว แต่ยังคงประสิทธิภาพการทำงาน แน่นอนว่าค่าตอบแทนต้องไม่ลดตามจำนวนวันทำงาน ซึ่งจะทำให้ win-win สำหรับพนักงานและบริษัท”

Photo : Shutterstock

เริ่มมีบางบริษัทปรับใช้

ญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่ามีวัฒนธรรมการทำงานที่ โหดเหี้ยม ด้วยชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน แถมคาดหวังให้พนักงานให้ความสำคัญกับ อาชีพของตนเหนือสิ่งอื่นใดในชีวิต จนเกิดเป็นคำศัพท์ใหม่ว่า Karoshi ที่แปลว่า ความตายจากการทำงานหนักเกินไป

แต่เพราะ COVID-19 ทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานที่เข้มงวดสูงของประเทศกลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง หลังจากที่ธุรกิจญี่ปุ่นเปลี่ยนให้มีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และสามารถ Work From Home ได้ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลต่อความสุขของพนักงานอย่างไร

ย้อนไปในปี 2019 Microsoft Japan ได้ทดสอบการทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ แม้ว่าชั่วโมงทำงานโดยรวมจะลดลง แต่ค่าจ้างพนักงานยังคงเท่าเดิมโดยพบว่า ประสิทธิภาพของพนักงานเพิ่มขึ้นเกือบ 40% และช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา Panasonic ได้ทดลองให้พนักงานทดลองทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมสมดุลชีวิตการทำงานและชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับพนักงาน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้จะยังไม่เกิดขึ้น 100% จนกว่าจะถึงเดือนเมษายน 2566

“สวัสดิภาพของพนักงานของเรามีความสำคัญเป็นอันดับแรก และเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องสื่อสารและส่งเสริมความเข้าใจในจุดประสงค์นี้” Airi Minobe โฆษกของ Panasonic กล่าว

(Photo : Shutterstock)

พนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สนใจปรับใช้

จากการสำรวจที่ตีพิมพ์ในเดือนกุมภาพันธ์โดยบริษัทวิจัย Milieu ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่า พนักงานจากสิงคโปร์ เวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียต่างก็ กระตือรือร้นที่จะทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ โดยชาว สิงคโปร์ มากกว่า 76% แสดงความสนใจอย่างมากในงานที่มีวันหยุดสามวัน

พนักงานหลายคนในสิงคโปร์ไม่ต้องการชีวิตที่พวกเขาอาศัยอยู่เพื่อทำงาน แต่พวกเขาต้องการ “มีชีวิตและทำงานเพื่อรักษาชีวิตไว้” Jaya Dass กรรมการผู้จัดการ บริษัทจัดหางาน Randstad Singapore กล่าว ดังนั้น การมีความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงาน เงินเดือน และผลประโยชน์ถือเป็นแง่มุมที่มีค่าที่สุดของงานสำหรับพนักงาน

Dass กล่าวว่า พนักงานชาวสิงคโปร์ไม่พร้อมที่จะสละชีวิตส่วนตัวเพื่อประกอบอาชีพอีกต่อไป แต่เนื่องจากค่าครองชีพที่สูง หลายคนจึงไม่เห็นด้วยที่จะลดชั่วโมงการทำงานลง หากเงินเดือนจะลดลงตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คนงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกคนที่มีความกระตือรือร้นในการทำงานสัปดาห์ที่สั้นลง อย่างใน มาเลเซีย มีเพียง 48% เท่านั้นที่สนใจแนวคิดนี้อย่างมาก และอีก 41% รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับแนวคิดนี้ จากการสำรวจของ Milieu

Dass ระบุว่า ไม่ใช่แค่มาเลเซีย แต่ เมียนมา และ กัมพูชา ก็ไม่ได้สนใจที่จะทำงานแค่ 4 วัน/สัปดาห์ เพราะความต้องการความสมดุลระหว่างชีวิตและงานในประเทศเหล่านี้มีน้อย เพราะในระบบเศรษฐกิจเหล่านี้ ชั่วโมงการทำงานที่นานขึ้นมักจะแปลเป็นเงินมากขึ้น

“ในประเทศกำลังพัฒนา พนักงานมักต้องการทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมีคติประจำใจคือ ถ้าฉันต้องตายจากการทำงาน ฉันจะทำ นั่นหมายความว่าฉันสามารถทำเงินได้ ฉันสามารถซื้อทรัพย์สินของฉัน ฉันสามารถทำให้ครอบครัวของฉันมีชีวิตที่ดีขึ้นได้”

เอเชียล้าหลังตะวันตก

อย่างไรก็ตาม หากเทียบภูมิภาคเอเชียกับฝั่งตะวันตกถือว่ายังตามหลังอยู่ เพราะ รัฐบาลไอซ์แลนด์และสเปน ได้ทดลองลดชั่วโมงการทำงานตั้งแต่ปี 2019 และ 2021 ตามลำดับ เบลเยียม เป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศว่าเร็ว ๆ นี้คนงานจะได้รับสิทธิ์ทำงาน 4 วัน/สัปดาห์

โครงการของเบลเยียมซึ่งกำลังเริ่มทดลองกำหนดให้พนักงานต้องทำงาน 4 วัน ในจำนวนชั่วโมงที่เท่ากับการทำงานใน 5 วัน และคนงานยังได้รับอนุญาตให้ เพิกเฉยต่อการทำงานนอกเวลา โดยไม่ต้องเผชิญกับผลที่ตามมาจากเจ้านายของพวกเขา

สหราชอาณาจักร ในเดือนมกราคมประกาศเปิดตัวการทดลองใช้สัปดาห์ทำงาน 4 วันเป็นเวลา 6 เดือน โดยจะเริ่มในเดือนมิถุนายน ความคิดริเริ่มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พนักงานของบริษัทต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโปรแกรมสามารถทำงานได้ 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยที่เงินเดือนและผลประโยชน์ไม่เปลี่ยนแปลง

]]>
1376175
British Airways เล็งขายตึก ‘สำนักงานใหญ่’ ตามเทรนด์ลดขนาดออฟฟิศ ทำงานที่บ้านมากขึ้น https://positioningmag.com/1324275 Sat, 20 Mar 2021 09:27:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1324275 หนึ่งในสายการบินใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่าง British Airways กำลังพิจารณาจะขายตึกสำนักงานใหญ่เนื่องจากในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 มีปรับการทำงานให้เป็นเเบบ Work from Home หรือทำงานที่บ้านเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทไม่ต้องการใช้พื้นที่สำนักงานขนาดใหญ่อีกต่อไป

Financial Times รายงานว่า การประกาศขายอาคารสำนักงานดังกล่าว อาจจะเข้ามาช่วยพยุงด้านการเงินของสายการบินที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคระบาด โดยสำนักงานใหญ่ของ British Airways มีมาตั้งเเต่ปี 1998 ใช้ค่าก่อสร้างราว 200 ล้านปอนด์ (ราว 8.6 พันล้านบาท) อยู่ใกล้สนามบินฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน 

วิถีการทำงานที่เปลี่ยนไป ผู้คนต้องทำงานที่บ้านในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้บรรดาบริษัทใหญ่ในอังกฤษ เริ่มหันมาปรับเปลี่ยนรูปแบบสำนักงานของตัวเอง

ยกตัวอย่างเช่น Lloyds ธนาคารยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ มีเเผนจะปรับลดพื้นที่สำนักงานลง 20% ภายใน 3 ปีนี้ และสถาบันการเงินอย่าง HSBC เล็งจะปรับลดพื้นที่สำนักงานลง 40% เช่นกัน

British Airways ระบุในแถลงการณ์ว่า จากการสำรวจความเห็นพนักงาน พบว่า หลายคนชอบทำงานจากที่บ้าน ดังนั้นนโยบายของบริษัทในอนาคต จึงมีแนวโน้มที่ยืดหยุ่นขึ้นโดยจะผสมผสานระหว่างการทำงานที่บ้านและการทำงานที่ออฟฟิศ

เรากำลังปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤต และกำลังพิจารณาว่ายังจำเป็นต้องมีพื้นที่สำนักงานที่ใหญ่ขนาดนี้อยู่หรือไม่

(Photo by Ekaterina Bolovtsova from Pexels)

ในปีที่ผ่านมา British Airways รัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ รวมไปถึงการปลดพนักงานกว่า 1 หมื่นตำเเหน่ง ทำให้ยอดปัจจุบันเหลืออยู่ที่ 3 หมื่นคน ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงานที่สำนักงานใหญ่ แต่เป็นนักบิน ลูกเรือ วิศวกรเเละเจ้าหน้าที่สนามบิน

อย่างไรก็ตาม เเม้การทำงานแบบเข้าออฟฟิศอาจจะค่อย ๆ ลดลง เเต่ทางฝั่งบริษัทเทคโนโลยีอย่าง ‘Google’ (กูเกิล) ซึ่งก็ให้พนักงาน Work from Home ได้ยาว ๆ กลับกำลังทุ่มเงินขยายพื้นที่สำนักงานให้มากขึ้น

Sundar Pichai CEO ของ Google บอกว่า ในอนาคตบริษัทมีแนวคิดที่จะทดสอบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยอาจจะให้พนักงานทำงานอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ในออฟฟิศเพื่อการทำงานร่วมกันกับเพื่อนพนักงาน ส่วนวันที่เหลือให้ทำที่บ้าน

ดูเหมือนว่าการทำงานในองค์กรของ Google จะเน้นทำงานที่บ้าน แต่ล่าสุดกลับมีแผนที่จะลงทุน ‘7 พันล้านดอลลาร์’ ในการขยายพื้นที่สำนักงานและศูนย์ข้อมูลในสหรัฐอเมริกา และเตรียมจ้างงานพนักงานประจำเพิ่มอย่างน้อย 10,000 ตำแหน่งในปีนี้

โดย Google เตรียมจะลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ในรัฐแคลิฟอร์เนียบ้านเกิดบริษัทในปีนี้ และได้วางแผนที่จะขยายสำนักงานอื่น ๆ รวมถึงการเพิ่มตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งในแอตแลนตา, วอชิงตัน ดี.ซี., ชิคาโก และนิวยอร์ก

ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่า ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเติบโตขึ้นในช่วงที่มีการระบาดใหญ่และกำลังเพิ่มคนงานหลายพันคน แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจำต้องปลดพนักงานหรือแม้กระทั่งปิดตัวลง เเละเทขายอาคารสำนักงาน ทำให้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถที่จะ ฉวยโอกาส ในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์โดยไม่คำนึงว่าพวกเขามีแผนระยะยาวสำหรับการเปลี่ยนไปทำงานระยะไกลมากขึ้นในอนาคตหรือไม่

อ่านต่อ : Google เล็งเพิ่มพื้นที่สำนักงานเป็น ‘สองเท่า’ แม้จะมีนโยบาย Work from Home ก็ตาม

 

ที่มา : Financial Times , Reuters 

]]>
1324275
ยาว ๆ ไป ‘Google’ ประกาศ Work from Home ถึงเดือนกันยายน พร้อมเล็งให้เข้าออฟฟิศ 3 วัน/สัปดาห์ในอนาคต https://positioningmag.com/1310485 Tue, 15 Dec 2020 11:57:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1310485 ก่อนหน้านี้อากู๋ ‘Google (กูเกิล)’ ได้ให้พนักงานกว่า 200,000 คนสามารถทำงานที่บ้านหรือ Work from Home ยาวตั้งแต่มีการระบาด COVID-19 ใหม่ ๆ ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2564 และเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ไม่ดีขึ้น ทำให้ Google ประกาศว่าจะกลับมาทำงานที่ออฟฟิศอีกทีในเดือนกันยายน

ไม่ใช่แค่การ Work from Home ยาว ๆ แต่ Sundar Pichai CEO ของ Google ระบุว่า ในอนาคตบริษัทมีแนวคิดที่จะทดสอบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยอาจจะให้พนักงานทำงานอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ในออฟฟิศเพื่อการทำงานร่วมกันกับเพื่อนพนักงาน ส่วนวันที่เหลือให้ทำที่บ้าน

ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล (ภาพจากรอยเตอร์)

อย่างที่ทราบกัน Google ไม่ใช่บริษัทเดียวในการกำหนดตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น โดยในเดือนตุลาคม Dropbox ได้ประกาศแผนการที่จะกลายเป็น ‘virtual first’ นั่นหมายความว่าพนักงานเกือบ 3,000 คนของบริษัท จะยังคงทำงานจากระยะไกลเกือบตลอดเวลา แต่บางครั้งก็จะเข้าทำงานในสำนักงานเพื่อทำงานร่วมกันและสร้างทีม และเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกนี้ บริษัทจะปรับปรุงสำนักงานใหม่โดยเปลี่ยนเป็นสำนักงานที่เรียกว่า ‘Dropbox Studios’

Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook กล่าวในเดือนพฤษภาคมว่า พนักงานของบริษัทมากถึง 50% สามารถทำงานจากระยะไกลได้ภายใน 5 – 10 ปี ในขณะที่ Twitter ได้กล่าวว่า พนักงานบางคนที่ต้องการทำงานจากที่บ้านอย่างถาวรก็สามารถทำได้

(Photo by David Ramos/Getty Images)

Source

]]>
1310485
ปิ๊งไอเดีย Amusement Workation เมื่อพนักงานญี่ปุ่นใช้ “สวนสนุก” เป็นที่ทำงานในยุค COVID-19 https://positioningmag.com/1301870 Fri, 16 Oct 2020 09:15:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301870 การเเพร่ระบาดของ COVID-19 เปลี่ยนรูปแบบการทำงานของคนทั่วโลก ตอนนี้เริ่มขยับจาก Work from home ทำงานจากที่บ้าน มาเป็น Work from anywhere ทำงานจากทุกที่กันมากขึ้น เป็นโอกาสในวิกฤตของผู้ประกอบการที่จะนำเสนอบริการต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการใหม่นี้

ล่าสุด โยมิอุริแลนด์ (Yomiuriland) สวนสนุกแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ปิ๊งไอเดียเสนอเเพ็กเกจ “Amusement Workation” นั่งทำงานในสวนสนุก หลังเริ่มมีกระเเสพนักงานในญี่ปุ่น หันมาใช้สวนสนุกเป็นออฟฟิศเเนวใหม่มากขึ้น

โดยทางโยมิอุริแลนด์ มีจะการเปิดพื้นที่ให้พนักงานออฟฟิศหรือฟรีเเลนซ์ต่างๆ มาเปลี่ยนบรรยากาศทำงานนอกสถานที่ สามารถนั่งทำงานติดกับสระน้ำ คุยงานในบ้านผีสิง ทำงานที่สนามกอล์ฟหรือนั่งชิงช้าสวรรค์ ก็มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต Wi-Fi แบบพกพาคอยให้บริการอย่างทั่วถึง

จากการสำรวจของ Reuters เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า เเม้ปกติเเล้วโครงสร้างของบริษัทญี่ปุ่นมักจะให้พนักงานเดินทางมาทำงานในออฟฟิศทั่วไป เเต่หลังจากเกิดโรคระบาด มีเพียง 1 ใน 3 ของบริษัทในญี่ปุ่นเท่านั้นที่ยังคงให้พนักงานไปทำงานที่สำนักงาน ส่วนอีก 65% เสนอให้ทำงานจากบ้านได้ 

Tatsuki Yamamoto ประธานบริษัทไอที FLEQ วัย 47 ปี กล่าวระหว่างนั่งทำงานบนเก้าอี้ข้างสระน้ำในสวนสนุกว่า เขาชอบทำงานนอกสถานที่มาก เเละมองว่าแผนการที่ดีที่ทำให้รู้สึกสนุกในการทำงานมากขึ้น ส่วนพนักงานในบริษัทของเขาก็ชอบทำงานนอกสถานที่เช่นกัน

Photo : Reuters / Kim Kyung-Hoon

Yamamoto เล่าอีกว่า เขาได้ลองทำงานบนชิงช้าสวรรค์ที่เคลื่อนไปช้าๆ เวลามีประชุมทางวิดีโอ เพื่อให้เพื่อนร่วมงานได้ชมบรรยากาศด้านบนไปกับเขาระหว่างประชุมด้วย เเต่บางครั้งก็รู้สึกว่ามันก็ยากอยู่เหมือนกันที่จะตั้งใจโฟกัสกับงานเมื่อได้เห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ ด้านบนนั้น “ผมไม่รู้ว่าจะเพลิดเพลินไปกับวิวสวยๆ หรือสนุกกับทำงานดี”

สำหรับเเพ็กเกจ Amusement Workation ของสวนสนุกโยมิอุริแลนด์ สนนราคาอยู่ที่ 1,900 เยน หรือราว 560 บาท ต่อวันต่อคนในวันธรรมดา และ 2,000 เยน หรือราว 600 บาท ในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สามารถเลือกพิกัดทำงานได้ทั้งริมสระ นั่งชิงช้าสวรรค์ ในบ้านผีสิง และสนามไดรฟ์กอล์ฟก็เปิดให้ซ้อมตีได้อีกด้วย

โดยทางสวนสนุกบอกว่า ตอนนี้มีลูกค้าชาวญี่ปุ่นนับสิบคน ตั้งใจมาเพื่อเข้าไปทำงานบนรถไฟเหาะตีลังกา หรือไปเปลี่ยนสร้างความตื่นเต้นในบ้านผีสิง

จากสถานการณ์ COVID-19 ระบาดทั่วโลก ทำให้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ต้องใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง ซึ่งทำให้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบด้วย โดยตอนนี้บรรดา “สวนสนุก” หลายแห่งเลือกที่จะหาลู่ทางใหม่เพื่อดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาใช้บริการในสวนสนุกเเทนการมาท่องเที่ยวปกติที่ลดลง

(Photo : Shutterstock)

ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นมีโจทย์ใหญ่ไม่แพ้ไทยในการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว แต่เมื่อคนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมรักงานสูง ทำให้รัฐพยายามกระตุ้นเทรนด์ “Workation” ให้พนักงานทำงานไปด้วยระหว่างท่องเที่ยว เพื่อยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว พนักงานยังได้ทำงานอยู่ ขณะที่โรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวมีรายได้พยุงตัว

วิถีการ “Workation” ก็คือการนำงานไปทำระหว่างท่องเที่ยว อาจจะแบ่งเวลาทำงานสัก 4 ชั่วโมงต่อวัน เวลาที่เหลือออกไปท่องเที่ยวใช้จ่ายในพื้นที่ ทำให้พนักงานได้พักผ่อนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดน้อยลงที่ออกมาอยู่นอกออฟฟิศ เพราะยังรับผิดชอบงานของตัวเองอยู่

กลุ่มเป้าหมายหลักกลุ่มหนึ่งที่รัฐมุ่งเน้นคือ “รีสอร์ตบ่อน้ำพุร้อน” หรือ “ออนเซ็น” นั่นเอง โดยรัฐมีแพ็กเกจ ช่วยเหลือทางการเงินแก่กลุ่มออนเซ็นให้นำไปติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ จากปกติโรงแรมประเภทนี้มักจะรักษาความเก่าแก่โบราณไว้ ทำให้ไม่มีเทคโนโลยีรองรับมากนัก แนวความคิดการเปลี่ยนออนเซ็นให้ทันสมัยขึ้นเพื่อให้เมืองออนเซ็นเป็นออฟฟิศย่อยแก่พนักงานตลอดปีนี้ ช่วยรักษาเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยวไม่ให้ย่ำแย่ลง

อ่านต่อ : “Workation” เที่ยวไปทำงานไป กลยุทธ์ใหม่ที่รัฐบาลญี่ปุ่นหวังช่วยกระตุ้นภาคท่องเที่ยว

 

ที่มา : Reuters

 

 

]]>
1301870
เทรนด์ Work from Home ดันธุรกิจ “ค้าปลีกไอที” ของออสเตรเลีย ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ https://positioningmag.com/1292963 Mon, 17 Aug 2020 13:25:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1292963 สองยักษ์ใหญ่ค้าปลีกไอทีของออสเตรเลีย ทำผลกำไรประจำปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังผู้คนเแห่ซื้อคอมพิวเตอร์ หน้าจอเเละเเกดเจ็ตต่างๆ เมื่อต้อง “Work from Home” ทำงานจากที่บ้านในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19

ยอดขายที่เติบโตเเบบก้าวกระโดดของ JB Hi-Fi ค้าปลีกไอที ผู้ครองตลาดอันดับ 1 ในออสเตรเลีย รวมถึงค้าปลีกออนไลน์เจ้าดังอย่าง Amazon เเละ Kogan สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนเเปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมหลายแห่ง ต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อพยุงธุรกิจให้อยู่รอด

ท่ามกลางช่วงวิกฤต COVID-19 ผู้คนจำนวนมากต้องตกงาน อีกมุมหนึ่งผู้คนที่ต้องทำงานจากบ้านเเละกลุ่มคนที่ต้องหาความบันเทิงในช่วงล็อกดาวน์ กลับมีการใช้จ่ายมากขึ้นในสินค้าเทคโนโลยี

JB Hi-Fi เผยว่า มีผลกำไรประจำปีเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ที่ 332.7 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 7.4 พันล้านบาท) ทะลุเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ราว 265-270 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 5.7- 6 พันล้านบาท) ตั้งเเต่ช่วงก่อนโรคระบาด จากผลประกอบการดังกล่าว ทำให้มียอดเงินปันผลเพิ่มขึ้นถึง 75%

ด้าน Kogan ไม่ได้ระบุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่มีกำไรสุทธิในช่วงดังกล่าวพุ่งสูงถึง 56% และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 66%

ลูกค้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยให้ความสำคัญกับสินค้าที่จำเป็นต่อการทำงานและการเรียนจากบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีเงินสดเหลืออยู่ในมือ เพราะพวกเขาไม่สามารถนำเงินไปใช้ในการท่องเที่ยวได้ในช่วงนี้  Richard Murray ซีอีโอของ JB Hi-Fi กล่าว

ด้านสถานการณ์ COVID-19 ออสเตรเลียตอนนี้ยังมีความกังวลอยู่มาก เเม้จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ภายในประเทศเเล้ว เเต่ก็ยังต้องปิดพรมเเดนระหว่างประเทศ โดยรัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีประชากรมากถึงหนึ่งในสี่ของชาวออสเตรเลีย 25 ล้านคนก็กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะมีการระบาดระลอก 2

 

ที่มา : News.com.au , CNA

]]> 1292963 เยอรมนี ผลักดัน Work from Home เป็นสิทธิแรงงานตามกฎหมาย แม้จะผ่านช่วง COVID-19 https://positioningmag.com/1275785 Tue, 28 Apr 2020 08:48:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275785 เยอรมนี เตรียมผลักดันกฎหมายให้ “Work from Home” หรือการทำงานที่บ้าน เป็นสิทธิเเรงงานที่ได้รับการคุ้มครองอย่างถูกกฎหมาย เเม้ว่าจะเป็นช่วงหลังผ่านพ้นการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ไปเเล้วก็ตาม

Hubertus Heil รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntag ว่าเขาเริ่มจะผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อให้เเรงงานที่ได้รับการอนุมัติจากผู้จ้างงานสามารถทำงานที่บ้านได้ทั้งแบบบางวันหรือทุกวัน

โดยจะช่วยให้พนักงานชาวเยอรมัน เลือกได้ว่าพวกเขาต้องการทำงานจากที่บ้าน 1-2 วันต่อสัปดาห์หรือทั้งสัปดาห์ก็ได้ หากบริษัทของพวกเขาอนุญาตให้ทำเช่นนั้น

“กฎหมายนี้จะมีการป้องกันไม่ให้การทำงานที่บ้าน ไปลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเเละโฮมออฟฟิศจะต้องมีเวลาเลิกงาน เเละต้องไม่ใช่เวลา 22.00 น. อย่างเเน่นอน”

ทั้งนี้ ในช่วงการควบคุมการเเพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โรงเรียนเเละสถานศึกษาถูกสั่งปิด ขณะที่บริษัทส่วนใหญ่สนับสนุนให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ทำให้ตอนนี้ชาวเยอรมันทำงานเเบบ Work from Home เพิ่มขึ้นเป็น 25% จากก่อนหน้านี้ที่มีอยู่ราว 12% โดยล่าสุดเยอรมนีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 แล้วเกือบ 6,000 ราย และมียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 157,000 ราย

ด้าน Olaf Scholz รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนี ก็ได้สนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน “หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มีความเป็นไปได้มากเพียงใดที่เราจะทำงานที่บ้าน นี่คือความสำเร็จที่เราไม่ควรละทิ้ง”

อย่างไรก็ตาม เเนวคิดนี้ไม่ค่อยถูกใจนายจ้างมากนัก โดยสมาคมนายจ้างเยอรมัน ออกมาเเสดงความเห็นว่า “ไม่เห็นด้วย” เพราะกฎระเบียบใหม่คือสิ่งสุดท้ายที่เศรษฐกิจยามย่ำเเย่ต้องการ

ขณะที่ Katrin Goering-Eckardt ผู้นำรัฐสภาฝ่ายค้านจากพรรค Greens สนับสนุนการให้สิทธิทำงานที่บ้าน เเต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่ารัฐบาลต้องรับประกันว่าจะมี “อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง” ให้ทุกคนด้วย

“การทำงานที่บ้านหรือทำงานผ่านทางโทรศัพท์ จะต้องเป็นความสมัครใจและต้องมีกฎชัดเจน ต้องไม่มีใครถูกบังคับให้ทำ และการทำงานที่บ้านไม่ควรนำไปสู่การทำงานเเบบไร้ข้อจำกัด”

 

ที่มา : Reuters , thelocal

]]>
1275785
10 แนวทางรักษา ‘คุณภาพงาน’ และขจัด ‘สิ่งรบกวน’ ในช่วง ‘Work from Home’ https://positioningmag.com/1275604 Mon, 27 Apr 2020 13:11:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275604 ประโยชน์ของการ Work from Home นั้นมีมากมาย ทั้งไม่จำเป็นต้องไปเจอกับการจราจรที่แสนติดของกรุงเทพฯ, แต่งตัวแต่งหน้ายังไงก็ได้ แต่… “พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่” ดังนั้นความท้าทายของการทำงานที่บ้านคือ ‘ความรับผิดชอบ’ จึงจำเป็นต้องหาวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ตัวเองให้มีประสิทธิภาพและมีสติ เราไปดู 10 แนวทางที่จะช่วยให้รักษาคุณภาพของผลงานแม้จะทำงานอยู่บ้านก็ตาม

1.กำหนดการพักให้เหมือนปกติ

อาจเป็นความคิดที่ดีที่บังคับตัวเองให้ทำงานให้มากที่สุด แต่วิทยาศาสตร์ไม่เห็นด้วย เพราะการ ‘พัก’ จะช่วยลดความเครียดได้และช่วยให้สมองของเราเติมพลัง ดังนั้นอาจลองใช้เทคนิค Pomodoro เพื่อกำหนดช่วงเวลาการหยุดพัก เช่น ทำงาน 25 นาทีจากนั้นพัก 5 นาที ทำ 4 ครั้ง เมื่อครบแล้วก็พักยาว 10-30 นาทีเพื่อมาลุยงานอีกครั้ง วนไปจนกว่าวันทำงานจะสิ้นสุด

2.กำหนดเวลาที่เหมาะกับสมองของคุณเอง

สิ่งนี้อาจเป็นเรื่องยุ่งยากหากเราต้องทำงานกับทีม ซึ่งต้องทำงานตามกำหนดเวลาของคนอื่น แต่ถ้าไม่ เราก็สามารถจัดเวลาให้เหมาะกับตัวเองได้เลย อาทิ บางคนจะทำงานได้ดีในช่วงเช้า ดังนั้นอาจจะปิดกั้นทุกการแจ้งเตือนต่าง ๆ เพื่อโฟกัสกับงาน

3.พักทานอาหารกลางวันจริง ๆ (ไม่ข้าม!)

การพักทานอาหารกลางวันอย่างแท้จริงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติมพลังให้กับตัวเอง เพราะจะช่วยทำให้แน่ใจได้ว่าเราได้รับสารอาหารเพิ่มเพื่อให้สมองของเรามีพลังสูงสุด แต่พอทำงานที่บ้านเราอาจจะทานอาหารไม่ตรงเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องบังคับให้เป็นกิจวัตร

4.วางแผนรายการที่ต้องทำและกำหนดเวลาล่วงหน้า

การทำงานจากที่บ้านมักมีเรื่องที่ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายได้ ดังนั้น วิธีที่ยอดเยี่ยมในการลดความบ้าคลั่งให้เหลือน้อยที่สุดคือ การวางแผนวันล่วงหน้าพร้อมรายการสิ่งที่ต้องทำ ด้วยวิธีนี้เราสามารถให้ความชัดเจนว่าจะไปทำอะไรก่อนหลังและการรู้ล่วงหน้าจะช่วยให้เรามีความพร้อมทางด้านจิตใจมากขึ้น

5.ระวังพฤติกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ

หากเป็นคนประเภทที่พบว่าตัวเองต้องเลื่อน Instagram 10 ครั้งต่อวันหรือนั่งเฝ้า Facebook ดังนั้น หนึ่งในสิ่งที่จำเป็นของการ Work from Home คือ ลดความฟุ้งซ่านของตัวเอง โดยล็อกเอาต์ออกจากบัญชี Social ทั้งหมดของเราบนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ในช่วงเริ่มต้นของวันทำงาน และหวังว่าจิตจะแข็งพอที่จะไม่ล็อกอินกลับเข้าไป แต่อย่างน้อย ๆ ช่วงที่ต้องกรอก Username และ Password ก็น่าจะช่วยดึงสติได้บ้าง

6.เลือกเพลงที่เหมาะ

มีงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นว่าดนตรีสามารถช่วยเร่งความเร็วในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในระดับพื้นฐานที่สุด เพลงจะช่วยเพิ่มอารมณ์ของเรา ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อให้ทำงานได้อย่างลื่นไหล และยังมีงานวิจัยที่แสดงว่า สมองของเราจะใช้เวลาโฟกัสได้ง่ายขึ้นเมื่อมีซาวด์แทร็กที่ถูกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับดนตรีบรรเลงที่ไม่มีเนื้อเพลง รวมถึงเพลงที่คุ้นเคยที่คุณเคยได้ยินมาก่อน

7.ล็อกเวลาดูแลตนเอง 30 นาทีทุกวัน

เลือกสิ่งที่ทำให้มีความสุขสดชื่นและมีพลังมากที่สุดและพยายามให้ตัวเอง 30 นาทีต่อวัน อาทิ ออกไปเดินเล่นยืดกล้ามเนื้อ, อ่านหนังสือหรือชมภาพยนตร์หรือการแสดงที่คุณสนใจ, สำรวจงานอดิเรกใหม่ ๆ ที่คุณอยากลอง, โทรหาคนที่คุณรักหรือแค่เพียงนอนบนเตียงและจ้องมองเพดาน

8.ขอความช่วยเหลือได้ถ้าจำเป็น

บางทีการทำงานที่บ้าน เราอาจจะกดดันตัวเองมากเกินไปเพราะไม่มีใครให้เดินไปปรึกษาง่าย ๆ หรือมีทีมคอยช่วยเหลือ ดังนั้น เราสามารถขอความช่วยเหลือได้ นี่ไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ แต่เป็นสัญญาณของการทำงานเป็นทีม

9.บอกถึงช่วงเวลาการทำงานให้คนอื่นในบ้าน

การทำงานจากที่บ้าน แน่นอนว่าต้องเผชิญกับเด็ก ๆ หรือสมาชิกในครอบครัวซึ่งมันทำให้การทำงานเป็นไปได้ยากขึ้น ดังนั้นอาจจะต้องแจ้งครอบครัวล่วงหน้า เพื่อจะสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น

10.ให้เครดิตกับตัวเอง!

บางครั้งคุณรู้สึกผิดที่ทำงานได้ไม่ดีพอ นี่คือส่วนสำคัญของการเรียนรู้วิธีการทำงานจากที่บ้านให้ประสบความสำเร็จ คือต้องมีความยืดหยุ่นและให้เครดิตกับตัวเองสำหรับงานที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดที่ทำ

อย่างไรก็ตาม เราอาจะต้องลองผิดลองถูก ลองผสมผสานระหว่างความรู้และการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง เพื่อหาวิธีที่จะช่วยเหลือเองในแบบที่ทำให้เราสบายใจ มีความสุขและสามารถทำงานให้เสร็จได้

Source

]]>
1275604