ทำงานออนไลน์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 08 Apr 2020 05:34:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไต้หวัน สั่งห้ามหน่วยงานรัฐ ประชุมออนไลน์ผ่าน Zoom จากความกังวลเรื่องความปลอดภัย https://positioningmag.com/1272181 Wed, 08 Apr 2020 03:47:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1272181 รัฐบาลไต้หวัน เเจ้งต่อหน่วยงานของรัฐให้เลิกใช้งาน Zoom เเอปพลิเคชันประชุมผ่านวิดีโอที่กำลังฮอตฮิตในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 หลังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

จำนวนผู้ใช้ Zoom เพิ่มขึ้นเเบบก้าวกระโดดเป็นมากกว่า 200 ล้านคน ตั้งแต่เดือน มี.ค. เมื่อผู้คนทั่วโลกต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต ทำงานเเบบ Work from Home เเละเหล่านักเรียนนักศึกษาต้องเรียนผ่านวิดีโอออนไลน์

“หน่วยงานใดที่ต้องการประชุมผ่านวิดีโอออนไลน์ ไม่ควรใช้งานแอปพลิเคชันของบริษัทที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย เช่น Zoom” คณะรัฐมนตรีไต้หวันระบุในแถลงการณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน
ว่าเหตุใดถึงห้ามใช้

หลังจากนั้นทางกระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน ยืนยันว่ามีคำสั่งห้ามใช้ Zoom สำหรับการเรียนการสอนออนไลน์แล้ว โดยไต้หวันถือเป็นหนึ่งในรัฐบาลรายแรกๆ ของโลกที่แนะนำอย่างเป็นทางการให้หลีกเลี่ยงการใช้ Zoom ก่อนหน้านี้ FBI หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ก็มีคำเตือนให้ระวังการใช้แอปพลิเคชันนี้เช่นกัน

Zoom กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้ในเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย เช่น ไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ซึ่งอาจจะทำให้โดนดักฟังหรือสอดเเนมข้อมูล อีกทั้งยังมีปัญหา Zoom-bombing ที่มี “แขกไม่ได้รับเชิญ” ปรากฏตัวออกมาระหว่างการประชุมออนไลน์ เป็นต้น

ด้าน “เอริค หยวน” ซีอีโอของ Zoom Video Communications Inc. ได้ออกมากล่าวขอโทษต่อผู้ใช้ในข้อบกพร่องต่างๆ เเละบอกว่าทีมงานของบริษัทกำลังเร่งพัฒนาเเละแก้ไขปัญหาเหล่านี้

แพลตฟอร์มประชุมทางไกล Zoom

การเเข่งขันเพื่อชิงตลาดของแอปพลิเคชันประชุมทางไกลกำลังดุเดือด เมื่อ Zoom ต้องเจอคู่แข่งรายใหญ่ที่ก่อตั้งมานานอย่าง WebEx ของ Cisco, Google Hangouts และ Microsoft Teams เเต่ด้วยความที่ Zoom ใช้งานง่ายจึงทำให้เข้าถึงผู้คนได้มากกว่าในช่วงวิกฤต COVID-19 เช่นนี้ โดย Zoom ได้กลายมาเป็นหนึ่งในแอปฯ ที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดบน App Store

หลังถูกตั้งคำถามเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน ทำให้วานนี้ (7 เม.ย.) ราคาหุ้นของ Zoom ลดลงถึง 7% คิดเป็นการเสียมูลค่าตลาดเกือบ 1 ใน 3 นับตั้งแต่ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นมาอย่างมากในช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
โดย Zoom เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ เมื่อเดือนเมษายน 2562 และเป็นหนึ่งในหุ้นไม่กี่ตัวที่รอดพ้นหายนะทางเศรษฐกิจจากไวรัส COVID-19

Bloomberg รายงานว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นของ Zoom ก่อนหน้านี้ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ “อีริค หยวน” ชาวจีนผู้ก่อตั้งบริษัท Zoom เพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เขามีทรัพย์สินสุทธิรวม 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ แล้วในปี 2563 และเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 274 ของโลก

ที่มา : Reuters

]]>
1272181
รู้จัก “อีริค หยวน” เจ้าของ Zoom แพลตฟอร์มมาแรงเมื่อโลกต้อง Work from Home https://positioningmag.com/1270996 Tue, 31 Mar 2020 15:44:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1270996 เมื่อโลก (ถูกบังคับให้) เปลี่ยนมา Work from Home สารพัดเทคโนโลยีการประชุมและทำงานออนไลน์จึงถูกนำมาใช้ โดยหนึ่งในแพลตฟอร์มมาแรงที่หลายบริษัทเลือกใช้คือ “Zoom” แพลตฟอร์มนี้ก่อตั้งโดย “อีริค หยวน” ชายชาวจีนผู้อพยพไปสร้างเนื้อสร้างตัวที่สหรัฐอเมริกา และกลายเป็นมหาเศรษฐีในวัย 50 ปี

Zoom เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ เมื่อเดือนเมษายน 2562 และเป็นหนึ่งในหุ้นไม่กี่ตัวที่รอดพ้นหายนะทางเศรษฐกิจจากไวรัส COVID-19 ด้วยได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการที่บริษัทต่างต้องปิดสำนักงานและให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ส่งให้ Zoom เป็นหนึ่งในลิสต์รายชื่อแพลตฟอร์มประชุมทางไกล ที่ออฟฟิศทั่วโลกเลือกใช้ (นอกจากแอปฯ นี้ยังมีแพลตฟอร์มเด่นๆ อื่น เช่น MS Teams, Hangout, Lark, Slack เป็นต้น)

ข้อมูลจาก Apptopia ระบุว่า จากปกติที่แอปฯ Zoom จะมียอดดาวน์โหลดเฉลี่ย 1 แสนครั้งต่อวัน ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 3.4 แสนครั้งต่อวันแล้ว

ในแง่ราคาหุ้น นับตั้งแต่เปิดปี 2563 ถึงปัจจุบัน (30 มีนาคม 2563) หุ้นของ Zoom พุ่งขึ้นถึง 121% ราคาวันนี้อยู่ที่ 150.88 เหรียญสหรัฐ เทียบกับดัชนีตลาดหุ้น NASDAQ ที่ร่วงลง -14.5% ในช่วงเดียวกัน โดยหุ้น Zoom เริ่มไต่กราฟขึ้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และพุ่งขึ้นแรงตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม

เห็นได้ชัดว่าราคาหุ้น Zoom แปรผันตามสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 โดยรีวิวจากผู้ใช้หลายคนเห็นตรงกันว่า Zoom มีจุดเด่นสำคัญที่ทำให้บริษัทเลือกใช้คือมีความเสถียรระหว่างใช้ เพราะกินแบนด์วิธต่ำ ไม่จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็ใช้งานได้ และมีฟีเจอร์เปลี่ยนฉากหลังเป็นอะไรก็ได้ เพื่อปิดบังว่าตนเองอยู่ที่ไหนหรือปิดห้องรกๆ ไม่น่ามอง

แพลตฟอร์มประชุมทางไกล Zoom

Bloomberg รายงานว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นของ Zoom ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ “อีริค หยวน” ผู้ก่อตั้งบริษัท Zoom เพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เขามีทรัพย์สินสุทธิรวม 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ แล้วในปี 2563 และเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 274 ของโลก

Positioning ขอชวนคุณมารู้จักมหาเศรษฐีหน้าใหม่วัย 50 ปีคนนี้ว่าเขาเป็นใคร และบริษัท Zoom กำลังเติบโตมากแค่ไหน!

 

อีริค หยวน ถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ถึง 8 ครั้ง

ทศวรรษ 1990s อีริคยังเป็นนักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ประยุกต์ ของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซานตงในจีนแผ่นดินใหญ่ เขาได้ฟัง บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft กล่าวถึง “อินเทอร์เน็ต” แรงบันดาลใจจากการฟังเกตส์ทำให้อีริคมุ่งมั่นจะเข้าทำงานในซิลิคอน วัลเลย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

แต่เขาต้องพิสูจน์ความมุ่งมั่นอย่างมากเมื่อวีซ่าของเขาถูกปฏิเสธถึง 8 ครั้ง กว่าจะเป็นผลสำเร็จก็เมื่อยื่นขอเป็นครั้งที่ 9 ในที่สุดอีริคได้เดินทางไปสหรัฐฯ ในปี 1997 โดยที่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง แต่เขามีความเชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำให้เขาได้งานในบริษัท WebEx บริษัทซอฟต์แวร์การประชุมทางไกล

อีริคยังทำงานในบริษัทนี้อยู่เมื่อ Cisco เข้าเทกโอเวอร์ WebEx ในปี 2007 ถึงจุดนี้เขาก็ได้รับตำแหน่งระดับสูงเป็นรองประธานกรรมการฝ่ายวิศวกรรมเพื่อกำกับดูแล WebEx ต่อไป

 

ลูกค้าไม่แฮปปี้ ออกมาทำเองดีกว่า

หลังจากขึ้นตำแหน่ง VP ทำให้อีริคได้พูดคุยกับลูกค้ามากขึ้น และเขาพบว่าลูกค้าไม่พึงพอใจในบริการของ WebEx โดยอีริคกล่าวว่า แพลตฟอร์มของ WebEx เริ่มรันโปรแกรมช้า คุณภาพเสียงและวิดีโอไม่ดีนัก และยังไม่มีระบบ screen-sharing (เปิดหน้าจอของเราให้ผู้อื่นดูด้วย) เมื่อใช้บนสมาร์ทโฟน เขาพยายามแล้วที่จะกล่อมให้ WebEx พัฒนาโปรแกรมใหม่แต่ไม่เป็นผล

อีริค หยวน ขึ้นเป็นวิทยากรในงาน Dropbox Work In Progress Conference ปี 2019 (photo: Matt Winkelmeyer/Getty Images for Dropbox)

สุดท้ายอีริคจึงตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะสละเงินเดือนหลักแสนเหรียญและลูกน้อง 800 คน ณ ขณะนั้น เพื่อออกมาเปิดสตาร์ทอัพของตนเองเมื่อปี 2011 ลูกน้องวิศวกรของเขาที่ Cisco ลาออกตามมานับ 40 คน

 

ศรัทธาในตัวอีริคเท่านั้นที่ทำให้นักลงทุนยอมจ่าย

เรื่องยากประการต่อมาคืออีริคต้องหาแหล่งเงินทุนให้ได้ ในขณะที่ยุคนั้นมีทั้ง Cisco, Microsoft, Google ที่ทำระบบประชุมทางไกลในตลาดอยู่แล้ว เมื่อต้องชนกับยักษ์ใหญ่ คนที่ยอมลงทุนกับเขาตั้งแต่ Seed Stage คือคนที่เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของอีริค หยวน หนึ่งในนั้นคือ ซูบราห์ ไอยาร์ อดีตซีอีโอ WebEx ที่ควักกระเป๋าให้ 3 ล้านเหรียญ

แต่เดิมอีริคจะให้ชื่อแอปฯ นี้ว่า Saasbee แต่ Maven Ventures หนึ่งใน VC ที่ลงทุนกับเขาตั้งแต่ช่วงแรกมองว่าเป็นชื่อที่ “ห่วยมาก” และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า Zoom

ในที่สุดแอปฯ Zoom เปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 ใช้เวลาเพียง 2 ปีโกยผู้ใช้ไป 40 ล้านคนจากการใช้โมเดล ‘ฟรีเมียม’ คือให้ผู้บริโภคใช้ฟรีแต่มีฟีเจอร์ที่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม (ยังเป็นโมเดลนี้อยู่ถึงปัจจุบัน) บริษัทค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปี 2018 บริษัททำรายได้ไปถึง 330 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีพนักงานกว่า 1,700 คน

 

เขานัดพบทุกคนผ่าน Zoom

อาจไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนักที่เจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ประชุมทางไกลจะไม่ค่อยมาเจอใครตัวต่อตัว เขากลับไปจีน 3 ปีต่อครั้ง แม้ว่าจะมีลูกน้องวิศวกรอยู่ที่นั่นนับร้อยคน เมื่อเขาระดมทุนจาก VC แห่งใด เขาไปเจอนักลงทุนแค่ครั้งแรกครั้งเดียวและจัดแจงเซ็ตระบบ Zoom ให้ ทำให้ในรอบ 5 ปี อีริคเคยเดินทางไปทำงานนอกเมืองหรือนอกประเทศแค่ 8 ครั้ง ที่เหลือนั้นเขากระตุ้นให้ทุกคนรอบตัวดาวน์โหลดแอปฯ Zoom มาใช้คุยกับเขา

 

ในยุคแรก เขาตอบอีเมลลูกค้าด้วยตนเอง

ช่วงแรกของแอปฯ Zoom บริษัทยังไม่มีทีมการตลาดโดยเฉพาะ พวกเขาพึ่งพาการบอกปากต่อปากของลูกค้า และอีริคต้องการให้แอปฯ นี้พัฒนาตามความต้องการของลูกค้าจริงๆ เขาจึงมีส่วนร่วมในทุกกระบวนการบริการลูกค้า เขายังไล่อ่านและตอบอีเมลลูกค้าที่เขียนมาบ่นและต้องการจะยกเลิกใช้บริการด้วยตนเองจนถึงช่วงปี 2015

ส่วนยุคนี้ Zoom กำลังบุก Twitter เต็มพิกัด รีทวีตผู้ใช้ที่โพสต์ภาพหรือวิดีโอการใช้งาน Zoom ของพวกเขา

 

ไล่กวาดลูกค้ารายใหญ่และขยายไปทั่วโลก

ปัจจุบันแอปฯ Zoom มีฐานลูกค้าองค์กร 50,000 บริษัท ลูกค้าหลักนั้นอยู่ในสหรัฐฯ โดยมีบริษัทใหญ่ๆ ที่ใช้งาน เช่น Samsung, Uber, Walmart, Ford, Tesla บริษัทยังกล่าวด้วยว่า ครึ่งหนึ่งของบริษัท Top 500 ของสหรัฐฯ ใช้บริการ Zoom แบบชำระค่าสมาชิกอย่างน้อย 1 บัญชี

อย่างไรก็ตาม ในภาพระดับโลก Zoom ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก โดยมีองค์กร 18% ทั่วโลกที่ใช้ Zoom หลังจากเข้าตลาดหุ้นแล้วทำให้บริษัทมุ่งขยายตัวในระดับโลกมากขึ้น โดยมีประเทศเป้าหมาย เช่น แคนาดา อังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย

เรื่องแปลกก็คือ Zoom ยังไม่บุกจีนแผ่นดินใหญ่เต็มตัว แม้ว่าจะมีวิศวกรถึง 500 คนทำงานจากจีน เพราะอีริคมองว่าตลาดจีนยังไม่แน่นอนนักสำหรับธุรกิจซอฟต์แวร์องค์กรแบบนี้

 

ฝันที่จะเป็น Cisco หรือ Facebook

อีริคมองเป้าหมายว่าบริษัทเขาสามารถใหญ่เทียบเท่า Cisco หรือ Facebook นั่นแปลว่าบริษัทเขาต้องให้บริการมากกว่าแพลตฟอร์มประชุมทางไกลหรือโทรศัพท์ออนไลน์แบบทุกวันนี้

มีการคาดการณ์ว่า Zoom อาจจะขยายเพิ่มบริการแชท ถังเก็บข้อมูลกลาง ไปจนถึงการวิเคราะห์ดาต้าที่เก็บได้จากการใช้งาน เช่น วิเคราะห์ได้ว่าควรแชทหรือโทรฯ เวลาไหนจึงจะเหมาะสม หรือวิเคราะห์แพตเทิร์นการพูดคุยได้ว่าการตอบโต้ลักษณะนี้แปลว่าคุณกำลังจะปิดดีลได้

 

Source: India Times, Forbes, Fortune

]]>
1270996
ตัวช่วย Work from Home ส่องฟีเจอร์เด่นใน “Lark” เเพลตฟอร์มทำงานออนไลน์ เปิดให้ใช้ฟรี https://positioningmag.com/1270451 Fri, 27 Mar 2020 09:14:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1270451 การเเพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ภาคธุรกิจเเละสถาบันการศึกษาต้องปรับวิธีการทำงานกันถ้วนหน้า พนักงานหลายคนซึ่งปกติทำงานในออฟฟิศ ตอนนี้ต้องทำงานเเบบ “Work from Home” จากที่บ้าน ทั้งการประชุม ส่งรายงาน ทำโปรเจกต์ เเละติดต่อลูกค้า การมีเทคโนโลยีเข้ามาเเบ่งเบาภาระเเละช่วยให้ทำงานได้อย่างราบรื่น เป็นสิ่งที่เรากำลังมองหา

วันนี้เราจะพามารู้จักกับ “Lark” แพลตฟอร์มทำงานออนไลน์ที่เน้นการทำงานแบบรีโมตร่วมกัน ที่เพิ่งประกาศให้ใช้ได้ “ฟรี” ในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เพื่อรองรับ
การเชื่อมต่อถึงกันได้ในช่วงการระบาดของไวรัส

Joey Lim หัวหน้าฝ่าย Commercial ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Lark บอกว่าในสถานการณ์เช่นนี้ การเข้าถึงเครื่องมือการทำงานร่วมกันทางดิจิทัลจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น Lark ที่จะมอบบริการนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้องค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ สามารถทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีต้นทุนเพิ่ม

สำหรับ “Lark” ถูกพัฒนาโดย Lark Technologies บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์ มีจุดเด่นอย่างการติดต่อผ่านทางวิดีโอคอลแบบไม่จำกัดเวลาเเละให้พื้นที่เก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ขนาด 200 GB ฟรี

เรามาดูกันว่า Lark มี “ฟีเจอร์น่าใช้” อะไรอีกบ้างที่จะช่วยให้การ Work from Home อยู่ที่บ้านได้อย่างลื่นไหล

1.Video Conferencing

ผู้ใช้งานสามารถสนทนาผ่านทางวิดีโอได้บนแพลตฟอร์มของ Lark โดย “ไม่จำกัดเวลาการใช้” พร้อมแสดงหน้าจอหรือ Lark Doc จากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็นและร่วมแก้ไขข้อมูล ระหว่างการสนทนา การประชุมผ่านทางวิดีโอนี้ทำได้ง่ายบนเครื่องมือสื่อสารใดก็ได้ เพียงกดปุ่มหนึ่งครั้งบนหน้าจอ สนทนาหรือปฏิทิน โดยผู้ใช้ยังสามารถเชิญชวนผู้ใช้งานภายนอกกลุ่มเข้าร่วมการสนทนาได้ด้วย

2.Messenger

ผู้ใช้งานสามารถสร้างกลุ่มแชทที่มีสมาชิกได้มากถึง 5,000 คน และประกาศเรื่องสำคัญถึงพนักงานได้ โดยสมาชิกในทีมจะได้รับ feedback อย่างรวดเร็ว มีการจัดหมวดหมู่บทสนทนา การโต้ตอบด้วยอิโมจิ และการแสดงผลว่าสมาชิกได้อ่านข้อความนั้นแล้ว

นอกจากนี้ยังสามารถเริ่มติดต่อผ่านทางเสียงและวิดีโอ ตรวจสอบตารางงานของสมาชิกในกลุ่ม ส่งเอกสารและตรวจสอบค้นหาประวัติการสนทนาทั้งหมดได้ สามารถแปลข้อความแบบอัตโนมัติได้มากกว่า 100 ภาษาบน Lark Messenger จึงเอื้อต่อการทำงานร่วมกับทีมงานทั่วโลก

3.Calendar

สามารถเปิดดูหลายปฏิทินได้ รวมทั้งตรวจสอบตารางงานของเพื่อนร่วมทีมพร้อมกันได้ภายในครั้งเดียว นอกจากจะชวนบุคคลอื่นเข้าร่วมการประชุมทีละคนจากหน้าปฏิทินได้แล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถชวนทั้งกลุ่มสนทนาเข้าร่วมการประชุมพร้อมกันได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานสามารถ กดสร้างกลุ่มสนทนาบน Lark Messenger และเอกสารแสดงรายละเอียดการประชุมบน Lark Docs จากการกดเพียงหนึ่งครั้งบนกำหนดการใดๆ ในปฏิทิน เพื่อเตรียมตัวทุกคนให้พร้อมก่อนถึงเวลาการนัดหมายจริง

4.Docs

สามารถแก้ไขเอกสารร่วมกับเพื่อนร่วมทีมทางออนไลน์ แม้อยู่ระหว่างการสนทนาทางวิดีโอ ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกอยู่บน ระบบคลาวด์ของ Lark Drive ที่มีขนาด 200 GB ใช้บริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

โดย Lark Docs ยังรองรับการเพิ่มเนื้อหามัลติมีเดียรูปแบบต่างๆ อย่างรูปภาพ วิดีโอ แผนภาพ รวมถึงการสนทนากลุ่ม และสร้างโพล และผู้ใช้งานสามารถใช้ฟังก์ชัน “Comment” เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งโดยเฉพาะใน Lark Doc และ Lark Sheet ได้ พร้อมจัดการสิทธิ์การเข้าถึงเอกสารต่างๆ

5. Workplace

ผู้ใช้งานสามารถ เปลี่ยนและปรับวิธีการทำงานภายในองค์กรได้ เช่น การอนุมัติงาน เบิกจ่าย ขอลางาน และบันทึกการเข้างานให้เป็นระบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมหรือซื้อซอฟต์แวร์เพิ่มเติม เเละยังสามารถใช้ Lark เข้ากับแอปพลิเคชันอื่น อย่าง Jira, Asana และ Salesforce ได้อีกด้วย หรือหากต้องการสร้างแอปพลิเคชันและ BOT อื่นๆ เสริมเอง Lark ก็มีบริการ Open Platform ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสร้างขึ้นมาได้เองด้วยเช่นกัน

โดยสามารถเยี่ยมชมเเละทดลองใช้งาน Lark ฟรีได้ที่ www.larksuite.com

]]>
1270451