ทิม คุก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 17 Apr 2024 04:10:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ทิม คุก’ ซีอีโอ Apple ประกาศเดินหน้าลงทุนใน ‘เวียดนาม’ เพื่อเดินหน้ากระจายซัพพลายเชนของบริษัทออกจากจีน https://positioningmag.com/1470181 Wed, 17 Apr 2024 03:57:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470181 นอกจากประเทศอินเดียแล้ว เวียดนาม ก็เป็นอีกประเทศที่มีความสำคัญต่อ Apple มากขึ้น เนื่องจากบริษัทพยายามที่จะกระจายซัพพลายเชนออกจากจีน โดยล่าสุด ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple ก็ได้ไปเยือนเวียดนาม พร้อมประกาศว่าต้องการเพิ่มบทบาทของซัพพลายเชนเวียดนาม

เนื่องจากการหยุดชะงักของซัพพลายเชนในจีนช่วงที่ COVID-19 ระบาด รวมถึงความขัดแย้งกับรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ Apple เริ่มมองหาการย้ายการผลิตไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย และ เวียดนาม โดย Apple ได้เพิ่มการลงทุนในเวียดนามเป็น 2 เท่า นับตั้งแต่ปี 2019 คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ ช่วยสร้างงานกว่า 2 แสนตำแหน่ง

นับตั้งแต่ปี 2022 Apple มีซัพพลายเออร์ 26 รายและมีโรงงาน 28 แห่งในเวียดนาม โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับซัพพลายเชนที่มีอยู่ในจีนตอนใต้ได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบัน เวียดนามตอนเหนือยังเป็นศูนย์กลางในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ล่าสุด Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้ไปเยือนเวียดนามเป็นเวลา 2 วัน โดย ตามรายงานของสื่อทางการ Voice of Vietnam ระบุว่า เขาได้หารือกับ ฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และได้เปิดเผยว่า Apple ต้องการ เพิ่มบทบาทของซับพลายเชนในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยถึงรายระเอียดแผนการลงทุนว่าจะใช้เงินจำนวนเท่าไหร่และจะใช้หรือจะเน้นไปที่ส่วนใด

ทั้งนี้ การเดินทางเยือนเวียดนามของทิม คุก เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามสนับสนุนการดำเนินบทบาทเป็นซัพพลายเชนระดับโลกของเวียดนาม เพื่อพยายามลดการพึ่งพาจากจีน

AP / VOV

]]>
1470181
ค่าแรงสูงเกิน! “ทิม คุก” แม่ทัพแห่ง Apple ตกลงลดค่าตอบแทนตัวเองลง 40% ในปี 2023 https://positioningmag.com/1415468 Fri, 13 Jan 2023 08:32:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415468 ISS บริษัทที่ปรึกษาพบค่าตอบแทนของ “ทิม คุก” ซีอีโอ Apple เมื่อปี 2022 สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายได้ของพนักงานถึง 1,447 เท่า ทำให้ปี 2023 นี้คณะกรรมการบริษัทจัดการลดรายได้ทิม คุกลงประมาณ 40%

Apple ประกาศการจัดสรรค่าตอบแทนประจำปีให้กับนายใหญ่ของบริษัท “ทิม คุก” มูลค่าทั้งแพ็กเกจจะลดเหลือ 49 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,617 ล้านบาท) ในปี 2023 โดยระบุด้วยว่า คุกเป็นผู้ร้องขอให้ลดรายได้ของเขาลงเอง หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มผู้ถือหุ้น

เมื่อปี 2022 ราคาหุ้น Apple ตกลงอย่างแรงหลังจากเกิดปัญหาซัพพลายเชนการผลิต และภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฝืดเคืองทั่วโลก

“คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนได้รับฟังเสียงจากกลุ่มผู้ถือหุ้น และคำแนะนำจากคุณคุกให้ลดค่าตอบแทนของตนเองลงตามเสียงวิจารณ์ที่ได้รับ” เป็นข้อมูลที่ Apple ระบุประกอบกับการประกาศค่าตอบแทนของทิม คุก

แพ็กเกจใหม่ปีนี้ของทิม คุก จะยังรับเงินเดือนเท่าเดิม โดยคิดเป็นมูลค่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 99 ล้านบาท) และเพดานโบนัสสูงสุดที่ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 198 ล้านบาท)

ส่วนที่แตกต่างที่ทำให้แพ็กเกจค่าตอบแทนลดลงคือมูลค่า “หุ้น” ที่เขาจะได้รับจากบริษัท

เมื่อปี 2022 บริษัทให้หุ้นคิดเป็นมูลค่า 75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,475 ล้านบาท) ซึ่งครึ่งหนึ่งของมูลค่านี้จะขึ้นอยู่กับราคาหุ้นที่ขึ้นลงในตลาด

สำหรับปี 2023 นี้มูลค่าหุ้นที่เขาจะได้จะลดเหลือ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,320 ล้านบาท) โดย 3 ใน 4 ของมูลค่าจะขึ้นอยู่กับราคาหุ้น

โดยรวมแล้ว ค่าตอบแทนทั้งหมดของคุกเมื่อปี 2022 คิดเป็น 84 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,772 ล้านบาท) แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ แล้วจะคิดเป็นมูลค่า 99.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,281 ล้านบาท) ในค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เรียกเก็บกับบริษัทนั้นรวมไปถึงค่ารักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลกว่า 6.3 แสนเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 207 ล้านบาท) และค่าเครื่องบินส่วนตัว 7.12 แสนเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 235 ล้านบาท)

NEW YORK, NEW YORK – OCTOBER 28: Apple CEO Tim Cook attends Apple TV+’s “The Morning Show” world premiere at David Geffen Hall on October 28, 2019 in New York City. (Photo by Roy Rochlin/WireImage)

เมื่อปีก่อน Institutional Shareholder Services (ISS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาให้แก่นักลงทุนและบริษัทเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้ให้คำแนะนำผ่านจดหมายส่งถึงนักลงทุนของ Apple ว่า “มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการออกแบบและขนาดแพ็กเกจค่าตอบแทนของทิม คุก”

ISS พบว่า ค่าตอบแทนทั้งแพ็กเกจของทิม คุกนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยเงินเดือนของพนักงานทั่วไปของ Apple ถึง 1,447 เท่า

ทิม คุกขึ้นแท่นซีอีโอของบริษัทในปี 2011 ก่อนการเสียชีวิตของ สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เพียงไม่กี่สัปดาห์

หลังจากนั้นเขาได้นำพา Apple ขึ้นไปสู่มูลค่าบริษัทแตะ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐได้สำเร็จและเป็นบริษัทแรกที่ทำได้ ก่อนที่มูลค่าบริษัทจะตกลงเหลือ 2.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หลังเกิดวิกฤตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เกิดโรคระบาดโควิด-19 การล็อกดาวน์ในจีนทำให้ซัพพลายเชนขาดช่วง และเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

Forbes ประเมินมูลค่าความมั่งคั่งของทิม คุก ในวัย 62 ปี อยู่ที่ 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 56,000 ล้านบาท) และคุกเคยให้คำมั่นว่าจะบริจาคทรัพย์สินของเขาทั้งหมดในช่วงชีวิตนี้

Source

]]>
1415468
“ทิม คุก” แห่ง Apple ไม่ปลื้ม “เมตาเวิร์ส” มองเทคโนโลยี AR สำคัญกับอนาคตมากกว่า https://positioningmag.com/1413970 Mon, 26 Dec 2022 11:22:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413970 อีกหนึ่งคนดังโลกเทคโนโลยีที่แสดงออกว่าไม่ได้มอง “เมตาเวิร์ส” เป็นอนาคตของวงการ “ทิม คุก” ซีอีโอ Apple อยู่ในฝั่งที่ไม่เชื่อในเมตาเวิร์ส และมองว่า AR คือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกมากกว่า

“ผมคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่คนเราจะต้องเข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร” ทิม คุก ซีอีโอ Apple กล่าวกับสำนักข่าว Bright ซึ่งเป็นสำนักข่าวในเนเธอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “และผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าคนทั่วไปจะบอกได้ไปไหมว่า ‘เมตาเวิร์ส’ คืออะไรกันแน่”

ไม่น่าแปลกใจที่ Apple ยังไม่มีการประกาศแผนที่เกี่ยวกับ “เมตาเวิร์ส” ต่อสาธารณชน เมตาเวิร์สนั้นเป็นแพลตฟอร์ม Virtual Reality (VR) ที่ผู้คนสามารถเข้าไปในโลกเสมือนจริงนี้และมีปฏิสัมพันธ์กัน ทำงาน ช้อปปิ้ง หรือเล่นเกม โดยจะต้องใช้อุปกรณ์ในการเข้าสู่เมตาเวิร์ส เช่น แว่น VR

โลกเสมือนจริงเมตาเวิร์สนั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว แต่บิ๊กเทคคัมปะนียังคงต้องทำงานอีกมากเพื่อพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อจะดึงคนให้ใช้เวลาและยอมใช้จ่ายในเมตาเวิร์สมากกว่านี้

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก แห่ง Meta คือหนึ่งในบริษัทที่ทุ่มลงทุนอย่างหนักให้กับเมตาเวิร์ส ส่วนบริษัทใหญ่ที่มีแผนการเข้าสู่เมตาเวิร์สแล้ว เช่น Microsoft, Disney

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มมองว่า เมตาเวิร์สกลายเป็นประเด็นฮิตขึ้นมาส่วนหนึ่งก็เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจว่ามันจะเป็นอย่างไร ย้อนไปเมื่อเดือนมิถุนายน อีริค ชมิดต์ อดีตซีอีโอ Google ให้ข้อสังเกตว่า ‘ไม่มีข้อสรุปร่วมที่ชัดเจนว่าเมตาเวิร์สคืออะไรแน่’

ในทางเดียวกัน อีวาน สปีเกล ซีอีโอบริษัท Snap ก็มองว่าไอเดียการสร้างเมตาเวิร์สนั้นยัง “คลุมเครือและยังเป็นทฤษฎี” แทนที่จะไปมุ่งด้านเมตาเวิร์ส เขาจึงวางแผนให้บริษัทพัฒนา Augmented Reality (AR) เสียมากกว่า ซึ่งเทคโนโลยีนี้คือการผสานภาพและส่วนประกอบจากโลกเสมือนเข้ากับโลกจริง

ทิม คุก เองก็เป็นหนึ่งในคนที่หนุนหลัง AR ทำให้ Apple มีการพัฒนาแว่นตา AR/VR ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่ตลาดได้ในปี 2023 “อนาคตของ AR จะไปได้ไกลกว่าทุกวันนี้มาก…มากๆ” คุกกล่าวกับสำนักข่าว Bright

“ผมคิดว่า AR จะเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีผลกระทบกับทุกสิ่งทุกอย่าง” คุกกล่าว “ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งคุณสามารถสอนนักเรียนด้วย AR ใช้สิ่งนี้สาธิตการทำงานของสิ่งต่างๆ หรือว่านำ AR ไปใช้ทางการแพทย์ วันนั้นเราคงจะต้องมองกลับไปและคิดว่าเราเคยอยู่โดยไม่มี AR ได้อย่างไร”

การสัมภาษณ์ของคุกครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เขาเดินทางทัวร์ยุโรป โดยเขาแวะไปทั้งอังกฤษ เยอรมนี และไปปาฐกถาในพิธีรับปริญญาที่ University of Naples Federico II ที่อิตาลีด้วย ในการถามตอบที่งานครั้งนั้น เขายังเน้นย้ำถึง AR ด้วยว่า เขามองว่า AR จะเป็นเหมือนอินเทอร์เน็ต คือผู้คนจะหันมาใช้งานมากขึ้นอย่างช้าๆ และสุดท้ายจะใช้ชีวิตโดยไม่มีมันไม่ได้

“ในอนาคต เราจะมองกลับไปในอดีตและคิดว่าตัวเราใช้ชีวิตมาได้อย่างไรโดยไม่มี AR” คุกกล่าว “เหมือนกับวันนี้ที่เราถามตัวเองว่า ‘คนเราโตมาได้อย่างไรในยุคที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตนะ?’” คุกกล่าว

Source

]]>
1413970
ถอดรหัสคำพูด “ทิม คุก” วิจารณ์โซเชียลเรื่อง Privacy โหมไฟขัดแย้ง Facebook แรงขึ้น https://positioningmag.com/1317296 Mon, 01 Feb 2021 04:49:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317296 เด็ดขาดจริงๆ สำหรับคำพูดของ “ทิม คุก” (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิล (Apple) ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การแบ่งขั้วแยกข้าง และการระบาดของข้อมูลเท็จบนโซเชียลมีเดียอย่างถึงพริกถึงขิง กลายเป็นความเผ็ดร้อนที่โหมไฟให้ความขัดแย้งระหว่างผู้ผลิตไอโฟนและยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) ยิ่งทวีความชัดเจนกว่าเดิม ทำให้ผู้คนทั่วโลกจับตามองใกล้ชิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดตามมาหรือไม่

Tim Cook ออกแถลงการณ์ผ่านการประชุมออนไลน์เรื่อง Computers, Privacy and Data Protection conference ซึ่งมีเนื้อหาเรื่องความเป็นส่วนตัว และการปกป้องข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา

ในแถลงการณ์ Cook วิพากษ์วิจารณ์ว่าหลายแอปพลิเคชันที่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลมากเกินไป และให้ความสำคัญกับ “ทฤษฎีสมคบคิดและการยั่วยุที่รุนแรง” เพียงเพราะประเด็นเหล่านี้สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในอัตราที่สูง จุดนี้ Cook ย้ำว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป

“ในช่วงเวลาที่การบิดเบือนข้อมูล และทฤษฎีสมคบคิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะอัลกอริทึม เราไม่สามารถหลับหูหลับตาเชื่อทฤษฎีของเทคโนโลยีที่บอกว่าทุก engagement หรือการมีส่วนร่วมทั้งหมดคือ engagement ที่ดี หรือ engagement ยิ่งนานเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น และทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการรวบรวมข้อมูลให้มาก เท่าที่จะทำได้” เจ้าพ่อ Apple กล่าว

แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ Facebook แต่ทั้งสองบริษัทมีข้อพิพาทกันชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวล่าสุดคือ Apple กำลังเตรียมที่จะใช้การแจ้งเตือนความเป็นส่วนตัว (privacy notifications) ที่หลายบริษัทในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล เชื่อว่าจะทำให้ผู้ใช้บางส่วนปฏิเสธที่จะอนุญาตให้ระบบใช้เครื่องมือ เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณา

เช่นในเร็วๆ นี้ที่ Apple จะกำหนดให้แอปต้องขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อนติดตามข้อมูลในแอปฯ หรือเว็บไซต์ที่บริษัทอื่นเป็นเจ้าของ โดยผู้ใช้จะสามารถดูได้ภายใต้หัวข้อการตั้งค่าว่าแอปฯ ไหนขออนุญาตติดตามและทำการเปลี่ยนแปลงตามเห็นสมควร ข้อกำหนดนี้จะเปิดให้ใช้งานอย่างแพร่หลายในต้นฤดูใบไม้ผลิพร้อมกับการเปิดตัวการอัปเดตไอโอเอสใหม่ iOS 14, ไอแพดโอเอส iPadOS 14 และทีวีโอเอส tvOS 14

Apple ยังเปิดตัวเทคโนโลยีมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยระบุว่าเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และช่วยรักษาข้อมูลของผู้ใช้ให้ปลอดภัยอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น ซาฟารี (Safari) เป็นเบราว์เซอร์ตัวแรกที่บล็อกคุกกี้ของบริษัทอื่นเป็นค่าเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2005

ส่วนใน iOS 11 และ macOS High Sierra นั้น Safari ก็ได้เพิ่มคุณสมบัติ “การป้องกันการติดตามอัจฉริยะ” เพื่อจำกัดการติดตามมากขึ้นไปอีกในขณะที่เว็บไซต์ยังคงทำงานได้ปกติ ต่อมาในปี 2018 ทาง Apple ได้เพิ่มมาตรการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการสะกดรอย Mac ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทอื่นใช้ในการระบุอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอ้างอิงจากข้อมูลอย่างฟอนต์และปลั๊กอิน

แม้ Apple จะย้ำว่าได้รับการสนับสนุนจากผู้รณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัวทั่วโลก แต่ Facebook กล่าวหา Apple ว่ามีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน เนื่องจาก Apple เดินหน้าขยายแคตตาล็อก paid app หรือแอปฯ ที่ต้องซื้อให้เพิ่มจำนวนขึ้น รวมถึงมีธุรกิจโฆษณาดิจิทัลของตัวเอง

โดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Facebook ตัดสินใจออกสื่อเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า Apple มี “แรงจูงใจ” ในการใช้ฐานะแพลตฟอร์มที่โดดเด่นของตัวเอง เพื่อขัดขวางการทำงานของแอปพลิเคชันอื่น รวมถึงแอปฯ ของ Facebook

Mark Zuckerberg

อีกประเด็นที่ Cook วิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาคือ แนวทางการปฏิบัติของโซเชียลมีเดียที่ทำลายความไว้วางใจในวัคซีนของสาธารณชน และยังสนับสนุนให้ผู้ใช้เข้าร่วมกลุ่มหัวรุนแรงหลากหลายด้วย

Cook เชื่อว่าโลกควรหยุดได้ตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะการแสร้งทำเป็นว่าสื่อโซเชียลไม่ได้มาพร้อมกับความเสียหายมากมายของการแบ่งขั้ว การทำลายความไว้วางใจ และความรุนแรง ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางสังคม ไม่สามารถปล่อยให้กลายเป็นหายนะทางสังคมได้อีกต่อไป

เพื่อตอบโต้คำพูดของ Cook เจ้าพ่อสื่อโซเชียลอย่าง Facebook ออกแถลงการณ์บ้างโดยบอกว่า “Apple มีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน โดยใช้อำนาจการควบคุม App Store เพื่อสร้างประโยชน์ต่อผลกำไรของตัวเอง บนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้พัฒนาแอปฯ และธุรกิจขนาดเล็ก”

ไม่ว่าข้อกล่าวหาของใครจะเป็นเรื่องจริง แต่ความขัดแย้งระหว่าง Apple และ Facebook นั้นรุนแรงขึ้นอย่างแท้จริงแน่นอน

Source

]]>
1317296
Foxconn ยันผลิตชิปทันลูกค้า ด้านห่วงโซ่อุปทาน Apple เริ่มสะดุด หลังไวรัสโคโรนาระบาด https://positioningmag.com/1262477 Wed, 29 Jan 2020 14:22:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1262477 Foxconn ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ให้ Apple ยืนยันว่า เเม้จะมีโรงงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนา เเต่จะไม่ส่งผลต่อไลน์การผลิต ด้านสตาร์บัคส์ปิดสาขากว่าครึ่งในจีน เเละ Apple กำลังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากห่วงโซ่อุปทาน 

“บริษัทมีมาตรการรองรับเอาไว้แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถปฏิบัติงานต่อไปได้และสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งหมด แต่ขอไม่เปิดเผยวิธีการหรือกระบวนการการแก้ปัญหานี้”

Foxconn หรือที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการในนาม Hon Hai Precision Industry เป็นบริษัทจากไต้หวัน ที่มีโรงงานขนาดใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น ระบุว่า ตอนนี้โรงงานก็ดำเนินงานตามวันหยุดที่ทางการจีนประกาศ และจะดำเนินการต่อไปจนกว่าธุรกิจทั้งหมดจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนประกาศขยายวันหยุดเทศกาลตรุษจีนไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ.เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส

สำหรับการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิต 132 รายในประเทศจีนและมีผู้ติดเชื้อเกือบ 6,000 คน (ตามรายงานของ Reuters) เเละพบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศ

ก่อนหน้านี้ สตาร์บัคส์ประกาศปิดสาขากว่าครึ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ สายการบินต่างๆ ยกเลิกเที่ยวบิน ขณะที่ Apple กำลังได้รับผลกระทบเนื่องจากห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) เริ่มสะดุด

Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวว่า “เรากำลังรวบรวมข้อมูลเเละติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เเม้ Apple จะมี ซัพพลายเออร์ในพื้นที่อู่ฮั่น เเต่เรายังมีทางเลือกอื่น”

ด้าน TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวันที่มีโรงงานในเซี่ยงไฮ้และนานกิงของจีน บอกกับ Reuters ว่ากระบวนการผลิตไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ โดยทางบริษัทให้พนักงานที่เคยเดินทางไปมณฑลหูเป่ยช่วง 14 วันที่ผ่านมา อยู่บ้านเเละตรวจสอบสุขภาพของพวกเขา

 

ที่มา : Reuters / Foxconn says plans in place to meet production obligations after virus outbreak

 

]]>
1262477