ประกันภัย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 16 Apr 2024 09:49:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กรุงเทพประกันภัย เตรียมส่ง 5 ผลิตภัณฑ์ประกันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า ตั้งเป้าเบี้ยประกันปี 2024 ที่ 32,500 ล้านบาท https://positioningmag.com/1470117 Sun, 14 Apr 2024 08:27:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470117 กรุงเทพประกันภัย ประกาศแผนธุรกิจในปี 2024 โดยเตรียมส่งผล 5 ผลิตภัณฑ์ประกันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า ขณะเดียวกันคาดว่าเบี้ยประกันในปีนี้จะเติบโตถึง 32,500 ล้านบาท แต่ก็ยังมองว่าการเติบโตเบี้ยประกันของบริษัทนั้นเติบโตมากกว่าตลาดในปีนี้ได้

อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ได้กล่าวถึงแผนธุรกิจในปีที่ผ่านมาว่าบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโต 12.1% ถือว่าเติบโตเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม แม้ว่าในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมจะเติบโตแค่ 4.1% ก็ตาม

ผลการดำเนินงานของกรุงเทพประกันภัยในปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 29,915.7 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิ 3,043.8 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกำไรสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเป็นต้นมา

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2024 สมาคมประกันวินาศภัยไทยประเมินว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงเติบโต 5-6% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่ผ่านมา

สาเหตุสำคัญมาจากประกันภัยสุขภาพที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ

ในส่วนของประกันภัยภาคอสังหาริมทรัพย์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เปิดโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้สูงมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อน้อยกว่า ทำให้มูลค่าที่อยู่อาศัยต่อหน่วยที่เข้าสู่ระบบประกันภัยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเนื่องไปยังเบี้ยประกันอัคคีภัย แม้ว่าตลาดอสังหาฯ จะได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจนส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ตาม

ทางด้านประกันภัยรถยนต์นั้น แม้ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมจะมีแนวโน้มหดตัวลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งรถยนต์ EV มีอัตราเบี้ยประกันภัยโดยเฉลี่ยที่สูงกว่ารถยนต์ใช้เชื้อเพลิง ส่งผลให้ปริมาณเบี้ยประกันภัยรถยนต์โดยรวมน่าจะยังคงเติบโตได้ อย่างไรก็ดีผู้บริหารสูงสุดของ BKI กล่าวว่าเบี้ยประกันภัย EV ของบริษัทยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ

ขณะที่การเติบโตของเบี้ยประกันภัยของกรุงเทพประกันชีวิตนั้นคาดว่าจะเติบโตได้ 8% ในปีนี้ ประธานคณะผู้บริหารของ BKI ชี้ว่าบริษัทจะต้องคิดเรื่องเติบโตควบคู่กับความสามารถในการทำประกันภัยด้วย และมองว่าเป้าตัวเลขดังกล่าวถือว่าเติบโตพอประมาณ

โดยบริษัทเตรียมที่จะส่งประกันภัย 5 รูปแบบออกสู่ท้องตลาด ได้แก่

  1. ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาแผนประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัย 55 – 75 ปี ที่ชื่นชอบขับรถด้วยตนเอง นอกจากจะได้รับความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 แล้ว ยังเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่นๆ เช่น เงินชดเชยในกรณีทำกายภาพบำบัด ฯลฯ
  2. ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) โดยไม่เพิ่มเบี้ยประกันภัย บริษัทได้เห็นเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น เสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่ต้องทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันมากขึ้น โดยจะมีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ที่อยู่ภายในรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชน 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง และกรณีเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครอง 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง
  3. ประกันภัยสุขภาพ (เพิ่มความคุ้มครองจิตเวช) ประกันดังกล่าวจะมีการเพิ่มความคุ้มครอง เช่น การตรวจรักษาอาการหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจ โดยมีแผนประกันที่เหมาะกับความต้องการลูกค้าแต่ละราย โดย ประธานคณะผู้บริหารของ BKI ชี้ว่าปัญหาซึมเศร้าเป็นปัญหาระดับชาติ ส่งผลต่อบุคลากรของประเทศไม่น้อย
  4. ประกันภัยสุขภาพ ผ่าน Telemedicine ในแผนประกันภัยสุขภาพดังกล่าวจะเป็นการปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Clicknic ที่รองรับถึง 55 อาการของโรคที่สามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์ทางไกลได้ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ เจ็บคอ ผื่นคัน ตาเจ็บ ฯลฯ พร้อมช่วยลดความกังวลด้วยบริการจัดส่งยาให้ถึงบ้านภายใน 1 ชั่วโมงสำหรับในเขตกรุงเทพฯ และจะรองรับถึงอาการหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจในภายหลังด้วย
  5. ประกันภัยสำหรับคอนโด บริษัทได้มองเห็นโอกาสเนื่องจากผู้คนอยู่อาศัยภายในคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทฯ จึงได้พัฒนาแผนประกันภัยสำหรับคอนโดให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินภายในคอนโดมิเนียมอันมีสาเหตุจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยเนื่องจากน้ำ ภัยจากลมพายุ ลูกเห็บ หรือน้ำท่วม รวมถึงคุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายต่อ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดเหตุภายในคอนโดมิเนียม และยังครอบคลุมถึง ความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก เช่น กรณีน้ำรั่วซึมไปยังห้องอื่นๆ จนเกิดความเสียหาย ฯลฯ

อภิสิทธิ์ ได้กล่าวว่าผลิตภัณฑ์ประกันข้างต้นที่จะมีการเปิดตัวในปีนี้นั้นได้พัฒนาจากปัญหาที่เกิดขึ้นของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป ขณะเดียวกันในกรณีของธุรกิจประกันภัยนั้นจะมองแต่เรื่องกำไรอย่างเดียวไม่ได้ เพราะความเสี่ยงนั้นเกิดเมื่อไหร่ก็ได้

สำหรับการปรับโครงสร้างบริษัทไปเป็น ‘โฮลดิ้ง คอมพานี’ นั้นเขามองว่าการขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และดูว่าลงทุนอะไรนั้นคุ้มค่าหรือไม่

เป้าหมายการเติบโตในปี 2024 นี้กรุงเทพประกันภัยวางเป้าเบี้ยประกันอยู่ที่ 32,500 ล้านบาท

]]>
1470117
‘อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย’ ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 1.2 หมื่นล้าน ชู ‘ประกันสุขภาพ’ เป็นหัวหอกหลักในปีนี้ https://positioningmag.com/1465056 Tue, 05 Mar 2024 01:43:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465056 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ประกาศกลยุทธ์ในการดำเนินงานในปี 2024 โดยชูประกันสุขภาพเป็นหัวหอกหลัก ขณะเดียวกันบริษัทยังเน้นเจาะไปยังตลาดลูกค้าองค์กรเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 12,000 ล้านบาทให้ได้

ลาร์ส ไฮบุทสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ได้กล่าวถึงผลประกอบการของกลุ่มอลิอันซ์นั้นมีกำไรมากถึง 14,700 ล้านยูโร เติบโต 6.7% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา ขณะที่ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย มีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่กว่า 10,000 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 527 ล้านบาท

เขายังกล่าวว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทประกันภัยคือ การบริหารพอร์ตอย่างสมดุล และการควบคุมค่าใช้จ่าย ไม่ใช่การลดราคาเบี้ยประกัน หรือให้ค่าคอมมิชชั่นกับตัวแทนมากๆ เพราะระยะยาวเขามองว่าไม่ยั่งยืน

ปัจจุบันสัดส่วนพอร์ตประกันภัยของบริษัท ประกอบไปด้วย ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ รวมถึงประกันสุขภาพ อย่างละ 1 ใน 3 ของพอร์ต ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย มองว่ามีความสมดุล

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2024 ของ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ประกอบไปด้วย

  1. ช่องทางขายที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายย่อยหรือบุคคล ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันคุ้มครองสุขภาพ คุ้มครองทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ และวินาศภัยต่างๆ ลูกค้า SME ด้วยผลิตภัณฑ์คุ้มครองการดำเนินธุรกิจ ทั้งทรัพย์สินในการประกอบอาชีพ หรือแม้แต่คุ้มครองการหยุดชะงักของรายได้หากเกิดภัยใดใด รวมถึงลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ
  2. ใช้แพลทฟอร์มดิจิทัลเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวก ที่ทันสมัยให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว ใช้งานง่าย
  3. สร้างองค์กรแห่งความเป็นเลิศ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความเป็นมืออาชีพของพนักงาน การให้พนักงานสามารถที่จะ Reskill หรือแม้แต่การสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันกับองค์กร

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ต้องการเจาะตลาดในปีนี้ คือ ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โครงการสาธารณูปโภคระดับชาติ ประกันภัยทางทะเล ประกันภัยความรับผิดบุคคลภายนอก เป็นต้น โดยบริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าดังกล่าวเป็นตลาดที่มีความเชี่ยวชาญ

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเตรียมเจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้นคือประกันสุขภาพ โดยมองว่าหลังจากการซื้อกิจการของ AETNA ในประเทศไทยจะทำให้บริษัทสามารถออกผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มมากขึ้น

โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 1.2 หมื่นล้านภายในสิ้นปี 2024 นี้ รวมถึงเป้าหมายอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ประกันรับสุทธิหรือ Combined Ratio ต่ำกว่า 95%

]]>
1465056
“รู้ใจ” มองโอกาสขยายช่องทางจัดจําหน่ายกรมธรรม์เพิ่ม หลังปิดดีล FWDGI ได้ ตั้งเป้า IPO ภายใน 5 ปี https://positioningmag.com/1445120 Thu, 21 Sep 2023 15:29:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445120 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ของ “รู้ใจ” ได้กล่าวถึงโอกาสของการซื้อกิจการของ เอฟดับบลิวดีประกันภัย ว่าจะช่วยให้บริษัทมีช่องทางจำหน่ายกรมธรรม์มากกว่าเดิม และจะเจาะตลาดตามต่างจังหวัดได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าที่จะเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ภายใน 5 ปี

นิโคลัส ฟาร์เกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งรู้ใจกรุ๊ป ได้กล่าวถึงการระดมทุนในรอบ Series B ผลการดำเนินงาน และกลยุทธ์ของบริษัทหลังจากที่เข้าซื้อกิจการของบริษัท เอฟดับบลิวดีประกันภัย จำกัด มหาชน (FWDGI) เสร็จสมบูรณ์ว่าจะสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นได้

เขาได้กล่าวว่า ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รู้ใจ ได้ระดมทุนรอบ Series B ซึ่งมีผู้ลงทุนนำโดย HDI International ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยระหว่างประเทศในเครือ ทาแลงซ์ กรุ๊ป จากเยอรมนี ลงทุนเป็นเม็ดเงิน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) ที่อยู่ภายใต้เครือธนาคารโลกอีก 7 ล้านเหรียญสหรัฐ

รู้ใจได้เม็ดเงินลงทุน Series B ทั้งสิ้น 42 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทย 1,509 ล้านบาท ทำให้บริษัทนำเม็ดเงินส่วนหนึ่งมาซื้อกิจการ FWDGI และเอาไปขยายธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียที่กำลังเติบโต

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ของรู้ใจ ยังได้กล่าวถึงผลประกอบการบริษัทในงบประจำปี 2022/2023 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทมีผู้ถือกรมธรรม์มีทั้งหมด 149,248 ราย เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทางด้านที่เบี้ยประกัน (Premium) นั้นอยู่ที่ 1329.6 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เบี้ยประกันมาจากประกันประเภทยานยนต์ถึง 95% ที่เหลือคือมาจากประกันประเภทอื่นๆ

กลยุทธ์หลังจากปิดดีลซื้อกิจการ FWDGI สำเร็จ

หลังจากที่เข้าซื้อกิจการ FWDGI นั้น นิโคลัสกล่าวว่าจะใช้กระบวนการเปลี่ยนผ่าน 1-2 ปี จากนายหน้าประกันภัยซึ่งบริษัทได้เป็นพาร์ตเนอร์กับกรุงไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน จะเปลี่ยนไปเป็นรู้ใจประกันภัย เขากล่าวว่ากรมธรรม์ที่มาจากรู้ใจประกันภัยจะเริ่มเห็นได้ช่วงต้นปี 2024 ทันที

การที่บริษัทได้เข้าซื้อ FWDGI เป็นเพราะว่าต้องการควบคุมตั้งแต่การออกผลิตภัณฑ์อย่างกรมธรรม์ ไปจนถึงปลายน้ำอย่างช่องทางขาย หรือแม้แต่การบริการลูกค้า เมื่อการออกกรมธรรม์ได้โดยตรงยังมีข้อดีอีกเรื่องคือบริษัทมีมาร์จิ้นดีมากขึ้น

นอกจากนี้หลังจากที่ปิดดีลกับ FWDGI ก็จะมีการจัดพอร์ตกรมธรรม์ใหม่ โดยกรมธรรม์ที่ไม่ใช่จุดแข็งของบริษัทอย่าง กรมธรรม์ประกันมือถือ กรมธรรม์ประกันภัยทางทะเล ก็จะยกเลิกไป แต่จะไปเน้นจุดแข็งของรู้ใจที่ขายกรมธรรม์ที่เน้นด้านยานยนต์ หรือสิ่งที่บริษัทถนัด

ขณะเดียวกันเขาก็ยืนยันว่าการเปลี่ยนผ่านลูกค้าของบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และจะทำให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด ถ้าหากมีอะไรก็จะแจ้งลูกค้าให้ทราบ ทางด้านของนายหน้าประกันภัยเขาชี้ว่าใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ของทางบริษัท จะทำให้นายหน้าหรือโบรกเกอร์รายอื่นขายประกันได้สะดวกมากขึ้น

นิโคลัส ชี้ว่าปัจจุบันลูกค้าของรู้ใจตอนนี้มาจากจังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพมหานคร ทำให้บริษัทมองว่ามีโอกาสที่จะเจาะลูกค้าตามจังหวัดอื่นๆ สูงมาก โดยคาดว่า 40% ของโอกาสทางธุรกิจในอนาคตจะมาจากตัวแทนและนายหน้าประกันภัย และอีก 60% จะยังเป็นการดำเนินการขายโดยตรงให้กับลูกค้า

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ของรู้ใจยังได้กล่าวว่าหลังจากนี้จะมีกรมธรรม์ใหม่ๆ และเจาะกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น เช่น ประกันภัยบ้าน หรือ ประกันที่เกี่ยวกับ SME

ตั้งเป้า IPO ภายใน 5 ปี

สำหรับการทำกำไรในเครือรู้ใจ นิโคลัส ได้กล่าวว่าในประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนั้นบริษัทมีกำไรแล้ว ทางด้านประเทศอินโดนีเซียนั้นตอนนี้บริษัทได้เป็นพันธมิตรกับ Sompo ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น โดยเขาได้กล่าวว่าถ้าหากจะทำให้กิจการที่อินโดนีเซียเติบโตนั้นจะต้องใช้เวลา 4-5 ปี

อย่างไรก็ดีสำหรับกำไรของทั้งกิจการเขาเองได้กล่าวว่ายังไม่ทราบ แต่มองถึงการขยายไปยังตลาดใหม่ๆ ในมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม หรือแม้แต่ ไต้หวัน มากกว่า

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจนั้น “รู้ใจ” ได้วางเป้าหมายเป็นผู้เล่น 1 ใน 10 ของประกันภัยด้านยานยนต์ ยานพาหนะ ในปี 2024 และจะเป็นผู้เล่น Top 3 ภายในอีก 5 ปีหลังจากนี้

ไม่เพียงเท่านี้ รู้ใจยังมีแผน IPO ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าว่าจะมีเบี้ยประกันภัยแตะที่ 10,000 ล้านบาท นิโคลัสกล่าวว่าอาจดูตลาดหุ้นหลายที่ ซึ่งรวมถึงในประเทศไทย และพิจารณาเงื่อนไขทั้งการนำบริษัทในแต่ละประเทศเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แต่ละประเทศ หรือแม้แต่นำทั้งกลุ่มบริษัทเข้าระดมทุน รวมถึงอาจไประดมทุนที่ต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ดีเขากล่าวว่ายังเป็นเรื่องของอนาคต

]]>
1445120
งานเพื่อเยาวชน! ทิพยประกันภัย จัด “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” สานฝันเด็กไทยที่รักกีฬาวอลเลย์บอล ภายใต้แนวคิด ESG มิติช่วยเหลือสังคม https://positioningmag.com/1434668 Wed, 28 Jun 2023 04:00:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434668

ในขณะที่แฟนๆ วอลเลย์บอลชาวไทยกำลังลุ้นตัวโก่งกับแมทช์วอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก 2023 ที่เปิดศึกแข่งเดือดไปเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา แต่แวดวงธุรกิจบ้านเราก็ไวกับกระแสนี้ไม่แพ้กัน

ล่าสุด บิ๊กเนมแห่งวงการประกันภัยอย่าง ทิพยประกันภัย ได้ผนึกพลังกับ สโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค แชมป์ไทยแลนด์ลีก 3 สมัย และแชมป์สโมสรเอเชีย 2 สมัย จัดโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานการเล่นวอลเลย์บอลที่ถูกต้อง และสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการฝึกซ้อม ตอกย้ำความเป็นบริษัทประกันภัยไทยแห่งแรกที่มุ่งสร้างแรงบันดาลใจสานฝันให้กับเยาวชนไทยที่รักในกีฬาวอลเลย์บอลเพื่อยกระดับฝีมือไปถึงระดับแข่งขันอีกทั้งยังเป็นการต่อยอดแนวคิดธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืนของบริษัทอีกด้วย


ต่อยอดธุรกิจเพื่อสังคมด้วยแนวคิด ESG

สำหรับโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” นี้เป็นหนึ่งในแนวทางตามกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ในมิติด้านการช่วยเหลือสังคม นับเป็นก้าวแรกของวงการประกันภัยไทยที่นำการสนับสนุนกีฬาให้กับเยาวชนไทย มาร่วมผสานกับแนวคิด ESG ที่คำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ภายใต้การบริหารงานอย่างมืออาชีพ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยให้ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความเสมอภาคทางสังคม และสร้างความสุขให้กับทุกคน


ทีมเวิร์ค สามัคคี แข็งแรง

โดยที่มาของโครงการและแรงบันดาลใจในการสนับสนุนกีฬาวอลเลย์บอล ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เล่าว่า

“ทิพยประกันภัย เป็นบริษัทที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการเล่นกีฬาที่ส่งเสริมผู้เล่นให้รู้จักการมีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีความสามัคคี รู้จักการทำงานเป็นทีม รวมถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการในทุกๆ ด้าน ทั้งทางร่างกาย ความคิด และจิตใจ ทิพยประกันภัย จึงให้การสนับสนุนกีฬาหลากหลายประเภท อาทิ ฟุตบอล ฟุตซอล มวยสากล กอล์ฟ ฯลฯ มาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดมามุ่งเน้นที่กีฬาวอลเลย์บอล จนเกิดเป็นโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” ขึ้นมา”

“ปัจจุบัน วอลเลย์บอล เป็นอีกหนึ่งประเภทกีฬาที่คนไทยรวมถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ และเป็นที่นิยมในอันดับต้นๆ เนื่องจากทีมนักกีฬาวอลเลย์บอลไทยได้ไปสร้างชื่อระดับนานาชาติ สร้างแรงบันดาลใจต่อเยาวนชนคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก โดย ทิพยประกันภัย นอกจากจะสนับสนุนสโมสรและนักกีฬาในด้านต่างๆ แล้ว ยังส่งเสริมในด้านพัฒนานักกีฬาคลื่นลูกใหม่ที่กำลังขึ้นมาให้มีโอกาสได้พัฒนาฝีมือเพื่อก้าวเข้าสู่ทีมชาติ และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไปในอนาคต”

ส่วนโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” ล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปนั้น ทิพยประกันภัย จับมือกับ สโมสรวอลเลย์บอลสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค ร่วมกันพัฒนาและต่อยอดแนวคิดผลักดันโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” โดยทิพยประกันภัยสนับสนุนอุปกรณ์กีฬา และมีสุดยอดนักวอลเลย์บอลจากทีมสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค ร่วมกันฝึกสอนทักษะการเล่นกีฬาพื้นฐานที่ถูกต้องให้กับเด็กไทยรวมถึงผู้ฝึกสอน โดยหวังว่าจะเป็นการถ่ายทอดอย่างยั่งยืนต่อไป ให้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลที่ครบเครื่อง รวมทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กนักเรียนที่เข้ามาร่วมโครงการนี้ด้วย


สร้างแรงบันดาลใจ + สานฝันเยาวชน

“นี่เป็นครั้งแรกของวงการประกันภัยไทยที่เข้ามาพัฒนากีฬาวอลเลย์บอลด้วยการเปิดคลินิกกีฬาขึ้นมา ซึ่งนอกจากการถ่ายทอดเทคนิคความรู้ผ่านการฝึกซ้อมขั้นพื้นฐานแล้ว ทีมสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค ที่มีเหล่า “ไอดอล” ของวงการด้านวอลเลย์บอลอย่างอดีต 7 เซียน มาร่วมกิจกรรมด้วย เช่น กิ๊ฟ -วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ หน่อง – ปลื้มจิตร์ ถินขาว และ ปู-มลิกา กันทอง มาช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่หันมาเอาดีด้านกีฬา ยิ่งในช่วงนี้กระแสวอลเลย์บอลบ้านเรากำลังได้รับความนิยมสูง จึงเป็นเสมือนแรงส่งให้เด็กๆ อยากเข้ามาเล่นวอลเลย์บอลอย่างจริงจังมากขึ้น หรือจะเรียกได้ว่าเป็นการนำ 7 เซียนวอลเลย์บอล มาช่วยปั้นเซียนรุ่นเล็กเลยก็ว่าได้” ดร.สมพรกล่าว

นอกจากนี้การเปิดคลินิกวอลเลย์บอล ยังเป็นการถ่ายทอดเทคนิคให้กับโค้ชหรือผู้ฝึกสอนของแต่ละโรงเรียนไปในตัว ในรูปแบบ “Train the Trainer” เพื่อแนะแนวทางการฝึกซ้อมที่ถูกต้อง เพื่อพัฒนาทักษะการเล่น การวางแผนการฝึกซ้อม ซึ่งผู้ฝึกสอนก็จะได้นำเทคนิคต่างๆ กลับไปสอนเด็กๆ รุ่นต่อไปได้อีก รวมทั้งมอบอุปกรณ์กีฬา เช่น ลูกวอลเลย์บอล สนับเข่า ให้กับ 11 โรงเรียน ให้นำกลับไปใช้ฝึกซ้อมต่อกันที่โรงเรียนอีกด้วย ซึ่งจะช่วยต่อยอดโครงการไปสู่เด็กรุ่นต่อไป ไม่หยุดอยู่เพียงแค่เด็กรุ่นนี้ จึงเป็นการส่งผ่าน “จากพี่สู่น้อง พัฒนา เพื่อยั่งยืน” อย่างแท้จริง

สำหรับโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” ได้จัดประเดิมที่แรกที่ อำเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา ส่วนหนึ่งมีที่มาจาก “กิ๊ฟ-วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์” ที่เคยเป็นนักเรียนเรียนอยู่ที่โรงเรียนชุมชนหนองหัวฟาน เรียกว่าที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตนักวอลเลย์บอลของเธอเลยก็ว่าได้ โดย ดร.สมพร ยังได้เผยถึงแพสชันที่ได้รับมาเต็มๆ จากคุณกิ๊ฟ จนนำไปสู่โครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” ครั้งแรกนี้ว่า

“ทิพยประกันภัยดีใจที่ได้ร่วมมือกับทีมสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค ส่วนหนึ่งก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณกิ๊ฟ-วิลาวัณย์ซึ่งเป็นคนโคราช และจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่ให้ความสำคัญ ส่งเสริมการเล่นกีฬามาก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ผลิตนักกีฬาเก่งๆ สู่ระดับประเทศ ซึ่งการมาเพิ่มทักษะให้กับเด็กๆ ที่โคราช น่าจะนำไปสู่การผลิตนักกีฬาเก่งๆ ได้อีกมากและยังเป็นโอกาสให้นักตบลูกยางรุ่นน้องได้เห็น “โค้ชกิ๊ฟ” หรือเส้นทางสายนักกีฬาอาชีพได้อย่างแท้จริง

ที่สำคัญ “ทิพยประกันภัย” ยังมุ่งเน้นลดช่องว่างให้เด็กไทยในต่างจังหวัดที่ยังขาดโอกาส ทั้งที่มีฝีมือและพรสวรรค์ด้านกีฬา แต่กลับไม่รู้ว่า จะต้องไปฝึกฝนที่ไหน หรือจะต้องไปเรียนต่อสายกีฬาได้อย่างไร ทำให้ต้องหยุดเล่นจบความฝันไว้เพียงแค่วัยเรียน แต่การที่ “ทิพยประกันภัย” จัดโครงการ “ทิพย วอลเลย์บอล คลินิก” ขึ้นมาโดยหวังว่าจะเป็นการส่งมอบโอกาสแก่เด็กไทย ด้วยการสร้างแหล่งเรียนรู้กีฬาชั้นเลิศ และเพื่อมอบโอกาสเส้นทางลัดสู่ความสำเร็จนั่นเอง”

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ผู้บริหารแห่งทิพยประกันภัยได้กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า “ภายใต้สโลแกน ห่วงใยทุกชีวิตในสังคม เราใส่ใจทั้งลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงให้ความสำคัญและดำเนินธุรกิจควบคู่กับการช่วยเหลือสังคมในหลากหลายมิติ เพื่อให้สังคมได้พัฒนาดีขึ้นพร้อมกันอย่างยั่งยืน”

]]>
1434668
บริษัทประกันญี่ปุ่นไอเดียดี ออกกรมธรรม์คุ้มครองเด็กถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง หลังกรณีดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น https://positioningmag.com/1430588 Tue, 16 May 2023 06:32:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430588 บริษัทประกันในประเทศญี่ปุ่นได้ออกกรมธรรม์คุ้มครองเด็กที่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง หลังจำนวนการถูกเพื่อนกลั่นแกล้งในช่วงปีที่ผ่านมาเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายนั้นครอบคลุมในหลายมิติ เช่น การย้ายโรงเรียน ไปจนถึงการรักษาพยาบาล

Asahi Shimbun สื่อในประเทศญี่ปุ่นรายงานข่าวว่า บริษัทประกันภัยของญี่ปุ่นหลายแห่งได้ออกกรมธรรม์คุ้มครองเด็กที่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง หลังจากประเด็นดังกล่าวกลายเป็นปัญหาสังคมเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งในโรงเรียนหรือแม้แต่ในอินเทอร์เน็ต

บริษัทประกันไม่ว่าจะเป็น Tokio Marine & Nichido Fire Insurance วางแผนที่จะขายกรมธรรม์ดังกล่าวตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยเน้นไปที่การแก้ปัญหาที่เด็กๆ ต้องเผชิญ ถ้าหากเด็กถูกรังแก คุกคาม หรือโดนสะกดรอยตาม

กรมธรรม์ของ Tokio Marine & Nichido Fire Insurance จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับการให้คำปรึกษาและรายการที่เกี่ยวข้องกับการย้ายโรงเรียนใหม่ เช่น ค่าลงทะเบียน ชุดเครื่องแบบใหม่ และอุปกรณ์การเรียน โดยมีวงเงินคุ้มครองมากถึง 200,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 49,874 บาท

นอกจากนี้บริษัทยังมีกรมธรรม์เพิ่มเติมจ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 120 เยน ซึ่งครอบคลุมการบาดเจ็บและการเจ็บป่วยของเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งและคุกคาม รวมถึงผลประโยชน์พิเศษที่ชดเชยค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย โดยการเคลมประกันนั้นจะต้องมีหลักฐานจากสถานีตำรวจด้วย

ขณะที่ AIG General Insurance ก็มีการเสนอกรมธรรม์ที่คุ้มครองเด็กที่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้งมาตั้งแต่ปี 2022 ที่ผ่านมา โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้คำปรึกษาและการย้ายโรงเรียนเมื่อเด็กถูกรังแกหรือคุกคามที่โรงเรียนหรือบนโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกัน แต่ไม่ต้องใช้หลักฐานจากสถานีตำรวจ

สื่อของญี่ปุ่นได้รายงานตัวเลขจากการสำรวจของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวนกรณีการกลั่นแกล้งในโรงเรียนประถม มัธยมต้น และโรงเรียนอื่นๆ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 610,000 กรณีในปีการศึกษา 2021 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2022 นั้นเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่านับตั้งแต่ปีการศึกษา 2016

โดยสาเหตุดังกล่าวคาดว่า นักเรียนกำลังประสบปัญหาสุขภาพจิตและร่างกาย รวมถึงความเครียด ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 

]]>
1430588
“กรุงเทพประกันภัย” ยกระดับ “แคร์คุณทุกย่างก้าว” ไปอีกขั้นของการบริการประกันภัย ผ่านเทคโนโลยีหลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว ให้กับลูกค้า https://positioningmag.com/1416712 Fri, 24 Feb 2023 04:00:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1416712

ต้องบอกว่าในยุคปัจจุบันนี้ โลกได้หมุนด้วยดิจิทัลในทุกภาคส่วน ซึ่งดิจิทัลเองได้มีส่วนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้แต่ละคนมีความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถทำได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น ในโลกธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวอยู่ไม่น้อย เพื่อปรับตัวก้าวเข้าสู่ยุค Digital Transformation

ทุกอุตสาหกรรมจึงต้องขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมกันอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก ธนาคาร โลจิสติกส์ อาหารและเครื่องดื่ม, อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงวงการ “ประกันภัย” ก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริการ รวมไปถึงการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วย

แต่ก็ต้องบอกว่า ไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นวงการประกันภัยต้องปรับตัว เพราะมีผลสำรวจของคนทั่วโลกกว่า 30 ประเทศจาก PWC ที่ระบุว่า บริษัทประกันภัยแบบดั้งเดิมไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Gen Y ได้ โดยกลุ่มมิลเลนเนียลทั่วโลกเพียง 33.9% เท่านั้นที่ชื่นชอบการทำประกันกับบริษัทประกันภัยในรูปแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มเจนที่อายุมากกว่าที่ 55.4%

ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแวดวงประกันภัย สำหรับในบ้านเราก็มีหลากหลายบริษัทประกันภัยที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในบริการต่างๆ หนึ่งในนั้นก็คือ “กรุงเทพประกันภัย” ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาผสมผสาน และพัฒนาจนเกิดเป็นนวัตกรรมประกันภัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ และการบริการ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคทุกยุคทุกสมัย

ล่าสุด กรุงเทพประกันภัย ได้ร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก เพื่อนำเอาเทคโนโลยีมากมายเข้ามาพัฒนาและยกระดับองค์กรให้ทันยุคใหม่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถ “แคร์คุณทุกย่างก้าว” ไปอีกขั้นอย่างไม่หยุดนิ่ง

ตัวอย่างเทคโนโลยีส่วนหนึ่งที่กรุงเทพประกันภัยนำมาใช้ในการบริการลูกค้า

1.เทคโนโลยีการแจ้งเคลมอุบัติเหตุรถยนต์ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยลูกค้าสามารถแจ้งเคลมผ่าน Line @bangkokinsurance ที่สามารถกดส่งตำแหน่งที่เกิดอุบัติเหตุมายังบริษัทฯ  ระบบจะจัดสรรเจ้าหน้าที่ Surveyor ที่อยู่ใกล้เข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

2. ระบบ EMCS E-Claim เทคโนโลยีที่ช่วยวิเคราะห์งานซ่อมรถยนต์ได้อย่างถูกต้องเป็นธรรม  เมื่อลูกค้านำรถเข้าซ่อมที่อู่ในสัญญาหรือศูนย์ซ่อมตัวแทนจำหน่าย อู่จะประเมินความเสียหายของรถด้วยระบบดังกล่าว โดยข้อมูลจะถูกบันทึกในระบบทำให้เชื่อมต่อการทำงานระหว่างบริษัทฯ

และอู่ซ่อมอย่างมีประสิทธิภาพ และระบบยังสามารถระบุชิ้นส่วนที่เสียหายได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้การบริการซ่อมรถอย่างรวดเร็ว พร้อมกำหนดระยะเวลาการซ่อมทำให้ทางอู่สามารถนัดหมายวันส่งมอบรถให้ลูกค้าทราบได้ทันที

3. Telemedicine บริการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดที่เข้าถึงผู้ใช้งานอย่างสะดวกและง่ายในทุกๆ พื้นที่ ผ่านแอปพลิเคชัน Clicknic โดยการพูดคุยผ่าน VDO Call กับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ โดยไม่ต้องออกจากบ้านเดินทางไปพบแพทย์ถึงโรงพยาบาล และมีระบบสั่งจ่ายยาจากเภสัชกรที่สามารถรับรอยาได้ที่บ้านโดยไม่ต้องออกไปซื้อเอง

4.Electronic Care Card บัตรประกันภัยในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่อำนวยความสะดวกในการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลคู่สัญญาโดยไม่ต้องใช้บัตรประกันภัยแบบกระดาษ อีกทั้งใช้งานง่าย ผ่าน Line @bangkokinsurance สามารถเรียกดูข้อมูลกรมธรรม์ สิทธิ์การรักษา และรายละเอียดความคุ้มครองได้มากขึ้น เช่น วงเงินค่ารักษา ค่าห้อง ค่าแพทย์ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

5.Risk Management คือ การบริหารจัดการความเสี่ยงภัย ที่กรุงเทพประกันภัยนำอุปกรณ์และเทคโนโลยีมาช่วยในการสำรวจและตรวจสอบความเสี่ยงภัยที่อาจเกิดขึ้นกับสถานประกอบการของธุรกิจหรือองค์กรก่อนการทำประกันภัย หรือเรียกว่า Risk Survey เช่น เครื่องมือ Thermoscan จะตรวจวัดอุณหภูมิด้วยกล้องรังสีอินฟราเรด เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ไฟฟ้าและจุดเชื่อมต่อต่างๆ ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากไฟฟ้า และ Drone Survey นวัตกรรมอากาศยานไร้คนขับที่บินสำรวจพื้นที่และอุปกรณ์ไฟฟ้าในมุมกว้าง และมุมสูงที่ยากต่อการเข้าถึง ควบคุมโดย Risk Engineer ที่ได้รับใบอนุญาตควบคุมอากาศยานไร้คนขับจากกรมการบินพลเรือน

โดยกรุงเทพประกันภัยมุ่งมั่นในการเป็น Business Partner ของลูกค้าองค์กร ด้วยการให้คำแนะนำในการแก้ไขและวิธีป้องกันเหตุในพื้นที่ต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญ โดยลูกค้าสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปจัดการบริหารความเสี่ยงในธุรกิจได้

เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่กรุงเทพประกันภัยนำมาพัฒนาและใช้ในการดำเนินงานทุกขั้นตอน คือส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของประกันภัยได้อย่างสะดวกในทุกสถานการณ์ของชีวิต ด้วยแนวคิด  “เทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น” เพราะกรุงเทพประกันภัย แคร์คุณทุกย่างก้าว…

กรุงเทพประกันภัยยังมีเทคโนโลยีอีกมากมาย ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 0-2285-8888

]]>
1416712
ก้าวต่อไป ‘Rabbit Care’ หลังรีเเบรนด์ครั้งใหญ่ กับเป้าหมายเบี้ยประกันโต 3 พันล้านในปีนี้ https://positioningmag.com/1373037 Mon, 07 Feb 2022 11:13:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373037 ก้าวต่อไปของ ‘Rabbit Care’ โบรกเกอร์ประกันออนไลน์ หลังรีเเบรนด์ครั้งใหญ่จาก ‘Rabbit Finance’ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ายุคดิจิทัลให้หลากหลายมากขึ้น พร้อมรุกประกันสุขภาพ ตั้งเป้าหมายเพิ่มมาร์เก็ตเเชร์เป็น 5-10% ให้ได้ภายใน 5-10 ปี เล็งบุกเวียดนาม-อินโดฯ 

เเม้จะเจอความท้าทายจากวิกฤตโควิด เเต่ดูเหมือนว่าธุรกิจแพลตฟอร์มนายหน้าประกันภัย จะได้รับอานิสงส์ที่ดีจากการที่ลูกค้าเริ่มเห็นความสำคัญในการซื้อประกันมากขึ้น

ในปี 2564 ที่ผ่านมา Rabbit Care มีเบี้ยประกันภัยเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 700 ล้านบาทในปี 2563 เป็น 1.9 พันล้านบาทในปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 166% เป็นแพลตฟอร์มนายหน้าประกันภัยที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย ขยายทีมงาน 300 คนสู่ 700 คนในปัจจุบัน

โดยประกันภัยรถยนต์ของบริษัท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 212% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าซื้อกิจการของโบรกเกอร์ ‘Asia Direct’ ขณะที่กลุ่มประกันสุขภาพ เติบโตขึ้น 261% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมถึงด้านประกันภัยองค์กรที่เติบโต 63%

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ผู้ถือหุ้นรายใหม่ผ่านรอบการลงทุน Series B ได้แก่ Samsung Ventures และ Korea Investment Partners

รีเเบรนด์ให้เข้าถึงง่าย 

Rabbit Finance (แรบบิท ไฟแนนซ์) เริ่มรีแบรนด์ดิ้งปรับภาพลักษณ์ใหม่เป็น Rabbit Care (แรบบิท แคร์) ตั้งเเต่ช่วงเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา

ไมเคิล มันเฟรด สไตลเบิล ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด เล่าว่า นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ผู้คนได้รู้จักเเบรนด์มากขึ้น ให้มากกว่าการเป็นมาร์เก็ตเพลสของผลิตภัณฑ์ประกัน ซึ่งได้ร่วมมือกับเอเยนซี่เจ้าใหญ่อย่างโอกิลวี่เพื่อสื่อสารเเบรนด์ในรูปแบบใหม่

โดยจะมุ่งเน้นไปยังการให้คำปรึกษาเเละนำเสนอโซลูชันการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันและการเงินอย่างโปร่งใส ในขณะเดียวกันยังแสดงออกถึงความใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้า

ในส่วนของการออกเเบบโลโก้ใหม่นั้นที่เป็นรูปหัวใจนั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากหูของมาสคอตกระต่าย รวมถึงการเปลี่ยนสีประจำองค์กรให้เป็น “Caring Blue” ที่สื่อถึงความสงบ และดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนสโลแกนของแบรนด์เป็นใช้ใจแคร์ ดูแลครบหรือ “Complete Care” ควบคู่ไปกับการนำเสนอมาสคอตน้องแคร์ในฐานะผู้จัดการความแคร์ สื่อให้เห็นถึงการดูแลและสนับสนุนลูกค้า

เราอยากจะเป็นทางเลือกเเรกที่ให้คอยคำปรึกษา เมื่อผู้คนคิดจะซื้อประกันหรือผลิตภัณฑ์การเงินใดๆ สร้างความรู้เเละความเข้าใจ ให้สามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด ในราคาที่ดีที่สุด

เป้าปี 65 เบี้ยประกันภัย 3 พันล้าน เล็งขยายอาเซียน 

สำหรับภาพรวมของตลาดประกันภัยทั่วโลก และในประเทศไทย ปี 2565 คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวจากโควิด-19

โดยตลาดประกันภัยในไทย อยู่ในระดับที่ยังสามารถดำเนินการได้ดีเเละมีโอกาสขยายตัวได้สูง เนื่องจากสัดส่วนเบี้ยประกันรวมยังอยู่ที่ 5.3% ของ GDP ถือว่าต่ำกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่าง ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ เเละสิงคโปร์ ซึ่งมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 20.8%, 17.4% , 11.6% เเละ 9.5% ของ GDP ตามลำดับ

แนวโน้มของตลาดในเชิงบวกนี้ สอดคล้องไปกับแนวโน้มพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Rabbit Care คาดว่าการเติบโตของบริษัทในปีนี้ จะเเตะตัวเลข 2 หลัก ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยเติบโตเเตะ 3 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เบี้ยประกันวินาศภัยในระดับ 5-10% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันครองมาร์เก็ตแชร์เพียง 1% เพราะยังเป็นบริษัทขนาดเล็กที่มีโอกาสเติบโตต่อไป

นอกจากนี้ ภายใน 18 เดือนข้างหน้า Rabbit Care มีเเผนจะขยายธุรกิจออกไปยังอาเซียนอย่างเวียดนามและอินโดนีเซียด้วย

โดยในช่วงนี้จะมุ่งโฟกัสไปที่การสร้างเเพลตฟอร์มประกันเเละการเงินที่ครบวงจรให้เเข็งเกร่งก่อน ยังไม่ได้มองข้ามสเต็ปว่าจะขยายไปยังธุรกิจอื่น

พัฒนาระบบ ‘CareOS’ ช่วยลูกค้า ‘เปรียบเทียบ’ ได้ง่าย 

กลุ่มลูกค้าหลัก Rabbit Care ส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงาน อายุ 30-50 ปีมีกำลังซื้ออาศัยในเมืองเเละเเถบชานเมืองซึ่งมักจะเป็นคนดูเเลการซื้อประกันให้คนในครอบครัว โดยบริษัทมีเเผนจะขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้นทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่เเละคนต่างจังหวัด

โจฮันเนส ฟริดริค วอน โรห์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์ธุรกิจในปีนี้ ว่าจะเน้นตลาดออนไลน์ โดยได้พัฒนาระบบ ‘CareOS’ ด้วยงบประมาณหลายสิบล้านบาท เพื่อเสนอดีลประกันภัยในราคาที่ดีที่สุดภายในเวลาไม่ภายใน 30 วินาที เชื่อมต่ออัตโนมัติกับระบบของพันธมิตรกว่า 70 รายเเละพร้อมมองหาพันธมิตรใหม่ๆ

ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบและซื้อประกันภัยและผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้สะดวกสบาย ตรงกับความต้องการแบบเฉพาะบุคคลและประหยัดเวลา

นอกจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่กว่า 300 คนให้คำปรึกษาผ่านการโทรและแชท ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ Care Emergency บริการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับผู้ซื้อประกันรถยนต์ เเละ Health Caresultant บริการรับคำปรึกษาจากแพทย์สำหรับลูกค้าประกันสุขภาพ

Rabbit Care เตรียมจะขยายข้อเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการประกันภัยรถยนต์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ตลอดจนการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้ เเละวางแผนที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองทันทีภายในปีนี้

พอร์ตการเติบโตหลักของเราในปีนี้ จะมาจากธุรกิจประกัยรถยนต์ ตามมาด้วยประกันสุขภาพและประกันชีวิต

สำหรับการความท้าทายเเละการเเข่งขันในตลาด ผู้บริหาร Rabbit Care ยอมรับว่ามีการเเข่งขันสูงมากจึงต้องสร้างความเเตกต่างให้ได้เเละทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการนำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนชัดเจนโปร่งใส ง่ายต่อการเปรียบเทียบ นำมาสู่การเเข่งขันด้านราคา บริการเเละคุณค่าที่ให้กับลูกค้า โดยเร็วๆ นี้จะเปิดตัวโปรดักต์ใหม่มาลองตลาดด้วย

เร่งโปรโมตเเบบ 360 องศา 

ขณะที่ ชยพัทธ์ สกุลร่มโพธิ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเชิงพาณิชย์ บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดของ Rabbit Care ว่า จะมีการสื่อสารเเบบแบบครบวงจรบนแพลตฟอร์มออมนิแชแนลทั้งก่อนซื้อเเละดูเเลหลังการขายนำเสนอโปรโมชันต่างๆ ที่ดึงดูดใจ

อย่างในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต้องทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการเงินเข้าถึงได้ง่ายขึ้น จึงได้จัดโปรโมชันด้วยข้อเสนอสุดคุ้ม ให้ลูกค้าได้ประหยัดสูงสุด 70% และซื้อเลยจ่ายทีหลังกับโปรโมชัน ผ่อน 0% นาน 10 เดือนเป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาครั้งแรก ซึ่งจะโปรโมตผ่านทางทีวี สื่อนอกบ้าน ทางวิทยุ และออนไลน์ โดยเนื้อเรื่องจะเป็นการยกตำแหน่งให้บุคคลที่คอยทำหน้าที่จัดการเรื่องการประกันภัยและการเงินให้คนในครอบครัว เป็นเหมือน Chief Family Officer หรือ CFO

สำหรับเเนวโน้มการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจประกันในไทย เขามองว่า จากนี้จะมีการเปลี่ยนเเปลงพอสมควร หลังเจอกรณีเจอ จ่าย จบโดยเทรนด์ของธุรกิจประกันจะเน้นไปที่การรุกตลาดเรื่องรักษาพยาบาลมากขึ้น เเละประกันสุขภาพจะเป็นตัวชูโรงในตลาดไทย

 

 

]]>
1373037
‘เครือไทย โฮลดิ้งส์’ ของกลุ่ม TCC เจ้าสัวเจริญ แจ้งเลิกกิจการ ‘อาคเนย์ประกันภัย’ หลังจ่ายสินไหมโควิด 9,900 ล้าน https://positioningmag.com/1371746 Wed, 26 Jan 2022 06:00:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371746 ‘เครือไทย โฮลดิ้งส์’ ของกลุ่ม TCC เจ้าสัวเจริญ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เลิกกิจการ ‘อาคเนย์ประกันภัย’ หลังจ่ายสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดให้อาคเนย์ฯ -ไทยประกันภัยรวมกว่า 9,900 ล้าน 

วันนี้ (26 ม.ค.65) บริษัทเครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGH แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เรื่องการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ของบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยระบุว่า

จากปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยในภาพรวม ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเครือไทย โฮลดิ้งส์ ได้แก้ไขปัญหาด้วยการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจในช่วงปลายปี 2564 ดังนี้

🔴 ขายหุ้นบริษัทไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท (กลุ่ม TCC)
🔴 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเครือไทย โฮลดิ้งส์ ได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ ไทยประกันภัย นำไปจ่ายค่าสินไหม
ทดแทนการเคลมประกันโควิด ของลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ของทั้งไทยประกันภัย และอาคเนย์ประกันภัย เป็นจำนวน 9,900 ล้านบาท

เงินสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญของบริษัท ได้นำมาชำระเป็นค่าสินไหมทดแทนจากการเคลมประกันโควิด ในส่วนของอาคเนย์ประกันภัย (ผ่านการทำสัญญารับประกันภัยต่อที่เข้าทำไว้กับไทยประกันภัย) ประมาณ 8,060 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้อาคเนย์ประกันภัยยังสามารถคงสถานะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินและสามารถประกอบกิจการต่อเนื่องมาได้ในช่วงที่ผ่านมา

โดย ณ วันที่ 1 มกราคม 2565 อาคเนย์ประกันภัยมีสินทรัพย์สุทธิคงเหลือกว่า 1,800 ล้านบาท และยังสามารถดำรงอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 170

อย่างไรก็ตาม จากปัญหาการกลายพันธุ์และการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอน ที่ยังคงเพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินและการดำรงอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) ของอาคเนย์ประกันภัยให้ลดต่ำลงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดในระยะเวลาอันใกล้นี้

อาคเนย์ประกันภัย จึงได้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อให้พิจารณามีมติ “เลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย” และส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อนายทะเบียนตามกฎหมาย และโอนกิจการของอาคเนย์ประกันภัยให้แก่ บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน)

คณะกรรมการบริษัท ได้พิจารณาร่วมกับตัวแทนฝ่ายจัดการของอาคเนย์ประกันภัยอย่างรอบด้าน โดยมีความมุ่งหมายที่จะดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ให้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างดังเช่นกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยอื่นที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจะไม่ได้จำกัดเฉพาะเพียงผู้เอาประกันตามกรมธรรม์ประกันภัยโควิดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้เอากรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่น ๆ

ประกอบกับหากในกรณีที่อาคเนย์ประกันภัย ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ก็จะทำให้กองทุนประกันวินาศภัยมีภาระทางการเงิน อันเนื่องจากต้องเข้ามาช่วยเหลือแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องอันจะเป็นภาระแก่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโดยรวมอีกด้วย

นอกจากนี้ สถานะทางการเงินของอาคเนย์ประกันภัยในขณะนี้ ซึ่งยังมีสินทรัพย์สุทธิกว่า 1,800 ล้านบาทและเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio) ประมาณร้อยละ 170 อาคเนย์ประกันภัยย่อมสามารถจ่ายเงินคืนผู้เอาประกันภัยได้ครบถ้วน ‘ทุกราย’ และยังมีเงินเหลือพอที่จะชำระหนี้ให้คู่ค้าทั้งหมดรวมถึงพนักงานลูกจ้างทุกคน ซึ่งความสามารถในการชำระหนี้ของอาคเนย์ประกันภัยจะลดลงหากการตัดสินใจดำเนินการในเรื่องนี้ล่าช้าออกไป

ดังนั้น การเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ‘โดยสมัครใจ’ ในขณะที่อาคเนย์ประกันภัยยังคงมีสถานะทางการเงินที่เพียงพอ และยังดำรงเงินกองทุนได้ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยขอให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พิจารณาให้กองทุนประกันวินาศภัย เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการในเรื่องการดำเนินการคืนเบี้ยประกันให้กับผู้เอาประกันภัยทุกราย

ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ อาคเนย์ประกันภัย ยังมีภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อผู้เอาประกันภัยนั้น ๆ (ซึ่งรวมถึง กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) รวมทั้งการจัดหาผู้รับประกันภัยรายใหม่ให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามหลักเกณฑ์และแนวทางของกองทุนประกันวินาศภัย

โดยอาคเนย์ประกันภัย เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านต่างๆ ในการดำเนินการของกองทุนประกันวินาศภัยดังกล่าวจึงเป็นมาตรการที่จำเป็นและเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และจะสามารถเยียวยาผู้เอาประกันภัยและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นธรรมสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงไม่ก่อภาระเพิ่มเติมแก่กองทุนประกันวินาศภัยแต่อย่างใด

ขณะที่การดำเนินการในทางเลือกอื่นๆ เช่น การเพิ่มทุนหรือขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อใช้ในกิจการของอาคเนย์ประกันภัยอาจจะไม่สามารถทำได้ รวมถึงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TGH เองก็ได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินไปแล้วเกือบ 10,000 ล้านบาท เพื่อช่วยพยุงธุรกิจประกันวินาศภัยของกลุ่มบริษัท

ดังนั้นประชุมคณะกรรมการของ TGH เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 จึงได้มติเกี่ยวกับการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ อาคเนย์ประกันภัย ดังนี้

🔴 เห็นชอบกับแผนการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของอาคเนย์ประกันภัย ซึ่งเป็นการใช้สิทธิขอเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยโดยสมัครใจและส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่อนายทะเบียนตามมาตรา 57 และ 57/1 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535(รวมทั้งที่การแก้ไขเพิ่มเติม)

🔴 ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ให้ อาคเนย์ประกันภัย โอนกิจการของ อาคเนย์ประกันภัย ให้แก่ บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากมีความเห็นว่าเมื่อคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยพิจารณาให้กองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้เข้ามาดำเนินการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ อาคเนย์ประกันภัย ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กองทุนประกันวินาศภัยมีอยู่แล้ว ก็ควรให้กองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการในเรื่องการดำเนินการคืนเบี้ยประกันให้กับผู้เอาประกันภัยทุกรายตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ อาคเนย์ประกันภัย ยังมีภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อผู้เอาประกันภัยนั้น ๆ (ซึ่งรวมถึง กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุและการเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019)

รวมทั้งการจัดหาผู้รับประกันภัยรายใหม่ให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามหลักเกณฑ์และแนวทางของกองทุนประกันวินาศภัยด้วย โดยอาคเนย์ประกันภัย เป็นผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินการด้านต่างๆ แก่กองทุนประกันวินาศภัยดังกล่าวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้เอาประกันภัย และเพื่อเป็นการดูแลรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยและบุคคลที่เกี่ยวข้องในทุก ๆ ฝ่าย

ดังนั้น เครือไทย โฮลดิ้งส์ จะมอบหมายให้ผู้รับมอบฉันทะนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ อาคเนย์ประกันภัยเพื่อลงมติเห็นชอบให้กองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้เข้ามาดำเนินการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ อาคเนย์ประกันภัย ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กองทุนประกันวินาศภัยมีอยู่

การพิจารณาให้ อาคเนย์ประกันภัย ในฐานะบริษัทย่อยของ TGH เลิกประกอบกิจการเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการบริษัท ที่จะพิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ

อย่างไรก็ตาม การเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและการจัดการเกี่ยวกับภาระและกรมธรรม์ประกันภัยทั้งหมดของ อาคเนย์ประกันภัย จะต้องเป็นไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของอาคเนย์ประกันภัยซึ่งจะจัดให้มีการประชุมในวันที่ 26 มกราคม 2565 โดยหากมีความคืบหน้าเป็นประการใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป

(อ่านรายละเอียดฉบับเต็มที่นี่ )

โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัทประกันฯ ในเครือไทย โฮลดิ้งส์ ของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” อย่าง “บมจ.อาคเนย์ประกันภัย” และ “บมจ.ไทยประกันภัย” ได้ยื่นฟ้อง ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ฐานออกคำสั่งทางปกครอง โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้ศาลพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่องให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยฉบับลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกคำสั่ง ซึ่งยังอยู่ระหว่างรอศาลพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าทดแทนจาก ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เนื่องจากออกคำสั่งนายทะเบียน ทำให้บริษัทขาดทุน เพราะยกเลิกกรมธรรม์โควิด -19 แบบ เจอ – จ่าย – จบ ไม่ได้

อ่านรายละเอียดข่าว : “บริษัทประกันฯ โควิด” วางมวย “คปภ.” ฟ้องศาลฯ ยุติ “เจอ- จ่าย-จบ

คปภ. ยังไม่อนุญาตให้อาคเนย์ประกันภัยเลิกกิจการ กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา 

ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ขอเรียนชี้แจงว่า ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 กำหนดให้กรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยใดประสงค์จะเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยให้ยื่นคำขออนุญาตต่อคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คณะกรรมการ คปภ.) เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย หรือผู้มีส่วนได้เสีย โดยคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลา ให้บริษัทต้องปฏิบัติให้แล้วเสร็จก่อนที่คณะกรรมการจะอนุญาตให้เลิกกิจการ อย่างน้อยดังต่อไปนี้

(1) วิธีจัดการหรือการโอนภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังมีผลผูกพันอยู่

(2) วิธีการบอกกล่าวให้ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยและผู้มีส่วนได้เสียทราบ และใช้สิทธิตามกฎหมาย

(3) การโอนหรือการขอรับเงินสำรองที่บริษัทวางไว้กับนายทะเบียน

(4) การจัดการทรัพย์สินและหนี้สิน ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการประกันวินาศภัยและการลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัท

(5) ระยะเวลาของการดำเนินการตาม (1) (2) (3) และ (4) ในกรณีที่คณะกรรมการอนุญาตให้เลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย และบริษัทประสงค์จะเลิกบริษัท การเลิกบริษัทให้มีผลนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้เลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและให้มีการชำระบัญชี

แม้บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำขอเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ต่อคณะกรรมการ คปภ. ผ่านสำนักงาน คปภ. แล้ว แต่คณะกรรมการ คปภ. ยังไม่ได้อนุญาต ในการนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ตั้งคณะทำงานพิจารณารายละเอียดต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายก่อนเสนอต่อคณะกรรมการ คปภ. พิจารณาต่อไป

สำหรับกองทุนประกันวินาศภัยได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย ในกรณีบริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย และเพื่อพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้มีความมั่นคงและเสถียรภาพเท่านั้น ตามมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 ซึ่งกฎหมายไม่ได้กำหนดภารกิจของกองทุนฯ ให้ครอบคลุมถึงกรณีบริษัทประกันภัยขอเลิกประกอบธุรกิจเอง

ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก โดยยืนยันว่าตอนนี้ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังไม่สามารถปิดหรือหยุดประกอบกิจการได้ จนกว่าจะได้รับอนุญาตให้เลิกกิจการจากคณะกรรมการ คปภ.

โดยสำนักงาน คปภ. ได้ตั้งทีมงานประกอบด้วย เจ้าหน้าที่สายกำกับธุรกิจและการลงทุน สายตรวจสอบ สายวิเคราะห์ธุรกิจประกันภัย สายกฎหมายและคดี และสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว เพื่อเป็นการพิทักษ์ประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย และผู้มีส่วนได้เสีย

ล่าสุดวันนี้ (27 ม.ค.) ‘อาคเนย์ประกันภัย’ ส่งหนังสือชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินธุรกิจ และให้บริการ รวมถึงความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยตามปกติ

 

]]>
1371746
เจาะลึก ‘ดีแทค ดีชัวรันส์’ ประกันออนไลน์จาก ‘ดีแทค’ อีกก้าวสู่บริการที่มากกว่า ‘โทรคมนาคม’ https://positioningmag.com/1363642 Wed, 24 Nov 2021 12:00:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1363642

แม้สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในไทยจะเริ่มดีขึ้นเนื่องจากการมาของวัคซีน แต่ในช่วงเกือบ 2 ปี COVID-19 ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้าน (work from home) การรักษาระยะห่างทางสังคม (social distancing) และนั่นก็ทำให้ผู้บริโภคหันไปใช้ออนไลน์มาก ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปรับตัวไปสู่ดิจิทัล

ธุรกิจประกันภัย ก็ถือเป็นอีกธุรกิจที่มีการปรับตัวมากขึ้น แน่นอนว่าการระบาดของ COVID-19 ทำให้คนสนใจที่จะทำประกันมากขึ้น ดังนั้น ประกันออนไลน์จึงนับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการทำประกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทประกันภัยจะมุ่งสู่ออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น แต่การเข้าถึงประกันของประเทศไทยนั้นคิดเป็นเพียง 5% ของอัตราส่วนเบี้ยประกันภัยต่อ GDP ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก หากเทียบกับประเทศฮ่องกง ที่มีอัตราส่วนที่ 20% หรือ 12% สำหรับ อังกฤษ และอเมริกา

ไม่ใช่ว่าผู้บริโภคไม่สนใจเรื่องประกัน แต่อาจเป็นเพราะข้อจำกัดต่าง ๆ แต่ที่คนไทยก็ยังเข้าถึงประกันได้น้อย และยังไม่คิดจะทำประกันภัย โดยเฉพาะในต่างจังหวัดเพราะรู้สึกว่า

• ทางเลือกมากเกินไป เข้าใจยาก ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการประกันภัย

• ไม่มีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด

• มองว่าประกันมีราคาแพง ไม่มั่นใจว่าจะจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลประโยชน์

• ขาดการเข้าถึงตัวเลือกการชำระเงินที่สะดวก เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีบัตรเครดิต

 

จาก Pain Point ของทั้งผู้บริโภค รวมถึงความต้องการของบริษัทประกันที่จะมุ่งออนไลน์มากขึ้น ดีแทคจึงคลอดบริการใหม่ ดีแทค ดีชัวรันส์ (dtac dSurance) ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับ Bolttech หนึ่งในบริษัท InsurTech ระดับโลกที่เติบโตเร็วที่สุดในการพัฒนาแพลตฟอร์ม พร้อมกับจับมือกับพันธมิตรประกันอีก 10 ราย เพื่อเป็นศูนย์รวมประกันภัยออนไลน์ ช่วยลดช่องว่างของลูกค้าและคนไทยในการเข้าถึงประกันภัย ลดความซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องง่ายที่สุดผ่านดีแทคแอปหรือเว็บไซต์ของดีแทค

แพลตฟอร์มดังกล่าวจะรวบรวมประกันที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเปรียบเทียบความคุ้มครองกับเบี้ยประกันก่อนเพื่อหาประกันที่ตรงใจที่สุดได้อีกด้วย และเพื่อให้เข้าถึงง่ายที่สุด การชำระเงินจึงมีหลากหลายช่องทาง ทั้งชำระผ่านบัตรเครดิต, โอนเงินตรงให้ผู้รับประกันภัย หรือชำระค่าเบี้ยประกันรวมในบิลค่าใช้บริการมือถือ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้บัตรเครดิต และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อผ่านดีแทคได้โดยตรงที่เบอร์ 1678 ได้เลย

ทั้งนี้ แพลตฟอร์มจะมีประกันครอบคลุมหลากหลาย อาทิ ประกันสุขภาพ โดยเฉพาะประกันโควิด, ประกันรถยนต์, อุบัติเหตุส่วนบุคคล, ประกันภัยการเดินทาง รวมถึง พ.ร.บ และอื่น ๆ ดังนั้น ใครที่สนใจจะทำประกัน ดีแทค ดีชัวรันส์ มีครบจบในที่เดียว

ดีแทค ดีชัวรันส์ ไม่ใช่แค่อีกก้าวของกลยุทธ์ Fast forward digital ที่ดีแทคจะมุ่งสู่บริการที่ ‘มากกว่า’ โทรคมนาคม และดันให้ ดีแทคแอป ก้าวสู่การเป็น ‘ซูเปอร์แอป’ ในอนาคต แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มประกันที่ Win-Win ทั้งลูกค้าและพาร์ทเนอร์ประกันภัย เพราะดีแทคมีฐานลูกค้ากว่า 19.3 ล้านรายที่เข้าถึงได้ ดีแทคก็สามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงประกันได้ง่ายยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ดีแทคแอป หรือ dsurance.dtac.co.th โดยตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม สามารถกรอกโค้ด dsurance รับส่วนลด 15%

นอกจากนี้ยังสามารถเลือกรับสิทธิ์พิเศษจากดีแทค รีวอร์ดภายใน 14 วันหลังจากซื้อประกันภัย แลกรับได้ 1 ใน 3 สิทธิประโยชน์ดังนี้ คือ เฟรนช์ฟรายส์ ขนาดใหญ่จาก Potato Corner หรือซื้อตั๋วดูภาพยนต์ที่ เอสเอฟซีเนม่าซิตี้ มูลค่า 70 บาท หรือรับเครื่องดื่ม D’oro ฟรี

]]>
1363642
รวมมิตร 8 ประกันภัย คุ้มครองผลกระทบจากการ ‘แพ้วัคซีนโควิด-19’ https://positioningmag.com/1329128 Wed, 28 Apr 2021 11:20:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329128 วัคซีนโควิดเป็นความหวังของคนทั่วโลกที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง การกระจายวัคซีนที่รวดเร็ว จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นความเชื่อมั่น เเละรักษาชีวิตของประชาชน

เเต่จากการที่วัคซีนโควิด มีการคิดค้นเเละทำวิจัยอย่างเร่งด่วนภายใต้สถานการณ์คับขันเช่นนี้ อาจทำให้มีผลข้างเคียงต่างๆ ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งอาการเเพ้วัคซีนนั้นส่งผลต่อสุขภาพ เเละหากเเพ้รุนเเรงเเละไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

ดังนั้น รัฐจึงควรจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมีความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้ประชาชนที่ออกมาฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ในเร็ววัน

ท่ามกลางความกังวลนี้ บรรดาบริษัทประกันทั้งหลาย จึงเริ่มเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมการแพ้วัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะ รวมไปถึงประกันโควิด-19 ที่ครอบคลุมอาการแพ้วัคซีน ออกมาจับตลาดผู้บริโภคในทันที วันนี้ Positioning รวมรวบข้อมูลเปรียบเทียบเบี้ยประกันเเละความคุ้มครองต่างๆ ‘เบื้องต้น’ ดังนี้

ทั้งนี้ ก่อนจะเลือกซื้อประกันใดๆ ศึกษารายละเอียดกรมธรรม์ ความคุ้มครองเเละ ‘เงื่อนไข’ ของแต่ละบริษัทให้รอบคอบเเละครบถ้วน ตรวจสอบอีกครั้งกับทางบริษัทประกันโดยตรงหรือโบรกเกอร์ที่ให้บริการ

ประกันแพ้วัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะ 

เป็นประกันที่ออกมาเพื่อเจอกรณี ‘เเพ้วัคซีน’ มีผลข้างเคียงขึ้นมาหลังฉีด มักจะมาในรูปเเบบการชดเชยด้วยเงินค่าปลอบขวัญ จ่ายค่ารักษาพยาบาล ให้เงินชดเชยกรณีเกิดอาการโคม่าและเสียชีวิต ตามเงื่อนไขที่กรมธรรม์กำหนด

1.กรุงเทพประกันภัย

นำเสนอประกันที่คุ้มครองการแพ้วัคซีนโควิด-19 ที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล รับเงินปลอบขวัญเมื่อเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล พร้อมรองรับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฉีดวัคซีน

โดยมี 3 เเผนให้เลือก เบี้ยประกันต่อปี เริ่มต้นที่ 99 บาท 489 บาท และ 859 บาท ส่วนผู้ที่มีประกันโควิด-19 ของบริษัทอยู่แล้ว จะได้รับ ‘ราคาพิเศษ’ คือ เริ่มต้นที่ 79 บาท 389 บาท และ 679 บาท ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับความคุ้มครองและวงเงินที่จะได้รับ

เงื่อนไขการรับประกันภัย 

  • รับประกันภัยสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด-100 ปี
  • รับประกันภัยบุคคลสัญชาติไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
  • รับประกันภัยทุกอาชีพ
  • ผู้เอาประกันภัยสามารถทำประกันภัยได้คนละ 1 ฉบับ
  • แผนประกันภัยมีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี

คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่ : bangkokinsurance
สอบถามเพิ่มเติม : ทีมพัฒนาลูกค้ารายย่อยกรุงเทพประกันภัย โทร 0-2285-8585

2. เทเวศประกันภัย ร่วมกับ SCB 

เป็นประกันแพ้วัคซีนโควิด-19 เพื่อคุ้มครองผู้ที่ได้รับวัคซีน มีทั้งสิ้น 4 แผนด้วยกัน เบี้ยประกัน เริ่มต้นที่ 88 – 1,340 บาท คุ้มครองสูงสุด 3 ล้านบาท สำหรับการเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่า มีค่ารักษาพยาบาลกรณีเป็นผู้ป่วยใน เงินชดเชยรายได้สูงสุดวันละ 2,000 บาท นำเสนอประกันเเละซื้อได้ผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่ : SCB 
สอบถามเพิ่มเติม : เทเวศประกันภัย โทร. 1291 จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00–18.00 น., เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 – 19.00 น. หรือ www.deves.co.th

3. Tip Insure 

เป็นประกันภัยวัคซีนโควิด-19 ในเครือทิพยประกันภัย สมัครได้ทั้งลูกค้าทิพยฯ ที่ต้องการซื้อเพิ่มหรือลูกค้าทั่วไป มีให้เลือก 2 แผน ราคาเบี้ยประกันต่อปี 70 บาท และ 120 บาท เน้นคุ้มครองการเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่า อันเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียง จากการฉีดวัคซีนโควิดสูงสุด 1 ล้านบาท เเละการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน สูงสุด 1 เเสนบาทต่อปี เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่ : Tip Insure
หรือโทร. 1736

4. สินมั่นคงประกันภัย

ประกันภัยการแพ้วัคซีนของสินมั่นคงประกันภัย สามารถซื้อได้แม้ไม่เคยมีประกันภัยการติดเชื้อโควิด ราคาเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 30-390 บาท มีให้เลือกทั้งสิ้น 6 เเผน ครอบคลุมทั้งกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายวัน ค่าปลอบขวัญ หากต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเกินกว่า 5 วัน หรือหากกรณีมีอาการรุนแรงถึงขั้นโคม่า รับเงินช่วยเหลือเพิ่ม รวมความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่ : SMK
หรือโทร. 1596

ประกันโควิด-19 ที่รวมการ ‘แพ้วัคซีน’ 

นอกจากประกันกรณีการเเพ้วัคซีนโควิด-19 ที่ลูกค้าต้องการซื้อเพิ่มโดยเฉพาะเเล้ว ยังมีการ ‘ขยายรูปแบบ’ เป็นประกันโรคโควิด-19 ที่ครอบคลุมการเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนด้วย จะเน้นไปที่การชดเชยค่าชดเชยจากการติดโควิด-19 (เจอจ่ายจบ) เเละค่ารักษาพยาบาลเมื่อติดโรคเป็นหลัก โดยพ่วงค่าชดเชยการเเพ้วัคซีนเข้าไปเป็นตัวเสริม 

5. ไทยประกันภัย

เปิดตัวแผนประกัน ‘TIC Covid-19 Plus’ ที่ขยายความคุ้มครองครอบคลุมถึงกรณีแพ้วัคซีนโควิด มีให้เลือก 3 เเผน ราคาเบี้ยประกันต่อปี 359 บาท 579 บาท และ 689 บาท

กรณีมีอาการแทรกซ้อนจากการได้รับวัคซีนโควิด-19 จนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล (IPD) สูงสุด 20,000 บาท และความคุ้มครองจากการเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่า หรือการเจ็บป่วยระยะสุดท้าย หรือโรคร้ายแรงที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือมาจากการแพ้วัคซีนโควิด-19 สูงสุด 3 เเสนบาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

รายละเอียดแผนประกันภัย TIC Covid-19 Plus ของ TIC ไทยประกันภัย แบ่งเป็น 3 แผนดังนี้

  • แผน 1 จ่ายเบี้ยประกันภัยคนละ 359 บาท/ปี กรณีตรวจเจอเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นครั้งแรก รับทันที 50,000 บาท การรักษากรณีผู้ป่วยใน (IPD) เนื่องจากการแพ้วัคซีน 10,000 บาท* และกรณีเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าหรือระยะสุดท้ายจากโควิด-19 หรือจากการแพ้วัคซีน รับสูงสุด 150,000 บาท
  • แผน 2 จ่ายเบี้ยประกันภัย คนละ 579 บาท/ปี กรณีตรวจเจอเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นครั้งแรก รับทันที 75,000 บาท การรักษากรณีผู้ป่วยใน (IPD) เนื่องจากการแพ้วัคซีน 15,000 บาท* และกรณีเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าหรือระยะสุดท้ายจากโควิด-19 หรือจากการแพ้วัคซีน รับสูงสุด 225,000 บาท
  • แผน 3 จ่ายเบี้ยประกันภัยรายละ 689 บาท/ปี กรณีที่ตรวจเจอเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นครั้งแรก รับทันที 100,000 บาท การรักษากรณีผู้ป่วยใน (IPD) เนื่องจากการแพ้วัคซีน 20,000 บาท* และกรณีเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าหรือระยะสุดท้ายจากโควิด-19 หรือจากการแพ้วัคซีน รับสูงสุด 300,000 บาท

คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่ : thaiins
หรือโทร. 02-613-0123

6. เมืองไทยประกันชีวิต

ประกันโควิด-19 ของเมืองไทยประกันชีวิต มี 2 รูปแบบที่ครอบคลุมอาการแพ้วัคซีน ราคาเบี้ยประกันที่ 900 บาทต่อปี และ 1,200 บาทต่อปี เสนอค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยรายได้ เเละให้วงเงินค่ารักษากรณีแพ้วัคซีนที่ 50,000 บาทเท่ากัน หากมีภาวะโคม่าจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา จะมีความคุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

อ่านรายละเอียดได้ที่ : muangthaiinsurance 

นอกจากนี้ เมืองไทยประกันชีวิต ยังมี ‘ประกันเเพ้วัคซีน’ ที่สามารถซื้อเเยกได้โดยเฉพาะ ราคาเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 99-699 บาท ค่ารักษาพยาบาลกรณีได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีน เงินชดเชยรายวันจากการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน หรือหากมีภาวะโคม่าจากการฉีดวัคซีนจะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 1.5 ล้านบาท

อ่านรายละเอียดได้ที่ : muangthaiinsurance 
หรือโทร. 1484

7. ทิพยประกันภัย

ประกันภัยโควิด-19 แบบจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ ราคาเบี้ยประกัน ตั้งเเต่ 450- 1,250 บาท ครอบคลุมการรักษากรณีแพ้วัคซีนสูงสุด 1 ล้านบาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

อ่านรายละเอียดได้ที่ : TQM
หรือโทร. 1737 กด 4

8. สินทรัพย์ประกันภัย 

มีประกันโควิด-19 ทั้งแบบเจอจ่ายจบเเละจ่ายค่ารักษาพยาบาล เบี้ยประกันต่อปี 499-999 บาท ครอบคลุมกรณีแพ้วัคซีนทั้งหมด โดยหากมีภาวะโคม่าจากการป่วยโรคโควิดจะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาท เเละหากมีภาวะโคม่าจากการฉีดวัคซีนจะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 2 เเสนบาท

อ่านรายละเอียดได้ที่ : TQM
หรือโทร. 1729

 

*ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 64

*แผนประกันที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลารอคอย 14 วัน นับจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้เป็นครั้งแรก

*โปรดทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

 

]]>
1329128