จากการสำรวจของ Decoding Global Talent Report ประจำปี 2024 โดย Boston Consulting Group (BCG) ร่วมกับ The Network และ The Stepstone Group ที่สุ่มสำรวจมากกว่า 150,000 รายใน 188 ประเทศ พบว่า 3 เหตุผลที่คนอยากย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ คือ
และแม้จะมีข้อกังวลด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ของหลาย ๆ ประเทศ แต่คนก็ยัง มองหางานในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยคนที่โยกย้ายไปทำงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น +23% ในปี 2566 จากเดิมเพียง 21% ในปี 2563 และ แรงงานทักษะสูงมากถึง 800 ล้านคน สามารถหางานในต่างประเทศได้
โดย ลอนดอน ครองแชมป์ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014 ยังคงรักษาตำแหน่งสูงสุดมาตั้งแต่ปี 2014 โดยปัจจัยสำคัญมาจากที่ใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก, มีโอกาสทางการเงินมากมาย, แบรนด์ที่เปิดกว้างและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการเข้าถึงทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ในส่วนของ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีทั้งหมด 9 เมือง ที่ติดใน 30 อันดับแรก ได้แก่
สิงคโปร์ จุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของเอเชีย และอันดับที่ 7 ของโลกมีความน่าสนใจที่ สามารถดึงทาเลนต์จากประเทศรอบข้าง เช่น มาเลเซีย (30%) ไทย (22%) อินโดนีเซีย (19%) ฟิลิปปินส์ (14%) และฮ่องกง (13%) โดย 74% ของทาเลนต์ที่ย้ายไปสิงคโปร์มองว่าเป็นเพราะ คุณภาพของโอกาสในการทำงาน อีก 57% ชอบคุณภาพชีวิตในสิงคโปร์ และ 55% ชอบความปลอดภัย
“การจ้างแรงงานต่างชาติไม่เพียงแต่เติมเต็มช่องว่างด้านกำลังการผลิตเท่านั้น แต่บริษัทที่มีความหลากหลายระดับโลกมากขึ้นยังมีนวัตกรรมและความสำเร็จมากกว่าอีกด้วย พวกเขาสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเป็นนักสร้างสรรค์ระดับโลกมากกว่า 75%”
]]>นึกภาพชีวิตก่อนเกิด COVID-19 และทุกคนต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน หากคนเราคิดอยากย้ายงานขึ้นมาและต้องนัดสัมภาษณ์งาน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการแอบรับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคล การขอลาป่วยหลายครั้งในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อไปสัมภาษณ์งานหลายแห่ง
หรือถ้าจะแอบแวบออกจากออฟฟิศเพื่อไปสัมภาษณ์งาน ก็ต้องเป็นออฟฟิศที่ไม่ไกลกันมากเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แถมยังต้องกังวลว่าวันนี้แต่งตัวเป็นทางการเกินไป จะมีใครจับได้หรือเปล่าอีก
แต่เมื่อชีวิตหลัง COVID-19 มีหลายบริษัทอนุญาตให้พนักงาน Work from Anywhere ทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปทันที ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครได้ยินการคุยโทรศัพท์ สามารถนัดสัมภาษณ์ออนไลน์ 30-60 นาทีได้สบายๆ หรือถ้าว่าที่ออฟฟิศใหม่ต้องการสัมภาษณ์แบบเจอตัว ก็สามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องลาหยุด และไม่ต้องคิดถึงระยะเดินทาง
ปรากฏการณ์นี้ถูกยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง จากงานวิจัยโดยนักเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและ ITAM เม็กซิโก สัมภาษณ์พนักงานอเมริกัน 2,000 คน ซึ่งคนส่วนใหญ่เห็นว่า การทำงานจากบ้านทำให้เข้าสัมภาษณ์งานใหม่ง่ายกว่ามาก
ผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า หากเจ้านายรู้ว่าคุณกำลังหางานใหม่อยู่ อาจจะเป็นผลเสียต่อตัวคุณได้ รวมถึงการหางานมักจะกระทบกับงานที่ทำปัจจุบัน เพราะต้องลางานบ่อยเพื่อเดินทางไปสัมภาษณ์
เมื่อการทำงานอยู่บ้านช่วยแก้ปัญหานี้ ทำให้พนักงานอเมริกันสมัครงานเยอะกว่าเดิม ข้อมูลจาก Monday Talent เอเจนซี่หางานในสหรัฐฯ ระบุ
ปัจจัยนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ The Great Resignation ในสหรัฐฯ ด้วย ช่วงที่ผ่านมามีกระแสพนักงานลาออกและย้ายงานครั้งใหญ่จากความเปลี่ยนแปลงช่วงหลังโรคระบาดคลี่คลาย ซึ่งการสัมภาษณ์งานได้ง่ายเป็นตัวเร่งหนึ่งของเรื่องนี้
แอนโตนิโอ เนฟส์ โค้ชที่ปรึกษาการสมัครงาน ให้ความเห็นว่า ยิ่งเป็นพนักงานระดับกลางแล้วนั้น ทางเลือกการทำงานมีสูงมากจนตัวพนักงานเองสามารถสัมภาษณ์ว่าที่หัวหน้าใหม่ได้พอๆ กับที่ตัวเองถูกสัมภาษณ์
ดังนั้น อัตราการลาออกน่าจะสูงขึ้นอย่างถาวร เพราะความยืดหยุ่นในการหางานใหม่ที่มากขึ้น เหมือนกับการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ทำให้คนซื้อสินค้ามากขึ้น
]]>