รถบรรทุก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 08 Oct 2022 12:28:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Pepsi บริษัทแรกที่จะได้รับมอบ “รถบรรทุกไฟฟ้า” จาก Tesla เดือนธันวาคมนี้ https://positioningmag.com/1403629 Sat, 08 Oct 2022 03:25:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403629 Tesla เริ่มผลิต “รถบรรทุกไฟฟ้า” เพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์แล้ว และ PepsiCo จะเป็นบริษัทแรกที่ได้รับมอบในวันที่ 1 ธันวาคมนี้

“อีลอน มัสก์” เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้า Semi Class 8 เมื่อปี 2017 และวางแผนว่าจะเริ่มผลิตตั้งแต่ปี 2019 อย่างไรก็ตาม ไทม์ไลน์การผลิตต้องเลื่อนไปหลายครั้งเพราะขาดแคลนอะไหล่ ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าการเริ่มผลิตจริงจะมีการผลิตลอตแรกออกมากี่คัน

หน้าเว็บไซต์ Tesla ระบุว่า รถบรรทุกไฟฟ้าคันแรกของ Tesla วิ่งได้ 500 ไมล์ (ราว 805 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 20 วินาที และใช้พลังงาน 2kWh ต่อ 1 ไมล์ โดยบรรทุกได้สูงสุด 82,000 ปอนด์ (ประมาณ 37,000 กิโลกรัม)

รถบรรทุก Semi หากใช้แท่นชาร์จของ Tesla ที่ออกแบบสำหรับรถคันนี้ จะใช้เวลา 30 นาทีในการชาร์จจาก 0% ถึง 70% ของความจุแบตเตอรี่ บริษัทยังคำนวณมาด้วยว่าการใช้ไฟฟ้าจะประหยัดกว่าการใช้น้ำมันดีเซลประมาณ 2.5 เท่า

ส่วนราคาประเมินคาดว่าจะอยู่ที่คันละ 180,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6.73 ล้านบาท) แต่หากจัดส่งในสหรัฐฯ ก็จะได้รับส่วนลดเงินอุดหนุนจากรัฐคันละ 40,000 เหรียญ (ประมาณ 1.50 ล้านบาท)

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 บริษัท PepsiCo เป็นบริษัทที่สั่งจองรถบรรทุกไฟฟ้าจาก Tesla ทันที 100 คัน เพราะสอดคล้องกับนโยบายบริษัทที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนของฟลีตรถขนส่ง

“รามอน ลากัวร์ตา” ประธานกรรมการบริหาร PepsiCo กล่าวกับสำนักข่าว CNBC เมื่อปีก่อนว่า การขนส่งคิดเป็นสัดส่วน 10% ของการปล่อยคาร์บอนของทั้งบริษัท ทำให้รถบรรทุกไฟฟ้าจะมาช่วยลดคาร์บอนได้ โดยวางแผนจะนำมาใช้ในขั้นตอนการขนส่งเครื่องดื่มและขนมจากโรงงานไปยังศูนย์กระจายสินค้า และจากศูนย์ฯ ไปยังพื้นที่รีเทลด้วย

Source

]]>
1403629
‘วอลโว่’ เริ่มทดสอบรถบรรทุกพลัง ‘ไฮโดรเจน’ วิ่งได้ไกล 1,000 กม. เติมเชื้อเพลิงแค่ 15 นาที https://positioningmag.com/1389639 Wed, 22 Jun 2022 07:49:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389639 วอลโว่ ทรัคส์ (Volvo Trucks) เปิดเผยว่า ได้เริ่มทดสอบรถบรรทุกที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน โดยอ้างว่าสามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,000 กิโลเมตร และใช้เวลาเติมพลังงานเพียง 15 นาที

ในแถลงการณ์ วอลโว่ ทรัคส์ กล่าวว่า เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถบรรทุกจะให้บริการโดย Cellcentric ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ Daimler Truck ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2021

“รถบรรทุกเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ไฮโดรเจนจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับระยะทางไกลและการใช้งานหนักที่มีความต้องการพลังงานสูง” โรเจอร์ อาล์ม ประธานของวอลโว่ ทรัคส์ กล่าว

เนื่องจากการแข่งขันในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการแข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษให้เป็นศูนย์ ทำให้วอลโว่ ทรัคส์ต้องแข่งขันกับบริษัทต่าง ๆ เช่น เทสลา รวมไปถึงหุ้นส่วนร่วมทุนอย่าง Daimler Truck ซึ่งต่างก็กำลังพัฒนารถบรรทุกไฟฟ้า ทำให้บริษัทกำลังพัฒนารถบรรทุกที่ใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าควบคู่ไปด้วย

อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานไฟฟ้าของรถบรรทุกสำหรับงานหนักระยะไกลนั่นยังมีข้อจำกัด โดย Global EV Outlook ประจำปี 2021 ระบุว่า หากจะพัฒนารถบรรทุกอีวีระยะไกล จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการชาร์จพลังงานที่สูงหรือต้องมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่

Martin Daum ประธานคณะกรรมการบริหารของ Daimler Truck กล่าวว่า ที่ต้องพัฒนาทั้งรถบรรทุกพลังงานไฮโดรเจนและพลังงานไฟฟ้าเป็นเพราะแต่ละเทคโนโลยีมีความเหมาะสมต่างกัน อย่างการจัดส่งสินค้าในเมืองจะเหมาะกับการใช้พลังงานไฟฟ้า เพราะใช้พลังงานในปริมาณน้อย แต่ถ้าต้องขนส่งระยะไกล ๆ พลังงานไฮโดรเจนจะตอบโจทย์กว่า

อย่างไรก็ตาม แม้การใช้พลังงานไฮโดรเจนจะดูล้ำ แต่ก็มีอุปสรรคในการขยายธุรกิจในส่วนนี้ โดยเฉพาะการจัดหา ไฮโดรเจนสีเขียว จำนวนมาก นอกจากนี้ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานการเติมเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะหนักยังไม่ได้รับการพัฒนามากนัก

ทั้งนี้ พลังงานไฮโดรเจนมีการใช้งานที่หลากหลายและสามารถนำไปใช้ได้ในอุตสาหกรรม เช่นเดียวกันกับกระบวนการผลิตที่มีหลากหลาย แต่สำหรับ ไฮโดรเจนสีเขียว เป็นการผลิตไฮโดรเจนจาก พลังงานหมุนเวียน เช่น การใช้อิเล็กโทรไลซิสด้วยกระแสไฟฟ้าที่แยกน้ำออกเป็นออกซิเจนและไฮโดรเจนยังถือว่ามีสัดส่วนที่น้อย เพราะทุกวันนี้การผลิตไฮโดรเจนส่วนใหญ่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

Source

]]>
1389639
MAN รุกตลาด “รถบรรทุก” เมืองไทยเต็มสูบ ส่งเครื่องยนต์เยอรมันชิงส่วนแบ่งการตลาด 20% https://positioningmag.com/1291242 Wed, 05 Aug 2020 12:25:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291242
  • MAN (เอ็ม เอ เอ็น) รถบรรทุกสัญชาติเยอรมัน เปลี่ยนจากระบบตัวแทนนำเข้าสินค้ามาตั้งบริษัทนำเข้าด้วยตนเอง โดยไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศเอเชียแปซิฟิกที่บริษัทแม่ลุยตลาดเอง นอกจากส่งรถบรรทุกนำเข้ามาลุยตลาดแล้ว ยังมีรถบัสเป็นอีกไลน์สินค้าหนึ่ง
  • กลุ่มรถบรรทุกจากยุโรปเป็นตลาดขนาดเล็กในไทย โดยมียอดขายปีละประมาณ 600 คัน MAN ต้องการชิงส่วนแบ่งตลาดส่วนนี้ให้ได้ 20% ภายในปี 2564
  • อย่างไรก็ตาม สภาวะตลาดรถบรรทุกยุโรป 7 เดือนแรกปีนี้ลดลงถึง 35% จากโรคระบาด COVID-19 ทำให้คาดว่าปี 2563-64 จะมียอดขายทั้งตลาดเพียง 450-500 คัน
  • “จักรพงษ์ ศานติรัตน์” ผู้อำนวยการ เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท เอ็ม เอ เอ็น เจ้าของแบรนด์รถบรรทุกและรถบัส MAN จากเยอรมนี ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดเมืองไทยด้วยตนเองตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ตามนโยบายบุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัทแม่ โดยก่อนหน้านั้น MAN มียอดขายในเมืองไทยเป็นอันดับ 3 เนื่องจากมีผู้นำเข้าทำตลาดอยู่ก่อนแล้วมาตั้งแต่ปี 2538

    เมืองไทยเป็น 1 ใน 5 ตลาดเอเชียแปซิฟิกที่ MAN เลือกเปิดบริษัทด้วยตนเอง ร่วมกับจีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และฮ่องกง ส่วนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้อีก 10 ประเทศ บริษัทยังทำตลาดผ่านผู้นำเข้าอยู่

    จักรพงษ์กล่าวว่า รถบรรทุกและรถบัส MAN มีจุดแข็งที่ประวัติการดำเนินงานยาวนานกว่า 260 ปี เป็นบริษัทที่ให้ความร่วมมือกับ “รูดอล์ฟ ดีเซล” ผู้ประดิษฐ์เครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกของโลกขึ้นในปี 2440 ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานหลักและสำนักงานใหญ่ที่เมืองมิวนิก และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ Volkswagen เมื่อปี 2554 ทำให้สามารถแข่งขันได้ในแง่คุณภาพ ความทนทานนวัตกรรม และการผลิตมาตรฐานเยอรมัน

    “จักรพงษ์ ศานติรัตน์” ผู้อำนวยการ เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย

    ตีชิงส่วนแบ่งตลาดรถบรรทุกยุโรป

    สำหรับสินค้าที่ MAN จะนำเข้ามาเปิดตลาดไทยในเดือนกันยายนนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มรถบรรทุก รุ่น TGS 6X4 แบบ 10 ล้อทั้งแบบหัวลากและแบบมีกระบะ (Rigid) ตั้งแต่ 360-440 แรงม้า 2.กลุ่มรถบัส มีทั้งแบบรถเมล์ชานต่ำ รถเมล์วิ่งระหว่างเมือง และรถโค้ชทางไกล โดยรถบัสจะนำเข้าเฉพาะแชสซีส์รถ ส่วนตัวถังจะผลิตในประเทศไทยโดย บริษัท ท็อปเบสท์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นผู้ผลิตและดีลเลอร์การขายกลุ่มรถบัสแต่เพียงรายเดียวในไทย

    จักรพงษ์กล่าวว่า ตลาดรถบรรทุกในประเทศไทยปกติจะมียอดขายเฉลี่ยปีละ 17,000-18,000 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกจากญี่ปุ่น รถบรรทุกจากยุโรปจะมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันเพียง 3-5% เท่านั้น อย่างในปี 2562 ที่ผ่านมา รถบรรทุกยุโรปมียอดขายรวมกัน 632 คัน และเฉพาะ 2 เจ้าใหญ่ในตลาดรถบรรทุกยุโรปก็มียอดขายรวมกันถึง 90% ของตลาดนี้แล้ว (แบรนด์ดังกล่าวได้แก่ Scania และ Volvo)

    รถบรรทุกและรถบัสของ MAN

    “ตลาดรถบรรทุกยุโรปนั้นปัจจุบันเราอยู่อันดับ 3 แต่ก็เป็นอันดับ 3 ที่ห่างมาก เราอยากจะโดดขึ้นไปให้ช่องว่างลดลง” จักรพงษ์กล่าว

    โดยปี 2564 เอ็ม เอ เอ็นตั้งเป้ายอดขายรถบรรทุกจะขึ้นไปถึง 100-120 คัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20% ของตลาดรวมรถบรรทุกยุโรปปีหน้า

     

    ทำราคาแข่งขันได้ เร่งขยายดีลเลอร์เป็น 10 เจ้า

    แบรนด์รถบรรทุกเจ้าใหญ่ดังกล่าว มีโรงงานผลิตและประกอบภายในประเทศไทยทำให้ทำราคาได้ดี แต่ทาง MAN ยังยืนยันนำเข้ามาจากเยอรมนี โดยเฉพาะตัวเครื่องยนต์ยังไม่มีแผนมาผลิตในไทยเพราะต้องการควบคุมคุณภาพ ส่วนตัวถังนั้นอาจเป็นไปได้ที่จะผลิตในไทยในอนาคต

    การนำเข้าทั้งคันทำให้ราคาเริ่มต้นของรถบรรทุก MAN จะอยู่ที่ 4.2 ล้านบาท โดยยังไม่รวมภาษี กรณีที่เป็นรถหัวลากจะบวกภาษีอีก 20% และรถบรรทุกกระบะ Rigid จะบวกภาษีอีก 40% แต่จักรพงษ์ยืนยันว่า ราคาปลายทางรวมภาษีแล้วจะสามารถแข่งขันได้ในตลาด

    นอกจากเรื่องราคาและคุณภาพพร้อมรับประกันทั้งคัน 12 เดือนไม่จำกัดระยะทาง การขยายไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ทางเอ็ม เอ เอ็นจะเร่งขยายฐานดีลเลอร์ตั้งเป้า 10 แห่งภายใน 5 ปี โดยเป็น Private Dealer 100% ขณะนี้มีสาขาแล้ว 1 แห่งในกทม. ร่วมกับพันธมิตร บริษัท เค-แมน ออโต้เซอร์วิส จำกัด เฉพาะปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 แห่ง มุ่งหมายปักหลักสาขาใหม่ในภาคเหนือ อีสาน และใต้ เพื่อวางโครงข่ายกระจายไปทุกภาคก่อน

    “พอเราเข้ามาทำเอง ราคาก็จะถูกลงแบบ ‘พร้อมชน’ กับแบรนด์อื่น” จักรพงษ์กล่าว “ส่วนดีลเลอร์ทั้งหมด 10 จุดก็มองว่าไม่น้อยนะครับ เพราะแบรนด์ยุโรปเจ้าอื่นก็มีมากที่สุดไม่เกิน 15 จุดทั่วประเทศ”

     

    ตลาดซบถึงปี 2564 แต่ระยะยาวมีโอกาส

    ด้านสถานการณ์ตลาดรถบรรทุกยุโรปในไทย จักรพงษ์เปิดเผยว่า 7 เดือนแรกปีนี้ค่อนข้างหนัก ยอดขายลดลงไปแล้ว 35% เทียบกับปี’62 เนื่องจากโรคระบาด COVID-19 คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้น่าจะมียอดขายทั้งตลาดเพียง 400-450 คัน ต่อเนื่องถึงปี 2564 มองว่ายอดขายอาจจะยังไม่กลับมาเป็นปกติ ทั้งตลาดน่าจะทำได้ประมาณ 500 คัน

    แม้ตลาดช่วงเปิดตัวไม่ค่อยเป็นใจนัก แต่บริษัทก็ไม่ได้ชะลอแผน เพราะมองว่าระยะยาวตลาดรถยุโรปน่าจะมีโอกาสกินส่วนแบ่งรถญี่ปุ่นมากขึ้น เนื่องจากระบบโลจิสติกส์ในประเทศจะต้องการ “ความแม่นยำ” สูงขึ้น ต้อง “เร็ว” และ “ตรงเวลา” ขณะที่รถบรรทุกญี่ปุ่นจะทนทานน้อยกว่าเสียบ่อยกว่า และถ้าใช้ระบบแก๊สจะต้องต่อแถวรอเติมแก๊สนาน ทำให้ควบคุมความแม่นยำได้ยาก

    อีกส่วนหนึ่งคือ มาตรฐานไอเสียรถยนต์ ปัจจุบันประเทศไทยยังกำหนดมาตรฐานที่ EURO 3 แต่ต่อไปน่าจะต้องขยับขึ้นไปจนถึง EURO 4,5 และ 6 เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้าน ยกตัวอย่างในประเทศเวียดนามมีการขยับมาตรฐานไปที่ EURO 4 แล้ว รถที่มีคุณภาพมาตรฐานไอเสียสูงขึ้น ราคาของรถยุโรปกับญี่ปุ่นก็จะใกล้เคียงกันมากขึ้น ทำให้รถญี่ปุ่นได้เปรียบเรื่องราคาน้อยลง

    “ปัจจุบันอุตสาหกรรมที่จะเลือกรถบรรทุกยุโรป มักจะเป็นกลุ่มบริษัทที่ได้สัญญาวิ่งงานทางไกลระยะยาว 3-5 ปี ทำให้การลงทุนรถยุโรปคุ้มกว่า รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่ต้องขนส่งสินค้ามีราคา ต้องตรงเวลา และละเอียดอ่อน เช่น ผักผลไม้เกรดดีที่ขนส่งเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต และสุดท้ายคือกลุ่มงานพิเศษ ขนสินค้าราคาสูง เช่น เครื่องจักรหนัก หม้อแปลงไฟฟ้า เสาเข็ม ตอม่อ เป็นต้น” จักรพงษ์กล่าว

    ]]>
    1291242
    Waymo เริ่มทดสอบ “รถบรรทุก-มินิเเวนไร้คนขับ” วิ่งบนถนนจริงในเท็กซัสเเละนิวเม็กซิโก https://positioningmag.com/1262114 Mon, 27 Jan 2020 12:20:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1262114 หากใครจะเดินทางไปเเถวรัฐเท็กซัสเเละนิวเม็กซิโกในช่วงนี้ อาจจะได้เห็น “รถบรรทุกไร้คนขับ” วิ่งอยู่บนถนนก็เป็นได้

    ล่าสุด Waymo บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของ Alphabet (บริษัทเเม่ของ Google) ประกาศจะเริ่มนำมินิแวน “Chrysler Pacifica” และรถบรรทุกไร้คนขับ ออกวิ่งบนถถนนจริงในรัฐเท็กซัสและรัฐนิวเม็กซิโก เพื่อทดสอบความพร้อมที่จะนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมาให้บริการเชิงพาณิชย์ในอนาคต

    โดย Waymo จะให้รถมินิแวน Chrysler Pacifica ได้ลองเรียนรู้สภาพถนนเเละสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อสร้างแผนที่ถนนที่ใช้สัญจรจริงขึ้นมา ซึ่งรถไร้คนขับเหล่านี้ส่วนใหญ่จะวิ่งอยู่โซนระหว่างรัฐเเละเมืองต่างๆ เช่น เมือง El Paso, Dallas เเละ Houston เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการทดสอบก็ยังจะมีคนขับรถคอยควบคุมความปลอดภัยอยู่ด้วย

    ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ทำการทดสอบรถบรรทุกไร้คนขับในรัฐแอริโซนา แคลิฟอร์เนีย และจอร์เจียมาเเล้ว ด้วยการที่เท็กซัสนั้นมี “ปริมาณการขนส่งสินค้าสูงมาก” ก็ทำให้ทางภาครัฐยินดีตอบรับการทดลองยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติดังกล่าว

    ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Waymo เปิดเผยว่า บริษัทมีการทดสอบให้รถยนต์ไร้คนขับวิ่งบนท้องถนนไปแล้ว รวมระยะทางกว่า 32.2 ล้านกิโลเมตร นับตั้งแต่เริ่มโครงการพัฒนาเมื่อปี 2009

    คงต้องรออีกสักพักกว่าจะได้เห็นเหล่า “รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติ” เริ่มขนส่งสินค้าได้จริงทั่วอเมริกา ด้วยความที่การขนส่งสินค้าภายในประเทศนั้นใช้รถบรรทุกเป็นหลักกว่า 70% จึงเป็นโอกาสทองของบริษัทผู้นำขออุตสาหกรรมยานยนต์ไร้คนขับอย่าง Waymo, Uber และ Tesla ที่จะพัฒนารถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติออกมาตีตลาด

    ที่มา : Engadget, Reuters

    ]]>
    1262114