วัฒนธรรม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 09 Aug 2021 08:24:24 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 งดปั่นโหวต! Weibo เตรียมลบลิสต์อันดับคนดัง หลังรัฐเข้มกวดขันเยาวชน “แฟนด้อม” จีน https://positioningmag.com/1345794 Mon, 09 Aug 2021 07:31:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345794 Weibo (เวยป๋อ) คือโซเชียลมีเดียทรงอิทธิพลของวงการบันเทิงจีน แต่แพลตฟอร์มนี้กำลังจะลบ “ลิสต์จัดอันดับคนดัง” ออกไป เพื่อตอบรับนโยบายรัฐที่เริ่มกวดขัน “แฟนด้อม” ทั้งหลาย โดยมองว่าพฤติกรรมการเป็นแฟนคลับที่มากเกินไปทำให้เยาวชน “บริโภคเกินตัว”

โซเชียลมีเดียดัง Weibo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคล้ายกับ Twitter ผสมกับ Facebook ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม 2021 ว่า แพลตฟอร์มกำลังจะลบลิสต์คนดังในวงการบันเทิงและดนตรีหรือ “Weibo Star Power Ranking List” ออกไป โดยลิสต์นี้มีการจัดอันดับจากยอดผู้ติดตามและความนิยมของโพสต์ที่คนดังเหล่านั้นลงใน Weibo

นโยบายของบริษัทรับลูกหลังหนังสือพิมพ์ของรัฐ People’s Daily ลงบทความวิพากษ์วิจารณ์แพลตฟอร์มว่า ให้ความสำคัญกับทราฟฟิกยอดผู้เข้าชมออนไลน์ของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของเยาวชน

สำนักข่าว Reuters แปลบทความชี้ชะตาชิ้นนี้ว่า บทความระบุให้สื่อโซเชียล “ควรจะกำกับควบคุมรายการพัฒนาไอดอล และเข้มงวดกับรายการประกวดแสดงทาเลนต์ต่างๆ” การควบคุมที่ว่าคือให้จัดระเบียบระบบการโหวต การรีวิว และคอมเมนต์เสียใหม่

ตัวอย่างรายการประกวดไอดอลที่ถูกรัฐบาลจีนจับตามอง

บทความดังกล่าวไม่ได้ระบุชื่อ Weibo โดยตรง แต่ทางบริษัทก็ตัดสินใจจะนำ “ลิสต์คนดัง” ออกจากแพลตฟอร์มในเวลาต่อมา ทั้งนี้ แพลตฟอร์มให้เหตุผลว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแฟนคลับบางกลุ่มแสดงออกถึง “แรงสนับสนุนที่ไร้เหตุผล” ต่อเซเลปคนดังที่พวกเขาหรือเธอชื่นชอบ

แพลตฟอร์มมองว่า ลิสต์คนดังนี้กลายเป็นตัวกระตุ้นในเชิงลบในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนดังกับกลุ่มแฟนๆ

บทความของ People’s Daily ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยังกล่าววิจารณ์อย่างรุนแรงด้วยว่า “พฤติกรรมการไล่ตามดาราอย่างบ้าคลั่งได้ทำให้ประชาชนค่อยๆ เสียสติของตนเองไป”

ตัวอย่างหน้าแพลตฟอร์ม Weibo

บทความดังกล่าวมีข้อความที่สื่อถึงแนวคิดจากรัฐบาลจีนหลายจุด เช่น “โดยทั่วไปแล้ว แฟนคลับอายุน้อยส่วนมากยังไม่สามารถหาเงินเองได้ อีกทั้งความคิดความอ่านก็ยังไม่โตพอ พวกเขามักจะตกลงในกับดักของ ‘การบริโภคเกินตัว’ และ ‘มีการยืมเงินเพื่อไปตามดารา’ ด้วย”

“…ด้วยความรักที่มีให้ แฟนคลับยินดีที่จะใช้ทั้งเงิน เวลา และพลังงานเพื่อสร้างโมเมนตัมและทรัพยากรเป็นฐานให้กับไอดอล ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล แต่ในกรณีของแฟนคลับที่สุดโต่งบางคน เงินเท่ากับความรัก และความรักที่มีให้ไอดอลมากเท่าไหร่ ต้องสะท้อนออกไปด้วยเงินที่คุณใช้จ่ายให้พวกเขามากเท่านั้น”

“ถ้าคุณใช้เงินน้อยลง คุณจะถูกโจมตีว่า ‘ความรักของคุณไม่มีค่า’ ทำให้การกดไลก์และการสนับสนุนต่างๆ กลายมาเป็นการสร้างแบรนด์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด สร้างลิสต์จัดอันดับไม่มีที่สิ้นสุด และดาต้ามากมายไม่มีที่สิ้นสุด”

หนังสือพิมพ์ยังสรุปด้วยว่าธุรกิจโชว์บิซขณะนี้กลายเป็น “ทฤษฎีสมคบคิดจากหลายฝ่ายที่ล้อมรอบและกดขี่แฟนคลับเอาไว้” โดยฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีตั้งแต่ “ศิลปิน แบรนด์ แพลตฟอร์ม ทีมโบรกเกอร์ ฯลฯ”

Screenshot วิดีโอแบบ UGC ใน Bilibili

นอกจาก Weibo แล้ว ช่องทางที่แฟนๆ มักใช้ติดตามคนดังยังรวมถึง Bilibili (คล้าย YouTube ที่เรารู้จัก) , Kuaishou (เว็บไซต์จัดไลฟ์สตรีมมิ่ง) และ Douyin (หรือที่เรารู้จักในชื่อ TikTok)

การกวดขันโซเชียลมีเดียของจีนมีมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ยกตัวอย่างเช่น เดือนก่อนทั้ง Weibo, Taobao มาร์เก็ตเพลซของจีน, QQ แอปแชทจีน, Kuaishou และ Xiaohongshu แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ต่างถูกปรับเงินทั้งหมดเพราะซื้อขายสติ๊กเกอร์ออนไลน์หรือเผยแพร่วิดีโอที่เกี่ยวข้องกับ “เยาวชน” ในท่าทางที่ “สื่อถึงเรื่องเพศ”

หนังสือพิมพ์ People’s Daily เปรียบได้กับกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในอดีตมีบทความหลายชิ้นที่ตีพิมพ์เพื่อวิพากษ์วิจารณ์บางเรื่องและรัฐดำเนินการจัดการตามนั้น เช่น เคยมีบทความเรียกร้องให้ทลายอุตสาหกรรมเกมเพราะทำให้วัยรุ่นเหมือน “ติดฝิ่นทางจิตวิญญาณ” จากการเล่นเกมมากเกินไป หลังจากนั้นรัฐเข้ามากวดขันวงการเกมทันที

Source

]]>
1345794
“กัมพูชา” จ่อออกกฎหมายปรับเงินหญิงนุ่งสั้น-ใส่ชุดซีทรู หวังอนุรักษ์วัฒนธรรม https://positioningmag.com/1290534 Sat, 01 Aug 2020 14:00:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1290534 กัมพูชากำลังเสนอร่างกฎหมายที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปรับเงินกับผู้ที่ถูกมองว่าแต่งกายไม่เหมาะสมได้ กฎหมายที่นักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนมองว่าอาจถูกใช้ลดทอนเสรีภาพของผู้หญิง และส่งเสริมวัฒนธรรมการยกเว้นโทษในเรื่องความรุนแรงทางเพศ

ร่างกฎหมายที่จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้าหากได้รับการอนุมัติจากกระทรวงต่างๆ และรัฐสภา จะกำหนดห้ามผู้ชายเปลือยท่อนบนเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ และห้ามผู้หญิงสวมใส่สิ่งที่สั้นเกินไปหรือชุดซีทรู

ขณะที่ร่างกฎหมายของรัฐบาลฉบับนี้ถูกระบุว่า เป็นหนทางที่จะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของชาติ แต่นักวิจารณ์วิตกว่ากฎหมายนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมและกดขี่ผู้หญิงในประเทศ

ในช่วงหลายเดือนมานี้ เราได้เห็นการกำกับควบคุมร่างกายและเครื่องแต่งกายของผู้หญิงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ที่ลดทอนสิทธิของผู้หญิงในการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายของตนและการแสดงออก และกล่าวโทษผู้หญิงสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เรากังวลว่าสิ่งนี้จะถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมกับผู้หญิงที่ใช้เสรีภาพขั้นพื้นฐานของพวกเขาเองจัก สุเพียบ ผู้อำนวยการศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา กล่าว

แต่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยที่เป็นผู้นำกระบวนการร่างกฎหมาย กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิม

มันเป็นเรื่องดีที่จะสวมใส่สิ่งที่ไม่สั้นมากไปกว่าครึ่งต้นขา มันไม่ใช่เรื่องของความสงบเรียบร้อย แต่เป็นเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณี เจ้าหน้าที่รัฐ กล่าว

เมื่อต้นปี มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในข้อหาการแสดงลามกอนาจารหลังปฏิเสธคำเตือนของเจ้าหน้าที่ที่ให้สวมชุดที่ไม่เปิดเผยเนื้อตัวมากเกินไปขณะขายเสื้อผ้าและเครื่องสำอางผ่านไลฟ์เฟซบุ๊ก

การจับกุมหญิงคนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตามจับผู้หญิงที่ใช้รูปแบบการขายในลักษณะยั่วยวน ที่ผู้นำเขมรกล่าวว่า สร้างความเสื่อมเสียต่อวัฒนธรรมกัมพูชาและส่งเสริมให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศ

กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวตำหนิการปราบปรามดังกล่าว และเตือนว่ากฎหมายใหม่สามารถทำให้ผู้หญิงตกอยู่ในความเสี่ยงของการถูกคุกคามและความรุนแรงทางเพศได้มากยิ่งขึ้นจากการส่งเสริมวัฒนธรรมการกล่าวโทษเหยื่อ

การตำหนิติเตียนผู้หญิงจากการเลือกเสื้อผ้าของพวกเธอนั้นเป็นการตอกย้ำความคิดที่ว่าผู้หญิงต้องถูกกล่าวโทษสำหรับความรุนแรงทางเพศที่พวกเธอต้องทนทุกข์ และยังปกป้องวัฒนธรรมของการไม่ต้องรับโทษที่มีอยู่รองผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว

ชาวกัมพูชาจำนวนมากยังคงคาดหวังว่าผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายยอมจำนนและเงียบสงบ ตามบทกวี Chbap Srey ที่เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับสตรีที่บรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียน ซึ่งสหประชาชาติกล่าวเมื่อปีก่อนว่าควรถูกกำจัดออกให้หมดไปจากโรงเรียน และยังระบุว่าเป็นสาเหตุของความเสียเปรียบของผู้หญิง

Source

]]>
1290534