Bilibili เว็บไซต์รวมคลิปวิดีโอแบบ UGC ของจีนที่เคยเติบโตจากกลุ่มเด็กๆ กลายมาเป็นแพลตฟอร์มสุดฮิตของแดนมังกร โดยมีผู้ใช้แตะ 172 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทัดเทียมคู่แข่งอย่าง Tencent Video และ iQiyi นอกจากนี้ ระยะเวลาใช้งานต่อครั้งยังเพิ่มขึ้นแตะ 87 นาที เนื่องจากการกักตัวช่วง COVID-19
Bilibili ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 ในฐานะสตาร์ทอัพ และเติบโตจนปัจจุบันเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ ที่สหรัฐฯ พร้อมรับเงินลงทุนทั้งจากฝั่ง Tencent และ Alibaba ซึ่งมีสตาร์ทอัพน้อยรายที่จะได้เงินลงทุนจากทั้งสองฝ่ายอันเป็นคู่แข่งกันเช่นนี้
การเติบโตของ Bilibili เรียกได้ว่าเป็น ‘YouTube แห่งแดนมังกร’ เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นคลิปวิดีโอ UGC (User-Generated Content) และเข้าชมได้ฟรี จะต่างจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งคู่แข่งอย่าง Tencent Video และ iQiyi ซึ่งเป็นสตรีมมิ่งสไตล์เดียวกับ Netflix คือเป็นแหล่งคอนเทนต์ระดับมืออาชีพ และต้องชำระเงินสมัครสมาชิก
จุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนี้โด่งดังในกลุ่มเยาวชนก่อน และเริ่มติดตลาดด้วยคอนเทนต์เฉพาะทางประเภทอะนิเมชั่น การ์ตูน เกม โดยทำเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ ก่อนจะเริ่ม “แมส” ในยุค COVID-19 พร้อมกับการผลักดันของแพลตฟอร์มให้มีการทำคลิปที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น ขนาดยาวขึ้น มีคอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น ภาพยนตร์ สารคดี เติมเข้ามา
ล่าสุด Bilibili รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/63 พบว่าจำนวนผู้ใช้ active users พุ่งสูงถึง 70% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีผู้ใช้ถึง 172 ล้านคนต่อเดือน แซงหน้า Tencent Video ที่มีผู้ใช้ 112 ล้านคนต่อเดือน และ iQiyi ที่มีผู้ใช้ 118.9 ล้านคนต่อเดือน ขณะที่ระยะเวลาการใช้งานต่อครั้งก็เพิ่มขึ้นไปแตะ 87 นาที
ด้านจำนวน “ครีเอเตอร์” บนแพลตฟอร์มยิ่งเติบโตมากกว่า โดยมีช่องให้เลือกชม 1.8 ล้านช่อง เติบโต 146% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการเติบโตทั้งหมดคาดว่าเกิดจากการกักตัวในช่วงไวรัส COVID-19 ระบาด ทำให้ประชาชนไม่มีกิจกรรมทำมากนัก โดยเฉพาะนักเรียนที่ไม่ได้ไปโรงเรียน
ที่น่าสนใจคือ ครีเอเตอร์ท็อปฮิตที่สุดของแพลตฟอร์มนี้ ได้แก่ Communist Youth League of China หรือกลุ่มยุวชนคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน! โดยเป็นช่องที่จัดอยู่ในหมวด “รัฐบาล” มีผู้ติดตาม 96.1 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีช่องของรัฐบาลที่ติด Top 10 อีก 2 ช่อง คือ Guancha.cn ในหมวด สื่อของรัฐ อยู่ในอันดับ 2 มีผู้ติดตาม 60.4 ล้านคน และช่อง China Central Television (CCTV) เป็นสื่อของรัฐเช่นกัน อยู่ในอันดับ 6 มีผู้ติดตาม 35.6 ล้านคน
Bilibili ไม่ได้ทำรายได้จากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพียงอย่างเดียว บริษัทนี้ยังเป็นผู้จัดจำหน่าย เกมมือถือ ควบคู่ไปด้วย เพื่อเสริมประโยชน์ซึ่งกันและกันจากฐานผู้ใช้ที่เป็นเด็กเสียส่วนมาก โดยมีวิธีหารายได้ เช่น ครีเอเตอร์สามารถเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มเพื่อขายไอเทมในเกมไปจนถึงสินค้าเมอร์ชานไดซ์สำหรับแฟนๆ รับโฆษณาทั้งในคลิปแบบอัปโหลดหรือการไลฟ์สตรีมมิ่งการเล่นเกม จากนั้นแบ่งรายได้ให้กับ Bilibili ด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทนี้ยังเป็นสตาร์ทอัพที่ใช้กระแสเงินสดทุ่มตลาดอยู่ เพราะแม้ว่าผู้ใช้จะมีจำนวนสูงขึ้นมากแต่บริษัทยังไม่ทำกำไร โดยบริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ 538.6 ล้านหยวนในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา อ้างถึงสาเหตุการขาดทุนว่ามาจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้การขนส่งสินค้าเมอร์ชานไดซ์ต่างๆ ถูกชะลอการจัดส่ง นำมาสู่รายได้ที่ไม่เข้าเป้า
แต่หลายองค์กรยักษ์อาจเล็งเห็นว่า Bilibili จะทำกำไรได้ในอนาคต เพราะล่าสุด Sony เพิ่งจะเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในแพลตฟอร์มนี้ด้วยเงินลงทุน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (ถือหุ้นไม่เกิน 5%) และเป็นพันธมิตรผลิตอะนิเมชันและเกมร่วมกัน
จากการลงทุนของ Sony ประเมินว่า Bilibili มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ น่าสนใจว่าการเติบโตของแพลตฟอร์มนี้จะเป็นไปอย่างไร จะโด่งดังจากจีนสู่ทั่วโลกจนกลายเป็นโซเชียลมีเดียสุดฮิตรายต่อไปเหมือนอย่าง TikTok หรือไม่
Source: TechCrunch, Variety