ปกติแล้วบ้านในโครงการจัดสรรต่างๆ มักจะมีการออกแบบทุกอย่างตั้งแต่หน้าประตูโครงการจนถึงแบบบ้านทุกหลังไว้แล้ว เพื่อให้ทั้งหมู่บ้านมีสถาปัตยกรรมที่ไปในทางเดียวกัน หรือหากเป็นโครงการจัดสรรแบบแบ่งแปลงเปล่าขายเพื่อให้ลูกค้าได้จัดหาทีมงานออกแบบและก่อสร้างได้เอง โครงการก็มักจะปล่อยอิสระตามแต่ลูกค้าจะจัดการ

แต่ปีนี้ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ออกคอนเซ็ปต์ใหม่ในการพัฒนาโครงการจัดสรรระดับลักชัวรี ภายในโครงการ “โนเบิล คิวเรท” เอกมัย-รามอินทรา ทำเล 300 เมตรจากศูนย์การค้าคริสตัล พาร์ค ที่ดินทั้งหมด 9.3 ไร่ แบ่งแปลงออกเป็น 15 แปลง ที่ดินต่อแปลงตั้งแต่ 161-247 ตารางวา มูลค่าทั้งโครงการ 1,221 ล้านบาท

โครงการนี้ไม่ได้ออกแบบบ้านไว้ให้ แต่มีการเชิญสถาปนิกชื่อดังของไทย 6 รายมาร่วมงาน ลูกค้าที่เลือกซื้อที่ดินโครงการนี้สามารถปรึกษาการออกแบบบ้านในฝันกับสถาปนิกทั้งหก เพื่อก่อสร้างบ้านที่มีเอกลักษณ์ส่วนตัว ไม่เหมือนใคร มีเพียงหนึ่งเดียว ตามหลักการ Ultimate-Personalization

“เรามาคิดว่าความหรูหราคืออะไร อะไรจะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้ คำตอบที่เราพบคือการสร้างสรรค์ให้เป็นเอกลักษณ์ มีเพียงหนึ่งเดียว เราจึงใช้คอนเซ็ปต์ Curate Your Creation ในโครงการนี้” ศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจของโนเบิลกล่าว

สถาปนิกทั้ง 6 รายที่จะมาร่วมออกแบบในโครงการ ได้แก่

1. A49HD: ชนะ สัมพลัง รองกรรมการผู้จัดการบริษัทสถาปนิก 49 เฮาส์ดีไซน์ จำกัด บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมอันดับต้นๆ ของไทย โดดเด่นด้วยผลงานดีไซน์ที่เข้าใจทั้งธรรมชาติแวดล้อม ชีวิต และการใช้สอย
2. DBALP: ดวงฤทธิ์ บุนนาค ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางด้วยแนวคิดในการออกแบบที่แตกต่าง กับงานสไตล์โมเดิร์นที่แฝงความเรียบง่ายไว้อย่างน่าสนใจ ภายใต้หลักเหตุและผล
3. BOON DESIGN: บุญเลิศ เหมวิจิตรพันธ์ เจ้าของผลงานที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมายทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง และการผสมผสานหลักธรรมชาติเข้ากับงานดีไซน์อย่างแยบยล
4. VIN VARAVARN ARCHITECTS: หม่อมหลวงวรุตม์ วรวรรณ เจ้าของผลงานดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับ ด้วยแนวคิดที่ให้คุณค่างานออกแบบเน้นฟังก์ชันและการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างบนความเป็นไปได้ ภายใต้บริบทที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม
5. AAd (Ayutt and Associates Design): อยุทธ์ มหาโสม สถาปนิกรุ่นใหม่ที่เป็นที่จับตามอง มีเอกลักษณ์การดีไซน์ที่คำนึงถึงบริบทด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งานอาคาร
6. WARchitect: ธาวิน หาญบุญเศรษฐ สร้างชื่อเสียงด้วยผลงานดีไซน์ที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิม ๆ แต่แฝงไว้ด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง และกลิ่นอายความลักชัวรี่ผ่านการใช้สเปซที่แตกต่าง

สิ่งที่แตกต่างจากโครงการจัดสรรที่ให้ลูกค้าสร้างบ้านได้เอง หรือการที่ลูกค้าจะหาที่ดินเปล่านอกโครงการจัดสรร คือการยังมีกรอบธีมของหมู่บ้านนี้ที่เป็นชุมชนเดียวกัน แม้การออกแบบจะแตกต่างกัน แต่ยังมีธีมที่เป็นไปในทางเดียวกันอยู่บ้าง และมีส่วนกลางครบทั้งคลับเฮาส์ สวนสีเขียว สระว่ายน้ำ ยิม คิดส์คลับ และเลานจ์

“เมื่อทุกหลังสร้างเสร็จแล้ว เราจะพบว่าหมู่บ้านนี้เป็นมากกว่าหมู่บ้าน เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์รวมผลงานระดับมาสเตอร์พีซของสถาปนิกชั้นนำของเมืองไทย เวลาเพื่อนๆ มาเยี่ยมเยือนที่หมู่บ้านนี้ก็จะรู้สึกว่าได้เข้ามาในพื้นที่ที่พิเศษ และลูกค้าจะได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่เป็นงานศิลปะทุกหลัง” ศิระกล่าว พร้อมเสริมด้วยว่า ปกติแล้วสถาปนิกเหล่านี้มักจะรับเฉพาะงานออกแบบบ้านเดี่ยวส่วนตัว ไม่รับงานออกแบบบ้านโครงการเท่าใดนัก

นอกจากนี้ โนเบิลจะมีบริการให้กับผู้ที่เลือกซื้อโครงการนี้คือทีมงาน Noble Bespoke Service ดูแลลูกค้าเป็นรายบุคคลตลอด 4 ขั้นตอนจนกว่าลูกค้าจะย้ายเข้าอยู่ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการจัดการ ดังนี้

1. Conception วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในการออกแบบบ้าน (ใช้เวลา 6-8 เดือน)
2. Composition เตรียมทีมงานดูแลด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งการออกแบบ ก่อสร้าง ดูแลเอกสารและติดต่อหน่วยราชการ (ใช้เวลา 1-2 เดือน)
3. Construction การก่อสร้าง ดูแลให้งานก่อสร้างทำได้จริงตามที่ออกแบบ ควบคุมงบประมาณ ควบคุมเวลาการก่อสร้างให้เป็นไปตามตาราง พร้อมรายงานความคืบหน้าให้ทราบ (ใช้เวลา 10-12 เดือน)
4. Completion บ้านสร้างเสร็จต้องมีการตรวจสอบคุณภาพบ้านก่อนส่งมอบ และมีการ big cleaning ทำความสะอาดครั้งใหญ่ก่อนย้ายเข้าอยู่ (ใช้เวลา 1-2 เดือน)

โนเบิล คิวเรทจะเปิดราคาเริ่มต้นที่ 80 ล้านบาท (*ราคารวมค่าที่ดิน, บริการออกแบบจากสถาปนิก และบริการ Noble Bespoke Service โดยยังไม่รวมค่าก่อสร้าง งานระบบ ตกแต่งภายใน และตกแต่งภูมิสถาปัตยกรรม)

• หวังปีนี้ฟื้นตัว! “เพอร์เฟค” เดินเกม “ลดหนี้” ต่อเนื่อง ทุ่มโครงการบ้านหรู-งดสร้างคอนโดฯ ปีที่ 4
• “ร่วมอิสสระ” ลุยต่อทำเลตากอากาศ เปิดคอนโดฯ “ศศรา หัวหิน” เจาะกลุ่มไฮเอนด์ยังมีกำลังซื้อ

ศิระกล่าวว่า คอนเซ็ปต์บ้านที่ออกแบบแบบ Ultimate-Personalization และรวมสถาปนิกชื่อดังแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะต้องอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดสำหรับบ้านระดับลักชัวรี อย่างโครงการนี้เป็นทำเลติดถนนใหญ่เอกมัย-รามอินทรา และอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าหลัก จึงพร้อมที่จะเปิดโครงการ

นักธุรกิจผู้มี Passion กับโลกใต้น้ำ

ถ้าใครที่อยู่ในวงการสถาปนิก และแวดวงการตลาด คงจะคุ้นเคยกับชื่อ “ดร.กุลเดช สินธวณรงค์” หรือดร.โป้ กันอยู่พอสมควร เป็นผู้ก่อตั้ง JARKEN ผู้ออกแบบที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์ และโครงการต่างๆ อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาด้านแบรนด์ การตลาดอีกด้วย

ทั้ง 2 บทบาทถือว่าอยู่ในหมวกของ “นักธุรกิจ” แต่หมวกอีก 1 ใบที่ดร.โป้ในวัย 48 ปี กำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้ก็คือ “นักดำน้ำ” หรือครูสอนดำน้ำ เรียกว่าเป็นการทำ Passion สมัยวัยหนุ่มให้เป็นความจริง พร้อมกับเปิดสถาบันสอนดำน้ำครบวงจร Sea Mastermind

เมื่อถามว่าดร.โป้เริ่มดำน้ำตอนปีไหน ถ้าให้ตอบเป็นปีก็คงจะลำบาก เอาเป็นว่ามีประสบการณ์ดำน้ำมาแล้ว 25 ปี แต่เดิมดำน้ำเป็นงานอดิเรกเท่านั้น สมัยก่อนกิจกรรมดำน้ำยังไม่เป็นที่นิยมเท่าตอนนี้ด้วย แต่เมื่อตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างลงตัว เริ่มหวนกลับไปโลกใต้น้ำอีกครั้ง

“สมัยก่อนกิจกรรมดำน้ำไม่ค่อยนิยมเฟื่องฟูเหมือนตอนนี้ เริ่มดำน้ำสมัยที่กลับจากต่างประเทศใหม่ๆ ก็ทำงานประจำไปด้วยตามปกติ แต่ว่าตอนนั้นดำน้ำเป็นกิจกรรมที่ไม่ค่อยฮิต เพราะอุปกรณ์เครื่องมือแพง ไม่ได้ชอบมากเท่าไหร่ ด้วยหลายเหตุผล แต่พอผ่านมา 10 กว่าปีก็คิดถึงโลกใต้ทะเล ตอนนี้พอการงานทุกอย่างอยู่ตัว เลยอยากหาสิ่งที่อยากทำ แต่ยังทำได้ไม่เต็มที่ เลยตั้งโรงเรียนเล็กๆ ขึ้นมาตอนปี 2017 เรียกว่าเปลี่ยน Passion เป็น Profession มากกว่า”

คิดถึงดำน้ำ เลยตั้ง Sea Mastermind

ดร.โป้เริ่มก่อตั้ง Sea Mastermind ในปี 2017 เป็นสถาบันสอนดำน้ำ ตอนนั้นไม่ได้มองภาพตลาดอะไรเท่าไหร่ แค่อยากทำในสิ่งที่อยากทำ และต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ดำน้ำให้แก่บบุคคลอื่นๆ เพราะในยุคปัจจุบันคนนิยมดำน้ำมากขึ้น อุปกรณ์ถูกลง และคนเปิดรับกับกิจกรรมดำน้ำมากขึ้นด้วย

“ตอนนั้นไม่ได้มองภาพตลาด แค่อยากทำกิจกรรมของตัวเอง อยากทำสิ่งที่คิดถึงในอดีต เป็น Passion คนแก่ อยากถ่ายทอดอะไรให้น้องๆ รุ่นใหม่รู้ว่าทะเลไทยมีอะไรให้ดูเยอะ อยากเล่าประสบการณ์ที่ดำน้ำมาเยอะ ให้รู้ว่ามีความสนุกรออยู่ข้างหน้าอีกเยอะ” 

ดร.โป้บอกว่า ไม่ได้มอง Sea Mastermind เป็นโรงเรียน วางจุดยืนเป็น “บริการ” มอบประสบการณ์ให้กับคนไม่เคยสัมผัสโลกใต้ทะเล ทำให้แตกต่างจากโรงเรียนสอนดำน้ำอื่นๆ เรียกว่าเป็น Experience Provider คนที่เข้ามาเขาไม่เข้ามาเรียน แต่มาหาสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้ไลฟ์สไตล์แบบใหม่

ตั้งแต่ดำน้ำ ยันถ่ายภาพใต้น้ำ

Sea Mastermind จะมี 10 หลักสูตรใหญ่ แต่จะแยกเป็น 50-60 หลักสูตรย่อย มีพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีราคาเริ่มต้นที่ 7,500 บาท ใช้ระยะเวลาเรียน 1-2 วัน ไปจนถึงคอร์สครูสอนดำน้ำราคา 50,000 บาท ใช้เวลาเรียน 1 เดือน โดยที่หลักสูตรฟรีไดฟ์ยอดนิยมสุด

นอกจากหลักสูตรสอนดำน้ำ ยังมีช็อปขายสินค้า Sea Concept Store มี 2 สาขา ที่ RCA และแจ้งวัฒนะ และมีสาขาย่อยๆ อีก 30 แห่งตามแหล่งทะเล

ดร.โป้บอกถึงกลยุทธ์อีกอย่างหนึ่ง มีการแยกช็อปร้านค้าแบบชัดเจน ซึ่งปัญหาที่พบในยุคก่อนก็คือ ครูดำน้ำจะเอาธุรกิจมาปนกับการท่องเที่ยว มีการพ่วงขายของ ขายสินค้า โมเดลธุรกิจดำน้ำในสมัยก่อน ครูจะพาไปทริป และขายอุปกรณ์ด้วย แต่ในยุคนี้มองว่าผู้บริโภคมีโอกาสเลือก ฉลาดมากขึ้น สามารถเลือกเรียน เลือกซื้อสินค้าอย่างไรก็ได้

จึงวางจุดยืนให้แยกจากกัน Sea Mastermind เป็นบริการที่ให้ประสบการณ์ ส่วน Sea Concept Store เป็นเหมือนแกลลอรี่ชมงานอาร์ต เป็นเดสติเนชั่นของคนดำน้ำ สามารถลองอุปกรณ์ได้

นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรโมเดลลิ่ง สอนถ่ายภาพใต้น้ำ เพราะการดำน้ำคือไลฟ์สไตล์ การโชว์ตัวตน จะเห็นว่าหลายคนที่ไปดำน้ำล้วนอยากได้ภาพสวยๆ โพสคู่กับโลกใต้ทะเล หลักสูตรนี้จึงดีไซน์มาเพื่อการถ่ายรูปใต้น้ำโดยเฉพาะ ปั้นนางแบบ ดารา สอนการเลี้ยงตัวใต้น้ำ รับงานใต้น้ำ

คนไทยฮิตดำน้ำมากขึ้น

แต่เดิมตลาดดำน้ำในไทยส่วนใหญ่ 90% ถูกนักท่องเที่ยวต่างชาติครองหมด ตอนนี้เลยกลายเป็นตลาดภายในประเทศแทน คนที่เที่ยวก็มีกำลังซื้อด้วย ตอนนี้ทะเลสะอาดขึ้น เพราะเหมือนทะเลได้ผ่านการพัก และฟื้นตัวจากการที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมา

ตลาดดำน้ำจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ

1. ดำน้ำผิวน้ำ สัดส่วนราว 60% เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างแมส และตลาดใหญ่มาก ดำแค่ผิวน้ำ ใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ ใช้งบไม่เยอะ มีแค่ท่อ หน้ากาก ฟิน ตีนกบ กิจกรรมดำน้ำผิวน้ำ มีเดียมเอ็น อุปกรณ์ไม่เยอะ ใช้ท่อ หน้ากาก ฟิน และตีนกบ
2. ฟรีไดฟ์วิ่ง หรือฟรีไดฟ์ มีสัดส่วน 30% กลุ่มนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น คนมีกำลังซื้อสูง ใช้อุปกรณ์ ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชิ้นราคาเฉลี่ยหมื่นบาทต่อชิ้น แต่คนดำน้ำจะชอบซื้อเหมือนเป็นแกดเจ็ต ซื้อเป็นของแฟชั่น ตอนนี้เรียน 1-2 วันก็สามารถดำน้ำได้แล้ว
3. ดำน้ำลึก มีสัดส่วน 10% เพราะต้องเรียนเยอะ อุปกรณ์เยอะ ต้องคนที่ชื่นชอบ และมีเวลาจริงๆ ถึงมาเรียน

จริงๆ แล้วศักยภาพทะเลไทยยังมีอีกมากมายมหาศาล ตอนนี้สะอาดมากขึ้น ไม่โดนรบกวนจากต่างชาติ คนไทยก็ได้เที่ยวในประเทศมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา

“พอทะเลได้พัก เหมือนได้ฟื้นฟู สัตว์ใหญ่ๆ ก็กลับมา มีช่วงหนึ่งที่คนไม่ดำน้ำในไทย เพราะว่าไม่มีอะไรให้เห็นแล้ว จริงๆ ทะเลไทยสมบูรณ์อยู่แล้ว เพียงแต่การท่องเที่ยวของเราไปกวนพวกเขาจนไม่อยากมาอยู่ ตอนนี้ได้เห็นทะเลสวยๆ แล้ว ส่วนตัวประทับใจหมู่เกาะสุรินทร์ที่สุด เหมือนดำน้ำในอควาเรี่ยม น้ำใสเป็นกระจก มีเต่าว่ายน้ำด้วย ปลาแน่นเหมือนในตู้ปลา”

3 บทบาท สถาปนิก นักการตลาด นักดำน้ำ

ดร.โป้ได้พูดถึง 3 บทบาทที่เป็นอยู่ในตอนนี้ โดยที่มี Passion กับทั้ง 3 อาชีพที่ทำอยู่ และยังสนุกกับการทำงาน ได้เป็นตัวเองในทุกบทบาท แต่มองว่าการเป็นสถาปนิกและให้ปรึกษาการตลาดค่อนข้าง “อยู่ตัว” แล้ว เพราะทำมานาน สามารถนำมาผสมผสานกันได้ด้วย ทั้งเรื่องงานดีไซน์ การพัฒนาหลักสูตร ซึ่งดร.โป้ก็เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยด้วย

“ตอนนี้ Enjoy กับการทำทุกอย่าง สอนดำน้ำ สถาปนิก และการตลาด ได้เป็นตัวเองทั้งหมด จริงๆ สามารถเอางานดีไซน์มาใช้การพัฒนาธุรกิจ มองว่าไม่ได้ทำงานหนักขึ้น แต่ทำดีขึ้นมากกว่า เพราะชอบดำน้ำ ชอบมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสทำ พอได้มาทำแล้วสนุก คิดว่าถ้าทำเมื่อ 20 ปีก่อนอาจจะไม่ได้ดีเท่าตอนนี้ก็ได้ เพราะยังไม่ตกผลึกเต็มที่”

ถ้าถามว่ามีการแบ่งเวลาการทำงานอย่างไรบ้าง ดร.โป้บอกว่า ตอนนี้การทำงานเหมือนเป็นการพักผ่อน แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบทำงานตอนเช้า ชอบคิดกลยุทธ์ต่างๆ ในตอนเช้า พอตอนบ่ายๆ จะไปตีเทนนิส วันเสาร์จะเล่นกีฬา และสอนดำน้ำ ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นวันครอบครัว ไปออกทริปดำน้ำบ้างเลือกตามฤดูกาล

มี Passion ในการใช้ชีวิตเยอะขนาดนี้ เมื่อถามว่าตอนนี้ยังอยากทำอะไรอีกบ้าง ดร.โป้บอกว่า “สมัยเรียนอยู่ม.ต้น จะชอบจับกลุ่มเดินป่ากับเพื่อน อยากทำเทรกกิ้งเดินป่าอีก แต่อยากทำในเส้นทาง จุดหมายที่คนยังไม่ค้นพบ” 

และที่แน่ๆ คือตอนนี้ Sea Mastermind กำลังอยู่ในทะเล เป้าหมายสำคัญคือการหาน่านน้ำใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยค้นพบ เป็นประสบการณ์ที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ