“สุนทร สถาพร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด (SE) เปิดเผยถึงแผนการเปิดตัวโครงการและเป้าหมายปี 2565 ของบริษัท วางเป้าเปิดทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,306 ล้านบาท ได้แก่
โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 2,400 ล้านบาท และเป้ารายได้ 1,280 ล้านบาท
โครงการไฮไลต์ของปีนี้หนีไม่พ้น เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส เพราะเป็นคอนโดฯ ไฮเอนด์กลางเมือง ซึ่งเป็นตลาดที่ซบเซามากว่า 2 ปี แต่สุนทรเลือกเปิดตัวปีนี้เพราะเชื่อว่าโครงการอยู่ในทำเลที่มีดีมานด์ เนื่องจากคอนโดฯ โดยรอบสวนลุมพินีส่วนใหญ่จะเปิดขายแบบลีสโฮลด์ (เช่าระยะยาว ไม่มีกรรมสิทธิ์) แต่โครงการของบริษัทเป็นฟรีโฮลด์ (มีกรรมสิทธิ์) ในขณะที่ตั้งราคาเพียง 250,000 บาทต่อตร.ม. ราคาถูกกว่าคอนโดฯ ฟรีโฮลด์บนเส้นพระราม 4 ช่วงคลองเตยจนถึงสามย่าน
คอนโดฯ นี้จะเน้นเจาะกลุ่มคนไทยเป็นหลัก เพราะมองว่าตลาดนักลงทุนต่างชาติน่าจะยังไม่ฟื้นเร็วๆ นี้ เนื่องจากชาวจีนถูกสกัดกั้นการนำเงินออกนอกประเทศ โครงการเดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส จะเปิดขาย 28 มิ.ย. 65 และคาดว่าจะสร้างเสร็จราวปี 2568
สถาพร เอสเตทนั้น แต่เดิมใช้ชื่อบริษัท เฉลิมนคร จำกัด สร้างโครงการหมู่บ้านภายใต้ชื่อ “บ้านสถาพร” เกาะทำเลย่านรังสิตจนถึงกรุงเทพฯ โซนตะวันออกมานานกว่า 25 ปี โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนหนึ่งใน กลุ่มธุรกิจทรัพย์สถาพร ซึ่งทำอุตสาหกรรมส่งออกสินค้าเกษตร เช่น มันสำปะหลัง ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง และให้บริการคลังสินค้า-ท่าเรือ
ต่อมาเมื่อปี 2561 สุนทร สถาพร ต้องการจะ “รีเฟรช” แบรนด์ด้านอสังหาฯ จึงจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่เป็นบริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด (SE) ปรับเปลี่ยนโลโก้ ภาพลักษณ์บริษัทใหม่หมดจด เพื่อเข้าสู่ตลาดระดับกลางถึงบนเป็นหลัก และวางแผนระยะยาวเตรียมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หลังปรับแบรนด์ บริษัทเปิดตัวโครงการไปแล้ว 3 แห่ง มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดฯ เดอะ เชดด์ สาทร 1, อิเธอร์นิตี้ ทาวน์ พริมโรส วัชรพล และดิ อิเธอร์นิตี้ กรีนวู้ด รังสิต-วงแหวน ทั้งหมดมียอดขายแล้วประมาณ 50% สำหรับโครงการเดอะ เชดด์ สาทร 1 เริ่มโอนกรรมสิทธิ์แล้วปีนี้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 ทำให้แผนของบริษัทสะดุดไปบ้าง มีการเลื่อนการเปิดตัว และต้องปรับวิธีการทำโครงการ โดยลดขนาดโครงการให้เล็กลงดังที่เห็น จากเดิมเคยพัฒนาโครงการแนวราบใหญ่หลักร้อยไร่ เปลี่ยนมาเป็นโครงการขนาดเล็กหลักสิบไร่ เพราะดีมานด์ตลาดน่าจะยังชะลอตัว จากเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะโตไม่เกิน 3%
สุนทรยังกล่าวถึงอินไซต์ผู้บริโภคหลังเกิดโรคระบาดและปัจจัยสภาวะครอบครัวที่เปลี่ยนไป ทำให้มีหลายอย่างที่คนให้ความสำคัญมากขึ้น เช่น
ภาวะตลาดที่ดีขึ้นแล้วแต่ยังไม่กลับมาบูม และการปรับตัวหลังโควิด-19 ทำให้สุนทรคาดว่าบริษัทจะมีโอกาสเปิด IPO ได้อีกครั้งอย่างเร็วที่สุดในปี 2568 ในระหว่างนี้บริษัทจะเปิดตัวอย่างสม่ำเสมอปีละ 3 โครงการ มูลค่าราว 3,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อสร้างพอร์ตเตรียมตัวสู่อนาคต
]]>