สแกมเมอร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 07 Nov 2025 13:11:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘Meta’ โดนแหก! พบโกยเงินจาก ‘มิจฉาชีพ’ ปีละกว่า 5 แสนล้านบาท แถมยังไม่กล้าจัดการเด็ดขาดเพราะกลัว ‘เสียรายได้’ https://positioningmag.com/1545956 Fri, 07 Nov 2025 10:19:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1545956 มิจฉาชีพในปัจจุบันนี้ มีหลายรูปแบบและมาในหลากหลายช่องทาง โดยแพลตฟอร์มในเครือของ Meta ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพเช่นกัน โดย Reuters ได้ออกมาเปิดเผยถึง เอกสารภายในของ Meta ที่ได้ประเมินว่า บริษัทอาจทำรายได้ถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5 แสนล้านบาท จากโฆษณาหลอกลวง และสินค้าผิดกฎหมาย

5 แสนล้าน เงินที่มาจากโฆษณามิจฉาชีพ

รอยเตอร์ (Reuters) ได้ออกมาเปิดเผยเอกสารภายในของบริษัท Meta ที่จัดทำระหว่างปี 2021-2025 โดยระบุว่า บริษัทได้คาดการณ์ว่า รายได้ในปี 2024 ประมาณ 10% หรือราว 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจาก โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงและสินค้าต้องห้าม และหนึ่งในเอกสารเมื่อเดือนธ.ค. 2024 ระบุว่า Meta แสดงโฆษณาที่จัดอยู่ในกลุ่ม ความเสี่ยงสูง ให้ผู้ใช้เห็นถึง 15,000 ล้านครั้งต่อวัน และสร้างรายได้จากโฆษณาความเสี่ยงสูงถึงปีละ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยข้อมูลจากเอกสารดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา Meta ล้มเหลว ในการระบุและหยุดยั้งโฆษณาจากมิจฉาชีพ ทำให้ผู้ใช้หลายพันล้านคนต้องเผชิญกับการหลอกลวงกับการฉ้อโกง, การพนันที่ผิดกฎหมาย, และการขายสินค้าต้องห้าม

มาตรการป้องกันที่ใจดีเกิน

หนึ่งในปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มเผชิญหน้ากับโฆษณาจากมิจฉาชีพก็คือ ระบบการปรับโฆษณาให้เป็นส่วนตัวของ Meta ซึ่งพยายาม ยิงโฆษณาตามความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งทำให้หากผู้ใช้หลงคลิกที่โฆษณาหลอกลวง ผู้ใช้คนนั้นจะมีแนวโน้มที่จะ เห็นโฆษณาเหล่านั้นมากขึ้น

ในขณะที่มาตรการลงโทษของ Meta นั้น ใจดีเกิน เพราะระบบต้อง มั่นใจ 95% ว่าผู้ลงโฆษณากำลังฉ้อโกง ถึงจะลงโทษแบน แต่ถ้ายังมั่นใจไม่ถึง 95% ระบบจะใช้วิธี ขึ้นค่าโฆษณา (Penalty Bids) ในอัตราที่สูงขึ้น เพื่อพยายามขัดขวางไม่ให้โฆษณาเข้าถึงผู้ใช้มากนัก แต่นั่นก็ทำให้ บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น จากแหล่งที่มาที่น่าสงสัยนี้

นักวิเคราะห์มองว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง ความลังเล ในการจัดการกับปัญหาอย่างเด็ดขาด เพราะอาจ กระทบต่อรายได้ ทำให้บริษัทเลือกจะ จัดการอย่างช้า ๆ

ภาพจาก Unsplash

ยอมรับว่าแพลตฟอร์มใช้โกงง่าย

นอกจากนี้ เอกสารภายในของ Meta ยังยอมรับว่า แพลตฟอร์มของบริษัทนั้น ง่ายกว่า Google ในการลงโฆษณาหลอกลวง นอกจากนี้ Meta ยังประเมินเองว่า แพลตฟอร์มของตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงที่สำเร็จในสหรัฐฯ ถึง 1 ใน 3

และนอกเหนือจากโฆษณาจากมิจฉาชีพแล้ว ผู้ใช้ยังต้องเผชิญกับความพยายามหลอกลวงจากโพสต์ปลอมหรือโปรไฟล์ปลอม (ที่ไม่ต้องเสียเงิน) อีก 22,000 ล้านครั้งต่อวัน

ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลของ สหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ของ Meta มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 54% ของการสูญเสียการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการชําระเงินทั้งหมดในปี 2023 หรือ มากกว่าสองเท่า ของแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ ทั้งหมดรวมกัน

Photo : Shutterstock

โดนปรับก็ยังคุ้ม

มีเอกสารภายในบางฉบับบ่งชี้ว่า บริษัทนำ ค่าปรับ มาพิจารณาถึง ความคุ้มค่าทางธุรกิจ โดยคาดว่าจะเผชิญค่าปรับสูงสุดราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับรายได้จากโฆษณาหลอกลวง ซึ่งทุก ๆ 6 เดือน Meta มีรายได้จากตรงนี้ถึง 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และในเอกสารปี 2025 ระบุว่า ทีมผู้บริหารได้จำกัดการดำเนินการกับมิจฉาชีพให้ไม่เกิน 0.15% ของรายได้ หรือราว 135 ล้านดอลลาร์ จากรายได้รวม 90,000 ล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2025 อย่างไรก็ตาม Meta ก็ตั้งเป้าที่จะ ลดสัดส่วนรายได้จากโฆษณาหลอกลวง จาก 10.1% ในปี 2024 ลงเหลือ 7.3% ภายในสิ้นปี 2025 และลดต่อเนื่องเหลือ 6% ในปี 2026 และ 5.8% ในปี 2027

Meta โต้ ข้อมูลบิดเบือน

อย่างไรก็ตาม Andy Stone โฆษกของ Meta กล่าวในแถลงการณ์ว่า เอกสารที่รอยเตอร์ได้เห็นนั้นนำเสนอมุมมองแบบเลือกสรรที่บิดเบือนแนวทางของ Meta ในการจัดการกับการฉ้อโกงและการหลอกลวง โดยออกมาแย้งว่า ตัวเลขรายได้ 10% ที่มาจากโฆษณาหลอกลวงนั้น เป็นเพียงการประเมินแบบคร่าว ๆ เพราะการประเมินดังกล่าวได้รวมโฆษณาที่ถูกกฎหมายเข้าไปด้วย โดยบริษัทได้ประเมินใหม่และพบว่าตัวเลขจริงต่ำกว่านั้น อย่างไรก็ตาม Stone ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงในปัจจุบัน

Stone กล่าวต่อว่า ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา Meta สามารถลดจำนวนการรายงานปัญหาพบโฆษณาหลอกลวงทั่วโลกได้ 58% และในปี 2025 เพียงปีเดียว ได้ลบเนื้อหาโฆษณาหลอกลวงไปแล้วกว่า 134 ล้านรายการ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับเอกสารภายในบางส่วนที่ ระบุว่า Meta มีแผนจะจัดการกับโฆษณาหลอกลวงมากขึ้น และตั้งเป้าลดโฆษณาหลอกลวงในบางประเทศลง 50% ในปี 2025

“เราต่อสู้กับการฉ้อโกงและการหลอกลวงอย่างแข็งขัน เพราะผู้คนบนแพลตฟอร์มของเราไม่ต้องการเนื้อหาเหล่านี้   ผู้ลงโฆษณาที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่ต้องการ และเราเองก็ไม่ต้องการเช่นกัน”

]]>
1545956
โดนอีก! “ออสเตรเลีย” ฟ้อง Facebook ข้อหาปล่อยให้มี “โฆษณาหลอกลวง” อ้างชื่อคนดัง https://positioningmag.com/1379846 Thu, 31 Mar 2022 04:40:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379846 “ออสเตรเลีย” เดินหน้าฟ้องร้อง Meta บริษัทแม่ของ Facebook ข้อหาปล่อยให้สแกมเมอร์ยิง “โฆษณาหลอกลวง” ให้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนดังออสซี่ เหยื่อบางรายสูญเงินคิดเป็นเงินไทยถึง 16 ล้านบาท

คณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (ACCC) หน่วยงานกำกับควบคุมผู้ยื่นฟ้องมองว่า ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Meta มีส่วนเกี่ยวข้องในการ “กระทำการหลอกลวง ฉ้อฉล ให้ข้อมูลที่ผิด” โดยเจตนา จากการอนุญาตให้โพสต์ชวนลงทุนสกุลเงินคริปโตที่มีลักษณะหลอกลวง สามารถทำการโฆษณาบนแพลตฟอร์มได้

บทลงโทษของบริษัทอเมริกันรายนี้น่าจะเป็นการปรับเงินจำนวนหนึ่ง หรืออาจมีบทลงโทษอื่นๆ เพิ่มเติม

Meta ยังไม่ให้ความเห็นใดๆ แต่ก่อนหน้านี้บริษัทเคยกล่าวมาแล้วว่า บริษัทจะดูแลไม่ให้มีสแกมเมอร์ใช้งานแพลตฟอร์ม

ACCC กล่าวว่า โฆษณาที่มีปัญหาบน Facebook มีการใช้อัลกอริธึมเพื่อหาเป้าหมายที่หลงเชื่อได้ง่าย และมีการใช้โควตคำพูดปลอมจากคนดังของออสเตรเลียเพื่อชักจูงใจ

คนดังออสซี่ที่ถูกนำชื่อและหน้าไปใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น Mike Baird อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งรัฐนิวเซาธ์เวลส์, David Koch พิธีกรชื่อดัง, Dick Smith เศรษฐีนักธุรกิจ

“แก่นหลักในการฟ้องคดีนี้คือ Meta ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับโฆษณาที่ปรากฏบนแพลตฟอร์ม” Rod Sims ประธาน ACCC กล่าว

Photo : Shutterstock

คดีนี้ถูกฟ้องร้องผ่านศาลรัฐบาลกลางแห่งออสเตรเลีย ยื่นข้อกล่าวหาว่า Meta กระทำการให้โฆษณาโดยทราบดีว่าเป็นโฆษณาหลอกลวง รวมถึงไม่สามารถป้องกันการหลอกลวงได้ ถึงแม้ว่าคนดังที่ถูกแอบอ้างชื่อจะคัดค้านการโฆษณาแล้ว

“มีกรณีตัวอย่างหนึ่งคือ ผู้บริโภครายหนึ่งสูญเงินไปกว่า 650,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 16.2 ล้านบาท) เพราะหลงเชื่อสแกมเมอร์ที่โฆษณาโอกาสการลงทุนปลอมบน Facebook สิ่งนี้ถือว่าเป็นการกระทำเสื่อมเกียรติ” Sims กล่าว

ไม่ใช่แค่คดีนี้คดีเดียวที่ Meta ถูกฟ้อง เมื่อเดือนก่อน Andrew Forrest มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของออสเตรเลียก็ฟ้องร้องบริษัทเทคแห่งนี้เช่นกัน จากการปล่อยให้มีโฆษณาปลอมที่ใช้ภาพของเขาหลอกลวง และคดีของ Forrest ฟ้องร้องในคดีอาญาด้วย โดยใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน จะต่างกับ ACCC ที่ใช้กฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องผู้บริโภค

Meta หรือ Facebook ในขณะนั้น ยังคงมีคดีพัวพันในชั้นศาลกับออสเตรเลีย ในคดีข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนออสเตรเลียราว 3 แสนคนถูกละเมิดเมื่อปี 2018 ซึ่งเกี่ยวพันกับบริษัท Cambridge Analytica ล่าสุดเดือนนี้เองศาลชั้นอุทธรณ์ก็ยังคงยืนตามศาลชั้นต้นว่า Facebook มีความผิดฐานเก็บข้อมูลส่วนตัวและนำไปเผยแพร่ต่อให้บุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต

รายได้ของ Meta ในปี 2021 ทำเงินจากค่าโฆษณาทั่วโลกไปกว่า 1.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 3.83 ล้านล้านบาท

Source

]]>
1379846