อาลีเพย์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 26 Feb 2024 17:01:06 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Alipay อาจปรับกลยุทธ์เน้นไปที่ Social Network มากขึ้น หลังคู่แข่งอย่าง Douyin ฯลฯ ได้รับใบอนุญาตให้ทำระบบจ่ายเงินได้ https://positioningmag.com/1463936 Mon, 26 Feb 2024 16:57:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463936 อาลีเพย์ (Alipay) แพลตฟอร์มจ่ายเงินรายใหญ่ของจีนอาจปรับธุรกิจกลยุทธ์เน้น Social Network มากขึ้น หลังจากที่คู่แข่งอย่าง Douyin ฯลฯ ได้รับใบอนุญาตให้ทำระบบจ่ายเงินได้ ซึ่งอาจทำให้แพลตฟอร์มรายใหญ่รายนี้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันได้

Pandaily รายงานข่าว โดยอ้างอิงสื่อในประเทศจีนอย่างนิตยสาร China Entrepreneur โดยชี้ว่า Alipay ได้เริ่มจ้างพนักงงานที่ทำงานกับคู่แข่งที่เป็นเครือข่ายทางสังคม (Social Network) อย่าง Douyin หรือสื่อสังคมรายอื่น เนื่องจากบริษัทต้องการที่จะได้โฆษณาเพื่อที่สนับสนุนเนื้อหา และต้องการดึงผู้ใช้งานให้อยู่บนแพลตฟอร์มต่อไป

สื่อจากประเทศจีนรายดังกล่าวรายงานว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา Alipay ได้เริ่มการทดสอบฟังก์ชัน Social Network ที่เรียกว่า “ชุมชนที่น่าสนใจ” ซึ่งรวมกลุ่มผู้สนใจในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ ไวน์ แคมป์ปิ้ง เบสบอล เดินป่า ตกปลา ปั่นจักรยาน และอื่นๆ สำหรับการสนทนาของผู้ใช้ ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมกลุ่มดังกล่าวภายในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานกลุ่มเดียวกันได้

นอกจากนี้ Alipay นั้นมีผู้ใช้งานถึงเดือนละ 800 ล้านราย ได้หันไปเน้นการให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มการใช้งานในส่วน “Life Accounts” ที่มีความสามารถในการแนบวิดีโอสั้น ข้อความรูปภาพ หรือแม้การขายสินค้าแบบไลฟ์สตรีม

Alipay มีเป้าหมายที่จะสร้างเครือข่ายทางสังคมเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับร้านค้าและเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ โดยผ่านฟังก์ชันต่างๆ เช่น การไลฟ์สตรีม การโพสต์เนื้อหาข้อหรือความรูปภาพ เป็นต้น และไม่ต้องการที่จะให้ผู้ใช้งานหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่น

แรงกดดันที่ทำให้ Alipay ต้องปรับกลยุทธ์ก็คือ การที่เครือข่ายสังคมในประเทศจีนอย่าง Douyin หรือที่เรารู้จักกันดีคือ TikTok เวอร์ชั่นจีน ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีระบบจ่ายเงินภายในตัวเองได้ ทำให้แพลตฟอร์มจ่ายเงินยักษ์ใหญ่รายดังกล่าวนั้นอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันได้ในอนาคต

ก่อนหน้านี้แพลตฟอร์มจ่ายเงินรายใหญ่ในประเทศจีนที่ครองส่วนแบ่งตลาดก็คือ WeChat Pay และ Alipay ซึ่งเป็น 2 เจ้าที่ครองตลาดรวมกันแทบจะ 100% ในประเทศจีน และนั่นทำให้หน่วยงานกำกับดูแลเพ่งเล็งนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา

ตัวแทนของ Alipay กล่าวกับ China Entrepreneur ว่า การหันมาเน้นด้าน Social Network ของแพลตฟอร์มถือว่า “มาช้าดีกว่าไม่มา” และยังกล่าวเสริมว่า Alipay มีโอกาสมากมาย ซึ่งในอดีตการพึ่งพาระบบการชำระเงินเพียงอย่างเดียวก็ถือว่าเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ดีในตอนนี้การชำระเงินได้ถูกคุกคามจากแพลตฟอร์มรับส่งข้อมูลรายอื่น

]]>
1463936
ทำไม Ant Group ของเเจ็ค หม่า กลายเป็น “IPO ตกสวรรค์” หลังจีนเบรก “ระดมทุน” สูงสุดในโลก https://positioningmag.com/1304436 Wed, 04 Nov 2020 10:30:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304436 ช็อกนักลงทุนทั่วโลก หลัง Ant Group ฟินเทคในเครือ Alibaba ของเเจ็ค หม่าต้องกลายเป็น “IPO ตกสวรรค์โดนเบรกจนต้องระงับแผนเปิดขายหุ้นให้กับสาธารณชนเป็นครั้งแรก ในตลาดหลักทรัพย์ของเซี่ยงไฮ้กับเขตปกครองพิเศษฮ่องกง จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้

Ant Group (เเอนท์ กรุ๊ปเป็นบริษัทเทคโนโลยีการเงิน (ฟินเทค) เจ้าของ ‘Alipay’ ในเครือของ Alibaba ที่คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ถึง 3.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติที่สูงสุดในโลก

การตัดสินใจเบรก IPO ครั้งประวัติศาสตร์ มีขึ้นหลังจากที่ทางคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน ได้เรียกตัวทีมผู้บริหารระดับสูงของ Ant Group อย่าง แจ็ค หม่าอีริค จิง และไซมอน หู่ “เข้าพบเพื่อสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดเเละเงื่อนไขของแผน IPO ดังกล่าว

จากนั้นไม่นาน ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ออกเเถลงการณ์ว่า มีคำสั่งระงับแผน IPO ของ Ant Group ในตลาด STAR Market เนื่องจากทีมผู้บริหารได้ชี้แจงกับทางคณะกรรมการว่ามีการเปลี่ยนแปลงในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการกำกับดูแลเทคโนโลยีทางการเงิน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ Ant Group จะไม่ผ่านเกณฑ์การเปิดขายหุ้น และการเปิดเผยข้อมูลตามระเบียบข้อบังคับที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่

ตามมาด้วยความเคลื่อนไหวของ Ant Group ที่ออกมากล่าวขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นของฮ่องกงก็ต้องยกเลิกการเข้าซื้อขายหุ้นวันแรกด้วย พร้อมให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าจัดการปัญหาที่ทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง “วิตกกังวล” ต่อไป

การถูกระงับ IPO ในนาทีสุดท้าย สร้างผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทเเม่อย่าง Alibaba ทันที หลังมีกระเเสข่าวนี้ออกมา ทำให้ราคาหุ้นร่วงถึง 9% ในช่วงเปิดตลาดหุ้นของสหรัฐฯ โดย Alibaba เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Ant Group มากถึง 33% 

Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า แจ็ค หม่า ต้องสูญเสียความมั่งคั่งเป็นวงเงินสูงเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.3 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว

ด้าน Alibaba ออกมาชี้เเจงว่า บริษัทจะให้การสนับสนุนทุกทางกับ Ant Group เพื่อเดินหน้าปรับเปลี่ยนและปฏิบัติตามกฎของทางคณะกรรมการฯ เเละเชื่อมั่นว่า Ant Group จะสามารถเเก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

แม้เหตุผลที่ถูกเปิดเผยคือ IPO ของ Ant Group มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนสำหรับการซื้อขายที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงตามกฎระเบียบที่เพิ่งปรับใหม่ 

เเต่สำนักข่าวต่างประเทศ โยงเหตุการณ์นี้เข้ากับคำพูดของแจ็ค หม่า ที่ได้เเสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับระบบธนาคารจีน” บนเวทีฟอรัมการเงินในเซี่ยงไฮ้ เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ว่าอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเสียโอกาสรับทรัพย์มหาศาลครั้งนี้ไปในพริบตา

(Photo by Sean Gallup/Getty Images)

โดย แจ็ค หม่า บอกว่าระบบการเงินและกฎระเบียนด้านการเงินของทางการจีนในขณะนี้ ขัดขวางการสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีการเงินของประเทศ ที่จำเป็นต้องมีการปฏิรูปเพื่อให้มีการเติบโตไปได้

เขายังบอกอีกว่า ธนาคารจีนเป็นเหมือนโรงรับจำนำที่ต้องใช้หลักประกันมูลค่าสูง ผลคือบางบริษัทต้องตัดสินใจลงทุนให้ใหญ่เกินและต้องห้ามล้มเหลว

หลายสื่อเห็นว่าคำพูดของเเจ็ค หม่าไม่ได้เกินจริงเพราะธนาคารจีนมักไม่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้กู้รายย่อย ทำให้ SMEs จีนไม่ค่อยมีโอกาสลงทุนแบบสมตัวนัก 

นักวิเคราะห์บางส่วน มองว่า ความเคลื่อนไหวของทางการจีน อาจตีความได้ว่าเป็นการสั่งสอนมหาเศรษฐี
แจ็ค หม่า ให้รู้ว่าอำนาจรัฐในการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ  ซึ่งกระเเสข่าวนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่น้อย เเละอาจมีผลต่อการพิจารณาซื้อหุ้นทั้งของ Ant Group เเละ IPO อื่นๆ ของจีนด้วย เพราะเกรงว่าต่อไปทางการจีนก็อาจเข้ามาเเทรกเเซงเช่นนี้ได้อีก 

ด้านนักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งมองว่า ความเคลื่อนไหวของทางคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์จีนไปในทิศทางเดียวกันกับรัฐบาลปักกิ่ง ที่ไม่ค่อยสบายใจกับการที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ในจีน เริ่มหันมาปล่อยกู้ให้รายย่อยมากขึ้น รวมไปถึงกลุ่ม Non-Bank ที่เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอย่าง Ant Group ด้วย เพราะหวั่นว่าจะเกิดหนี้เสีย ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังวิกฤต COVID-19

 

 

ที่มา : CNBC , Reuters , financial times, BBC

 

]]>
1304436