“เเจ็ค หม่า” มหาเศรษฐีชาวจีน ผู้ก่อตั้ง Alibaba Group อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของโลก ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทจาก 6.2% คงเหลือ 4.8% คิดเป็นมูลค่า 8,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.5 เเสนล้านบาท) ตามราคาหุ้นในปัจจุบันที่แสดงไว้ในเอกสารผลประกอบการของบริษัท ซึ่งเปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา
การขายหุ้นของเเจ็ค หม่าครั้งนี้ เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด หลังประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของอาลีบาบา ในเดือนก.ย. ปี 2019 พร้อมยุติบทบาททางธุรกิจอย่างเป็นทางการ เพื่อหันไปทำงานด้านการกุศลเต็มตัว เขาตัดสินใจลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลง เหลือ 6.2% ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทในขณะนั้น ปรับตัวสูงขึ้นราว 40% อย่างไรก็ตาม ตอนนั้น Alibaba ไม่ได้เปิดเผยราคาของหุ้นโดยเฉลี่ยในส่วนที่แจ็ค หม่าขายไปเมื่อปีที่เเล้ว
ราคาหุ้นของ Alibaba มีเเนวโน้มที่ดี จากการเติบโตเเละทำกำไรต่อเนื่อง เเม้ในช่วงนี้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงอย่างมากก็ตาม เนื่องจากผู้คนจำนวนมากได้หันมา “ซื้อของออนไลน์” ในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19
ด้าน “โจเซฟ ไซ” (Joseph Tsai) รองประธานกรรมการบริหารของ Alibaba ก็ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทลงด้วยเช่นกัน จากเดิม 2.2% เหลือ 1.6% คิดเป็นมูลค่าราว 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ แจ็ค หม่า และ โจเซฟ ไซ เริ่มลดบทบาทการบริหารในบริษัทลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่ได้แต่งตั้ง “ดาเนียล จาง” (Daniel Zhang) ขึ้นมาสืบทอดการดำเนินธุรกิจและดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร Alibaba Group ในปีที่ผ่านมา
จากเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เมื่อเดือนเม.ย. 2019 ระบุว่า เเจ็ค หม่าวางแผนจะเทขายหุ้นกว่า 21 ล้านหุ้น ภายในระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำรายได้มาสนับสนุนงานด้านการกุศลของเขา
โดยตลอดปีนี้ทั้งแจ็ค หม่า และ โจเซฟ ไซ ได้บริจาคอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) จำนวนหลายล้านชิ้น ผ่านหน่วยงานการกุศลส่วนตัวไปยังโรงพยาบาลทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการเเพทย์ต่อสู้กับการเเพร่ระบาดของ COVID-19
ที่มา : Reuters