อู่ฮั่น – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 19 Jul 2021 12:53:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ย้อนรอย “อู่ฮั่นโมเดล” รัฐบาลจีนจัดการอย่างไรบ้างเพื่อคุมการระบาด? https://positioningmag.com/1343037 Mon, 19 Jul 2021 10:23:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1343037 ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตของไทยจาก COVID-19 ยังคงพุ่งทะยานไม่หยุดยั้ง ทำให้ล่าสุด นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยกับสื่อว่า ภาครัฐกำลังพิจารณาว่าถ้าหากมาตรการควบคุมในขณะนี้ไม่สามารถทำให้การระบาดลดลงได้ภายใน 2 เดือน อาจมีการนำ “อู่ฮั่นโมเดล” มาบังคับใช้

อู่ฮั่นโมเดล คืออะไร? นับตั้งแต่มีการระบาดของ COVID-19 เกิดขึ้น หลายเมืองหรือประเทศบนโลกออกมาตรการ “ล็อกดาวน์” ในระดับที่แตกต่างกันไป แต่การล็อกดาวน์ที่เข้มข้นที่สุดที่เคยเกิดขึ้นคืออู่ฮั่นโมเดล และดูเหมือนว่าจะเป็นมาตรการที่คุมการระบาดได้จริง เพราะหลังจากออกมาตรการ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของอู่ฮั่นเริ่มทรงตัวภายใน 1 เดือน และลดเหลือ “ศูนย์” ภายใน 2 เดือน

เกิดอะไรขึ้นที่อู่ฮั่นบ้าง หลังประกาศล็อกดาวน์ขั้นสูงสุดเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2020 เราไล่เรียงมาตรการต่างๆ ไว้แล้วที่นี่

1.การเดินทาง
Photo : Xinhua

ห้ามเข้า-ออกจากเมือง แม้แต่การเดินทางเพื่อพบแพทย์หรือการรักษาก็ไม่สามารถกระทำได้ กรณีที่อนุญาตให้เข้า-ออกคือการขนส่งอาหารสด ซึ่งรถขนส่งจะต้องมีใบอนุญาต ทั้งนี้ อู่ฮั่นปิดเมืองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ประชาชนไม่สามารถ ‘อพยพ’ ออกจากพื้นที่ได้

ห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัว ยกเว้นที่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากรัฐ

ปิดขนส่งมวลชนส่วนใหญ่

– พื้นที่ส่วนใหญ่ ประชาชนออกจากบ้านได้เฉพาะเมื่อต้องการซื้ออาหารหรือยา แต่ไม่ได้กำหนดความถี่ในการออกจากบ้าน ขณะที่บางพื้นที่ของเมือง อนุญาตให้สมาชิกครอบครัวออกจากบ้านได้ครั้งละ 1 คน ทุกๆ 2 วันเท่านั้น

 

2.กิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ปิดร้านค้าทุกประเภทยกเว้นที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต ได้แก่ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด ร้านขายยา

ปิดสำนักงานและโรงงานทุกประเภท เว้นแต่โรงงานที่ผลิตสิ่งจำเป็น เช่น อาหาร ยา

 

3.ระบบสาธารณสุขและดูแลประชาชน
Photo : Xinhua

– เจ้าหน้าที่มีหน่วย “เคาะประตูบ้าน” ตรวจสุขภาพเชิงรุกทุกหลังคาเรือน หากพบผู้ป่วยจะถูกแยกไปกักตัวทันที องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า อู่ฮั่นมีทีมนักระบาดวิทยาทั้งหมด 1,800 ทีม หนึ่งทีมมีบุคลากรไม่ต่ำกว่า 5 คน ทั้งหมดนี้สามารถตรวจเชิงรุกได้วันละหลายหมื่นคน (อู่ฮั่นมีประชากรทั้งหมด 11 ล้านคน)

สร้างโรงพยาบาลสนามอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ถูกคัดแยกมาให้ทันท่วงที

– ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี เช่น Alibaba, Tencent พัฒนาแอปพลิเคชัน ภายในแอปฯ ผู้ใช้จะต้องตอบแบบสอบถามถึงอาการทางร่างกาย เช่น มีไข้ เจ็บคอ หรือไม่ และกรอกประวัติการเดินทางเพื่อเช็กความเสี่ยง จากนั้นผู้ใช้จะได้รับ QR Code ระบุว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงระดับสีใด (แดง-เหลือง-เขียว) หากเป็นสีแดงจะต้องกักตัว 14 วัน สีเหลืองกักตัว 7 วัน โดยร้านค้าที่ยังเปิดอยู่จะตรวจสอบ QR Code นี้ก่อนลูกค้าเข้าร้าน หากเป็นกลุ่มสีแดงหรือเหลืองจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า

ระดมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครช่วยกระจายอาหาร ยา และอุปกรณ์ตรวจเชื้อตามบ้านเรือน หากคนในบ้านเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้

ผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 จะถูกส่งจากโรงพยาบาลตรงไปยังศูนย์จัดฌาปนกิจทันที ไม่อนุญาตให้จัดงานศพ ญาติผู้เสียชีวิตจะได้รับแจ้งให้มารับเถ้ากระดูกเพื่อประกอบพิธีได้ในภายหลัง

 

4.ระบบความปลอดภัย
อู่ฮั่นโมเดล
บรรยากาศในเมืองอู่ฮั่นระหว่างการล็อกดาวน์ (Photo : Shutterstock)

– ใช้ประโยชน์จากระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ล้ำสมัย ทำให้จีนสามารถระบุตัวผู้ที่ฝ่าฝืนกฎห้ามออกจากบ้าน และแจ้งเตือนได้ทันที รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราอยู่เสมอ

– มีรายงานว่า อพาร์ตเมนต์บางแห่งร่วมมือกับภาครัฐ โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารจะขอตรวจ QR Code ของผู้พักอาศัยก่อนเข้า-ออกอาคาร

อื่นๆ เป็นข้อกำหนดที่ประเทศไทยใช้อยู่แล้วในมาตรการล็อกดาวน์ขณะนี้ เช่น ปิดการเรียนการสอนออนไซต์ของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทุกแห่ง, ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้าน

Photo : Wuhan Pet Life Online, SCMP

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าอู่ฮั่นโมเดลจะมีแต่ด้านบวก เพราะการบังคับใช้กฎหมายถ้วนหน้าอาจมีช่องโหว่ที่คาดไม่ถึง เช่น มีประชาชนอู่ฮั่นเป็นเด็กชายพิการทางสมองรายหนึ่งเสียชีวิตในบ้านพัก เนื่องจากขาดน้ำและอาหาร หลังจากพี่ชายและพ่อของเขาถูกนำไปแยกกักตัวทันทีโดยยังไม่ทันได้แจ้งขอความช่วยเหลือ หรือสัตว์เลี้ยงนับหมื่นตัวตกอยู่ในอันตราย หลังเจ้าของถูกแยกกักตัวในทันทีเช่นกัน

นอกจากนี้ การห้ามออกจากบ้านเด็ดขาดติดต่อกันหลายสัปดาห์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดปัญหาสุขภาพจิตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในห้องพักเล็กๆ ที่แออัด รวมถึงเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจที่รุนแรงอย่างมากตามมา

หลังจาก 76 วันที่อู่ฮั่นปิดเมืองแบบ “ล็อกดาวน์อย่างสมบูรณ์” การเปิดเมืองหลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับมาเป็นปกติทันที เช่น เริ่มแรกอนุญาตให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาเปิดได้ และพนักงานที่จะกลับเข้าทำงานต้องมี QR Code สีเขียวเท่านั้น รวมถึงภาครัฐยังขอความร่วมมือให้ประชาชนออกจากบ้านเมื่อจำเป็นเท่านั้นเช่นเคย

หากประเทศไทยจะนำ “อู่ฮั่นโมเดล” มาใช้บ้าง คงต้องทำให้แน่ใจว่ารัฐจะมีเจ้าหน้าที่และงบประมาณเพียงพอ รวดเร็ว ในการสนับสนุนให้ประชาชน ‘รอดตาย’ ภายในบ้าน โดยที่หลายคนจะไม่มีงานทำและไม่มีรายได้ รวมถึงต้องระดมตรวจเชิงรุกฟรีเพื่อคัดแยกผู้ป่วยให้ไวที่สุด

เมื่อเรายังไม่มี “วัคซีน” เพียงพอเพื่อช่วยควบคุมการระบาดอีกทางหนึ่ง ก็ได้แต่หวังพึ่งโมเดลการควบคุมแบบดั้งเดิมระหว่างรอคอยวัคซีนที่ดีมีคุณภาพ!

Source: The Guardian, Time, CNN

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

]]>
1343037
รายงานเบื้องต้นจากสหรัฐฯ : COVID-19 “อาจ” มาจากห้องแล็บในอู่ฮั่น https://positioningmag.com/1335846 Tue, 08 Jun 2021 05:09:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1335846 หลังคำสั่งสืบต้นตอที่มาของไวรัสโคโรนาโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ แหล่งข่าววงในระบุกับสำนักข่าว The Wall Street Journal ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีรายงานภายในยืนยันสมมติฐานที่เชื้อไวรัสอาจหลุดรอดออกมาจากห้องแล็บในอู่ฮั่นนั้น “เป็นไปได้” และควรสืบสวนต่อไป

การสืบสวนครั้งนี้มีการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 โดยห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Livermore ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และพบข้อมูลว่ากระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ มีรายงานอ้างถึงการสอบสวนที่ห้องแล็บแห่งนี้ในช่วงก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะลงจากตำแหน่งไม่กี่เดือนสุดท้าย

Lawrence Livermore ตั้งสมมติฐานผ่านการวิเคราะห์จีโนมของเชื้อไวรัสโรค COVID-19 อย่างไรก็ตาม ห้องแล็บดังกล่าวปฏิเสธให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ The Wall Street Journal

โครงการสืบหาต้นตอไวรัสดำเนินต่อไปในยุคของ โจ ไบเดน โดยเขาเพิ่งประกาศเดินหน้าหาคำตอบในประเด็นนี้เมื่อเดือนก่อน

หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ตั้งสมมติฐานความเป็นไปได้ไว้ 2 กรณีสำหรับการเกิดขึ้นของไวรัสโคโรนา หนึ่ง คือเชื้อไวรัสหลุดออกจากการทดลองในห้องแล็บโดยอุบัติเหตุ หรือ สอง คือ เกิดขึ้นในสัตว์และมนุษย์ไปสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ แต่ไบเดนกล่าวว่า จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้

china Coronavirus Pneumonia Outbreaks In China
(Photo by Getty Images)

ทั้งนี้ ย้อนกลับไปในช่วงที่ทรัมป์ยังเป็นประธานาธิบดี มีเอกสารลับจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุถึงนักวิจัย 3 คนในสถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่นเกิดป่วยหนักในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2019 ถึงขั้นที่ต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวโจมตีจีนที่ไม่มีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลที่มาของไวรัส

 

จีนโต้ การหาต้นตอไวรัสเป็นประเด็น “การเมือง”

รัฐบาลจีนมีท่าทีตรงข้ามกับสหรัฐฯ เสมอมา โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าจีนไม่โปร่งใสในการให้ข้อมูล ปฏิเสธว่าห้องแล็บในอู่ฮั่นมีส่วนรับผิดชอบในฐานะที่มาของไวรัส รวมถึงกล่าวโจมตีกลับว่า ข้อกล่าวหานี้เป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ เพราะประเทศตนเองไม่สามารถควบคุมการระบาดได้

ล่าสุดเมื่อไบเดนสั่งให้มีการสืบสวนต่อเนื่องถึงต้นตอไวรัส ทำให้สถานทูตจีนประจำสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้ทันทีว่า “เป็นการชักจูงทางการเมือง”

จีนยังคงชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ COVID-19 จะถือกำเนิดขึ้นในส่วนอื่นของโลก และเข้าสู่ประเทศจีนผ่านทางอาหารแช่แข็ง หรือเครือข่ายค้าสัตว์ป่าที่นิยมกันในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน

นอกจากรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็กำลังสืบหาต้นตอของไวรัสเช่นกัน อย่างไรก็ตาม “ไมค์ ไรอัน” ผู้บริหารระดับสูงของ WHO กล่าวเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2021 ว่า WHO ไม่สามารถบังคับให้จีนเปิดเผยความลับเกี่ยวกับต้นตอของ COVID-19 ไปมากกว่านี้ได้ แต่กล่าวเพิ่มเติมว่าองค์กรจะยกระดับการศึกษาต้นตอของไวรัสต่อไป

Source: Reuters, Aljazeera

]]>
1335846
“อู่ฮั่น” แจกอั่งเปารวม 100 ล้านหยวน กระตุ้นการบริโภคช่วงตรุษจีน งดการเดินทาง https://positioningmag.com/1318494 Mon, 08 Feb 2021 16:21:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1318494 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 7 ก.พ. ทางการนครอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน เตรียมออกบัตรกำนัลเงินสดมูลค่ารวม 100 ล้านหยวน (ประมาณ 464 ร้อยล้านบาท) ให้ประชาชนที่ไม่เดินทางออกนอกพื้นที่ช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภค

สำนักพาณิชย์อู่ฮั่นออกบัตรกำนัลเงินสดชุดแรกเวลา 12.00 น. ของวันจันทร์ที่ 8 ก.พ. บนแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ อาลีเพย์ วีแชท และเหม่ยถวน และจะใช้ได้จนถึงวันที่ 16 ก.พ.

บัตรกำนัลดังกล่าวสามารถนำไปใช้ได้กับห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์ในเมือง โดยมีค่าเงินตั้งแต่ 8-108 หยวน (ประมาณ 37-500 บาท)

ทั้งนี้ ชาวจีนหลายร้อยล้านคนมักเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อพบปะครอบครัวในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 ก.พ. ทว่าการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 เพิ่มประปราย ทำให้หลายพื้นที่ทั่วจีนหันมาส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยและแรงงานต่างถิ่นหลีกเลี่ยงการเดินทาง เพื่อลดการไหลเวียนของผู้โดยสารในประเทศ

]]>
1318494
ศาลจีนสั่งจำคุก 4 ปี ผู้สื่อข่าวหญิงรายงานข่าว COVID-19 ระบาดในเมืองอู่ฮั่น https://positioningmag.com/1312511 Tue, 29 Dec 2020 14:40:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312511 ศาลแห่งหนึ่งของจีนพิพากษาจำคุก 4 ปี นักข่าวพลเมืองรายหนึ่ง ซึ่งรายงานข่าวจากใจกลางเมืองอู่ฮั่น ในช่วงพีคสูงสุดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อช่วงต้นปี ในฐานความผิดยุยงปลุกปั่นให้เกิดปัญหา

จาง จ้าน วัย 37 ปี เป็นหนึ่งในนักข่าวจีนชุดแรกๆ ที่ลงพื้นที่รายงานการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเมืองอู่ฮั่น เธอกล้ารายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับสถานการณ์ที่แน่นขนัดไปด้วยผู้ติดเชื้อตามโรงพยาบาลทั้งหลาย และท้องถนนสายต่างๆ เต็มไปด้วยความว่างเปล่า บรรยายภาพบริเวณศูนย์กลางของโรคระบาดใหญ่เลวร้ายกว่าคำบอกเล่าของทางการ

“ฉันไม่เข้าใจ ทุกอย่างที่เธอพูดเป็นความจริง แต่เธอกลับได้รับโทษจำคุก 4 ปี” คุณแม่ของจาง จ้าน กล่าวระหว่างเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีพร้อมกับสามี ส่วนทนายความบอกกับรอยเตอร์ว่า “บางทีเราจะยื่นอุทธรณ์”

การพิจารณาคดีมีขึ้นที่ศาลแห่งหนึ่งในผู่ตง ย่านศูนย์กลางธุรกิจของเซี่ยงไฮ้ “จาง เชื่อว่าเธอถูกดำเนินคดีจากการที่เธอใช้สิทธิเสรีภาพการแสดงออก” ทนายความระบุ

ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ระบุว่า จีนตั้งใจกำหนดวันพิจารณาคดีจาง ให้เกิดขึ้นระหว่างฤดูกาลวันหยุดของตะวันตก เพื่อลดความสนใจในคดีนี้จากตะวันตก ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มักวิจารณ์จีนอยู่เป็นประจำ ฐานปกปิดต้นกำเนิดของโรคระบาดใหญ่ที่เขาเรียกว่า “ไวรัสจีน”

สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกร้องบนทวิตเตอร์ ขอให้ปล่อยตัวจาง “เราหยิบยกคดีของเธอพูดคุยกับเจาหน้าที่มาตลอดปี 2020 ว่ามันเป็นตัวอย่างของการปราบปรามเกินกว่าเหตุต่อเสรีภาพการแสดงออกที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 และยังคงเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอ”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อแนวทางรับมือกับวิกฤตในช่วงต้นของจีนถูกเซ็นเซอร์ และผู้เปิดโปงทั้งหลาย อย่างเช่นคณะแพทย์ต่างถูกตักเตือน จากนั้นสื่อมวลชนแห่งรัฐก็ออกมายกความดีความชอบในความสำเร็จควบคุมไวรัส แก่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง

ไวรัสแผ่ลามไปทั่วโลก โดยจนถึงตอนนี้แพร่เชื้อสู่ประชากรโลกแล้วมากกว่า 81 ล้านคน ในนั้นเสียชีวิตกว่า 1.78 ล้านราย ทำการสัญจรทางอากาศเป็นอัมพาต ในขณะที่ประเทศทั้งหลายใช้มาตรการสกัดกั้นต่างๆ นานา ที่ก่อความปั่นป่วนวุ่นวายแก่เศรษฐกิจ อุตสาหกรรมต่างๆ และรวมถึงวิถีชีวิตของผูู้คน

ในเซี่ยงไฮ้ ตำรวจใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นนอกศาล สถานที่ที่ใช้พิจารณาคดีจาง หลังจากเธอถูกควบคุมตัวเมื่อ 7 เดือนก่อน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางผู้สนับสนุนของเธอใดๆ กระนั้นบรรดาผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในศาล สืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่

(Photo by Getty Images)

จาง ซึ่งเป็นอดีตทนายความ เดินทางจากบ้านเกิดในเซี่ยงไฮ้ เข้าไปในอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ในคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่เธออัปโหลดลงยูทูป เป็นภาพการสัมภาษณ์พวกชาวบ้าน, ข้อคิดเห็นและภาพจากเตาเผาศพ, สถานีรถไฟ, โรงพยาบาลต่างๆ และสถาบันไวรัสวิทยาของอู่ฮั่น

เครือข่ายต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในจีน (CHRD) เผยว่า จางหายตัวไปจากเมืองอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม และวันต่อมาก็พบว่าจางถูกตำรวจในเมืองเซี่ยงไฮ้ควบคุมตัวไว้ ซึ่งห่างจากอู่ฮั่นถึง 640 กิโลเมตร

จางถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่แล้ว โดยระบุว่าเธอเผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านตัวอักษร วิดีโอ และสื่ออื่นๆ อาทิ วีแชต ทวิตเตอร์ และ ยูทูป รวมทั้งถูกกล่าวหาว่าให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่นด้วยเจตนาร้าย

ในช่วงเดือนมิถุนายน จางเริ่มประท้วงการจับกุมด้วยการอดอาหาร โดยทนายความส่วนตัวของจางเผยว่าสุขภาพเธอกำลังย่ำแย่ และถูกบังคับให้อาหารผ่านสายยางทางจมูก และในเดือนธันวาคม เธอมีอาการปวดศีรษะ, วิงเวียน, ปวดท้อง, ความดันเลือดต่ำและติดเชื้อในลำคอ

นักข่าวพลเมืองรายอื่นๆ หายตัวไปในจีนโดยปราศจากคำอธิบายใดๆ ในนั้นประกอบด้วย ฟ่าง ปิน, เฉิน ซิวซื่อ และ หลี่ เจ๋อหัว

Source

]]>
1312511
“อู่ฮั่น” อดีตศูนย์กลาง COVID-19 ใกล้คืนสู่ภาวะปกติ เตรียมเปิดทุกชั้นเรียนต้นสัปดาห์หน้า https://positioningmag.com/1294562 Sat, 29 Aug 2020 06:25:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1294562 เมืองอู่ฮั่น อดีตศูนย์กลางการแพร่ระบาด และเมืองที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 หนักหน่วงที่สุดของจีน จะกลับมาเปิดการเรียนการสอนทุกโรงเรียนและโรงเรียนอนุบาล ตั้งแต่วันอังคารที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป

สถาบันการศึกษามากถึง 2,842 แห่งทั่วเมืองจะกลับมาเปิดประตูต้อนรับนักเรียนเกือบ 1.4 ล้านคนอีกครั้งสำหรับภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วง แต่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่นจะเริ่มการเรียนการสอนก่อนใคร ในวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.

เมืองแห่งนี้บอกว่าพวกเขาได้ร่างแผนฉุกเฉินสำหรับหวนคืนสู่การเรียนการสอนทางออนไลน์ทันที หากว่าระดับความเสี่ยงเปลี่ยนแปลงไป พร้อมออกคำแนะนำให้นักเรียนนักศึกษาสวมหน้ากากทั้งขาไป และขากลับจากโรงเรียน รวมถึงถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้หลีกเลี่ยงระบบขนส่งสาธารณะ

โรงเรียนต่างๆ ได้รับคำสั่งให้กักตุนเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาด และทำการฝึกซ้อมเตรียมการรับมือกับการแพร่ระบาดรอบใหม่อยู่เป็นประจำ นอกจากนี้พวกเขายังต้องจำกัดการรวมตัวกันของนักเรียนโดยไม่จำเป็น และยื่นรายงานต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในทุกๆ วัน

อย่างไรก็ตาม นักเรียนและครูต่างชาติที่ไม่ได้รับแจ้งจากสถาบันการศึกษาของพวกเขา จะยังไม่ได้รับอนุญาตกลับมา

อู่ฮั่น เมืองทางภาคกลางของจีน ดินแดนซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของโรคระบาดใหญ่ COVID-19 เคยอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นานกว่า 2 เดือนในช่วงปลายเดือนมกราคม ขณะที่เมืองแห่งนี้มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 3,869 คน หรือคิดเป็นมากกว่า 80% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดในจีน

เมืองอู่ฮั่น ค่อยๆ คืนสู่ภาวะปกตินับตั้งแต่เดือนเมษายน ครั้งที่ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ และไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในระดับท้องถิ่นมาตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม

Source

]]>
1294562
“ปักกิ่ง” เพิ่มระยะเวลากักตัวกลุ่มเสี่ยงสูงจาก 14 เป็น 28 วัน เชื้อนี้ติดต่อมากกว่าอู่ฮั่น https://positioningmag.com/1285830 Tue, 30 Jun 2020 16:55:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285830 ปักกิ่งเพิ่มระยะเวลากักกันโรค COVID-19 เป็นสองเท่า จาก 14 วันเป็น 28 วัน เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์กลัวว่า สายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา ต้นเหตุการระบาดล่าสุดของปักกิ่ง ในตลาดซินฟาตี้ อาจติดต่อได้มากกว่าในอู่ฮั่น

จากการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เมื่อวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน สือ กั่วฉิง ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ที่ถูกกักกันในกรุงปักกิ่งเป็นแรงงานจากตลาดเนื้อวัว และเนื้อแกะในตลาดซินฟาตี้ ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ COVID-19

สือ กล่าวว่า บางคนที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการเลย ดังนั้นจึงยากที่จะตัดสินว่าพวกเขาติดเชื้อไวรัสเพียงแค่สังเกตอาการฯ

ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากผู้ติดเชื้อบางรายมีผลการทดสอบเริ่มต้นเชิงลบ โดยอาศัยการทดสอบกรดนิวคลีอิกเชิงลบเพียงอย่างเดียว และไม่พบความผิดปกติภายใน 14 วัน ซึ่งไม่เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าพวกเขาติดเชื้อหรือไม่

ฉู จุนเว่ย รองผู้อำนวยการเขตเฟิงไท่ กรุงปักกิ่ง กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าช่วงเวลาที่ถูกกักตัว สำหรับผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับตลาดเนื้อวัว และเนื้อแกะได้เพิ่มขึ้นเป็น 28 วัน

Photo : Shutterstock

สือ กล่าวว่าคนกลุ่มนี้จะได้รับการทดสอบกรดนิวคลีอิกหลังจากถูกกักกันเป็นเวลา 14 วัน และการทดสอบอีกครั้งหลังจากกักกัน 28 วัน

33.8% ของผู้ที่ได้รับการยืนยันติดเชื้อในปักกิ่งนั้น เป็นคนงานจากตลาดเนื้อวัวและเนื้อแกะในตลาดซินฟาตี้ ในขณะที่ 20.5% เป็นผู้มาเข้ามาบริเวณนี้

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของปักกิ่งตีพิมพ์บทความเมื่อวันจันทร์โดยบอกว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์นี้ ซึ่งเชื่อกันว่านำเข้ามาในประเทศจีน อาจมาจากยุโรปในช่วงต้นเดือนมีนาคม จากนั้นข้ามต่อไปยังอเมริกาใต้ ก่อนในที่สุดกลับเข้ามาในประเทศจีน โดยผู้ให้บริการมนุษย์หรือเนื้อสัตว์ที่นำเข้า

หยาง จางฉิว รองผู้อำนวยการแผนกชีววิทยาเชื้อโรคที่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น กล่าวกับ โกลบอลไทม์ส ในวันจันทร์ว่ามีคนจำนวนมากติดเชื้อในปักกิ่งภายในระยะเวลาอันสั้น และทุกคนมีความเชื่อมโยงกับตลาดซินฟาตี้ ซึ่งหมายความว่าเชื้อนี้ติดต่อง่ายกว่าไวรัสฯ ที่พบในอู่ฮั่น และเป็นไปได้ว่าซูเปอร์สเปรดเดอร์อาจมีอยู่ในตลาดซินฟาตี้

การกำหนดมาตรการที่เข้มงวดในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจึงเป็นมาตรการที่ปลอดภัยกว่าหยางตั้งข้อสังเกต

Source

]]>
1285830
ตัดไฟแต่ต้นลม! “อู่ฮั่น” ลุยตรวจ COVID-19 ชาวเมืองทั้งหมด 11 ล้านคน รับมือระบาดรอบสอง https://positioningmag.com/1278246 Tue, 12 May 2020 16:03:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1278246 องค์การอนามัยโลก ยกย่องความคืบหน้าในการรับมือไวรัสทั่วโลก แต่กำชับให้เฝ้าระวังการระบาดรอบสองอย่างเต็มที่ สอดคล้องกับที่ผู้เชี่ยวชาญชื่อดังของอเมริกาเตือนว่า การเร่งเปิดเมืองนอกจากทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังบ่อนทำลายความพยายามในการรีสตาร์ทเศรษฐกิจ ทางด้านจีนสั่งลุยตรวจชาวเมืองอู่ฮั่นทั้ง 11 ล้านคนหลังพบเคสใหม่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไวรัสโคโรนาทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 285,000 คน และติดเชื้อกว่า 4.1 ล้านคนทั่วโลกในขณะนี้

ที่ประเทศจีน สื่อของทางการรายงานเมื่อวันอังคารว่า อู่ฮั่น เมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อปลายปีที่แล้ว มีแผนปูพรมตรวจประชาชนทั้ง 11 ล้านคน หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์

ข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ของเมืองได้สั่งการให้แต่ละเขตส่งแผนการดำเนินการภายในเที่ยงวันอังคาร และจัดการให้มีการทดสอบกรดนิวคลิอิกเพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อภายใน 10 วัน แต่ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า จะเริ่มต้นเมื่อใด

Photo : Shutterstock

แผนการนี้มีขึ้นหลังจากอู่ฮั่นรายงานว่า พบการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนครั้งแรกนับจากยุติการล็อกดาวน์ที่กินเวลา 76 วัน เมื่อวันที่ 8 เมษายน โดยมีการรายงานเคสใหม่ 14 คนในวันที่ 10 พ.ค. และ 17 คนในวันที่ 11 พ.ค.

อย่างไรก็ดี ไม่พบเคสใหม่ในเมืองนี้ในวันที่ 12 พ.ค. รวมทั้งไม่มีผู้เสียชีวิตเป็นวันที่ 27 ติดต่อกัน

นับจากที่โรคนี้ระบาดในเดือนธันวาคมจนถึงขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตในอู่ฮั่น 3,869 คน จาก 4,633 คนทั่วประเทศ ส่วนยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดในจีนอยู่ที่ 82,919 คน

ปัจจุบัน จีนควบคุมการระบาดได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ยังคงเฝ้าระวังการระบาดรอบสองขณะที่ทางการผ่อนคลายการล็อกดาวน์และมาตรการจำกัดต่างๆ ทั่วประเทศ

Source

]]>
1278246
เหลือศูนย์! โรงพยาบาลในอู่ฮั่น ไร้ผู้ป่วย COVID-19 แล้ว แต่เมืองยังไม่เปิด 100% https://positioningmag.com/1275450 Mon, 27 Apr 2020 01:53:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275450 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนเปิดเผยว่าจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลของนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของประเทศ ได้ลดลงจนเหลือศูนย์รายแล้ว

หมี่เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) ของจีน แถลงข่าวในกรุงปักกิ่งว่าความพยายามอย่างหนักหน่วงของเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ในอู่ฮั่น รวมถึงบุคลากรจากทั่วประเทศที่ถูกส่งไปช่วยเหลืออู่ฮั่นต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ ได้ยังผลสำเร็จแล้ว

ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรค COVID-19 รายสุดท้ายที่มีอาการรุนแรงในอู่ฮั่น ได้รับการรักษาจนหายดีในวันที่ 24 เม.. ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรค COVID-19 ของอู่ฮั่นลดลงเหลือศูนย์ราย

ขณะที่จำนวนผู้ป่วยโรค COVID-19 ในปัจจุบันของหูเป่ยลดลงจนต่ำกว่า 50 รายเป็นครั้งแรก และไม่มีรายงานผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผลรายใหม่ติดต่อกันเกิน 20 วันแล้ว

ยอดผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่ได้รับการยืนยันผลบนจีนแผ่นดินใหญ่รวมอยู่ที่ 82,827 ราย เมื่อนับถึงวันที่ 25 เม.. โดยมีผู้ป่วยยังคงอยู่ระหว่างการรักษา 801 ราย และผู้ป่วยหายดี 77,394 ราย

]]>
1275450
COVID-19 ทำให้ชีวิตของคนจีนเปลี่ยนไปอย่างไร? เงินสด การทำงาน ไปจนถึงประกันชีวิต https://positioningmag.com/1274105 Sun, 19 Apr 2020 15:48:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1274105 ผู้เขียน ร่มฉัตร จันทรานุกูล, University of International Business and Economics.

หลังจากที่การระบาดของ COVID-19 ดำเนินมากว่า 3 เดือน ความเข้มข้นในการแก้ปัญหาและหยุดการระบาดในประเทศของจีนเป็นผล ทำให้จีนพยายามที่จะเร่งให้การกลับมาใช้ชีวิตของประชาชนเป็นปกติได้เร็วที่สุดเพราะความเสียหายทางเศรษฐกิจที่มาจากการหยุดชะงัก จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปในหลายภาคส่วน

หลายท่านอาจจะทราบแล้วว่าวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางการจีนประกาศเปิดเมืองอู่ฮั่น หลังจากเมืองอื่นๆ ในมณฑลหูเป่ยได้ทยอยเปิดไปก่อนหน้าในวันที่ 25 มี.ค. นั่นหมายความว่า เมืองอู่ฮั่นกำลังจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ชีวิตของประชาชนเริ่มกลับมาเหมือนเดิมอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

การเปิดเมืองอู่ฮั่นสำคัญกับการเดินทางเข้าออกของประชาชน ทุกอย่างยังคงต้องเป็นกระบวนการ มีโค้ดสีเขียวยืนยันการมีสุขภาพแข็งแรง (ฟังก์ชัน Healthty Code ในมือถือ ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมควบคุมโรค) เป็นเหมือนใบอนุญาตเดินทาง การเดินทางข้ามเมืองไปเมืองจุดมุ่งหมายต้องกักตัว 14 วันและปฎิบัติตามกฎของพื้นที่อย่างเคร่งครัด อย่างเช่น ผู้เดินทางจากอู่ฮั่นที่จะเข้ามาปักกิ่ง นอกจากมีโค้ดสีเขียวแล้วต้องมีการตรวจโควิดสองรอบคือทั้งขาออกจากอู่ฮั่นและขาเข้ามาในปักกิ่ง เมื่อมาถึงแล้วจะต้องกักตัว 14 วันที่สถานที่ที่ถูกจัดไว้ให้

ทั้งนี้การขออนุญาตเดินทางออกไปทำงานของคนอู่ฮั่นยังจัดประเภทของอาชีพด้วย เช่น อาชีพพนักงานโรงงานต้องรีบกลับไปทำงานก่อนก็ได้ออกก่อน อาจารย์หรือนักวิจัยได้อนุญาตหลังสุดเพราะมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วประเทศยังไม่เปิดเทอม เป็นต้น

COVID-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน ตั้งแต่รากหญ้าไปจนถึงเจ้าของกิจการ ประชาชนจีนตระหนักกับวิกฤตินี้ ทุกคนมีความวิตกกังวลและรู้สึกไม่ปลอดภัยอีกต่อไปกับการที่ประสบกับสิ่งที่ไม่แน่นอนในอนาคต ทำให้ประชาชนจีนกลับมาใช้ชีวิตกันอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

วิกฤติ COVID-19 ทำให้ต้นทุนการใช้ชีวิตของประชาชนสูงขึ้น ต้นทุนข้าวของบางอย่างแพงขึ้น อัตราการว่างงานของจีนจาก 4% เพิ่มขึ้นเป็น 6.2%

Photo : Shutterstock

นอกจากรัฐบาลจีนพยายามประคองเศรษฐกิจแล้ว ตัวประชาชนเองก็ต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนให้มากที่สุด สิ่งสำคัญคือการ “ปรับตัว” เพราะความรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและความไม่แน่นอน ทำให้คนจีนหลายคนมีทัศนะคติการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป

ผู้เขียนรวบรวมสรุปประเด็นเหล่านี้จากคนรอบตัวและในบล็อกเกอร์จีนต่าง ๆ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยสรุปเป็นประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

ประการแรก – เงินสด

การมีเงินสดสำรองไว้ใช้สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ในช่วงที่โควิดระบาดนี้ประชาชนจำนวนมากหยุดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีบริษัทหลายที่เลิกจ้างพนักงานหรือจ่ายแค่เงินเดือนขั้นต่ำเท่านั้น จีนมีคำกล่าวที่ว่า “现金为王”(Xian Jin Wei Wang) เงินสดคือพระราชา เพราะเมื่อถึงเวลาฉุกเฉินอย่างต้องนอนโรงพยาบาลหรือถูกพัก ถูกให้ออกจากงาน การมีเงินสดอย่างเพียงพอเพื่อการดำรงชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ที่ผ่านมา คนจีนนิยมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ คือเอาเงินสดแปลงเป็นอสังหาริมทรัพย์หมด จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติจีนทรัพย์สินของประชาชนจีนมากกว่า 60% หรืออาจจะมากกว่า 70% อยู่ในรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทุกวันนี้อสังหาริมทรัพย์ในจีนซื้อง่าย ขายยาก ไม่ใช่แค่ผลกระทบจาก COVID-19 เท่านั้น แต่เพราะอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว

และในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาราคาอสังหาริมทรัพย์มือสองในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ปรับตัวเฉลี่ยลดลง 10-20% หรืออาจจะมากกว่านั้น ราคาเช่าบ้านทรงตัวจากปกติที่ปรับขึ้นทุกปีปีละ 5-10% และจากราคาสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ประชาชนจีนประหยัดเงินกันมากขึ้นไปอีก

ปัจจุบันถึงแม้ว่าสภาวะการใช้ชีวิตเริ่มกลับมาเป็นปกติในหลายพื้นที่ แต่การบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยของคนจีนก็ชะลอตัวลงอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นคนจีนหลายคนเห็นว่าหลังโควิดผ่านไปจะเก็บเงินสดมากขึ้นและลดหรือตัดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

ประการที่ 2 – Cloud Life

“Cloud Life” กำลังจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีนมากขึ้น จากการระบาดขึ้นมาของโรค COVID-19 รัฐบาลจีนได้หยิบเรื่อง 5G ขึ้นมาเป็นวาระสำคัญให้เพิ่มอัตราเร่งการนำมาใช้ให้กว้างขวางเนื่องจากผลกระทบจากโควิด ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประชาชนเปลี่ยนไปเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น อย่างไม่มีทางเลี่ยง ทั้งด้านการทำงาน การเรียน การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ ภาคธุรกิจอาหาร ธุรกิจบันเทิง เป็นต้น

ROSLINDALE, MA – MARCH 24: Kindergarten teacher Jamie Jones OBrien talks to his students as he conducts as he conducts a Zoom video lesson from his living room in Roslindale, MA on March 24, 2020, as schools remains closed to prevent the spread of COVID-19. Last week, when he first started, he had four students. Attendance went up to 9 students by Friday. (Photo by Jessica Rinaldi/The Boston Globe via Getty Images)

กิจกรรมหลายอย่างเปลี่ยนจากออฟไลน์ขึ้นไปบนออนไลน์อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการมีเทคโนโลยีไร้สายความเร็วสูงมารองรับเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิดหนักในอู่ฮั่น การตรวจรักษาผู้ป่วยและการผ่าตัดผู้ป่วยทางไกลได้นำเทคโนโลยี 5G เข้ามาใช้มากขึ้น การเปิดบริการหาหมอออนไลน์ในแผนกผู้ป่วยที่มีไข้ ทำให้ประชาชนลดการไปแออัดที่โรงพยาบาล เป็นต้น

คนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายในชีวิต ในหลายธุรกิจภาคส่วยของจีนหลังจากนี้จะต้องมีการปรับตัวกันมากเลยทีเดียว ดังนั้น “Cloud Life” จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเข้าถึงชีวิตของผู้คนในทุก ๆ ด้าน

ประการที่ 3 – Share Worker

“Share Worker” เป็นโมเดลการแชร์พนักงานในภาคธุรกิจบริการ กำลังจะเป็นเทรนต์ต่อไปในอนาคต เนื่องมาจาก COVID-19 อีกเช่นกันที่หลายธุรกิจบริการออฟไลน์(ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย โรงหนัง สถานบริการบันเทิงต่างๆ ที่ต้องรอลูกค้าเดินเข้าไปใช้บริการ)ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องปิดตัวเป็นเวลานานหลายเดือน รายได้ของร้านที่หดหายไปกระทบไปถึงการจ้างงานพนักงาน

แต่ในช่วงวิกฤตินี้ก็มีธุรกิจบริการบางประเภทที่ต้องการคนงานชั่วคราวมากขึ้น เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์กระจายสินค้า โลจิสติกส์ และเดลิเวอรี่ขนส่งอาหาร เป็นต้น ธุรกิจเหล่านี้ต้องการคนในการขับเคลื่อน

แนวคิดการ Share Worker เริ่มมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตเหอหม่า(He Ma)ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของ Alibaba ซึ่งหลังจากการระบาดของโควิดยอดการสั่งซื้อออนไลน์ของประชาชนเพิ่มมากไปหลายเท่าตัว พนักงานประจำที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตเหอหม่า ได้เข้าไปร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร และเซ็นสัญญาร่วมมือเพื่อดึงเอาพนักงานร้านอาหารที่ว่างงานอยู่ เข้ามาทำงานในเหอหม่าชั่วคราว

Photo : Shutterstock

ทั้งนี้ต้องได้รับการยินยอมจากตัวบุคลากรด้วย แน่นอนว่าพนักงานทั่วไปก็ต้องการมีงานทำให้เร็วที่สุด ทำให้โมเดลนี้เป็นที่ยอมรับของพนักงานทั่วไปอยู่ไม่น้อย

โมเดล Share worker นี้กลายเป็นจุดประกายของบริษัทต่าง ๆ ที่จะสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมาและแชร์พนักงานกัน ซึ่งก็เป็นผลดีกับทุกฝ่าย ทั้งยังลดการว่างงาน หลีกเลี่ยงการปลดพนักงานลงอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นคนจีนในภาคใช้แรงงานต้องปรับตัวกันมากทีเดียว การมีทักษะการทำงานพื้นฐานที่หลากหลายกลายทำให้มีทางเลือกในการทำงานมากยิ่งขึ้น งานนี้แรงงานจีนต่างพากันให้ความสำคัญถึงการพัฒนาทักษะแบบบูรณาการมากขึ้น อย่างเช่น คนที่เป็นพ่อครัวก็ต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ให้คล่อง เป็นต้น

ประการที่ 4 – ประกันชีวิต

ประชาชนจีนให้ความสำคัญกับการซื้อประกันชีวิตมากขึ้น นอกเหนือจากประกันสังคมที่มีอยู่ ตลาดประกันชีวิตของจีนเพิ่งเริ่มจะขึ้นมาบูมประมาณ 10 ปีนี้และยังไม่ถึงจุดเติบโตสูงสุด

ที่ผ่านมา การซื้อประกันชีวิตของคนจีนจะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มชนชั้นกลางระดับกลางถึงสูงขึ้นไป ระยะหลังมารัฐบาลจีนเริ่มเข้าไปกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยมากขึ้น และมีบริษัทประกันจำนวนมากมีรัฐเข้าไปถือหุ้น ทำให้ธุรกิจประกันภัยในจีนเข้าร่องเข้ารอยมากขึ้นและประชาชนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หลังการแพร่ระบาดของโควิด ผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิดในจีนก็มีออกมาเช่นกัน แต่การประชาสัมพันธ์และความนิยมไม่ได้เป็นที่กว้างขวางนัก เนื่องจากภายหลังการรักษาโควิดของประชาชนจีนถูกยกให้เป็นการรักษาฟรี

Photo : Shutterstock

แต่กระนั้นการซื้อประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรงของคนจีนมีแนวโน้มมากขึ้นทั้งในช่วงนี้และหลังจากนี้ เพราะการตระหนักถึงความไม่แน่นอนและต้องการสร้างประกันให้กับชีวิตตนเองในอนาคต ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญจีนได้ออกมากล่าวว่าธุรกิจประกันชีวิตจีนจะก้าวเข้าสู่ยุคเติบโตใหม่เลยทีเดียว

จากสถานการณ์โลกในปัจจุบัน “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” การมาของโควิดในวันนี้ไม่มีใครคาดการณ์มาก่อน ในด้านของจีนการป้องกันการระบาดยังเป็นงานหนัก และยังไม่ใช่เวลาที่ทุกคนจะหละหลวมหรือวางใจได้ ในด้านชีวิตทั่วไปของประชาชนต้องเรียนรู้ ปรับตัวและพร้อมรับมือกับอนาคตนั่นเอง

Source

]]>
1274105
ถอด 7 บทเรียน CP ในเมืองอู่ฮั่น สู่ประเทศไทย ต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อสู้ภัย COVID-19 https://positioningmag.com/1270770 Sat, 04 Apr 2020 15:58:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1270770
ภาพ : wearecp.com
เมื่อยามวิกฤต ความรู้เท่านั้นที่จะทำให้รอดได้ CP ในประเทศจีนผ่านบทเรียนในชีวิตจริง ถ่ายทอดประสบการณ์สู่ CP ประเทศไทย ให้เตรียมความพร้อม ไม่ประมาท และนำความรู้มาแบ่งปันคนไทย เพราะเมื่อภัยมา บทเรียนจากผู้อยู่ในเหตุการณ์จริง อาจช่วยลดผลกระทบต่อคนไทยได้ไม่มากก็น้อย

ทาง CP ได้แชร์ประสบการณ์ผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวถึงการจัดการต่างๆ เพื่อฝ่าวิกฤตในประเทศจีนมีเนื้อหาดังนี้

หากย้อนกลับไป นครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน ถือเป็นพื้นที่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) รุนแรงที่สุดในประเทศจีน กระทั่งต้องใช้มาตรการปิดเมืองห้ามประชาชนเดินทางออกนอกพื้นที่ ซึ่งหลังจากปิดเมืองนานกว่า 2 เดือน ขณะนี้สถานการณ์ของนครอู่ฮั่นค่อยๆ กลับฟื้นคืนสภาพปกติ และเตรียมประกาศเปิดเมืองในวันที่ 8 เมษายน 2563 พวกเขาเจออะไรมาบ้าง พวกเขาเรียนรู้อะไรมาบ้าง ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย

กรณีศึกษาที่อู่ฮั่นหลังจากมีการประกาศปิดเมืองวันที่ 24 มกราคม 2563 ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นในวันที่ 31 มกราคม จึงมีการประกาศให้พนักงานกลับมาผลิตและทำงานในโรงงานได้ และต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โรงงานแปรรูปอาหารของ CP ในอู่ฮั่นก็สามารถเดินเครื่องกลับมาผลิตได้ ขณะที่ฟาร์มปศุสัตว์ไม่มีการหยุดปฏิบัติงาน โดยมีการประกาศอนุญาตให้พนักงานซีพีสามารถเข้ามาทำงานในโรงงานผลิตอาหารได้

ถอดสูตรฝ่าวิกฤต COVID-19 ที่อู่ฮั่น

ในระหว่างช่วงเวลาแห่งความยากลำบากอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า 3 ปิด คือ ปิดเมือง ปิดถนน และปิดชุมชน ซึ่งในจังหวะวิกฤตนั้น สิ่งที่ CP ประเทศจีนแบ่งปันประสบการณ์

เรื่องที่ 1 : พนักงานทุกคนต้องแจ้งสถานะสุขภาพตัวเองทุกวัน 

CP ประเทศจีนประกาศนโยบายทันทีว่า พนักงานต้องแจ้งสถานะสุขภาพตัวเอง เพราะหากวัดผลไม่ได้ ก็ไม่มีทางควบคุมได้ สิ่งนี้คือขั้นตอนแรก ที่ต้องโปร่งใส มีข้อมูลในมือ รายงานทุกวัน จึงจะบริหารจัดการได้ หากมีอาการก็ต้องตรวจวัด ไม่ให้ไปเจือปนในกระบวนการผลิตเด็ดขาด ทุกขั้นตอนมีการตรวจสอบ ทำให้ผู้บริหารเห็นข้อมูลทุกวัน รู้ว่าผลิตเมื่อไหร่ แจกจ่ายไปที่ไหน มีรถกี่คัน วิ่งไปไหนบ้าง ติดตามได้ตลอด ทำให้ระบบโซนนิ่งมีประสิทธิภาพ

เรื่องที่ 2 : เอกชน กับรัฐผนึกกำลังกัน

“เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า อาหารเพียงพอ” ในสภาวะปิดเมืองนั้น ไม่เกิดการโกลาหล  เพราะประชาชนต้องมีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ เครือ CP ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติในจีนที่จดทะเบียนการค้าหมายเลข 001 มีธุรกิจในจีนโดยเฉพาะธุรกิจด้านอาหาร ได้ร่วมผนึกกำลังกับภาครัฐ และหน่วยงานในท้องถิ่นของนครอู่ฮั่น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ทุกคนจะต้องมีอาหารรับประทานอย่างไม่ขาดแคลน

ด้วยเหตุนี้มาตรการที่ CP ในอู่ฮั่นเข้มงวดถัดมา คือ การให้ความมั่นใจกับรัฐบาลว่าสินค้าจะมีอย่างเพียงพอ โดยกำลังการผลิตอาหารต่อวันในอู่ฮั่นของซีพี คือ หมู 260,000 กิโลกรัม ไก่ 300,000 กิโลกรัม ไข่ 2.5 ล้านฟอง และอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน 500,000 ชุด สามารถผลิตได้ตรงตามเป้าหมาย

จากนั้นวางระบบศูนย์กระจายและขนส่งที่มีประสิทธิภาพ สร้างมาตรฐานจัดและแพคสินค้าได้ รวมทั้งระบบขนส่งครอบคลุม การแต่งกายและการดูแลขนส่งได้มาตรฐาน ขณะเดียวกันวางระบบกระจายสินค้าตามที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งภายในอู่ฮั่นมีการแบ่งเขตชัดเจนโดยให้พนักงานขนส่งไปส่งตามจุดที่กำหนดไว้ และมีตัวแทนเขตหรืออาสาสมัครนำสินค้าไปส่งต่อให้กับประชาชนในเขตที่กำหนด ซึ่งร้านสะดวกซื้อ CP Freshmart ในจีนได้มีการวางระบบการส่งถึงบ้านอย่างรัดกุม

เรื่องที่ 3 : สังคมปลอดเงินสด ลดการสัมผัส (Cashless)

คนจีนยุคนี้ไม่จับเงินสด ใช้จ่ายออนไลน์เป็นนิสัย ทำให้ลดการติดเชื้อได้อย่างมาก และยังมีการสั่งของออนไลน์เป็นเรื่องปกติ โดยมาตรการต่างๆ ที่ CP ในอู่ฮั่นได้ดำเนินการนั้น คือการออกแบบระบบส่งถึงบ้าน (Delivery) ซึ่ง CP Freshmart ในจีนส่งทั้งของสด อาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง ถึงบ้าน

เรื่องที่ 4 :  พนักงานต้องปลอดภัย

ถือเป็นหน้าที่ว่า พนักงานต้องปลอดภัย ลูกค้าจึงจะปลอดภัย ทำให้ CP จีนลงทุนอย่างมากเรื่องถุงมือยาง ชุดคลุมทั้งตัว แว่นตาแบบครอบ ซึ่งระบบเข้าโรงงานเป็นระบบปิดฆ่าเชื้อ การขนส่งมีการตรวจสอบย้อนกลับทุกขั้นตอน และทำความสะอาด ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมบันทึกไว้ทุกขั้นตอน ซึ่งโรงงานอาหารสัตว์มักคุ้นเคยกับขั้นตอนปลอดเชื้อเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

เรื่องที่ 5 : การขนส่งต้องมีใบอนุญาต

ที่อู่ฮั่นเมื่อปิดการจราจร การขนส่งอาหารจำเป็นต้องดำเนินต่อไป ในช่วงสัปดาห์แรกหลังปิดเมือง ประเทศจีนเริ่มมีนโยบายออกใบอนุญาตให้รถขนส่งอาหารวิ่งได้ สัปดาห์ต่อมารถขนส่งวัตถุดิบต้นน้ำวิ่งได้ และตามด้วยการออกใบอนุญาตให้มีการขนส่งปลายน้ำให้จนถึงบ้านประชาชนทำให้สอดคล้องกับระบบ Zoning ว่าส่งได้ถึงไหน ตามระดับความเข้มข้น การส่งอาหารปลอดภัย ถึงทุกบ้านผ่านอาสาสมัครประจำหมู่บ้านเป็นหัวใจสำคัญ

การดำเนินการเหล่านี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐของจีน และ CP ในอู่ฮั่น ซึ่งได้มีการขออนุมัติในประเด็นหลัก ประกอบด้วย การขออนุมัติเคลื่อนย้ายพนักงาน การขออนุมัติเคลื่อนย้ายสินค้า วัตถุดิบ จนถึงได้รับใบอนุญาตส่งสินค้าข้ามเขต เพื่อให้สามารถนำอาหารจากโรงงานผลิตไปสู่ประชาชนชาวจีนได้ รวมถึงสามารถส่งอาหารสัตว์ป้อนฟาร์มปศุสัตว์ต่าง ๆ ได้

เรื่องที่ 6 : ชุมชนต้องเข้มแข็ง

เชื่อมโยง การ “กระจายสินค้า” จากโรงงานเพื่อส่งถึงมือผู้บริโภค ใช้รูปแบบรวบรวมอาสาสมัครในแต่ละเขตพื้นที่และชุมชนทั่วนครอู่ฮั่นจำนวน 11,000 คน มาช่วยในการกระจายสินค้า โดยอาสาสมัครจะมารับสินค้าจากจุดหลักในการกระจายสินค้าและนำไปส่งต่อให้แก่พี่น้องในชุมชน ซึ่งอาสาสมัครเหล่านั้นจะรับใบสั่งซื้อหรือ Order ในวันถัดมากลับมาด้วย ซึ่งนอกจาก CP ในอู่ฮั่นจะดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของอู่ฮั่นในการจัดส่งอาหารให้ถึงมือประชาชนแล้ว ยังร่วมส่งอาหารให้อาสาสมัครด้วย

เรื่องที่ 7 : คนปลอดภัย อาหารปลอดภัย

หนึ่งในหัวใจสำคัญของ 3 สูตรสำเร็จ คือเรื่องของ “คน” เพราะเมื่อคนปลอดภัย อาหารก็จะปลอดภัย ซึ่งซีพีในอู่ฮั่นได้ประกาศนโยบายและแผนงานป้องกันการแพร่ระบาดทันทีว่าพนักงานทุกคนต้อง “แจ้งสถานะสุขภาพตัวเองทุกวัน” โดยมาตรการการดูแลพนักงานทุกคนต้องยึดหลัก “ปลอดภัย” เป็นอันดับแรก เพราะเมื่อพนักงานปลอดภัยสินค้าก็จะปลอดภัย

โดยพนักงานที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในโรงงานยังต้องผ่านมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มข้น เริ่มตั้งแต่การคัดกรองผ่านการวัดอุณหภูมิร่างกายทุกคนก่อนเข้าโรงงาน พนักงานต้องได้รับการประเมินประวัติเสี่ยง โดยการทำแบบคัดกรองของบริษัท เมื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในโรงงานจะต้องใส่ชุดป้องกันที่รัดกุม ทำความสะอาด 3 ครั้งต่อวันในพื้นที่ปฏิบัติงาน และพนักงานต้องไม่สัมผัสวัตถุดิบ อาหาร และสินค้าก่อนถึงปลายทาง หรือที่เรียกว่า “อาหารแยกคน”

ทั้งหมดนี้คือเกร็ดความรู้ แนวทางจากอู่ฮั่น เป็นประสบการณ์ของ CP ที่อยู่เคียงข้างชาวจีนในนครอู่ฮั่นในช่วงเวลาแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งความรู้จาก CP จีนถูกถ่ายทอดมายัง CP ประเทศไทย และเผยแพร่ไปยังคนไทย โดยใช้ความรู้เป็นเกราะป้องกัน เป็นแนวทางในการฝ่าฟันวิกฤตครั้งสำคัญให้ผ่านไปได้ด้วยดี

]]>
1270770