เด็ก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 26 Feb 2024 09:17:45 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ราคานมผงสำหรับทารกยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในบางประเทศต้องเข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าว https://positioningmag.com/1463926 Mon, 26 Feb 2024 07:05:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463926 ราคานมผงสำหรับทารกยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในหลายประเทศราคาเฉลี่ยนั้นเพิ่มขึ้นถึง 20% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนส่งผลทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในบางประเทศต้องเข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าว และยังกลายเป็นประเด็นสำคัญในหลายประเทศแล้วในตอนนี้

ต้นทุนการผลิตนมผงสำหรับทารกยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ราคาขายของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราวๆ 25% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในบางประเทศอย่างเช่นในอังกฤษ ไอร์แลนด์ ต้องเร่งหามาตรการแก้ปัญาดังกล่าว หรือแม้แต่การหาวิธีการผลิตในประเทศ

ข้อมูลของหน่วยงานการแข่งขันและการตลาดของสหราชอาณาจักรได้เก็บข้อมูลนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงเป็นเวลา 2 ปีพบว่าราคานมผงสำหรับทารกนั้นมีราคาเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น 25% และถ้าหากเป็นนมผงสำหรับทารกสูตรพรีเมียมนั้นราคาอาจสูงกว่าราคาที่ถูกที่สุดมากถึง 70%

ขณะที่แคนาดาราคานมผงสำหรับทารกนั้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% จนทำให้มีการเสนอให้ผลิตนมผงสำหรับทารกในประเทศ ทางด้านไอร์แลนด์ประเทศเพื่อนบ้านของอังกฤษ ราคานมผงสำหรับทารกนั้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ยมากกว่า 20% จนทำให้หน่วยงานด้านกำกับดูแลต้องเข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าว

หนึ่งในผู้ผลิตนมผงสำหรับทารกอย่าง Nestle ได้ออกแถลงการณ์ว่า แม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อลดต้นทุนของเราทุกครั้งที่เป็นไปได้ และการเพิ่มราคาถือเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น ขณะที่ Danone ผู้ผลิตนมผงสำหรับทารกรายใหญ่จากฝรั่งเศส ได้กล่าวว่าพยายามที่จะเพิ่มราคานมผงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โดย Nestle และ Danone ถือเป็นผู้ผลิตเจ้าใหญ่ ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันในอังกฤษนั้นมากถึง 85% และในปี 2018 นั้น 6 แบรนด์รายใหญ่ (รวมถึง 2 เจ้าที่กล่าวในข้างต้น) ครองส่วนแบ่งมากถึง 60% ทั่วโลก

สำหรับปัญหานมผงสำหรับทารกที่มีราคาสูงขึ้นนั้นมาจากปัญหา Supply Chain รวมถึงปัญหาพลังงานในทวีปยุโรปที่ทำให้ราคาเพิ่มสูงมากขึ้น

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หน่วยงานการแข่งขันและการตลาดของสหราชอาณาจักรต้องเข้ามาศึกษาโครงสร้างราคาและอาจมีมาตรการออกมาหลังจากนี้ เนื่องจากราคานมผงสำหรับทารกมีราคาสูงมากกว่าค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อ และยังส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรเพิ่มขึ้น

ปัญหาดังกล่าวยังทำให้เกิดการถกเถียงในหลายประเทศมากขึ้น อย่างเช่นในฝรั่งเศส การเพิ่มขึ้นของราคานมผงสำหรับทารกนำไปสู่การกล่าวหาว่าเป็นการแสวงหาผลกำไรจากบริษัทข้ามชาติ ขณะที่ประเทศกรีซได้ออกมาตรการบังคับใช้การกำหนดราคาสูงสุดสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงนมผงสำหรับทารก

อย่างไรก็ดีปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่น้อย เนื่องจากผู้ผลิตนมผงสำหรับทารกไม่อยากลงทุนในการเพิ่มการผลิตมากนัก เนื่องจากประชากรหลายประเทศเองต้องการที่จะไม่มีบุตรเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ครอบครัวหลายแห่งอาจตัดสินใจไม่มีลูกเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรมากขึ้น

ที่มา – BBC, RTE, The Guardian, CBC, Bloomberg

]]>
1463926
นักวิจัยเผย ‘โซเชียลมีเดีย’ ทำเงินเฉพาะแค่ ‘เยาวชน’ รวมกันกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ https://positioningmag.com/1457421 Thu, 28 Dec 2023 05:06:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1457421 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ถูกตั้งคำถามว่าส่งผลเสียต่อเยาวชนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาของ Harvard TH Chan School of Public Health พบว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหลาย สามารถสร้างรายได้จากการโฆษณาในสหรัฐฯ รวมกันมากกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์จากเยาวชน

เพื่อหาตัวเลขรายได้ นักวิจัยได้เก็บข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาที่ อายุต่ำกว่า 18 ปี บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook, Instagram, Snapchat, TikTok, X และ YouTube ในปี 2022 เพื่อประเมินรายได้โฆษณาในสหรัฐฯ ของแต่ละแพลตฟอร์ม และเวลาที่เด็ก ๆ ใช้ต่อวันในแต่ละแพลตฟอร์ม หลังจากนั้น นักวิจัยได้สร้างแบบจำลองเพื่อประเมินรายได้โฆษณาที่แพลตฟอร์มได้รับจากเยาวชนในสหรัฐอเมริกา

จากการศึกษาพบว่า รายได้จากโฆษณาสูงสุดจากผู้ใช้ อายุ 12 ปีหรือต่ำกว่า แพลตฟอร์ม YouTube ทำเงินสูงสุด (959.1 ล้านดอลลาร์) ตามมาด้วย Instagram (801.1 ล้านดอลลาร์) และ Facebook (137.2 ล้านดอลลาร์)

ในส่วนของรายได้โฆษณาจากผู้ใช้ อายุ 13-17 ปี แพลตฟอร์ม Instagram ทำรายได้สูงสุดที่ (4 พันล้านดอลลาร์) ตามมาด้วย TikTok (2 พันล้านดอลลาร์) และ YouTube (1.2 พันล้านดอลลาร์)

นอกจากนี้ นักวิจัยยังคาดการณ์ว่า Snapchat ได้รับส่วนแบ่งสูงสุดของรายได้จากโฆษณาโดยรวมในปี 2022 จากผู้ใช้อายุต่ำกว่า 18 ปี (41%) ตามมาด้วย TikTok (35%), YouTube (27%) และ Instagram (16%)

“การค้นพบนี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการควบคุมโซเชียลมีเดียของรัฐบาล เนื่องจากเด็ก ๆ ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองในการใช้แพลตฟอร์มได้ ดังนั้น แพลตฟอร์มควรจะมีความโปร่งใสที่มากขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาอันตรายต่อสุขภาพจิตของเยาวชน และลดแนวทางการโฆษณาที่อาจเป็นอันตรายซึ่งกำหนดเป้าหมายไปที่เด็กและวัยรุ่น” นักวิจัยกล่าว

people using smart phone ,Social, media, Marketing concept

ทั้งนี้ นักวิจัยและผู้ร่างกฎหมายได้มุ่งความสนใจไปที่ผลกระทบด้านลบที่เกิดจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมานานแล้ว ซึ่งอัลกอริทึมที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลสามารถผลักดันให้ เด็ก ๆ ใช้งานมากเกินไป โดยที่ผ่านมา สมาชิกสภานิติบัญญัติในรัฐ เช่น นิวยอร์กและยูทาห์ แนะนำหรือผ่านกฎหมายที่จะควบคุมการใช้โซเชียลมีเดียในหมู่เด็ก โดยอ้างถึงอันตรายต่อสุขภาพจิตของเยาวชนและข้อกังวลอื่น ๆ

ปัจจุบัน Meta ซึ่งเป็นเจ้าของ Instagram และ Facebook กำลังถูกฟ้องโดยรัฐหลายสิบแห่งในข้อหามีส่วนทำให้เกิดวิกฤตสุขภาพจิต และจากผลวิจัยพบว่า เด็กและวัยรุ่นวัยเรียนอาจจำโฆษณาได้ และมักจะไม่สามารถต้านทานโฆษณาได้เมื่อโฆษณานั้นฝังอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เชื่อถือได้ และได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอิทธิพลคนดัง

“แม้ว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอาจอ้างว่าพวกเขาสามารถควบคุมแพลตฟอร์มเพื่อลดอันตรายต่อเยาวชนได้ แต่การศึกษาของเราชี้ให้เห็นว่า แพลตฟอร์มโซเชียลฯ ยังมีแรงจูงใจทางการเงินอย่างล้นหลามเพื่อชะลอการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อปกป้องเด็ก ๆ ต่อไป” Bryn Austin ศาสตราจารย์ภาควิชาสังคมและพฤติกรรมศาสตร์ที่ Harvard กล่าว

ทั้งนี้ ตัวแพลตฟอร์มเองไม่ได้เปิดเผยว่าพวกเขาทำรายได้จากเยาวชนมากน้อยแค่ไหน

]]>
1457421
‘TikTok’ ถูกสหราชอาณาจักรปรับเงินกว่า 530 ล้านบาท เพราะปล่อยเด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์ใช้งานแพลตฟอร์ม https://positioningmag.com/1426380 Wed, 05 Apr 2023 02:23:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426380 หลังจากที่ทั้ง สหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักร แบน TikTok โดยไม่ให้อุปกรณ์และเครือข่ายของรัฐบาลใช้งานหรือเชื่อมต่อกับ TikTok แพลตฟอร์ม ล่าสุด หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยก็สั่งปรับ TikTok เป็นเงินเกือบ 16 ล้านดอลลาร์ เพราะใช้ข้อมูลเยาวชนอย่างผิดกฎหมาย

TikTok ถูกหน่วยงานกำกับดูแลด้านความเป็นส่วนตัวของสหราชอาณาจักรสั่งปรับเป็นเงิน 15.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 540 ล้านบาท เนื่องจากการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล รวมถึงการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเยาวชนอย่างไม่ถูกกฎหมาย เพราะไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง

โดย TikTok อนุญาตให้เด็ก 1.4 ล้านคน ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีใช้แอปในปี 2020 แม้ว่าจะมีกฎกำหนดให้ผู้ใช้ต้องมีอายุเกิน 13 ปีขึ้นไปจึงจะสร้างบัญชี TikTok ได้ และข้อมูลของเด็ก ๆ อาจถูกใช้เพื่อติดตามและจัดทำประวัติของพวกเขา ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้พวกเขาเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือไม่เหมาะสม

TikTok น่าจะรู้ดีกว่านี้ และน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ค่าปรับ 12.7 ล้านปอนด์ของเราสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบร้ายแรงจากความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น พวกเขาไม่ได้ทำมากพอที่จะตรวจสอบว่าใครกำลังใช้แพลตฟอร์มของพวกเขา หรือดำเนินการเพียงพอที่จะลบเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่ใช้แพลตฟอร์มของพวกเขา” John Edwards กรรมาธิการสารสนเทศแห่งสหราชอาณาจักร กล่าว

ขณะที่ทาง TikTok ยืนยันว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป และที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนอย่างหนักเพื่อทำให้เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีออกจากแพลตฟอร์ม และแพลตฟอร์มก็มีทีมงานด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งกว่า 40,000 คน ที่ทำงานตลอดเวลาเพื่อช่วยรักษาแพลตฟอร์มให้ปลอดภัยสำหรับชุมชนบนแพลตฟอร์ม

Source

]]>
1426380
สหรัฐฯ เตรียมอนุมัติใช้วัคซีนของ ‘ไฟเซอร์’ ในเด็กอายุ 5-11 ปี คาดเร็วสุดในสิ้นเดือนต.ค.นี้ https://positioningmag.com/1351395 Sun, 12 Sep 2021 12:07:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1351395 สหรัฐฯ เตรียมอนุมัติใช้วัคซีนต้านโควิดของไฟเซอร์ไบออนเทคในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี คาดเร็วสุดในสิ้นเดือนต..นี้

สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างเเหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูง บอกว่า วัคซีนของไฟเซอร์ไบออนเทค’ (Pfizer-BioNTech) จะมีข้อมูลการทดลองทางคลินิกเพียงพอ ที่จะขออนุมัติการใช้วัคซีนในภาวะฉุกเฉิน (EUA) เพื่อใช้สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปีในช่วงปลายเดือนนี้

โดยหากไทม์ไลน์การยื่นขออนุมัติวัคซีนดังกล่าวตรงกำหนดประเมินว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ จะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการตัดสินใจ ว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งหากผ่านการตรวจสอบจะสามารถนำไปฉีดให้เเก่เด็กวัยดังกล่าวได้เร็วที่สุดในช่วงสิ้นเดือนต.ค.

ทั้งนี้ ไฟเซอร์ ผ่านการอนุมัติให้ใช้วัคซีนสำหรับกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว

ชาวอเมริกันหลายล้านคน ตั้งตารอการอนุมัติใช้วัคซีนสำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ ผู้ปกครองที่บุตรหลาน เริ่มเปิดเทอมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางโรคระบาดที่ยังรุนแรง จากตัวแปรสำคัญคือสายพันธุ์เดลตาซึ่งทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งกระฉูด โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

ด้าน ไบออนเทค ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์กับไฟเซอร์ เปิดเผยกับ Der Spiegel สื่อเยอรมนี คาดว่า บริษัทจะยื่นคำร้องถึงคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบทั่วโลก เพื่อขอใช้วัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุตั้งเเต่ 5 ขวบขึ้นไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นขออนุมัติ

 

 

ที่มา : Reuters , CNBC 

 

 

]]>
1351395
ทำความรู้จักภาวะ ‘Cabin fever’ หรือ ‘อาการเบื่อบ้าน’ พร้อมแนะ 10 Tips วิธีรับมือ https://positioningmag.com/1272429 Thu, 09 Apr 2020 06:26:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1272429 ภาวะว่า ‘Cabin fever’ หรือสภาวะกดดันทางจิตใจที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ด้านลบและความทุกข์ที่เกิดจากการถูกจำกัดพื้นที่ ตลอดจนความหงุดหงิดใจ เบื่อหน่าย สิ้นหวัง หรือแม้กระทั่งมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ กระสับกระส่ายและไม่มีสมาธิ เดิมทีภาวะดังกล่าวเป็นการพูดถึงคนที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวในพื้นที่ห่างไกล แต่ในช่วงที่ต้องอยู่เเต่บ้านเป็นเวลานานเเบบนี้ ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดเช่นกัน

Vaile Wright นักจิตวิทยาและผู้อำนวยการศูนย์วิจัย American Psychological Association กล่าวว่า อาการดังกล่าวไม่ใช่อาการป่วยทางจิตแต่อย่างใด โดยผู้ที่หางานอดิเรกใหม่ ๆ ทำ หรือใช้เวลาใดการจัดการบ้าน มีโอกาสที่จะทำให้เกิดภาวะ Cabin Fever ช้ากว่าคนอื่น ดังนั้น แนวทางในการลดความตึงเครียดและความรู้สึกที่ถูกจำกัดอยู่ในบ้านของตัวเอง สามารถทำได้เองง่าย ๆ ดังนี้

1.สร้างกิจวัตรประจำวัน หรือทำทุกอย่างเป็นปกติตามตารางเวลาเดิมเท่าที่จะสามารถทำได้ แทนที่จะทำเหมือนว่าฃเป็นวันหยุดพักผ่อน

2.จัดบ้านใหม่ การย้ายข้าวของ จัดบ้านใหม่ อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้

3.ออกกำลังกายและใจสม่ำเสมอ ออกกำลังกายบ้าง หรืออาจจะออกไปเดินเล่นบ้าง แต่พยายามเว้นระยะห่างจากผู้คนไว้ด้วย

4.ติดต่อพูดคุยกับเพื่อนฝูง คุยกันผ่านกล้องวีดีโอ การเข้าร่วมชุมชนออนไลน์ อาจช่วยให้คลายเหงาหรือหงุดหงิดได้

5.ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ การทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหาทางรับมือกับสถานการณ์นั้น ๆ ได้อย่างเหมาะสม ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กและวัยรุ่นที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและปลาย ที่ปัจจุบันในไทยมีกว่า 5 ล้านคน ก็ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะ ‘Cabin fever’ เนื่องจากวัยรุ่นมักจะใช้เวลาอยู่หน้าจอนานมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่ง ดีแทค เองก็มี 5 ข้อแนะนำ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อการดูแลลูกหลานในช่วงอยู่บ้านยาว ๆ ดังนี้

1.หมั่นพูดคุย อธิบายเหตุการณ์ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ผู้ปกครองสามารถช่วยอธิบายข้อมูลที่แท้จริงด้วยภาษาที่เรียบง่าย เพื่อช่วยลดความสับสน ความโกรธ ความเศร้าและความกลัว ที่อาจเกิดจากการรับข่าวสารที่ถาโถมบนโลกออนไลน์ได้

2.ออกแบบกิจกรรมเพื่อการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ผู้ปกครองสามารถช่วยเด็ก ๆ แบ่งเวลาทำกิจกรรมให้สมดุลกัน สำหรับกิจกรรมเพื่อความบันเทิงอย่างเกมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียกับกิจกรรมอื่น ๆ ที่สามารถทำร่วมกับการวิดีโอคอลกับเพื่อน ๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี

3.อย่าเชื่อข้อมูลอะไรง่าย ๆ หน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองในการย้ำเตือนลูกหลานต่อการแยกแยะก่อนที่จะเชื่อข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งบนโลกออนไลน์ โดยแหล่งข้อมูลควรมาจากพ่อแม้ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ และหน่วยงานที่เชื่อถือได้

4.หมั่นสังเกตพฤติกรรมลูกหลาน ในช่วงที่เด็ก ๆ ใช้เวลาบนโลกออนไลน์เป็นเวลานาน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดต่อกับบุคคลแปลกหน้าหรือผู้ไม่ประสงค์ดีมากขึ้น ดังนั้น การเข้าไปพูดคุยและใช้เวลากับเด็ก ๆ มากขึ้น จะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตพฤติกรรมที่ผิดแปลกได้อย่างทันท่วงที

5.สร้างวินัยในการชีวิตในแต่ละวัน พ่อแม่ผู้ปกครองมีบทบาทอย่างมากในการออกแบบกิจวัตรประจำวันที่ทำให้เด็กๆ มีวินัยในการใช้ชีวิตในแต่ละวันมากขึ้น ซึ่งอาจหมายรวมตั้งแต่เวลาในการรับประทานอาหารจนถึงเล่นเกม โดยควรเลือกกิจกรรมที่ทำให้เด็กๆ มีความสุขและไม่เครียดจนเกินไป

 

]]>
1272429