สถานทูตเกาหลีใต้ประจำเวียดนาม ร้องเรียนให้มีการสืบสวนประเด็นมิจฉาชีพหลอกลวงบีบให้ซื้อชุดตรวจ COVID-19 ราคาแพงที่สนามบิน โดยเป้าหมายหลักคือ “ชาวเกาหลีใต้” ที่จะบินกลับประเทศแม่ เนื่องจากก่อนหน้าวันที่ 2 กันยายน 2022 เกาหลีใต้ยังมีเงื่อนไขให้ทุกคนที่เข้าประเทศต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR ภายใน 48 ชม.ก่อนบิน หรือผล ATK ภายใน 24 ชม.ก่อนบิน
เจ้าหน้าที่ของสถานทูตเกาหลีใต้ประจำเวียดนามได้เข้าเยี่ยมสำนักงานใหญ่ VietJet Air ในกรุงฮานอยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 กันยายน 2022) เพราะการบีบให้ซื้อชุดตรวจราคาแพงจะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มมาจากการที่สายการบินไม่ยอมรับผลการตรวจ COVID-19 เป็นลบที่นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้นำมาแสดง เมื่อนักท่องเที่ยวไม่ต้องการพลาดไฟลท์บิน จึงต้องยอมรับการตรวจด่วนราคาแพงที่นายหน้าในสนามบินเสนอขาย
สถานทูตฯ ยังร้องขอให้สายการบินยื่นเรื่องไปที่ฝ่ายความมั่นคงสาธารณะของเวียดนามด้วย เพื่อให้เข้าตรวจสอบการหลอกลวงของมิจฉาชีพในกรณีดังกล่าว และสถานทูตฯ ยังยื่นเรื่องไปที่ศูนย์ควบคุมการบินพลเรือนของเวียดนามด้วยอีกทางหนึ่ง
สถานทูตเกาหลีใต้ระบุว่า ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากตกเป็นเหยื่อของการบีบขายชุดตรวจ มีการร้องเรียนของประชาชนจำนวนมากเข้ามาก่อนหน้านี้ ตามที่สถานทูตฯ แจ้ง ปรากฏว่าเป็นสายการบิน VietJet Air ที่ปฏิเสธไม่ให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องบ่อยครั้ง
วิธีการหลอกลวงบีบขายดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้กลุ่มหนึ่งที่ควรจะต้องได้ขึ้นเครื่องสายการบิน VietJet ที่สนามบินนานาชาติโหน่ยบ่าย กรุงฮานอย พวกเขามีหลักฐานผลตรวจ COVID-19 เป็นลบมาแสดง ณ เคาน์เตอร์เช็กอิน วันที่ 23 สิงหาคม 2022 แต่พวกเขากลับถูกปฏิเสธขึ้นเครื่อง
เมื่อถูกปฏิเสธขึ้นเครื่อง นายหน้าท้องถิ่นที่สนามบินจะเข้ามาประกบและขายแพ็กเกจตรวจ COVID-19 ด่วนที่สามารถรู้ผลทันขึ้นเครื่องกลับเกาหลีใต้ได้ โดยเสนอราคาสูงถึง 4 ล้านดอง บวกกับค่าตรวจอีก 1 ล้านดอง รวมทั้งหมด 5 ล้านดอง (ประมาณ 7,700 บาท) ทั้งๆ ที่ชุดตรวจลักษณะนี้ปกติขายในราคาเพียง 150,000 ดอง (ประมาณ 232 บาท)
กรณีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ โดยหลายคนตั้งข้อสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างนายหน้าขายชุดตรวจกับสายการบินหรือไม่
ทั้งนี้ ทางสถานทูตเกาหลีใต้มีการสอบถามโดยตรงแล้วว่าสายการบินมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า แต่ทางสายการบินปฏิเสธข้อสงสัยนี้ รวมถึงรายงานว่า สายการบินตัดสินใจไม่ให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องหลังจากปรึกษากับหน่วยงานกักกันโรคที่สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้แล้ว
ขณะนี้ VietJet Air ยังไม่มีความคิดเห็นหรือแถลงเพิ่มเติมต่อสื่อมวลชน
นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ถือเป็นกลุ่มสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเวียดนาม เป็นกลุ่มที่เข้าสู่เวียดนามเป็นอันดับ 1 หลังจากเวียดนามเปิดการท่องเที่ยวในปีนี้
ตามที่สำนักงานสถิติทั่วไปแห่งเวียดนามรายงาน เมื่อเดือนสิงหาคม 2022 มีนักท่องเที่ยวเกาหลีเข้าสู่เวียดนาม 173,000 คน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าสู่เวียดนามเป็นอันดับ 2 คือชาวอเมริกันจำนวนกว่า 139,000 คน และอันดับ 3 ชาวกัมพูชา 82,000 คน
]]>รัฐบาลได้วางกรอบเวลาสำหรับการปรับเพิ่มอายุเกษียณงานจนถึงปี 2578 โดยการเปลี่ยนแปลงใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป ซึ่งผู้ชายสามารถเกษียณอายุได้ที่ 60 ปี 3 เดือน และผู้หญิงที่ 55 ปี 4 เดือน
หลังจากนั้น อายุเกษียณสำหรับผู้ชายจะถูกเพิ่มขึ้นปีละ 3 เดือน ไปจนกระทั่งอายุเกษียณครบ 62 ปี ในปี 2571 และสำหรับผู้หญิง อายุเกษียณจะถูกปรับเพิ่มขึ้นปีละ 4 เดือน จนครบ 60 ปี ในปี 2578
ประมวลกฎหมายแรงงานที่ได้รับการปรับแก้นี้ผ่านมติรัฐสภาเมื่อเดือน พ.ย. 2562
นอกจากนี้ กฎหมายที่ถูกปรับแก้ใหม่ยังอนุญาตให้ประชาชนสามารถเกษียณได้ก่อน และหลังกำหนดถึง 5 ปี ตามเงื่อนไขบางประการ เช่น การทำงานในสภาพแวดล้อมอันตรายหรือพื้นที่ที่มีสภาพเศรษฐกิจ–สังคมที่ยากลำบากอย่างมากเป็นเวลา 15 ปี การทำงานที่เกี่ยวข้องกับการยกของหนักหรือที่ทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงมากกว่า 61% หากต้องการที่จะเกษียณก่อนกำหนด และมีความเชี่ยวชาญพิเศษหากต้องการที่จะเกษียณอายุช้า
“การเพิ่มอายุเกษียณเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรอได้” รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ผู้ทุพพลภาพ และสวัสดิการสังคม กล่าวกับสำนักข่าวเวียดนามเมื่อปีก่อน
กระทรวงแรงงานระบุว่า อายุเกษียณในเวียดนามอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง ขณะที่อายุขัยเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อรับมือกับประชากรสูงวัยและรักษาสมดุลกองทุนบำนาญของประเทศ การปรับเพิ่มอายุเกษียณจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน
เมื่อประชากรมีอายุมากขึ้น กองทุนประกันสังคมของประเทศอาจมีปัญหาในปี 2563 และล้มละลายในปี 2580 สำนักงานประกันสังคมเวียดนามกล่าวเตือน
สำนักงานประกันสังคมระบุว่า หากรัฐบาลไม่ปรับเพิ่มอายุเกษียณ ภายในปี 2580 ค่าใช้จ่ายของสำนักงานจะเท่ากับรายรับ และจะมากเกินกว่ารายได้ในเวลาต่อมา และจากนั้นรัฐบาลจะต้องควักเงินจ่าย
ในปัจจุบัน เวียดนามมีประชากรอยู่ราว 96.2 ล้านคน โดยกลุ่มประชากรสูงอายุมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 11.7%
สหประชาชาติระบุว่า อัตราผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.9% ในปี 2573 และเป็น 23% ในปี 2593
]]>สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า เฉพาะเดือน พ.ค. จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนามลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ยอดนักท่องเที่ยวลดลงถึง 98.3% อยู่ที่ 22,000 คน โดยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญและแรงงานทักษะสูง
เวียดนามสั่งระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. เป็นต้นมา และห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. ยกเว้นผู้ที่เดินทางเข้าประเทศในกรณีพิเศษ
จากข้อมูลช่วง 5 เดือนแรกของปีได้แสดงให้เห็นว่า เวียดนามมีชาวต่างชาติจากภูมิภาคเอเชียเดินทางมาเยือนรวม 2.72 ล้านคน ลดลง 51.2% จากปีก่อน ครองสัดส่วนมากกว่า 70% ของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด
ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเวลา 5 เดือนแรกของปี คาดว่าอยู่ที่ 8.3 ล้านล้านด่ง (359 ล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลงถึง 54.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
จากการคาดการณ์ว่าจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนามมีแนวโน้มที่จะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกหลายเดือนข้างหน้า คณะกรรมการกำกับดูแลการป้องกันและควบคุม COVID-19 แห่งชาติกำลังตัดสินใจว่าเวียดนามจะเปิดรับชาวต่างชาติในตอนนี้หรือไม่ ด้วยมีโอกาสที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงสูงของการรับเชื้อมาจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ ระบุว่า เวียดนามอาจตัดสินใจที่จะต้อนรับชาวต่างชาติจากประเทศและเขตแดนที่ไม่มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่มาแล้วอย่างน้อย 30 วัน และเตรียมแผนนำร่องพาชาวต่างชาติไปที่เกาะบางเกาะที่ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อรับรองสุขภาพของทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ
เวียดนามมีแนวโน้มที่จะเป็นประเทศแรกที่เริ่มดำเนินธุรกิจการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตามการเปิดเผยของคนในอุตสาหกรรม
เคนเนธ แอทกินสัน รองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาการท่องเที่ยว กล่าวว่า คณะกรรมการได้เสนอให้รัฐบาลเปิดเจรจาทวิภาคีเบื้องต้นกับตลาดการท่องเที่ยวที่ควบคุมการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในชุมชนได้แล้ว
“ตลาดแรกๆ คาดว่าจะเป็นจีนและเกาหลีใต้ ที่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวของเวียดนาม ส่วนตลาดถัดไปคือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน และสิงคโปร์” แอทกินสัน ระบุ
ชาวจีน และชาวเกาหลีใต้มีสัดส่วนกว่าครึ่งของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนเวียดนาม โดยในปี 2562 มีชาวต่างชาติเดินทางมาเวียดนาม 18 ล้านคน ซึ่งเป็นชาวจีน 5.8 ล้านคน และชาวเกาหลีใต้ 4.3 ล้านคน
ด้านสายการบินของประเทศ ทั้งสายการบินเวียดนาม สายการบินเวียตเจ็ทแอร์ และสายการบินแบมบูแอร์เวย์ส ต่างแสดงความหวังที่จะกลับมาเปิดบริการเที่ยวบินระหว่างประเทศในเร็วๆ นี้ เนื่องจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมีสัดส่วนราว 50% ของรายได้ของสายการบิน
เวียดนามไม่มีรายงานการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ภายในประเทศมาเป็นเวลา 45 วันแล้ว โดยจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 328 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนจำนวนผู้ป่วยรักษาหายอยู่ที่ 279 คน
]]>