เวิ้งนาครเขษม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 11 Oct 2021 08:58:18 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “แอสเสท เวิรด์” เดินหน้า 3 โครงการ “แลนด์มาร์ก” เอเชียทีค-อควอทิค-เวิ้งนครเขษม https://positioningmag.com/1355979 Mon, 11 Oct 2021 06:15:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1355979 “แอสเสท เวิรด์” ครบรอบ 2 ปีเปิด IPO ประกาศเดินหน้าลงทุนโครงการระดับ “แลนด์มาร์ก” 3 แห่ง ได้แก่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, อควอทิค ดิสทริค พัทยา และ เวิ้งนครเขษม ด้านธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว คาดอัตราเข้าพักแตะ 30% ช่วงไตรมาสสุดท้าย ปีนี้ต่างชาติยังกลับเข้ามาช้า ชี้เทรนด์ “Workation” บูมจัด ลูกค้าอยู่ยาว 1 เดือน

“วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ประกาศเดินหน้าการลงทุนใน 3 โครงการด้านการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็น “แลนด์มาร์ก” สำคัญของบริษัทในรอบ 5 ปีข้างหน้า ได้แก่

  1. เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ (เฟสใหม่) (ยังไม่ระบุเงินลงทุน)
  2. อควอทิค ดิสทริค พัทยา (ยังไม่ระบุเงินลงทุน) (*ข้อมูลเดิมคาดว่าจะลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท)
  3. เวิ้งนครเขษม มูลค่าการลงทุน 16,000 ล้านบาท

 

“เอเชียทีค” ดึงผู้ออกแบบ Burj Khalifa ร่วมงาน

รายละเอียดของแต่ละโครงการ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” วางคอนเซ็ปต์ต้องการให้เป็นแลนด์มาร์กระดับ “ไอคอนิค” ของเมืองไทย จะมีโซนค้าปลีกใหม่ สำนักงาน โรงแรม และเรสซิเดนซ์ ซึ่งเซ็นสัญญาแล้วกับแบรนด์เชนโรงแรมชั้นนำ คือ ริทซ์ คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ, เจดับบลิว แมริออท มาร์คีส์ และริทซ์ คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ แบรนเด็ด เรสซิเดนซ์

ภาพเบื้องต้นของโครงการเอเชียทีค เฟสใหม่ ด้านล่างเป็นภาพร่างของอาคารไอคอนิกแห่งใหม่ในโครงการ

นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมงานกับ “เอเดรียน สมิธ” ผู้ออกแบบตึก Burj Khalifa ดูไบ เพื่อสร้างอาคารไอคอนิกให้กับเอเชียทีค ปักหมุดเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีในการออกแบบ ส่วนแรกของโครงการคือโซนค้าปลีกจะเปิดตัวก่อนในปี 2567 และทั้งโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ราวปี 2573

 

“อควอทิค” ดึงสวนสนุกเลโก้แลนด์เป็นแม่เหล็ก

ภาพเบื้องต้นของส่วนต่างๆ ในโครงการอควอทิค ดิสทริค พัทยา

ถัดมาที่โครงการ “อควอทิค ดิสทริค พัทยา” จะเป็นมิกซ์ยูสใหม่ในพัทยา ติดหน้าหาด บริเวณพัทยากลาง แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ส่วน คือ

  • ส่วนที่ 1 ธุรกิจเวลเนสและการประชุมสัมมนา (MICE) ดึงแบรนด์ร่วมงาน ได้แก่ แมริออท มาร์คีส์, เจดับบลิว แมริออท, เจดับบลิว แมริออท แบรนเด็ด เรสซิเดนซ์, ชีวาศรม และบำรุงราษฎร์
  • ส่วนที่ 2 โรงแรม “เดอะ วีนแยทท์ คอลเล็กชั่น” เน้นการพักผ่อนในโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ (ส่วนนี้จะเริ่มเปิดปี 2567)
  • ส่วนที่ 3 โรงแรม “คิมป์ตัน” และ ที่พักอาศัย “คิมป์ตัน แบรนเด็ด เรสซิเดนซ์” เน้นพื้นที่สีเขียว ร้านอาหาร บาร์ และคอมมูนิตี้ มอลล์แบบ open-air ที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง
  • ส่วนที่ 4 ธุรกิจด้านการกีฬา ผจญภัย สวนสนุก จะมีสวนสนุกแบบในร่ม “อควอเรีย” และ “เลโก้แลนด์” พร้อมด้วยโรงแรม “แมริออท ออโต้กราฟ คอลเล็กชัน”

 

“เวิ้งนครเขษม” ตั้งเป้าแลนด์มาร์กใหม่เยาวราช

โครงการนี้น่าจะเป็นโครงการที่ชาวไทยจับตามองอย่างมาก เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเก่าและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ โดย AWC เปิดแผนมาแล้วเบื้องต้นว่าจะเป็นมิกซ์ยูสที่มีทั้งโรงแรม ที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า ศูนย์อาหาร และมีเจดีย์ทองคำ 8 ชั้นเป็นแลนด์มาร์กของที่นี่

ภาพเบื้องต้นการพัฒนาโครงการบริเวณเวิ้งนาครเขษม (Photo : IHG)

“เราจะทำให้เวิ้งนครเขษมกลับมาเป็นแลนด์มาร์กความรุ่งเรืองของเยาวราช และเราจะเปิดพื้นที่ให้ชุมชนเข้ามา มีการจัดเทศกาลต่างๆ ได้ เป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับพื้นที่โดยรอบ แน่นอนว่าจะมีที่จอดรถขนาดใหญ่ด้วย เพราะต้องตอบโจทย์คนที่มาเที่ยวเยาวราช” วัลลภากล่าว

โครงการจะเริ่มเปิดตัวปี 2566 ขณะนี้มีเชนโรงแรมที่เซ็นสัญญากันแล้วคือ อินเตอร์คอนติเนนตัล และอีกแห่งหนึ่งจะเป็นแบรนด์บูติกโฮเทลในเครือ IHG

ภาพจำลองอีกมุมหนึ่งของเวิ้งนครเขษม (Photo : AWC)

ไม่เฉพาะการสร้างแลนด์มาร์กใหม่ แอสเสท เวิรด์ จะมีการรีโนเวตใหญ่และปรับตำแหน่งทางการตลาดของธุรกิจรีเทลเดิมหลายแห่ง ทั้งแบรนด์เกตเวย์ ตะวันนา ลาซาลล์อเวนิว เอเชียทีค จะมีการปรับปรุงให้ศูนย์การค้าเหมาะกับการมาใช้ชีวิต เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ มากกว่ามาช้อปปิ้งเท่านั้น สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค

 

โรงแรมฟื้นไวขึ้น คาด Q4 แตะ 30%

สำหรับสถานการณ์ระยะสั้นและระยะกลางของธุรกิจโรงแรมซึ่งถือเป็น 50% ของพอร์ต AWC และเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจาก COVID-19 วัลลภาเปรียบเทียบสถานการณ์ก่อนว่า หลังคลายล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา อัตราเข้าพักโรงแรมกลับมาแทบจะในทันที เมื่อเทียบกับหลังคลายล็อกดาวน์ระลอกแรกเมื่อปีก่อนซึ่งลูกค้าจะกลับมาอย่างช้าๆ ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือนกว่าที่นักท่องเที่ยวไทยจะเป็นปกติ

ทำให้เดือนกันยายน โรงแรมในเครือ AWC มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 16% เดือนตุลาคมนี้คาดว่าจะขึ้นมาเป็น 20% และตลอดไตรมาส 4 นี้เชื่อว่าจะได้อัตราเข้าพักอย่างน้อย 30%

“วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC

อัตราดังกล่าวมองในกรณีคนไทยท่องเที่ยวกันเป็นปกติ มีกิจกรรมทีมบิลดิ้งของบริษัทองค์กรต่างๆ และมีกลุ่ม Workation เข้าพักเป็นระยะเวลานาน ส่วนตลาด MICE น่าจะยังไม่กลับมาในปีนี้เพราะการจัดประชุมสัมมนาต้องใช้เวลาวางแผนงาน

เหตุที่ยังไม่มองกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเป็นสัดส่วนใหญ่ แม้ว่าไทยมีแผนเปิดประเทศหลายจังหวัดวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

วัลลภามองสถานการณ์นี้ว่า ลูกค้าต่างชาติจะพิจารณาความสะดวกในการกักตัวก่อน ยกตัวอย่างภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ถึงจะไม่ต้องกักตัวอยู่แต่ในห้อง แต่ไม่สามารถออกนอกจังหวัดได้ ทำให้มากกว่า 50% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าโครงการจะเป็นกลุ่มมีความจำเป็น เช่น เยี่ยมญาติ เยี่ยมสามีภรรยา ดังนั้น ถ้าหากยังต้องมีการกักตัวใดๆ ลูกค้าต่างชาติน่าจะกลับมาช้า

 

“Workation” เทรนด์นี้น่าจะอยู่ยาว

กระแสการพักโรงแรมอย่างหนึ่งที่แอสเสท เวิรด์สนใจและจะมีการปรับตัวตามคือ “Workation” วัลลภากล่าวว่า เทรนด์นี้เป็นกระแสมากขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้ยอดเข้าพักประมาณ 20% ของบริษัทมาจากลูกค้า Workation จากเมื่อก่อนอาจจะมีแค่ 2-3% เท่านั้น และลูกค้าอยู่ยาวขึ้นต่อรอบ จากเดิมประมาณ 1 สัปดาห์ ปัจจุบันอยู่กันยาว 1 เดือน

ทำให้อนาคตแอสเสท เวิรด์จะมีการปรับโรงแรมให้มีบางยูนิตที่รองรับกลุ่ม Workation โดยเฉพาะ เช่น มีครัวในห้อง จัดพื้นที่ห้องทำงานหรือโซนทำงานขนาดใหญ่

แผนงานของ AWC ทั้งการเดินหน้าสร้างโครงการการท่องเที่ยวใหม่ๆ การรีโนเวตกลุ่มค้าปลีก และการปรับโรงแรมให้สอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภคอนาคต สะท้อนให้เห็นความมั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยหลัง COVID-19 โดยวัลลภาเชื่อว่ารายได้ประจำไตรมาสของแอสเสท เวิรด์จะเริ่มกลับมาเป็นปกติได้ราวไตรมาส 3/2565

]]>
1355979
AWC จับมือ “อินเตอร์คอนฯ” เปิดโรงแรมหรูใน “เวิ้งนาครเขษม” ที่ดินทำเลทองกลางกรุงเก่า https://positioningmag.com/1338174 Tue, 22 Jun 2021 04:40:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1338174 IHG ประกาศเซ็นสัญญาบริหารโรงแรมใหม่ในไทย 3 แห่งกับ AWC โดย 2 ใน 3 แห่งตั้งอยู่ในโครงการ “เวิ้งนาครเขษม” แบ่งเป็นโรงแรมแบรนด์หรู “อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์” กำหนดเปิดปี 2569 และโรงแรมแบบไลฟ์สไตล์-บูติกอีกแห่งหนึ่ง

การพัฒนาโครงการย่าน “เวิ้งนาครเขษม” มีความคืบหน้าไปอีกขั้น โดยการประกาศจากทาง IHG Hotel& Resorts บรรลุดีลเซ็นสัญญาบริหารโรงแรม 3 แห่งให้กับ Asset World Corporation (AWC) รวมทั้งหมด 629 ห้อง ดังนี้

  • โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ – ตั้งอยู่ในโครงการมิกซ์ยูสย่านเวิ้งนาครเขษม ใกล้เยาวราช จำนวน 332 ห้อง ภายในมีบาร์ฟิตเนส สระว่ายน้ำ พื้นที่อเนกประสงค์รองรับการจัดอีเวนต์ขนาด 1,400 ตร.ม. และห้องประชุม 8 ห้อง กำหนดเปิดปี 2569
  • โรงแรมไลฟ์สไตล์-บูติก (ยังไม่ระบุแบรนด์) – ตั้งอยู่ในโครงการมิกซ์ยูสย่านเวิ้งนาครเขษม ใกล้เยาวราช จำนวน 63 ห้อง ดัดแปลงมาจากอาคารพาณิชย์ดั้งเดิม สูง 4 ชั้น (ยังไม่กำหนดช่วงเวลาเปิด)
  • โรงแรมไลฟ์สไตล์-บูติก (ยังไม่ระบุแบรนด์) – ตั้งอยู่ในโครงการ “อควอทิค” (Aquatique) เมืองพัทยา ซึ่งเป็นโครงการคอมเพล็กซ์ไลฟ์สไตล์ความบันเทิง มีโรงแรม ห้างร้าน ร้านอาหาร และพื้นที่จัดประชุม ตัวโรงแรมนี้มีจำนวนห้องพัก 234 ห้อง กำหนดเปิดปี 2567

สำหรับโครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่เวิ้งนาครเขษมนั้น ตามแผนการพัฒนาของ AWC จะใช้เงินลงทุนประมาณ 16,600 ล้านบาท สร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ภายในมีโรงแรม 2 แห่งดังกล่าว โครงการที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า ศูนย์อาหารที่เปิด 24 ชั่วโมง และมีไฮไลต์เป็น “เจดีย์ทองคำ” สูง 8 ชั้น เป็นแลนด์มาร์กสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยว

ภาพเบื้องต้นการพัฒนาโครงการบริเวณเวิ้งนาครเขษม (Photo : IHG)

“นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับร้านค้าปลีกใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เส้นทางมรดก มรดกทางประวัติศาสตร์ และถนนแห่งความบันเทิง ที่มีพื้นที่สำหรับการเฉลิมฉลองเทศกาล รวมไปถึงการแสดงต่างๆ ทางวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งใหม่อย่างเจดีย์ทองคำ ที่กำลังอยู่ในแผนพัฒนา เช่นเดียวกันกับการก่อสร้างประตูทางเข้า เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่เมืองที่สะท้อนคุณค่าแห่งประวัติศาสตร์” เป็นข้อมูลการพัฒนาที่ระบุในแถลงการณ์จาก IHG

ที่ดินเวิ้งนาครเขษมขนาด 14 ไร่นี้ เครือทีซีซีของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดีเป็นผู้ชนะประมูลด้วยเม็ดเงินเกือบ 5,000 ล้านบาท (รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด) โดยซื้อจากราชสกุลบริพัตร เจ้าของเดิม เมื่อปี 2555 ก่อนส่งต่อให้ AWC ที่เป็นบริษัทในเครือเช่นกันเป็นผู้พัฒนา

ก่อนหน้าการซื้อขายเปลี่ยนมือ เวิ้งนาครเขษมเคยเป็นย่านดังด้านการขายเครื่องดนตรี รวมถึงการค้าของเก่า หนังสือเก่า ปัจจุบันพื้นที่นี้ยิ่งกลายเป็นทำเลทองเมื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตัดผ่าน และมีสถานีรถไฟฟ้าสามยอดอยู่ห่างไปเพียง 300 เมตร

“การลงนามสัญญาข้อตกลงกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกในครั้งนี้ สอดคล้องกับแผนพัฒนาคุณภาพและวิสัยทัศน์ในการสร้างความยั่งยืนเพื่อการเติบโตในอนาคตของเราด้วยเช่นกัน การร่วมมือในครั้งนี้ยังเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่น ว่าเราพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับการท่องเที่ยวไทย โดยโครงการเหล่านี้ของเรา นำเสนอการออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ควบคู่ไปกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ พร้อมทั้งสร้างคุณค่าให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมโดยรอบอีกด้วย” วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) กล่าว

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

]]>
1338174