แรงงานขาดแคลน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 17 Sep 2025 06:50:29 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อสังหาแบกต้นทุนค่าแรงเพิ่ม 15-20% เซ่นแรงงานกัมพูชาขาดแคลนหนัก https://positioningmag.com/1538247 Wed, 17 Sep 2025 04:00:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1538247 สุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP เปิดเผยว่า ปี 2568 ถือเป็นปีท้าทายของภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องพึ่งพาแรงงานสูง และปัจจุบันเผชิญปัญหา ‘ขาดแคลนแรงงาน’ โดยเฉพาะในกลุ่มไซต์งานก่อสร้าง และงานซ่อมบำรุง ที่ขับเคลื่อนด้วยแรงงานต่างชาติเป็นหลัก

แรงงานกัมพูชา บางไซต์งานหาย 80% หนุนแบกต้นทุนเพิ่ม 15-20%

ทว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศ โดยบางไซต์งานมีแรงงานหายไปกว่า 20-80%

“อุตฯ ก่อสร้างพึ่งพาแรงงานกัมพูชาจำนวนมาก ตอนนี้โชคดีที่ยังมีแรงงานไทยจากภาคเกษตรกรรมเข้ามาทำงานใน กทม. แต่ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงนาปรังแรงงานไทยกลุ่มนี้จะเริ่มหายไป ต้องวางแผนตุนแรงงานจากเมียนมา และลาวแทน ซึ่งแรงงาน 2 ชาตินี้มีทักษะงานที่ดี จึงมีอำนาจต่อรองสูง”

แรงงานต่างด้าว แรงงานกัมพูชา กรรมกร ก่อสร้าง
ภาพจาก Shutterstock

ปัจจัยดังกล่าว สร้างแรงกดดันให้ผู้ประกอบการแบกต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้นราว 15-20% ในการหาแรงงานชาติอื่น ๆ มาทดแทน จากปกติจ่ายค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 400 บาท/วัน

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะคลี่คลายในปลายปี 2568 นี้ ด้วยการเจรจาของรัฐบาลใหม่ ขณะเดียวกัน แรงงานกัมพูชาที่กลับประเทศไปก่อนหน้านี้ บางส่วนก็อยากกลับเข้ามาทำงานในไทย

ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ดันอาชีพ รปภ. ค่าจ้างสูงสุด 3 หมื่นบาท/เดือน

นอกจากนี้ ประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ ก็สร้างผลกระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากรายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่มี Fixed Cost เพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่มงาน รปภ. ที่มีเงินเดือนสูงราว 30,000 บาท/เดือน มากกว่าคนจบประดับปริญญาตรีบางสายงาน

โดยค่าแรง รปภ. ให้รายวันอยู่ที่ 400 บาท ทำงาน 8 ชม. แต่ปกติต้องทำงานกะละ 12 ชม. เท่ากับมี OT อีก 4 ชม. (ตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองค่าล่วงเวลาของ รปภ.) ให้ค่า OT 1.5 เท่า ของอัตราปกติ คิดเป็นประมาณ 75 บาท/ชม. หากเพิ่มเวลางานกว่า 1 กะ ก็จ่ายเพิ่มขึ้น หรือทำงานในวันหยุดค่าแรงจะได้ 2 เท่า

รปภ.
ภาพจาก Shutterstock

“นอกจากเรื่อง Fixed Cost ที่เพิ่มขึ้นจากค่าแรงขั้นต่ำแล้ว ปัจจัยนี้ ‘อาจ’ ทำให้ผู้บริโภคในโครงการที่อยู่อาศัยต้องแบกภาระค่าส่วนกลางสูงขึ้นอีกด้วย”

ดังนั้น ในบางโครงการเริ่มเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยแบบไร้คนเพื่อมอนิเตอร์ตลอดเวลา อาทิ การติดกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น ระบบการเข้าอาคารที่รัดกุมมากขึ้น

รวมถึงเพิ่มตำแหน่งงานอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค เข้ามาทดแทนงานจิปาถะที่ รปภ. ต้องช่วยลูกบ้าน เช่น ช่วยยกของ เปิดประตู เป็นต้น โดยอาจพิจารณาสายงานซัพพอร์ตและบริการแทน ซึ่งตรงใจลูกบ้าน และมีต้นทุนถูกกว่าการจ้างงาน รปภ. เพื่อทำหลายหน้าที่

LPP
สุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP

สำหรับปัจจุบัน LPP ตั้งเป้ารายได้ 1,900 ล้านบาท จาก 3 Business Unit ได้แก่

  • บริหารนิติบุคคลโครงการที่อยู่อาศัย 1,000 ล้านบาท จากการขยายการรับบริหารโครงการใหม่ ๆ ปีละ 20-30 นิติบุคคล
  • งานซ่อมบำรุงอาคาร ภายใต้บริษัทลูก คือ LPS จำนวน 300 ล้านบาท จากการรับงานซ่อมแซมอาคารจากแผ่นดินไหว และรีโนเวตอาคารเก่า เพื่อสร้างมูลค่า
  • บริการจัดหาแม่บ้านและ รปภ. ให้แก่โครงการต่าง ๆ มูลค่าราว ๆ 600 ล้านบาท
]]>
1538247
ภายในปี 2028 “ฮ่องกง” จะขาดแคลนแรงงานกว่า 180,000 คน เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น https://positioningmag.com/1499327 Sun, 17 Nov 2024 09:30:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499327 สํานักแรงงานและสวัสดิการของฮ่องกงมีการคาดการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่มีทักษะ เช่น ช่างบันไดเลื่อนและคนงานก่อสร้าง จะคิดเป็นมากกว่า 1 ใน 3 ของการขาดแคลนทั้งหมด

โดยจากการศึกษาและเก็บข้อมูลในปี 2023 ในพื้นที่ 17 ภาคส่วนที่สําคัญ รวมถึงการรวบรวมมุมมองจากเจ้าของธุรกิจในอุตสาหกรรมมากกว่า 1,000 คน เพื่อกําหนดอุปสงค์และอุปทานของกําลังคนในอีก 5 ปีข้างหน้าของฮ่องกง มีการคาดการณ์ว่า

ปริมาณความต้องการด้านกําลังคนในฮ่องกง (อุปทาน) สูงถึง 3.56 ล้านคน และในปี 2028 ปริมาณความต้องการด้านกำลังคนจะสูงถึง 3.75 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้ฮ่องกงขาดแคลนแรงงาน จำนวนกว่า 180,000 คน รวมถึงมีการสันนิษฐานว่าเศรษฐกิจฮ่องกงจะเติบโต 3.2% ในแต่ละปี 

ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 260% เมื่อเทียบกับการขาดแคลนด้านกำลังคน 50,000 คนในปี 2023 สืบเนื่องจาก ฮ่องกงจะมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยภายในปี 2028 ผู้คนมากกว่า 2 ล้านคน หรือ 28% ของประชากรจะมีอายุ 65 ปีขึ้นไปซึ่งคาดว่าจะคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของผู้อยู่อาศัยในเมือง ทำให้ประชากรที่ทํางานจะลดลงในขณะที่อายุเฉลี่ยของคนงานจะเพิ่มขึ้น

โดยประชากรวัยทํางานที่มีอายุระหว่าง 15 – 64 ปี จะอยู่ที่ 4.6 ล้านคน คิดเป็น 63% ของประชากรทั้งหมดในฮ่องกง และอายุเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 50.2 ในปี 2028 จาก 48.3 ในปี 2023 และมีการตั้งข้อสังเกตว่า จํานวนคนที่มีอายุระหว่าง 35 44 ปีจะเพิ่มขึ้น 20,000 คนในปี 2023 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2022 

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของแรงงาน ได้แก่ การใช้ปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติ (AI) ระดับการศึกษาของแรงงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นและการปรับโครงสร้าง โดย Roy Chan Kwok-fai หัวหน้าหน่วยวิจัยของสํานักงานฮ่องกงกล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าความต้องการแรงงานจะลดลง 10% – 20% เนื่องจากการใช้ AI ในธุรกิจมากขึ้น

การขาดแคลนคน 180,000 คนรวมถึงช่างเทคนิคที่มีทักษะ คนงานในอุตสาหกรรมบริการ ผู้เชี่ยวชาญและผู้จัดการ และแรงงานด้วยตนเอง คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามหรือคนจำนวน 60,000 คน ที่อยู่ในสายงานช่างเทคนิคที่มีทักษะ เช่น คนงานก่อสร้าง ช่างบันไดเลื่อน และช่างเทคนิคการบํารุงรักษาเครื่องบิน เป็นต้น

การขาดแคลแรงงานดังกล่าวทำให้รัฐบาลฮ่องกงวางแผนดึงดูดคนงานจำนวน 10,000 คน ที่มีอายุ 35 ปีหรือต่ำกว่าและไม่มีปริญญามาช่วยอุดช่องว่างด้านแรงงานในประเทศ และจะมีการเรียกร้องให้นายจ้างสํารวจวิธีแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มทักษะให้กับคนงาน ซึ่งการทบทวนกําลังคนในประเทศจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดในปี 2025 

Chau Siu-chung สมาชิกสภานิติบัญญัติภาคแรงงาน กล่าวว่า การนําเข้าแรงงานสําหรับอุตสาหกรรมเฉพาะที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานคน อาจเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่ดี แต่รัฐบาลก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องของปัญหาโครงสร้างที่ผลักดันคนงานในท้องถิ่นออกไปเช่นกัน จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เช่น หากมีการให้เงินเดือนต่ำแต่ชั่วโมงการทำงานเยอะ และคนงานยังคงอยู่ภายใต้สภาพการทํางานที่ไม่ดี คนงานที่นําเข้าก็แทบจะไม่สามารถอยู่ต่อได้เช่นกัน

และ Chau Siu-chung ยังเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาเสถียรภาพการสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับสหภาพแรงงาน เมื่อมีการประเมินการขาดแคลนและพิจารณาการนําเข้าแรงงาน เนื่องจากจะทําให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจในงานและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังวิกฤตการขาดแคลนแรงงานได้ดีขึ้น

“สิ่งที่สําคัญที่สุด คือฮ่องกงไม่สามารถพึ่งพาคนนอกได้ในระยะยาว เราต้องหาวิธีที่จะทําให้ธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีการขาดแคลนด้านกำลังคนเหล่านั้น มีข้อเสนอที่น่าสนใจยิ่งขึ้นสําหรับประชากรที่อายุน้อย” Chau Siu-chung กล่าว

ด้าน Simon Lee Siu-po นักวิชาการด้านการเงินของฮ่องกง กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานไม่ใช่ปัญหาเฉพาะในเมืองเพียงเท่านั้น เพราะในเมืองก็มีการแข่งขันกับเศรษฐกิจของเมืองอื่นๆเช่นกัน เมื่อมีการนําคนงานเข้ามาแล้วไม่มีผลตอบแทนที่ดีพวกเขาก็อาจไม่อยู่ทำงานในเมืองนั้นต่อ หากพวกเขาพบโอกาสที่ดีกว่าในเมืองอื่น 

จึงเป็นการดีที่สุดที่จะช่วยให้แรงงานเหล่านั้นสามารถตั้งถิ่นฐานในเมืองได้ หากแรงงานเหล่านั้นได้ทํางานที่ฮ่องกงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มผู้มีความสามารถระดับสูงเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาในกลุ่มและส่วนที่เหลือด้วย มิเช่นนั้นช่องว่างของการขาดกำลังคนกว่า 180,000 คนนี้ อาจคุกคามความสามารถในการแข่งขันของเมืองได้ในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจต้องแบกรับต้นทุนด้านแรงงานที่สูงและต้นทุนจะถูกโอนไปให้ผู้บริโภคแบกรับต่อในอนาคต

ที่มา : South China Morning Post 

]]>
1499327
เหตุผลที่สนามบิน-สายการบิน “ยุโรป” สุดโกลาหล ยกเลิกไฟลท์-เที่ยวบินดีเลย์เพียบ https://positioningmag.com/1392204 Mon, 11 Jul 2022 12:05:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1392204 สายการบินมีการยกเลิกไฟลท์หลายหมื่นเที่ยวบินตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 ผู้โดยสารมากมายถูกทิ้งไว้กลางทาง ภาพการต่อคิวยาวเหยียด หรือกระเป๋าเดินทางถูกทิ้งไว้ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลกลายเป็นภาพที่พบเห็นได้ทั่วไป เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ใน “ยุโรป” ดูจะโกลาหลหนักกว่าทวีปอื่นๆ

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 สายการบินอเมริกันมีการยกเลิกไฟลท์บินไปกว่า 21,000 เที่ยวบิน หรือคิดเป็น 2.7% ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด

แต่จำนวนเที่ยวบินยกเลิกของฝั่งสหรัฐฯ ก็ยังไม่เท่ากับไฟลท์ยกเลิกของฝั่งยุโรปซึ่งมากกว่าเป็นเท่าตัว จากการเก็บข้อมูลของบริษัท RadarBox.com ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2022 ในหมู่สนามบินที่แย่ที่สุดของยุโรป 10 แห่ง มีการยกเลิกเที่ยวบินสะสม 64,100 เที่ยวบิน ระหว่าง 3 เดือนดังกล่าว

ทำไมยุโรปถึงอาการหนักในการ “เท” ผู้โดยสาร? คำตอบคือ 2 เหตุผลนี้

 

1.พนักงานไม่พอ รับสมัครกลับมาไม่ทัน แถมยังมี “สไตรค์”

สายการบินอเมริกันมีการปลดพนักงานออกในช่วงโรคระบาดเหมือนกัน แต่สายการบินอเมริกันมีการเตรียมตัวกลับสู่โลกปกติได้เร็วกว่า โดยเริ่มรับสมัครงานพนักงานกลับมาตั้งแต่กลางปี 2021

นโยบายของฝั่งสหรัฐฯ ที่กลับมารับพนักงานเร็ว ก็เป็นเพราะการเดินทางภายในประเทศของสหรัฐฯ ทำได้ง่ายกว่า ด้วยกฎเกณฑ์ด้านโรคระบาดสำหรับการเดินทางระหว่างรัฐนั้นไม่เข้มงวดมากนัก เทียบกับในยุโรปแล้ว มีการควบคุมเข้มงวดกว่าเพราะเป็นการเดินทางระหว่างประเทศ ดังนั้น จำนวนเที่ยวบินฝั่งสหรัฐฯ จึงดีดกลับมาเร็วกว่า ต้องการพนักงานเพิ่มมาตั้งแต่ปีก่อน

ยุโรป สนามบิน โกลาหล
สัมภาระของผู้โดยสารถูกวางเกะกะไว้บริเวณเบลท์สัมภาระ สนามบินสคิปโฮล เนื่องจากขาดพนักงานดูแล ภาพจากวันที่ 12 มิ.ย. 2022 (Photo: Shutterstock)

ขณะที่ฝั่งยุโรปนั้น ในช่วง COVID-19 มีการปลดคนสูงสุด 191,000 คนทั่วยุโรป รวมทั้งพนักงานบนเครื่องบินและพนักงานภาคพื้นในสนามบิน เฉพาะพนักงานในสนามบินนั้น การเลย์ออฟทั้งหมดคิดเป็น 58.5% ของพนักงานทั้งหมด จากข้อมูลที่ศึกษาโดย สมาพันธ์แรงงานด้านการขนส่งแห่งยุโรป

เมื่อขณะนี้การท่องเที่ยวเพิ่งจะพุ่งทะยานกลับมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด จึงไม่มีพนักงานเพียงพอ ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลการสแกนสัมภาระ ความปลอดภัย หรือกระทั่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

อีกทั้งการรับสมัครงานพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการบิน ยังต้องผ่านการตรวจสอบประวัติเพื่อความปลอดภัยหลายอย่างซึ่งใช้เวลา ขณะที่เงื่อนไขการทำงานก็ไม่ค่อยจูงใจแรงงานเท่าไหร่

Ryan Air หนึ่งใสสายการบินที่เผชิญปัญหาพนักงานสไตรค์ (Photo: Markus Winkler/ Pexels)

ยกตัวอย่างสนามบินฮีทโธรว์ของอังกฤษ เพิ่งจะเริ่มรับสมัครงานกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 และกว่าจะทยอยบรรจุพนักงานได้เท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ก็คาดว่าจะต้องรอถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้

ซ้ำร้าย พนักงานที่ยังทำงานอยู่ขณะนี้ก็มีสไตรค์ นัดหยุดงานประท้วงบ่อยครั้ง เพราะเงื่อนไขการทำงานหนักหน่วง และยังได้ค่าจ้างแบบยุคโรคระบาดที่ถูกตัดเงินเดือนไปมาก ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน Ryanair, Easyjet, Lufthansa หรือ สนามบิน สคิปโฮล ในเนเธอร์แลนด์ สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ในฝรั่งเศส ต่างก็เคยเกิดพนักงานสไตรค์มาแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอีกเรื่อยๆ ในสายการบินอื่นหรือสนามบินอื่น

 

2. “ยุโรป” คือศูนย์รวมการเดินทาง

พนักงานไม่พอ แต่ยุโรปคือศูนย์รวมแห่งการเดินทางท่องเที่ยว ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2022 ยุโรปมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น 280% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ถ้าเทียบกันแล้ว สหรัฐฯ มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่ม 117% เทียบกับปีก่อน เห็นได้ว่ายุโรปต้องรับภาระหนักมากกว่า

ทำไมนักท่องเที่ยวจึงพร้อมใจกันมา? เรื่องนี้เป็นเพราะยุโรปเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดด้านโรคระบาดก่อนทวีปอื่น ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูร้อนของยุโรป จุดหมายปลายทาง 31 แห่งของยุโรปไม่มีกฎด้าน COVID-19 ในการเข้าสู่ดินแดนโดยสิ้นเชิง

ภาคท่องเที่ยวต้องการจะต้อนรับผู้มาเยือน แต่ซัพพลายด้านการเดินทางไม่พร้อมจะรับดีมานด์เหล่านี้เลย

สนามบินใหญ่ๆ ของยุโรป เช่น สคิปโฮล ในอัมสเตอร์ดัม หรือ ฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน ต่างวอนขอให้สายการบินช่วยลดจำนวนเที่ยวบินลง บางสายการบินเรียกได้ว่าถูกบังคับให้ตัดไฟลท์ออก ซึ่งทำให้ผู้โดยสารไม่พอใจอย่างมาก

โชคร้ายหน่อยที่สถานการณ์เหล่านี้คงไม่จบในเร็ววัน จนกว่าจะพ้นฤดูร้อนซึ่งเป็นหน้าท่องเที่ยว เพราะผู้โดยสารยังคงเพิ่มจำนวนขึ้น และเจ้าหน้าที่ก็ไม่เพียงพอ แม้จะมีการรับสมัครงานเพิ่มขึ้นแต่ก็เทรนไม่ทันในตำแหน่งที่ต้องใช้เวลาฝึก เช่น ความปลอดภัย การจัดการสัมภาระ ทำให้ผู้โดยสารที่ต้องการจะบินเข้าออกยุโรปในช่วงฤดูร้อนของที่นั่น อาจต้องเตรียมใจหากจะเกิดเที่ยวบินดีเลย์หรือยกเลิกไฟลท์ขึ้น

Source: Euronews, Reuters

]]>
1392204