โครงการก่อสร้างภาครัฐ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 27 Dec 2022 11:21:33 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คนไทยใกล้ได้ใช้งาน! รวม 4 โครงการก่อสร้างภาครัฐที่น่าสนใจ กำหนดเสร็จในปี 2566 https://positioningmag.com/1414121 Tue, 27 Dec 2022 10:22:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414121 ใกล้ความจริงแล้วกับ 4 โครงการภาครัฐเหล่านี้ที่มีกำหนดก่อสร้างเสร็จภายในปี 2566 โดยมีทั้งโครงการรถไฟฟ้า รถไฟ สะพาน ไปดูกันว่ามีอะไรที่คนไทยใกล้จะได้ใช้งานเร็วๆ นี้

 

ภาพจากการทดสอบเดินรถเดือนตุลาคม 2565
1.รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)

โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองมีระยะทางรวม 30.4 กิโลเมตร รวม 23 สถานี กำลังจะก่อสร้างเสร็จและพร้อมทดสอบเดินรถ โดยคาดว่าจะให้บริการจริงเต็มรูปแบบได้ภายในเดือนมิถุนายน 2566

รถไฟฟ้าสายนี้จะเริ่มวิ่งตั้งแต่แยกรัชดา-ลาดพร้าว วิ่งมาตามแนวถนนลาดพร้าวไปจนถึงแยกบางกะปิ จากนั้นจะเลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ ตรงไปผ่านแยกลำสาลี แยกพัฒนาการ แยกศรีนุช แยกศรีอุดมสุข แยกศรีเอี่ยม จนถึงแยกศรีเทพา จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ วิ่งไปจนสิ้นสุดที่แยกเทพารักษ์ตัดสุขุมวิท

สายสีเหลืองจะมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายที่ให้บริการแล้ว ได้แก่ สายสีน้ำเงิน (เชื่อมต่อที่สถานีลาดพร้าว), สายแอร์พอร์ตลิงก์หรือ ARL (เชื่อมต่อที่สถานีหัวหมาก *ไม่มีสกายวอล์กเชื่อมต่อ) และ สายสีเขียว (เชื่อมต่อที่สถานีสำโรง)

นอกจากนี้จะมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าในอนาคต คือ สายสีส้มตะวันออก จุดตัดบริเวณแยกลำสาลี และ สายสีเทา บริเวณแยกฉลองรัช ด้วย โดยสายสีส้มตะวันออก ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2568

สถานที่สำคัญที่ผ่าน: ตลาดโชคชัย 4, เดอะมอลล์ บางกะปิ, ธัญญาพาร์ค, วิทยาลัยดุสิตธานี, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, พาราไดซ์ พาร์ค

 

โครงการก่อสร้างภาครัฐ
ภาพจากการทดสอบเดินรถเดือนพฤศจิกายน 2565
2.รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี)

โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพูระยะทางรวม 34.5 กิโลเมตร รวม 30 สถานี เป็นอีกหนึ่งสายรถไฟฟ้าที่จะสร้างเสร็จต่อเนื่อง โดยคาดว่าพร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบได้เดือนสิงหาคม 2566 และอาจจะมีการเปิดบริการได้บางส่วนช่วงต้นปี 2566

สายนี้จะวิ่งตั้งแต่แยกแครายขึ้นไปทางถนนติวานนท์จนถึงแยกปากเกร็ด จากนั้นจะเลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ตรงไปผ่านแยกหลักสี่ วงเวียนวัดพระศรีฯ เข้าสู่ถนนรามอินทรา ตรงผ่านแยกลาดปลาเค้า แยกรามอินทรากม.8 จนถึงตลาดมีนบุรี และเลี้ยวขวาไปสิ้นสุดที่ถนนรามคำแหง

จุดตัดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าที่ให้บริการแล้ว ได้แก่ สายสีม่วง (เชื่อมต่อที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี), สายสีแดง (เชื่อมต่อที่สถานีหลักสี่), สายสีเขียว (เชื่อมต่อที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ)

และในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกสร้างเสร็จ จะมีจุดเชื่อมต่อที่ปลายทางสถานีมีนบุรี รวมถึงมีแนวจุดตัดกับสายสีเทาที่สถานีวัชรพล

สายสีชมพูยังมีจุดที่น่าสนใจคือ การเพิ่มส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี 3 สถานี คือ สถานีอิมแพ็ค สถานีเมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี ที่คาดว่าจะเปิดบริการได้ในปี 2568

สถานที่สำคัญที่ผ่าน: ศูนย์ราชการนนทบุรี, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์, เมืองทองธานี, ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, TOT, ไอทีสแควร์, ม.ราชภัฏพระนคร, เซ็นทรัล รามอินทรา, สนามกอล์ฟ กองทัพบก, ตลาดลาดปลาเค้า, ตลาดนัดเลียบด่วนฯ, แฟชั่นไอส์แลนด์, ตลาดมีนบุรี

 

โครงการก่อสร้างภาครัฐ
สะพานขึงใหม่อยู่ทางขวามือของสะพานพระราม 9 (อยู่ระหว่างขอพระราชทานชื่อ)
3.สะพานขึงคู่ขนานพระราม 9

สะพานแห่งนี้เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นสะพานที่มีความกว้างมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยความกว้างกลางสะพาน 450 เมตร มีทางวิ่ง 8 ช่องจราจร และยังเป็นสะพานขึงที่มีความสวยงาม ว่าที่แลนด์มาร์กแห่งใหม่

สะพานขึงแห่งนี้ตั้งอยู่คู่ขนานกับสะพานพระราม 9 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอก ซึ่งจะเชื่อมต่อจากทางด่วนศรีรัชและทางด่วนเฉลิมมหานคร เข้าสู่ทางด่วนใหม่วิ่งไปตามทางยกระดับเหนือถนนพระราม 2 เพื่อให้การจราจรของรถเข้าออกระหว่างกรุงเทพฯ กับภาคใต้คล่องตัวขึ้น ลดการติดขัดบนถนนพระราม 2 อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ภาพความคืบหน้าการก่อสร้างเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565

สำหรับตัวสะพานขึงซึ่งเป็นไฮไลต์ของทางด่วนใหม่นั้นจะมีทางขึ้นลงบนถนนสุขสวัสดิ์ เมื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสู่เขตกรุงเทพฯ แล้วจะเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชและทางด่วนเฉลิมมหานครที่แยกบางโคล่ จึงช่วยลดการติดขัดบนสะพานพระราม 9 ได้สำหรับรถฝั่งธนบุรี-พระประแดงที่ต้องการขึ้นทางด่วนเข้า-ออกกรุงเทพฯ

ทางด่วนทั้งสายนั้นคาดว่าจะเสร็จปี 2567-68 แต่สะพานขึงนั้นคาดว่าจะสร้างเสร็จและเปิดใช้ได้ก่อนภายในปี 2566 ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขอพระราชทานชื่อสะพานจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

 

อุโมงค์รถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ
4.รถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง สายใต้ สายเหนือ สายอีสาน

โครงการรถไฟทางคู่เป็นส่วนสำคัญที่จะยกระดับการเดินขนส่งทางรางไปทั่วประเทศ เพราะเมื่อมีทางคู่จะทำให้รถไฟไม่ต้องรอสับหลีก สามารถแล่นสวนกันได้เลย และยังทำให้ทำความเร็วได้เร็วขึ้นจาก 60 กม./ชม. เป็น 120 กม./ชม. ทั้งหมดทำให้รถไฟไทยจะวิ่งได้ตรงเวลามากขึ้นและสะดวกรวดเร็ว

รัฐบาลมีการวางแผนและก่อสร้างรถไฟทางคู่ 15 เส้นทาง แบ่งเป็นเฟส 1 ทั้งหมด 7 เส้นทาง และเฟส 2 อีก 8 เส้นทาง ในเฟสแรกนั้น ปี 2566 เราจะได้เห็น 3 เส้นทางที่สร้างเสร็จ ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณเสร็จสิ้น ได้แก่

  • สายใต้ นครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร คาดเสร็จมกราคม 2566
  • สายเหนือ ลพบุรี-ปากน้ำโพ (นครสวรรค์) คาดเสร็จเมษายน 2566
  • สายตะวันออกเฉียงเหนือ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ (สระบุรี-โคราช) คาดเสร็จเดือนตุลาคม 2566

แผนงานรถไฟทางคู่เมื่อเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 2 เฟส จะทำให้รถไฟสายเหนือมีทางคู่วิ่งไปจนถึงเชียงใหม่ เชียงราย เชียงของ ขณะที่สายใต้จะลงสุดชายแดนที่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ และสายอีสานจะไปถึงอุบลราชธานี นครพนม และหนองคาย

ปี 2566 น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับการคมนาคมของเมืองไทย เพราะจะมีทั้งรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการ 2 เส้นทางใหม่ สะพานข้ามแม่น้ำที่ช่วยลดจราจรติดขัด รวมถึงรถไฟทางคู่ที่ขยายไปครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

]]>
1414121