“ริชา ซิงห์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมา และลาว ให้ข้อมูลตลาด “น้ำอัดลม” อ้างอิงจากนีลเส็น พบว่าเมื่อปี 2565 ตลาดน้ำอัดลมไทยมูลค่า 56,000 ล้านบาทนั้นเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 7% แต่ที่มาแรงมากคือน้ำอัดลม “ไม่มีน้ำตาล” ซึ่งเติบโตแรงถึง 30% หรือมากกว่าการเติบโตของตลาดถึง 4 เท่า

ขณะที่ “อนวัช สังขะทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลุ่มน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลนั้นมีสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาดรวม แม้ตลาดยังเล็กอยู่แต่เติบโตเร็วมาก ปีนี้คาดว่าจะโตต่อเนื่องอีก 30%

อนวัชคาดการณ์ไว้ด้วยว่า หากกลุ่มน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลยังโตแรงต่อเนื่อง 30% ทุกปี เป็นไปได้ว่าภายใน 5 ปี น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลจะกินส่วนแบ่งเกือบ “ครึ่งหนึ่ง” ของตลาดน้ำอัดลม ดังนั้น น้ำอัดลม ‘No Sugar’ จึงเป็นสินค้ากลยุทธ์ที่สำคัญมาก

เริ่มจาก “ภาษีความหวาน” สู่เทรนด์ “รักสุขภาพ”

กระแสเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลเริ่มต้นมาจากการเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่เมื่อปี 2560 เรียกเก็บ “ภาษีความหวาน” จากเครื่องดื่มทุกชนิด ยิ่งใส่น้ำตาลมากยิ่งถูกเรียกเก็บภาษีมาก และปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดมาเรื่อยๆ รอบล่าสุดที่ปรับขึ้นคือรอบ 1 เมษายน 2566

ภาษีความหวานนี้กลายเป็นต้นทุนสำคัญ ทำให้บรรดาผู้ผลิตเครื่องดื่มโดยเฉพาะกลุ่มน้ำอัดลมต้องหาทางปรับสูตรลดน้ำตาลสำหรับรสชาติออริจินอล และเริ่มเข็นผลิตภัณฑ์ไม่มีน้ำตาลออกสู่ตลาดให้มากขึ้น เพื่อแก้เกมการเก็บภาษีความหวาน

ตั้งแต่ปี 2562 เราจึงเริ่มเห็นกระแสการตลาดผลักดันน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาลชัดเจนขึ้น ประจวบเหมาะที่ปี 2563 เกิดโรคระบาดโควิด-19 ขึ้นทั่วโลก และกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้พฤติกรรมผู้บริโภคใส่ใจเรื่อง “สุขภาพ” สูงขึ้น โดยมีเรื่องโภชนาการ “อาหาร-เครื่องดื่ม” เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้บริโภคระมัดระวัง ลงล็อกกับการผลักดันตลาด “No Sugar” ว่าเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า

ตะลุมบอนสมรภูมิ “ไม่มีน้ำตาล”

ปี 2565-66 ยิ่งชัดเจนว่าถนนทุกสายกำลังไปสู่สมรภูมิน้ำอัดลม “ไม่มีน้ำตาล” โดยบริษัทที่ประกาศกลยุทธ์ชัดเจนคือ “PepsiCo” โดย รามอน ลากัวร์ตา ซีอีโอของยักษ์เครื่องดื่มรายนี้ประกาศเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า ผลิตภัณฑ์ไม่มีน้ำตาลจะเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ธุรกิจต่อจากนี้ เริ่มจากตลาดสหรัฐฯ ก่อน ต่อด้วยยุโรป และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งความตั้งใจของ PepsiCo สะท้อนมาในโลโก้และการออกแบบกระป๋องใหม่ที่เน้นโปรโมตกระป๋องเครื่องดื่มประเภท “Zero Sugar”

ส่วนในตลาดไทยเอง เครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลก็เป็นความหวังของเป๊ปซี่ในการ ‘พลิกเกม’ ตีตื้นชิงมาร์เก็ตแชร์ เพราะปัจจุบันเป๊ปซี่ยังเป็นอันดับ 2 ในตลาด มีส่วนแบ่งตลาด 37% ห่างค่อนข้างมากจากโคคา-โคล่าที่ยึดตำแหน่งอันดับ 1 มีมาร์เก็ตแชร์ 51% ทำให้ปัจจุบันเป๊ปซี่โคมีสินค้าสูตรไม่มีน้ำตาลให้เลือกทั้ง “เป๊ปซี่” และ “เซเว่นอัพ”

ขณะที่เจ้าใหญ่ โคคา-โคล่า ประเทศไทย แม้ไม่ได้ประกาศตรงๆ ว่ากลยุทธ์ธุรกิจจะมุ่งตลาด ‘No Sugar’ แต่สะท้อนออกมาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อปี 2565 จำนวน 15 รายการ ปรากฏว่าเกือบทั้งหมดเป็นสินค้าประเภทไม่มีน้ำตาล

ตัวเลือกสูตรไม่มีน้ำตาลของโคคา-โคล่าขณะนี้จึงมีครบหมดทุกยี่ห้อน้ำอัดลมในเครือ ไม่ว่าจะเป็น “โค้ก” “สไปรท์” “แฟนต้า” “ชเวปส์” แถมบางยี่ห้อหรือไลน์ผลิตภัณฑ์ยังพลิกมาผลิตเฉพาะสูตรไม่มีน้ำตาลด้วย เช่น แบรนด์โซดากลิ่นผลไม้ “อู-ฮ่า” หรือไลน์สินค้า “โค้ก ลิมิเต็ด อิดิชั่น”

• “โคคา-โคล่า” ส่งแบรนด์น้องใหม่ “อู-ฮ่า” เจาะตลาดคน Gen Z ด้วย “โซดากลิ่นผลไม้”

ไม่ใช่แค่ ‘ช้างชนช้าง’ เท่านั้น แต่ผู้ท้าชิงรายอื่นก็โดดร่วมวงในศึกน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลเหมือนกัน เช่น ค่ายน้ำอัดลมเบอร์ 3 ในไทย “เอส” มี “เอส โคล่า ชูการ์ฟรี” มาให้ผู้บริโภคเลือก

แม้แต่ในกลุ่มที่ไม่ได้ผลิตน้ำอัดลมมาแต่แรกก็เห็นโอกาสเมื่อตลาดเปลี่ยน เช่น ค่ายสิงห์ ส่ง “สิงห์ เลมอน โซดา” น้ำตาล 0% เข้าตลาดมาตั้งแต่ปี 2563 ขณะที่ปี 2566 สองบิ๊กเครื่องดื่มชูกำลังก็เดินทัพไม่มีน้ำตาลบ้าง โดย โอสถสภา เปิดตัว “ชาร์ค อุเมะ โซดา” ไปเมื่อเดือนเมษายน ส่วนค่าย TCP มีแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์คือ “FarmZaa มะปี๊ดโซดา” และ “Planett โซดากลิ่นดอกไม้และผลไม้” ซึ่งน่าจะลงขายในโมเดิร์นเทรดได้เร็วๆ นี้

• “TCP” รุกคืบร่วมทุนท้องถิ่นในตลาดดาวรุ่ง “มาเลเซีย” ด้านรายได้องค์กรปี’66 วางเป้าโต 10-15%

วัดพลังกันที่ “รสชาติ”

เห็นได้ว่าตลาดน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลกำลังสุกงอมเต็มที่ แต่ใครจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้อาจต้องวัดกันที่ “รสชาติ” เพราะที่ผ่านมากำแพงขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นทำให้ลูกค้าไม่เลือกสินค้า No Sugar ก็เพราะภาพจำว่าสินค้าประเภทนี้ “ไม่อร่อย”

ดังนั้น แบรนด์ไหนก็ตามที่สามารถพัฒนารสชาติให้อร่อยโดดเด่นกว่ายี่ห้ออื่นในตลาดได้ จึงน่าจะเป็นผู้ชนะไปในศึกน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล

ปี 2566 จึงเป็นปีที่น่าสนใจว่าใครที่จะเข้าไปนั่งแท่นอันดับ 1 ยึดหัวหาดได้ยาวๆ สำหรับกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลม “ไม่มีน้ำตาล” !!

กระแสเครื่องดื่ม Zero Sugar (ไม่มีน้ำตาล) มาแรงมากในไทย รอยัล เกทเวย์ ไม่ตกเทรนด์จัดเครื่องดื่มน้องใหม่ อีเดน แอปเปิ้ล  ซ่าส์  ไม่มีน้ำตาล + วิตามินซีสูง เปิดตัวทางการในซัมเมอร์นี้ ชวนรับความสดชื่นแบบไม่อ้วน

มาถึงช่วงที่การตลาดเครื่องดื่มคึกคักที่สุดแห่งปี 2565 “ซัมเมอร์นี้” ที่หลากหลายแบรนด์ต่างเตรียมปั้นเครื่องดื่มใหม่ๆ แนวทางความสดชื่นแบบไม่มีน้ำตาล มาป้อนสู่ตลาดเอาใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของตัวเองและที่น่าจับตามองคือ “ตลาดนํ้าอัดลมแบบไม่มีน้ำตาลและไม่มีแคลอรี่ ”  มาแรงอย่างซาบซ่าส์ด้วย เปอร์เซ็นต์การเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ มีการเติบโตขึ้นถึง 30% จากปีก่อนด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เป็นตัวกำหนดหลักสำคัญจากการหันมาให้ความสนใจเลือกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพให้กับตนเองและเลือกเน้นที่กลุ่มไม่มีน้ำตาลและไม่มีแคลอรี่

รอยัล เกทเวย์ บริษัทระดับประเทศผู้ผลิตนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในตลาดอันหลากหลาย ธุรกิจหนึ่งในเครือของคุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ผู้คร่ำหวอดในแวดวงเครื่องดื่มก็พร้อมสู้ศึกซัมเมอร์ปล่อยหมัดเด็ดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Eden  apple sparkling high vit c ” ไม่มีน้ำตาลและไม่มีแคลอรี่  2 รสชาติ “แอปเปิ้ลเขียว” และ “แอปเปิ้ลแดง” เจาะใจกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ในไทยที่คุ้นเคยกันดีและชื่นชอบน้ำแอปเปิ้ลสร้างสรรค์ออกมาเป็นจุดเด่นหลักส่งความเปรี้ยวอมหวานผสานด้วยกลิ่นหอมให้ความสดชื่นและผ่อนคลายมารวมตัวกันได้อย่างลงตัว

คุณพงกานต์  จันทร์กระจ่าง ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์และสื่อสารแบรนด์ บริษัท รอยัล เกทเวย์ จำกัด เผยว่า

“เราเป็นบริษัทที่คิดสร้างสรรค์ และส่งเสริมเครื่องดื่มให้เหมาะกับกลุ่มคนในปัจจุบันและเดินหน้าไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในยุคนี้  ปล่อย “Eden  apple sparkling high vit c ไม่มีน้ำตาลและไม่มีแคลอรี่  2 รสชาติแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดงออกสู่ตลาด ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้ฐานลูกค้าของกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบน้ำอัดลมหันมาดื่มเครื่องดื่มที่ดูแลสุขภาพมากขึ้นรับซัมเมอร์ปี 2565 Eden  apple sparkling high vit c มาในรูปแบบกระป๋องขนาดความจุ 330 มิลลิลิตร ราคากระป๋องละ 18 บาท”

อีกทั้งยังเผยต่อว่า “ Eden  apple sparkling high vit c นำเสนอด้วยคอนเซปต์สุดสดใสกับนิยามใหม่ เครื่องดื่ม อีเดน แอปเปิ้ล สปาร์คลิ่ง Vit C สูง ถึง 140% ต่อกระป๋อง  ปลดปล่อยขีดจำกัดของคำว่า…ซ่าส์ สดชื่นกับรสชาติธรรมชาติ เวลาของความสดชื่น เริ่มเลย! ตั้งเป้าในไตรมาสที่ 2 ส่งเครื่องดื่มชิงส่วนแบ่งการตลาดใน ปี 2565 ในตลาดเครื่องดื่มตลาดน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาลและไม่มีแคลอรี่ในช่วงหน้าร้อนที่มีการเติบโตจะมากขึ้นระดับ 20-30% ของภาพรวมตลาดพร้อมเจาะคนยุคใหม่ที่เอาใจใส่ในรูปร่างและดูแลตัวเองมากขึ้นเหมาะกับทุกเพศและทุกวัย หวังมอบประสบการณ์ให้ดื่มได้บ่อย เพื่อตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาของชีวิต เป็นทางเลือกสร้างความสดชื่นของน้ำแอปเปิ้ลไม่มีน้ำตาลและไม่มีแคลอรี่ให้ลงตัวในรสชาติ ฉีกกฏเดิมๆ ของนํ้าอัดลมและได้รับวิตามินซีสูงที่ให้ร่างกายได้ดูดซับได้เต็มที่ มากกว่าการทานแอปเปิ้ล 1 ผลต่อวันอีกด้วย  ทั้งยังได้เครื่องหมายเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่และความสนใจของกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนช่วยสร้างสีสันในตลาดน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลให้คึกคักและโดนใจกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพได้ไม่ยาก”

มาร่วมดื่มความซ่าส์ สร้างช่วงเวลาของความสดชื่น REFRESHING MOMENT ไปด้วยกันได้แล้ววันนี้ ทยอยวางจำหน่ายแล้วในร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก-ส่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ