“โคคา-โคล่า” ส่งแบรนด์น้องใหม่ “อู-ฮ่า” เจาะตลาดคน Gen Z ด้วย “โซดากลิ่นผลไม้”

โคคา-โคล่า อู-ฮ่า
  • “โคคาโคล่า” เจ้าตลาด “น้ำอัดลม” เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ในเครือ “อูฮ่า” (OOHA) โซดากลิ่นผลไม้ที่วางตำแหน่งทางการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมาย Gen Z โดยเฉพาะ
  • หลังโควิด-19 โคคาโคล่ากระหน่ำออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะสูตร “ไม่มีน้ำตาล” ตอบรับเทรนด์รักสุขภาพ

“Gen Z” กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์ “น้ำอัดลม” ต่างจับจ้องที่จะชิงตลาดไว้ให้ได้ แม้แต่เจ้าตลาดที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดอย่าง “โคคา-โคล่า” ก็ต้องไม่พลาดที่จะจับกลุ่มลูกค้า

“ริชา ซิงห์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมา และลาว กล่าวถึงลูกค้า Gen Z หรือคนวัย 16-25 ปีในขณะนี้ว่าทวีความสำคัญขึ้นเพราะมีสัดส่วนถึง 29% ของประชากรไทย

เมื่อบริษัทลงมือศึกษาความต้องการของคน Gen Z พบว่าคนวัยนี้มากกว่า 70% “ต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ” และเทรนด์รักสุขภาพยังแข็งแรงมากในกลุ่มนี้ด้วย ทำให้เกิดความต้องการน้ำอัดลมแบบ “ไม่มีน้ำตาล” (Zero Sugar)

ความต้องการประสบการณ์ “ใหม่” จึงทำให้น้ำอัดลมต้องมีรสชาติหลากหลาย และน้ำอัดลมที่เป็นตลาดรองอย่างกลุ่ม “โซดากลิ่นผลไม้” ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 4% ในตลาดน้ำอัดลมทั้งหมด กลับเติบโตดีมากมาตั้งแต่ปี 2563 และในปีที่ผ่านมาก็ยังแรงดีไม่มีตก โตได้ดับเบิลดิจิต

เครื่องดื่มแบรนด์ใหม่ “อู-ฮ่า” (OOHA) โซดากลิ่นผลไม้ ไม่มีน้ำตาล

หันมาดูในพอร์ตของโคคา-โคล่า แบรนด์ที่ตรงเป้ากับตลาดโซดากลิ่นผลไม้ คือ “ชเวปส์” กับ “แฟนต้า” ทำให้ปีที่ผ่านมา บริษัทนำแบรนด์เหล่านี้มาปั้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้โดนใจ Gen Z เช่น ชเวปส์ 2 รสชาติใหม่ รสไพน์แอปเปิ้ล โมฮีโต้ และ รสซิตรัส ราสพ์เบอร์รี่ หรือ แฟนต้า WTF (What The Fanta) ทั้งหมดผลิตเป็นสูตรไม่มีน้ำตาล

แต่สุดท้ายแล้วดูเหมือน Gen Z จะยังต้องการมากกว่านั้น เพราะ “ชเวปส์” ก็ยังติดภาพเป็นแบรนด์ดั้งเดิมของคน Gen Y วัย 25-39 ปี ที่มักจะซื้อชเวปส์สำหรับดื่มในงานเลี้ยงหรือผ่อนคลายส่วนตัว ส่วนแบรนด์ “แฟนต้า” ก็ยังมีความแมส แม้จะดูเด็ก แต่ยังไม่เจาะเฉพาะกับ Gen Z ได้

ในที่สุดปีนี้โคคา-โคล่าจึงขยับครั้งใหญ่ เปิดตัวโซดากลิ่นผลไม้แบรนด์ “อู-ฮ่า” (OOHA) ในประเทศไทย โดยมาในรูปลักษณ์กระป๋องสีสดใส ดีไซน์ทันสมัย และยังดึงพรีเซ็นเตอร์วัยรุ่น “นนกุล-ชานน สันตินธรกุล” มาช่วยโปรโมต

อู-ฮ่าริชากล่าวว่า แบรนด์อู-ฮ่าไม่ได้เปิดตัวที่ไทยเป็นที่แรก แต่เคยมีมาแล้วในจีนและฮ่องกง เพียงแต่ในไทยมีการคิดค้นรสชาติใหม่ให้เหมาะกับท้องถิ่น จึงออกมาเป็น 2 รสชาติ กลิ่นลิ้นจี่และโยเกิร์ต และ กลิ่นเลมอนผสมซีซอล์ท (เกลือสมุทร) ซึ่งเป็นการจับคู่รสชาติแบบ 1+1 ในกระป๋องเดียว เชื่อว่าจะทำให้กลุ่มลูกค้าตื่นเต้น ต้องการทดลองรสชาติแบบใหม่ ประสบการณ์ใหม่ รวมถึงเป็นเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล ตอบเทรนด์รักสุขภาพ เป็นเครื่องดื่มที่พัฒนาเพื่อ Gen Z โดยตรง จึงน่าจะดึงลูกค้าได้ดี

 

ปี 2565 เข็นผลิตภัณฑ์ใหม่รวดเดียว 15 รายการ “ไม่มีน้ำตาล” มาแรง

ด้านภาพรวมตลาดหลังโควิด-19 ริชาอ้างอิงข้อมูลจาก “นีลเส็น” พบว่า ตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทยปี 2565 มีมูลค่า 56,000 ล้านบาท และเติบโต 7% จากปีก่อนหน้า นับว่าตลาดฟื้นตัวแล้วจากช่วงที่เกิดสถานการณ์โรคระบาด

โคคา-โคล่าเองเมื่อปีก่อนก็มีส่วนในการขับเคลื่อนตลาดสูง เพราะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หรือปรับสูตรใหม่ถึง 15 รายการ เช่น โค้ก ไม่มีน้ำตาล ลิมิเต็ด อิดิชั่น มาร์ชเมลโล่ และ สตาร์ชายน์, แฟนต้า WTF ไม่มีน้ำตาล, สไปรท์ สูตรใหม่ ไม่มีน้ำตาล เป็นต้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปีที่บริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่จำนวนสูงมาก

โคคา-โคล่า
โค้ก ลิมิเต็ด อิดิชั่น มาร์ชเมลโล่ ไม่มีน้ำตาล หนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่หรือสูตรใหม่ที่ออกเมื่อปี 2565

สำหรับปี 2566 บริษัทยังมีนวัตกรรมออกสู่ตลาดอีก โดยต้นปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มปรับสูตร “สไปรท์” และ “แฟนต้า” ให้ซ่ายิ่งขึ้นและน้ำตาลน้อยลง ตามด้วยการออก “โค้ก มูฟ โรซาเลีย ไม่มีน้ำตาล” อีกหนึ่งรสชาติในกลุ่มลิมิเต็ด อิดิชั่น และล่าสุดคือการเปิดแบรนด์ใหม่ “อู-ฮ่า” 2 รสชาติ และภายในปีนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่รอในแผนงานอีก

เห็นได้ว่าสินค้าใหม่ๆ ของโคคา-โคล่าส่วนใหญ่ “ไม่มีน้ำตาล” ทำให้ปัจจุบันกลุ่มสินค้าน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 5% ของปริมาณขายของโคคา-โคล่าเรียบร้อยแล้ว

ความเป็นไปได้ที่จะเห็นผลิตภัณฑ์ไม่มีน้ำตาลเพิ่มขึ้นอีกก็มีสูง เพราะเทรนด์นี้มาแรงจริงๆ ในปี 2565 กลุ่มน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลเติบโตถึง 30% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของตลาดถึง 4 เท่า ดังนั้น น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลจึงเป็นสมรภูมิใหม่ของธุรกิจนี้อย่างแน่นอน