ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า ภาพรวมตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ไทยคาดว่ามีสัดส่วนประมาณ 15% ของตลาดอาหารทั้งหมด หรือมีมูลค่าราว 1.2 แสนล้านบาท โดยมีโอกาสเติบโตเกือบ +10% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้
อย่างไรก็ตาม ยอดมั่นใจว่า LINE MAN มีอัตราการเติบโตเหนือตลาด และเป็นผู้เล่นที่ เติบโตเร็วสุดในตลาด เนื่องจากความครอบคลุมของพื้นที่ในการให้บริการ และจำนวนร้านอาหารที่ครอบคลุม โดยปัจจุบัน LINE MAN มีไรเดอร์กว่า 1 แสนคน ให้บริการครบ 77 จังหวัด ครอบคลุม 328 อำเภอ เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา และมีร้านค้าในระบบกว่า 7 แสนร้าน มีผู้ใช้กว่า 10 ล้านรายต่อเดือน
“ถ้าเป็นคนกรุงเทพฯ อาจไม่เห็นความแตกต่าง แต่ในต่างจังหวัดเราเป็นเบอร์ 1 เพราะให้บริการคลอบคลุม และจำนวนร้านอาหารเราก็เป็นเบอร์ 1 โดยเฉพาะร้านรายย่อยและสตรีทฟู้ด”
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ถือเป็นตลาดที่ Maturity ทำให้ผู้เล่นแต่ละรายไม่ได้ทุ่ม Subsidize เหมือนช่วงเริ่มต้น แต่จากภาวะเศรษฐกิจทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคค่อนข้างระมัดระวังเรื่องการจับจ่าย ทำให้ LINE MAN ได้ทุ่มงบการตลาด 300 ล้านบาท ออกแคมเปญ ถูกสุดทุกวัน พร้อมปรับให้ใช้ส่วนลดได้ 3 ต่อพร้อมกันในออร์เดอร์เดียว โดยไม่ต้อง Scbscibe เพื่อเป็นสมาชิก โดยแคมเปญดังกล่าวถือเป็นแคมเปญใหญ่สุดในรอบ 3 ปี
“ทุกครั้งที่ทำการสำรวจ ประเด็นค่าส่งถูก ราคาอาหารเป็นมิตร ถือเป็นเบอร์ต้น ๆ ที่ลูกค้าให้ความสำคัญ ดังนั้น เราจึงทำแคมเปญนี้ตลอด 3 เดือน แต่ถูกสุดทุกวันไม่ใช่แค่แคมเปญ แต่เป็นจุดยืนของเรา”
นอกจากนี้ LINE MAN ยังดัน Moon มาสคอตของแบรนด์ขึ้นมาเป็น พรีเซ็นเตอร์ รับกระแสมาสคอตมาร์เก็ตติ้งที่กำลังมาแรงเพื่อสร้าง ภาพจำ อีกทั้งยังมีการใช้ดารา อินฟลูเอนเซอร์มาสร้างแรงกระตุ้นในตลาด
อย่างไรก็ตาม ยอด ย้ำว่า แคมเปญดังกล่าวไม่ใช่การเริ่ม สงครามราคา แต่ LINE MAN อยากจะกระตุ้นตลาดช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่น เพื่อเพิ่มโมเมนตัมการเติบโต และเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ โดยคาดว่าในช่วงแคมเปญดังกล่าว จะช่วยให้ LINE MAN เติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
“ภาพจำของตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ที่ต้อง Subsidize มันจะเปลี่ยนไปแน่นอน เพราะตลาดเริ่มมาชัวร์แล้ว แต่มันก็ต้องมีการแคมเปญเพื่อกระตุ้นตลาดบ้าง ซึ่งที่เราเลือกจัดแคมเปญใหญ่ช่วงไตรมาสสุดท้ายเพราะตอนนี้เรามีความมั่นใจ อยากจะบุกและกระตุ้นตลาดในช่วงหน้าหนาวซึ่งเป็นไฮซีซั่น”
กรณีที่ Robinhood ผู้เล่นอีกรายในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ที่ได้เจ้าของใหม่ ทำให้ยังคงโลดแล่นอยู่ในตลาด พร้อมกับข่าวลือว่าอาจมี ผู้เล่นใหม่ เข้ามาในตลาด ยอด มองว่า ไม่ได้กังวล เพราะการแข่งขันในตลาดก็ยังคงมี และมองว่าตลาดฟู้ดเดลิเวรี่ไม่ใช่ตลาดที่จะเข้ามาได้ง่าย ๆ ต้องมีความพร้อมในด้านอินฟราสตรักเจอร์ และเน็ตเวิร์ก อย่างไรก็ตาม ยอด เชื่อว่า ตลาดยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ยังขยายได้ โดยเฉพาะ Coverage ในระดับอำเภอ ซึ่งประเทศไทยมีอำเภอประมาณ 700-800 อำเภอ
“Robinhood ยังทำตลาดต่อ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนหรือการแข่งขัน ก็ถือว่าผู้บริโภคมีตัวเลือกเพิ่มในตลาด ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มไทยที่เป็นเพื่อนกับเราในวงการนี้”
สำหรับแผนการเข้าเตรียมขายหุ้นไอพีโอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2025 ยอด ยืนยันว่า ยังคงเป็นเป้าเดิม แต่ไม่สามารถระบุชัดได้ว่าจะเป็นช่วงไตรมาสใด ในส่วนของการ ทำกำไร ไม่ได้มีความกังวล เพราะยังสามารถทำกำไรจากธุรกิจอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบบริหารจัดการร้านอาหาร ธุรกิจเพย์เมนต์ ซึ่งบาลานซ์กับธุรกิจออนดีมานด์ได้ แม้จะเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดก็ตาม
จากกรณีผลสำรวจของ Redseer Strategy Consultants บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจสัญชาติอินเดีย ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับตลาด On-Demand ในประเทศไทยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก LINE MAN Wongnai มีส่วนแบ่งตลาด 44% แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง Grab ที่มีอยู่ 40% ในด้านจำนวนการทำธุรกรรม ขณะที่ Grab เองได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ไม่น่าเชื่อถือ
ซึ่งทาง ยอด ออกมาแสดงความเห็นว่า เพราะทั้ง LINE MAN และคู่แข่ง ต่างก็ มั่นใจในตัวเลขผลประกอบการของบริษัท อย่างไรก็ตาม การจะบอกว่า LINE MAN เป็นเบอร์ 1 คงต้องให้คนกลางเป็นคนพูด แต่ LINE MAN ยังมีความตั้งใจจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ให้ได้ และจากการสำรวจของหลาย ๆ สำนักก็ให้ LINE MAN เป็นเบอร์ 1
]]>ถ้าเป็นคนกรุงเทพฯ ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS บ่อย ๆ เชื่อว่าก็คงจะใช้บริการ Rabbit LINE Pay (RLP) แน่นอน ซึ่ง Rabbit LINE Pay นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่เกิดจาก LINE Thailand ร่วมมือกับทาง Rabbit Card และ mPay แพลตฟอร์มบริการทางการเงินของ AIS เข้ามาลงทุนร่วมกันเมื่อปี 2018 โดยทั้ง 3 พาร์ทเนอร์นั้นถือหุ้นเท่า ๆ กัน
โดยจุดเด่นของ Rabbit LINE Pay ก็คือ การใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม LINE ได้เลยโดยไม่ต้องโหลดแอปฯ เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋ว BTS, ซื้อสินค้าใน LINE เช่น สติกเกอร์ รวมไปถึงร้านค้าชั้นนำต่าง ๆ ทั้งนี้ ตัวเลข ณ ปี 2022 Rabbit LINE Pay มีจำนวนผู้ใช้กว่า 10 ล้านราย
แม้จะไม่มีการเปิดเผยถึงมูลค่าการเข้าซื้อหุ้น RLP ต่อจาก แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด และ บริษัท แรบบิทเพย์ ซิสเทม จำกัด แต่ ยอด ชินสุภัคกุล เปิดเผยว่า LINE MAN Wongnai เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเชื่อว่า RLP นั้นเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกิจของ LINE MAN Wongnai โดยเปรียบเสมือน น้ำมันหล่อลื่น ให้กับธุรกิจ เพราะในทุกบริการต้องใช้ระบบเพย์เมนต์ นอกจากนี้ ยอด ยังมองว่า ตลาดอีเพย์เมนต์ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
“ทุกบริการของ LINE MAN Wongnai ไม่ว่าจะเป็น Food, Taxi Messengers หรือ LINE เองก็มีบริการอีคอมเมิร์ซอย่าง LINE Shopping และทุกอย่างต้องใช้ระบบเพย์เมนต์ทั้งหมด ดังนั้น RLP จะมาช่วยให้บริการต่าง ๆ มันไร้รอยต่อ (Seamless) มากขึ้น” ดร.พิเชษฐ กล่าวเสริม
ในแง่ขององค์กร RLP ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งออฟฟิศและพนักงาน ในส่วนของผู้ใช้ก็เช่นเดียวกัน บริการไหนที่เคยใช้ได้ก็ยังใช้ได้ตามเดิม ไม่ว่าจะเติมเงินขึ้นรถไฟฟ้า BTS หรือการใช้จ่ายผ่านร้านค้าพันธมิตร ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริโภคอยากรู้คือ บริการใหม่ที่จะได้เห็น
ซึ่ง ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ได้เปิดเผยว่าจะมีบริการใหม่ ๆ เกิดขึ้นแน่นอน อย่างน้อยที่จะได้เห็นก็คือ สิทธิพิเศษที่มากขึ้น หากใช้งาน RLP ผ่าน LINE หรือ LINE MAN รวมถึงความเป็นไปได้ของบริการ กู้เงินออนไลน์ เพราะทาง LINE เองก็มี LINE BK บริการทางการเงินแบบ Social Banking ของบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (บริษัทในเครือของธนาคารกสิกรไทย) และบริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล เอเชีย (LINE Financial Asia) อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแผนชัดเจนว่าจะเห็นบริการใหม่ ๆ เร็วสุดเมื่อไหร่
“อาจยังไม่ชัดเจนว่าจะมีบริการอะไรใหม่ ๆ แต่เราจะพยายามดันทรานแซคชั่นของทั้ง LINE MAN Wongnai และ LINE เข้าไปใช้ใน RLP ให้ได้มากที่สุด แต่เราอยากให้คนเข้ามาในแพลตฟอร์มของเราแล้วทำได้ทุกอย่างตั้งแต่สั่งอาหารจนถึงกู้เงิน” ดร.พิเชษฐ กล่าว
แม้ว่าตลาดอี-วอลเล็ตปีนี้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง ดอลฟิน วอลเล็ต จะหายไป แต่การแข่งขันก็ไม่ได้ลดน้อยลง โดย ยอด อธิบายว่า ตลาดอีเพย์เมนต์ยังมีความท้าทายจาก พร้อมเพย์ ที่ทำให้ทุกอย่างใช้งานได้อย่างเปิดกว้าง นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม เป๋าตัง ของรัฐบาล ดังนั้น การแข่งขันจึงกว้างมากเพราะมีทั้งธนาคารและแพลตฟอร์มอีวอลเล็ต ซึ่ง RLP ก็อยากจะเป็นผู้เล่นหลักของตลาดไทย ดังนั้น การมีบริการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคยังใช้งานเป็นโจทย์ที่สำคัญ
“อย่างเป๋าตังเขาก็มีบริการซื้อสลากออนไลน์เพื่อดึงดูดให้ใช้งาน นี่ก็เป็นโจทย์ของเราว่านอกจากบริการที่มีที่ผู้บริโภคใช้อยู่แล้ว เราจะเพิ่มอะไรเข้าไปได้อีก”
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของตลาดอีเพย์เมนต์ มีแต่ขาขึ้นไม่มีทางลง ตลาดจะใหญ่ขึ้นอีกเพราะผู้บริโภคใช้งานชินตั้งแต่เกิดโควิดระบาด คนใช้เงินสดน้อยลง เพียงแต่ตลาดยังไม่มาชัวร์ เพราะยังมีผู้เล่นที่ออกจากตลาดไปและยังมีผู้เล่นใหม่ ๆ เข้ามา
ปัจจุบัน แม้บริการ RLP จะยังไม่ทำกำไร โดยในปี 2565 รายได้รวม 319.63 ล้านบาท ขาดทุน 156.65 ล้านบาท แต่ในส่วนของผู้ใช้ยังคงเติบโต โดย ยอด กล่าวว่า ยังไงต้องทำให้ RLP มี กำไร และเติบโตในฐานะ STAND ALONE COMPANY ที่แข็งแกร่ง
]]>หนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของสตาร์ทอัพก็คือ เทคโนโลยี ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีของ LINE MAN Wongnai ก็คือ ภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี LINE MAN Wongnai ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Wongnai โดยหลังจากที่ระดมทุนรอบซีรีส์บีมาได้ หนึ่งในภารกิจเร่งด่วนก็คือ ทีมเทคโนโลยีที่จะขยายจาก 350 เป็น 450 คน
ในส่วนของผู้ใช้ทั่วไปคงจะคุ้นชินกับแอป LINE MAN แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีก 2 ส่วนก็คือ แอปสำหรับ ไรเดอร์ และ ร้านค้า ซึ่งปัจจุบันมีไรเดอร์กว่า 3 แสนราย และร้านค้าพันธมิตร 9 แสนร้านค้า นอกจากนี้ยังมีการทำ POS ให้กับร้านค้าที่มีหน้าร้าน ซึ่งอีโคซิสเต็มส์ทั้งหมดถูกดูแลโดยทีมเทคโนโลยีทั้งหมด 350 คน ซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ทีมใหญ่ ๆ ได้แก่
ปัจจุบัน 90% ของทีมเทคโนโลยีเป็นคนไทย โดย ภัทราวุธ ให้เหตุผลว่า ต้องการที่จะ ลงลึก ถึงสิ่งที่ลูกค้าไทยต้องการมากกว่า เพราะมีความเข้าใจถึงปัญหา และใกล้ชิดกับร้านค้าพันธมิตร ทำให้สามารถคัสตอมไมซ์เทคโนโลยีได้ตามความต้องการ และภายใต้ความคาดหวังของผู้บริโภคชาวไทยที่ใช้งานแพลตฟอร์มระดับโลกจนชิน ดังนั้น UX/UI ต้องใช้งานง่าย และนำเสนอสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน (Personalize)
“อย่างตอนมีโครงการคนละครึ่ง เราก็เป็นแพลตฟอร์มแรก ๆ ที่สามารถซิงก์ให้ใช้จ่ายบนแพลตฟอร์ม ซึ่งสิ่งที่ท้าทายของบริษัทเทคโนโลยีไทยคือ เทคทาเลนต์ไทยไม่ได้มีเยอะมาก แต่เราต้องแข่งกับผู้เล่นเจ้าใหญ่ ดังนั้น เราที่มีคนน้อยกว่าก็ต้องลงลึกเพื่อเอาชนะ”
นอกจาการลงลึกความต้องการคนไทยแล้ว แต่กระบวนการทำงานก็เป็นอีกส่วนที่จะทำให้ชนะผู้เล่นรายใหญ่ ซึ่งทาง LINE MAN Wongnai ได้วางเคาเจอร์ในการทำงานไว้ 2 ส่วน ได้แก่ Flat Organization คือ ไม่มีระดับขั้น ทำให้สามารถทำงานได้เร็ว และ Cross-Functional Team ทำงานสอดประสานกันในลักษณะที่สามารถแก้ปัญหาภายในได้เอง
แม้ว่าที่ผ่านมา LINE MAN Wongnai จะใช้คนไทยทำงานเป็นหลัก แต่ในการเพิ่มทีมเทคโนโลยีจากนี้ ภัทราวุธ ยอมรับว่าอาจทำให้สัดส่วนของคนต่างชาติเพิ่มเป็น 30% เพราะถึงเวลาที่บริษัทต้องดึงทาเลนต์ต่างชาติที่มีประสบการณ์ในแพลตฟอร์มระดับโลกมาร่วมงาน เพื่อให้ต่อสู้กับคู่แข่งระดับโลก
“แต่ละปีมีคนมาสมัครเทคทีมกับเราหลายหมื่นคน แต่ตอนนี้เราอยากได้คนที่มีประสบการณ์ มีความรู้เฉพาะทาง อยากได้ทาเลนต์ที่มีไมด์เซตสเกลใหญ่ เราเลยต้องไปหาคนจากต่างประเทศ เพราะเราไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพื่อให้ทีมเทคทีมเราแข็งแรงมากขึ้น”
ปัจจุบัน กลุ่มที่ขาดมากที่สุดของบริษัทคือ Platform Engineering, Data Science และ Project Manager เพราะประเทศไทยไม่ได้มีบริษัทเทคโนโลยีเยอะ ทำให้หาคนที่มีประสบการณ์ได้น้อย
ในปีนี้ ทีมเทคโนโลยีเริ่มทำงานแบบรีโมตเวิร์กกิ้ง โดยมีทีมใหม่อยู่ที่เชียงใหม่ตอนนี้มีพนักงานราว 20 คน โดยให้ทำงานที่เชียงใหม่โดยได้เงินเดือนและสวัสดิการณ์เหมือนทำงานในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ทางบริษัทก็มีทีมที่อยู่ในต่างประเทศบ้าง เช่น จีน สิงคโปร์ อินเดีย
“เรามั่นใจว่าค่าตอบแทนของเราไม่น้อยหน้าบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ และอีกสิ่งที่จะดึดงดูดทาเลนต์ต่างชาติคือ เขาจะมาเป็นเฟืองตัวใหญ่ขององค์กรเรา บางคนเขาต้องการสิ่งนี้ เขาไม่ได้อยากจะไปอยู่บริษัทใหญ่แล้วเป็นแค่เฟืองตัวเล็กในองค์กร”
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการเปิดรับนักศึกษาฝึกงานทุกปีต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี โดย ภัทราวุธ ทิ้งว่า LINE MAN Wongnai ไม่ได้อยากเป็นแค่สตาร์ทอัพใหญ่สุดในไทย แต่อยากสร้างแรงบัลดาลใจให้คนรุ่นใหม่ ๆ และอยากเป็นตัวเลือกแรกที่เขาอยากมาทำงานไม่ต้องไปต่างประเทศ ทำให้เขาเติบโตไปได้เรื่อย ๆ และสร้างอิมแพ็คให้กับสังคมได้
]]>เริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นเดือนแห่งความรักที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติก แน่นอนว่าเราคงได้เห็นหลายแบรนด์จัดโปรโมชั่นกันกระหน่ำ ตั้งแต่ต้นเดือนยาวไปจนถึงวันวาเลนไทน์ หรืออาจจะยาวไปถึงสิ้นเดือนเลยก็มี ในปีนี้ได้เห็นความพิเศษของแคมเปญหนึ่งเป็นการจับมือกันของแบรนด์ในดวงใจของใครหลายๆ คน อย่าง LINE MAN และ Tinder เกิดเป็นแคมเปญ “แปลรักฉันด้วยไลน์แมน” สามารถสร้างมิติใหม่ให้การตลาดอย่างมาก
แนวคิดของแคมเปญนี้เกิดจากความคิดที่ว่า “อาหาร” เป็นสิ่งที่สื่อถึงความรักได้ไม่แพ้ดอกไม้ที่หลายๆ คนมอบให้คนรักในวันวาเลนไทน์ เราสามารถเลือกเมนูอร่อยๆ หรือเมนูโปรด เพื่อส่งให้กับคนที่เรารักได้ ไม่ว่าจะเป็นแฟน เพื่อน หรือครอบครัว สื่อให้เห็นถึงความเอาใจใส่ ความห่วงใย และความรู้ใจได้แบบไม่ต้องเอ่ยปากพูด
ซึ่งจริงๆ แล้วแคมเปญนี้ตรงกับจริตคนไทยอย่างมาก เป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่กล้าบอกความในใจกับคนที่เรารักแบบตรงๆ แต่แคมเปญนี้ได้ LINE MAN เป็นสื่อการในการส่งมื้ออาหาร เพื่อแทนคำในใจ หรือความรักนั่นเอง
แคมเปญนี้จึงมาพร้อมกับโปรโมชั่นที่จัดเต็ม โดนใจทุกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น ขนความอร่อยจาก 200 ร้าน พร้อมแนบการ์ดวาเลนไทน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อบอกความในใจ พิเศษสุด! สำหรับคนที่กำลัง หาคนพิเศษมานั่งกินมื้ออร่อยๆ ด้วยกัน LINE MAN ควง Tinder Thailand มอบเซอร์ไพรส์แจกโค้ด Tinder Plus ให้ใช้ฟรีถึง 7 วัน มีรายละเอียด ดังนี้
กองทัพร้านอาหารกว่า 200 ร้านใน Valentine’s Collection ที่ยกทัพมาให้อิ่มเป็นคู่ด้วยโปรโมชัน 1 แถม 1 หรือส่วนลดสูงสุดกว่า 50% อาทิ Auntie Anne’s, Cold Stone Creamery, SHINKANZEN SUSHI, After You, O’s Coffee, Cafe Amazon, Starbucks, On the table, Burger King, Swensen’s, Pizza Hut, Dunkin’, Baskin Robbins, Kinza Gyoza, The Alley และ อื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากจะสั่งเมนูอาหารให้คนพิเศษแล้ว ความพิเศษอยู่ที่สามารถกดส่งการ์ดสื่อรักพร้อมข้อความบอกความในใจผ่าน LINE ต้องบอกว่าดีไซน์ของการ์ดจะเอ็กซ์คลูซีฟแค่เฉพาะช่วงวาเลนไทน์เท่านั้น จะมีข้อความน่ารักๆ เช่น รักนะ จุ๊บๆ, All I Need is You, Love at First Bite, Have a Nice Day และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากการ์ดนี้จะทำหน้าที่ในการสื่อรัก บอกความในใจแล้ว ยังสามารถติดตามสถานะการจัดส่งเมนูอาหารได้ด้วย แจ้งเตือนให้รู้ว่า “ของอร่อยกำลังไปถึงแล้วนะ”
อีกหนึ่งความพิเศษที่ต้องบอกว่าเซอร์ไพร์สมากๆ เพราะการที่ LINE MAN จับมือกับ Tinder เพื่อเป็นการตอบโจทย์คนพิเศษที่ยังไม่มีคู่ หรืออยู่ในสถานะคนเหงา อาจจะเป็นเพื่อน หรือครอบครัวก็ได้ สามารถส่งอาหาร พร้อมกับส่งโค้ด Tinder ได้ด้วย
วิธีการอยู่ที่ว่า เมื่อสั่งเมนูโปรดจาก LINE MAN เสร็จ ก็เลือกชื่อเพื่อนในแอปฯ LINE เพื่อทำการส่ง “Tinder Valentine’s Card” ซึ่งการ์ดนี้จะเหมือนกับการ์ดบอกความในใจ แต่จะซ่อนเซอร์ไพรส์ด้วยสิทธิ์รับโค้ด Tinder Plus ใช้งานได้ฟรี 7 วันสำหรับคนที่สั่งอาหาร และเพื่อนที่รับอาหาร (รับสิทธิ์ได้ 1 ครั้งต่อผู้ใช้เท่านั้น)
แค่นี้ก็ทำให้เราสามารถปัดไลก์ได้ไม่จำกัด และยังมีพาสปอร์ตให้ไปหาเพื่อนกินข้าวจากระยะไกลได้อีกต่างหาก
แคมเปญนี้สื่อให้เห็นว่า ความรักไม่ได้จำกัดอยู่แค่คำหวานๆ ช่อดอกไม้ หรือช็อกโกแลต แต่อาหารก็เป็นหนึ่งในสื่อรักได้ เราสามารถส่งเมนูโปรด เมนูอร่อยจากร้านเด็ดให้คนที่เรารักได้ เป็นการแสดงความรักได้อย่างดี คนรับก็อิ่มท้อง คนให้ก็อิ่มใจ ฟินกันไปสุดๆ
#แปลรักฉันด้วยไลน์แมน ชวนคนในทุกความสัมพันธ์มาฉลองเทศกาลแห่งความรักผ่านมื้ออร่อยได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 11-28 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น สั่งเลยที่ https://lineman.onelink.me/1N3T/f1c26183
ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ทำให้ร้านอาหารที่อยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุม ต้องมีการจำกัดการรับประทานอาหารที่ร้านหรือจำกัดเวลาเปิด-ปิด ส่งผลให้คนในพื้นที่ต้องพึ่งพาการสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากขึ้น ซึ่ง LINE MAN และ Wongnai มีประสบการณ์จากการล็อกดาวน์ครั้งแรกในปีที่ผ่านมา จึงเตรียมพร้อมเต็มที่ในการบริหารคนขับให้เพียงพอต่อยอดออเดอร์ที่พุ่งสูงในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2564
อย่างไรก็ตาม ยอดออเดอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้บางครั้งอาจมีปริมาณคนขับในพื้นที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงขอแนะนำให้สั่งอาหารในช่วงเวลาที่ไม่ใกล้กับมื้ออาหารมากเกินไป ได้แก่ ช่วงก่อน 11.00 น. และช่วง 14.00-16.00 น. เพื่อให้สั่งอาหารได้สะดวกราบรื่นมากขึ้น และแนะนำร้านอาหารให้ปรับเวลาเปิดเร็วขึ้น เช่น ปกติเปิดร้าน 11.00 น. ให้ปรับเวลาเปิดร้านเร็วขึ้นเป็น 10.00 น. เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
LINE MAN ยังคงเน้นย้ำมาตรการรับมือโควิดเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า ร้านค้า ผู้ส่งอาหาร ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น คุมเข้มความปลอดภัยของผู้ส่งอาหาร และส่งเสริมให้ลูกค้าจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์แทนการใช้เงินสด เพื่อให้ทุกคนมีความสบายใจว่าการสั่งอาหารมาส่งที่บ้านยังมีความปลอดภัยเต็มที่
ในปีที่ผ่านมา LINE MAN มีพันธมิตรร้านอาหารมากกว่า 200,000 ร้านค้าครอบคลุม 15 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร ปทุมธานี ชลบุรี อยุธยา เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต สงขลา (หาดใหญ่) ขอนแก่น อุดรธานี และสุราษฎร์ธานี
]]>ล่าสุด LINE คอร์ปอเรชั่น ประกาศเลือก ‘ยอด ชินสุภัคกุล’ ผู้ก่อตั้งวงในให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ บริษัท LINE MAN Wongnai บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างไลน์แมนและวงในแพลตฟอร์ม โดยจะมีผลในช่วงเดือนกันยายน 2563 โดย ‘ยอด’ จะรับหน้าที่บริหารจัดการธุรกิจและการปฏิบัติการต่าง ๆ ของบริษัท
“คุณยอด ชินสุภัคกุล เป็นผู้ที่เข้าใจในธุรกิจ O2O อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะด้านฟู้ดเดลิเวอรี ่LINE MAN Wongnai ภายใต้การบริหารของคุณยอด จะเป็นบริษัทที่สร้างโดยคนไทย บริหารโดยคนไทย และดำเนินงานเพื่อคนไทย ซึ่งจะสามารถสร้างสิ่งใหม่ ๆ น่าตื่นเต้นและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง” อึนจอง ลี หัวหน้าฝ่ายบริหารธุรกิจ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไลน์ พลัส คอร์ปอเรชั่น กล่าว
ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า “การผนึกกำลังของทั้งสองบริษัทในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างอีโคซิสเต็ม Online-to-offline ที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับทั้งร้านอาหารและผู้ใช้ สามารถสร้างคุณค่าให้กับทุกฝ่ายในธุรกิจ LINE MAN Wongnai เป็นบริษัทที่ก่อตั้งและบริหารโดยคนไทย ด้วยความเข้าใจเรื่องอาหารการกินของคนไทยอย่างแท้จริง เรามั่นใจว่านี่จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับเราที่จะดำเนินธุรกิจที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่คนไทย และธุรกิจไทยในประเทศไทยเช่นเดียวกัน”
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ ยอด ชินสุภัคกุล ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Wongnai ได้เคยรับตำแหน่งเป็น Support Manager ที่ Thomson Reuters ยอดจบการศึกษา MBA จาก UCLA Anderson School of Management ในปี 2010 และด้าน Computer Engineering จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2004
]]>ย้อนไปเมื่อปี 2559 LINE MAN ได้ประกาศดึงเอา Wongnai มาเป็นพันธมิตรในการขับเคลื่อนบริการ ‘ส่งอาหาร’ เนื่องจากความแข็งแรงของฐานข้อมูลร้านอาหารของ Wongnai ที่มีกว่า 4 แสนร้านทั่วไทย ดังนั้น LINE MAN ไม่จำเป็นต้องไปหาร้านอาหารเพื่อดึงมาเป็นพันธมิตรเอง ส่วน Wongnai เองก็พร้อมจะให้บริการด้าน O2O (Online-to-Offline) เชื่อมต่อบริการในชีวิตประจำวันกับผู้บริโภค ไม่ใช่แค่หาร้านอาหาร แต่สามารถสั่งผ่าน Wongnai ได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นดีลที่ Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย
แต่ดูเหมือนว่า การเป็นพันธมิตรอาจจะไม่มากพอสำหรับการเติบโตของ LINE MAN อีกต่อไป ล่าสุด LINE MAN ได้บรรลุข้อตกลงด้านเงินลงทุนมูลค่า 110 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,300 ล้านบาท) จากบริษัท BRV Capital Management (BRV) เพื่อใช้ในการควบรวมกิจการ Wongnai ทั้งนี้ เงินทุนดังกล่าวนับเป็นการรับเงินทุนครั้งแรกสำหรับธุรกิจดาวรุ่งในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศของ LINE Group ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของ LINE MAN ในประเทศไทย และความพร้อมในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในอนาคต
ปัจจุบัน LINE MAN มีผู้ใช้กว่า 3 ล้านรายต่อเดือน ผ่าน 6 บริการ ประกอบด้วย ฟู้ดเดลิเวอรี่, บริการซื้อของซูเปอร์มาร์เก็ต, แมสเซนเจอร์, ส่งพัสดุ, เรียกแท็กซี่ และบริการซื้อสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ โดยปัจจุบันมีพันธมิตรร้านอาหารมากกว่า 100,000 ร้านค้าทั่วกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด อาทิ นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี – เมืองพัทยา และ เชียงใหม่ โดยวางแผนที่จะขยายพื้นที่การให้บริการในประเทศไทยให้ครอบคลุม 15 จังหวัดภายในปีนี้
อึนจอง ลี หัวหน้าฝ่ายบริหารธุรกิจระดับโลก (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ไลน์ พลัส คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า การลงทุนในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทที่ควบรวมใหม่และต่อยอดการพัฒนาในช่วงที่ธุรกิจกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดประเทศไทย
“นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 4 ปีก่อน LINE MAN ได้เติบโตจนกลายเป็นแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่ยอดนิยมสำหรับคนไทย และนับจากนี้ เงินลงทุนที่ได้รับจาก BRV จะช่วยผลักดันให้ LINE MAN สามารถเติบโตขึ้นไปอีกขั้น”
งานนี้คงต้องจับตาดูกันไปยาว ๆ ว่าหลังจากที่ควบรวมเเล้ว LINE MAN และ Wongnai จะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหน เพราะ Wongnai เองไม่ได้เป็นเเค่เเพลตฟอร์มสำหรับหาข้อมูลและดูรีวิวร้านอาหาร แต่มีการเเตกไปยังไลฟ์สไตล์ด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน สุขภาพ, ความงาม, สอนทำอาหาร, ท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีบริษัทในเครืออย่าง Blongnone และ Brand Inside เว็บไซต์ข่าวสาร อีกทั้งยังมีระบบจัดการร้านอาหาร (Restaurant Solutions) ให้เจ้าของธุรกิจอีกด้วย
]]>ร้านอาหารยุคนี้จำเป็นต้องมีบริการเดลิเวอรี่อย่างมาก ยิ่งในช่วงวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้ร้านอาหารในห้างฯ ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ทานที่ร้านก็ไม่ได้ หลายแห่งต้องจำเป็นบุกตลาดเดลิเวอรี่มากขึ้น
ทำให้การทำครัวกลาง หรือเรียกว่าคลาวด์คิทเช่นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยอำนวยความสะดวก แถมยังประหยัดเวลาในการดำเนินการ ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้น
ก่อนหน้านี้ได้เห็น “Grab” ผุดครัวกลางที่ “สามย่าน” ไป จับโลเคชั่นฐานลูกค้าในเมือง ดึงร้านดังๆ มาไวในที่เดียว เพื่อสะดวกในการสั่ง และการจัดส่ง
โดยที่ล่าสุด LINE MAN ได้เปิดครัวกลางแล้วเช่นกัน LINE MAN Kitchen ประเดิมที่ย่าน “ปุณณวิถี” วางจุดยืนเป็นช่วยร้านอาหารข้ามเขตขยายฐานลูกค้าครอบคลุมกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก
ที่ LINE MAN Kitchen ได้รวมร้านอาหาร 13 ร้านดังที่แนะนำโดย Wongnai ได้แก่ อบอร่อยทาวน์อินทาวน์, Jamie’s Burgers, เผ็ดมาร์ค, Zuru Everyday, Ekkamai Macchiato, ก๋วยเตี๋ยวตรอกโรงหมู, บะหมี่คนแซ่ลี, ล้งเล้งลูกชิ้นปลา, NOBRAND, อีเปียยำรัชดา, ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สวนมะลิ (เจ๊เค็ง เจ๊งิ้ม), ตำยั่ว ครกยักษ์ และ Wonder Food by Andy Yang
จะเห็นได้ว่าแต่ละร้านมีโลเคชั่นที่แตกต่างกันไป แต่การนำมารวมที่ครัวกลางแห่งนี้ เป็นการช่วยร้านอาหารในการขายข้ามเขตนั่นเอง
วรานันท์ ช่วงฉ่ำ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาธุรกิจและการตลาด LINE MAN กล่าวว่า
“สำหรับ LINE MAN Kitchen ถือเป็นคลาวด์คิทเช่นแห่งแรกของ LINE MAN ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม O2O ในเมืองไทยในแง่ของการขยายฐานลูกค้าข้ามเขตโดยไม่ต้องมีหน้าร้าน เข้าถึงระบบครัวและอุปกรณ์มาตรฐานครบครันโดยไม่ต้องลงทุน เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบ และพนักงานก็ดำเนินการได้เลย ขณะที่ด้านลูกค้าสามารถสั่งได้หลายร้านในออเดอร์เดียว ได้รับอาหารเร็วยิ่งขึ้น อาหารยังคงคุณภาพสดใหม่เพราะระยะทางที่สั้นลงพร้อมกับค่าส่งที่ถูกลงเช่นกัน”
เหตุผลที่ LINE MAN เลือกปุณณวิถีเป็นโลเคชั่นแห่งแรก เพราะมองว่าเป็นทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกที่น่าจับตามองสำหรับตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ เป็นแหล่งชุมชนและคอนโดฯ สำนักงาน ตลาดสด การคมนาคมสะดวก ทั้งมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อไปอีกเรื่อยๆ ในอนาคต ประกอบกับการคัดเลือกร้านอาหารที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน LINE MAN ในโซนนี้มารวมตัวกัน
โดย LINE MAN มีแผนจะเพิ่มจำนวนร้านอาหาร และสาขาของ LINE MAN Kitchen ในอนาคต และคาดว่าจะเพิ่มยอดสั่งจากบริเวณนี้ได้ถึง 30-50 %
LINE MAN Kitchen สาขาปุณณวิถี เปิดให้บริการทุกวันในรัศมี 25 กม. ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. พร้อมส่งโปรโมชั่นลดสูงสุด 50% และ 1 แถม 1 พร้อมส่งฟรี 6 กม.แรก (เฉพาะออเดอร์จาก LINE MAN Kitchen) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 18 มิ.ย. นี้
]]>ด้วยวิกฤต COVID-19 ทำให้ร้านอาหารหลายแห่งต้องหยุดให้บริการ หรือต้องปรับรูปแบบเป็นเดลิเวอรี่ และซื้อกลับบ้านเท่านั้น ไม่สามารถทานในร้านได้ แม้ตอนนี้จะเริ่มมีการคลายล็อกในทานอาหารในร้านได้ แต่ก็ยังต้องมีมาตรการ Social Distancing อยู่
บริการเดลิเวอรี่จึงยังตอบโจทย์ในสถานการณ์ตอนนี้อยู่ ทำให้ Food Delivery ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ LINE MAN ได้เปิดแคมเปญใหม่ “เคียงข้างกันไปทุกมื้อ” เป็นการรักษาสมดุลของ Ecosystem ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ร้านอาหาร และคนขับ จะต้องอยุ่รอดไปด้วยกัน
ใจความสำคัญของแคมเปญนี้อยู่ที่การเปิดโมเดลค่าส่งใหม่ อยู่ที่ 3 กิโลเมตรแรกส่งฟรี! เพื่อกระตุ้นในการสั่งอาหารแก่ร้านอาหารใกล้ๆ บ้าน ร้านอาหารโลคอล จากเดิมที่ค่าส่งจะอยู่ที่ 5 กิโลเมตรแรก 10 บาท เป็นการเพิ่มโอกาสการรับงานของคนขับ และลูกค้าได้ราคาส่งที่ถูก
เงื่อนไขของ 3 กิโลเมตรแรกส่งฟรี สำหรับร้านที่เข้าร่วม GP ทุกประเภทร้าน ทั้งร้านธรรมดาในซอย และร้านในห้างด้วยเช่นกัน ส่วนเกิน กม.ที่ 3.01 – 6.00 คิดค่าส่ง 10 บาท และกม.ที่ 6.01 – 8 จะค่าส่ง 20 บาท ตามระยะที่เพิ่มขึ้น ถ้าระยะทางเกินกว่านี้ก็จะคิดค่าส่งตามระยะทาง
วรานันท์ ช่วงฉ่ำ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาธุรกิจและการตลาด LINE MAN เผยว่า
“แคมเปญเคียงข้างกันไปทุกมื้อ เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะสานต่อแนวคิดในการสร้างประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุลให้กับผู้มีส่วนร่วมทางธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ในเมืองไทย ทั้งลูกค้า พันธมิตรร้านอาหาร และพนักงานขับ นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมาที่หลายภาคส่วนมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่นให้ฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ จึงเป็นที่มาในการสร้างสรรค์แคมเปญระยะยาวเพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ในการยืนเคียงข้างทุกฝ่ายของ LINE MAN ในครั้งนี้”
สำหรับแคมเปญ “เคียงข้างกันไปทุกมื้อ” มาพร้อมกับ 3 แกนหลัก ได้แก่
จากฐานข้อมูลชี้ว่ามีลูกค้าที่สั่งในระยะทางใกล้มีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 LINE MAN จึงมุ่งชูโมเดลราคาใหม่ส่งฟรี 3 กม.แรก เพื่อกระตุ้นการสั่งอาหารจากร้านพันธมิตรในละแวกบ้าน ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ชลบุรี และเชียงใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในวันที่ 25 พ.ค.นี้
ดมเดลนี้จะทำให้ร้านนั้นๆ มียอดขายเพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นในหลายพื้นที่ ขณะที่ลูกค้าก็ประหยัดค่าส่ง และได้ทานอาหารขณะที่ยังร้อนๆ อยู่
ในแต่ละเดือนจะมีเมนูโปรโมชั่นเมนูโปรดกว่า 7,000 รายการ มีทั้งโปรฯ ลดสูงสุด 50%, ซื้อ 1 แถม 1 และ Exclusive Deal โปรโมชั่นสุดคุ้มเฉพาะที่ LINE MAN จากร้านแถวบ้าน, ร้าน Street Food และร้านแบรนด์ดัง
ด้วยโมเดลราคาใหม่ส่งฟรี 3 กม.แรก จะเป็นการเพิ่มโอกาสที่พนักงานขับจะได้รับงานมากขึ้นจากจำนวนออเดอร์ประจำย่านที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ LINE MAN ยังได้ร่วมกับ Lalamove ร่วมดูแลสุขอนามัยของพนักงานขับอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความมั่นใจในขณะปฏิบัติหน้าที่ อาทิฟีเจอร์ Contactless พร้อมแจกหน้ากากอนามัยแบบผ้า เจลแอลกอฮอล์ และสบู่ทำความสะอาดที่ได้รับการสนับสนุนจาก Protex แก่พนักงานขับ
]]>