ByteDance – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 24 Jun 2024 13:30:14 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ลือ! บริษัทแม่ ‘TikTok’ จับมือบริษัทในสหรัฐฯ ซุ่มพัฒนา ‘ชิปเอไอ’ https://positioningmag.com/1479462 Mon, 24 Jun 2024 07:47:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1479462 อย่างที่รู้ว่า สหรัฐฯ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นไม่ให้ จีน เข้าถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยอ้างถึง ภัยความมั่นคง อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กําลังทํางานร่วมกับบริษัทออกแบบชิปของสหรัฐฯ ผลิตชิปเอไอ

มีข่าวลือว่า ByteDance กำลังร่วมกับบริษัท Broadcom ในการพัฒนา โปรเซสเซอร์เอไอขั้นสูง โดยใช้เทคโนโลยีชิปขนาด 5 นาโนเมตร เพื่อช่วยให้บริษัทแม่ของ TikTok สามารถจัดหาชิประดับไฮเอนด์ได้เพียงพอ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยเฉพาะ ชิป 5 นาโนเมตร หรือ ชิปรวมเฉพาะแอปพลิเคชัน (ASIC) ที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออก

โดยทั้ง 2 บริษัทจะว่าจ้าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่สัญชาติไต้หวันให้เป็นผู้ผลิต ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า การที่ ByteDance กับ Broadcom ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน จะช่วยให้ ByteDance ลดต้นทุนการจัดซื้อและรับรองอุปทานชิประดับไฮเอนด์ที่มีเสถียรภาพ 

ชิปเอไอ ถือเป็นสิ่งสําคัญสําหรับ ByteDance ในการทําให้ อัลกอริธึม มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะนอกจาก TikTok และ Douyin แล้ว ByteDance ยังดําเนินการแอปยอดนิยมมากมาย รวมถึงบริการแชทบอทที่เหมือน ChatGPT ที่เรียกว่า Doubao ซึ่งมีผู้ใช้ 26 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ByteDance, Broadcom และ TSMC ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นถึงข่าวดังกล่าว

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2565 สหรัฐฯ ได้ควบคุมการส่งออกสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้นับตั้งแต่นั้น ก็ไม่มีการประกาศความร่วมมือในการพัฒนาชิปขั้นสูง หรือขนาด 5 นาโนเมตรขึ้นไป ระหว่างบริษัทจีนและสหรัฐอเมริกาอีกเลย เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการขัดขวางความก้าวหน้าด้านเอไอ และ Super Computer ที่อาจนำไปใช้โดย กองทัพจีน

Source

]]>
1479462
ยกแผง! “CapCut” – “Lemon8” อีกสองแอปฯ ดังของ ByteDance อาจโดนแบนในสหรัฐฯ ตาม TikTok https://positioningmag.com/1477227 Sat, 08 Jun 2024 06:49:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477227 หลังฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ออกกฎหมายบีบให้ปิดกิจการหรือขาย “TikTok” มีการประเมินว่าแอปฯ อื่นอาจจะโดนร่างแหจากกฎหมายนี้ไปด้วยก็ได้ เช่น “CapCut” แอปฯ ตัดต่อชื่อดัง หรือ “Lemon8” แอปฯ โซเชียลมีเดีย ที่อยู่ภายใต้บริษัท ByteDance เช่นกัน รวมไปถึงแอปฯ อีคอมเมิร์ซจีนบริษัทอื่นที่กำลังเติบโตในสหรัฐฯ เช่น Alibaba, Temu

Axios ชี้รายละเอียดร่างกฎหมายแบน TikTok ที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ที่ให้ผ่านออกมานั้น ข้อความในกฎหมายกว้างและครอบคลุมมากทีเดียว เพราะมีการระบุว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถแบนแอปพลิเคชันใดก็ได้ที่มีการควบคุมโดยหน่วยงานที่เป็นภัยจากต่างประเทศ” รวมถึงแอปฯ ที่ “ดำเนินการไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านบริษัทแม่หรือบริษัทลูกของหน่วยงานที่เป็นภัยจากต่างประเทศ”

นั่นทำให้ถ้ากฎหมายนี้ถูกบังคับใช้จริง ก็เป็นไปได้ว่าแอปฯ ที่ได้รับผลกระทบจะไม่ใช่แค่ TikTok แต่หมายถึงแอปฯ ที่อยู่ภายใต้บริษัท ByteDance ทั้งหมด

แอปฯ อื่นที่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ เช่นกันคือ “CapCut” แอปฯ ตัดต่อวิดีโอสั้นเบื้องหลังคลิปมากมายที่นำไปโพสต์ลงใน TikTok รวมถึงแอปฯ วิดีโอสั้นอื่นๆ ด้วย หากมีการแบน CapCut ก็จะกระทบครีเอเตอร์มากมายที่ใช้แอปฯ นี้เป็นหลักในการตัดต่อ

รวมถึงแอปฯ “Lemon8” แอปฯ โซเชียลคู่แข่ง Pinterest ที่นิยมมากขึ้นในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบคอนเทนต์แนวไลฟ์สไตล์และสุขภาพ ก็อาจจะโดนแบนไปด้วย

ภายใต้บริษัท ByteDance ยังมีแอปฯ อื่นที่ทำธุรกิจในสหรัฐฯ อีก เช่น “Lark” แอปฯ ที่รวมฟีเจอร์สำหรับทำงาน ทำเอกสาร แชทในออฟฟิศ หรือ “Hypic” แอปฯ สำหรับตัดต่อรูป เป็นต้น

สำนักข่าว Mashable ยังประเมินด้วยว่า ไม่ใช่แค่ ByteDance ที่จะถูกแบน แต่กฎหมายนี้อาจจะใช้ครอบคลุมบริษัทจีนอื่นด้วยก็ได้ เช่น กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba หรือ Temu

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า ByteDance จะไม่ยอมง่ายๆ และน่าจะเตรียมสู้ในทางกฎหมาย แต่ถ้าสุดท้ายแล้วแพ้คดี บริษัทอาจจะเลือกที่จะปิดกิจการไปเลยมากกว่าขายหุ้นให้กับบริษัทอื่น

Source

]]>
1477227
ByteDance ก้าวสู่โลกฮาร์ดแวร์อีกราย ปิดดีลซื้อกิจการ Oladance ผู้ผลิตหูฟังในประเทศจีน มูลค่า 1,800 ล้านบาท https://positioningmag.com/1474639 Wed, 22 May 2024 11:04:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474639 บริษัทแม่ของแอปฯ TikTok ล่าสุดได้ปิดดีลการซื้อกิจการของ Oladance ผู้ผลิตหูฟังในประเทศจีน มูลค่า 1,800 ล้านบาท โดยบริษัทสัญญาณว่าเริ่มเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์อีกราย และเตรียมนำเทคโนโลยี AI ของบริษัทเข้ามาผนวกกับหูฟัง

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok นั้นได้เข้าซื้อกิจการของ Oladance ผู้ผลิตหูฟังจากประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อย และส่งสัญญาณว่ายักษ์ใหญ่จากเทคโนโลยีจากจีนรายนี้เริ่มเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์อีกราย

แหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวได้กล่าวว่า ByteDance ได้ปิดดีลการซื้อกิจการผู้ผลิตหูฟังเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยดีลมูลค่าราวๆ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์ของบริษัทเทคโนโลยีรายนี้ด้วย

ดีลในการซื้อบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ของ ByteDance ที่ขึ้นชื่ออีกอันต้องย้อนไปเมื่อปี 2021 เมื่อบริษัทได้ปิดดีลซื้อกิจการ Pico ซึ่งเป็นผู้ผลิตแว่น VR เพื่อบริษัทจะเข้าสู่โลกดังกล่าว อย่างไรก็ดีบริษัทได้เตรียมขายธุรกิจดังกล่าวออกมาพร้อมกับธุรกิจเกมของบริษัท

สำหรับ Oladance นั้นเป็นผู้ผลิตหูฟังในประเทศจีน มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเซินเจิ้น ก่อตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้วโดยอดีตวิศวกรของ Bose บริษัทที่ผลิตหูฟังหรือลำโพงชื่อดัง และผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นมีขายในประเทศไทยผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่เน้นพัฒนาในด้านซอฟต์แวร์เองได้สนใจเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Meta ที่เน้นไปยังเทคโนโลยี VR หรือ Metaverse หรือแม้แต่ Snap เองที่เน้นไปยังการพัฒนาแว่นตาไฮเทค ซึ่งหลายบริษัท

นอกจากนี้ยังรวมถึงเหตุผลของการเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นทำให้ ByteDance ต้องการนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าไปผนวกกับฮาร์ดแวร์เพิ่มมากขึ้น เพื่อขยายธุรกิจของบริษัท ซึ่งผู้ผลิตหูฟังรายดังกล่าวอยู่ในแผนการของบริษัท

]]>
1474639
ยอมหัก! ‘ByteDance’ ลั่น ยอมปิด ‘TikTok’ ในสหรัฐฯ แต่จะไม่ขายเด็ดขาด https://positioningmag.com/1471337 Mon, 29 Apr 2024 02:15:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471337 หลังจากที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ได้กําหนดเส้นตาย 9 เดือน ให้ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ขายหรือปิดแพลตฟอร์ม เนื่องจากเชื่อว่ารัฐบาลจีนสามารถใช้ TikTok ในการจารกรรมข้อมูลและการโฆษณาชวนเชื่อตราบเท่าที่ ByteDance เป็นเจ้าของ

โดยเว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีสหรัฐฯ อย่าง The Information ได้ออกมารายงานว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กําลังวางแผนขายแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ ทิ้ง แต่จะไม่มีอัลกอริทึมที่ช่วยแนะนําวิดีโอให้กับผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ByteDance ก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงที่บริษัทกําลังพิจารณาที่จะขาย TikTok 

“สื่อต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับ ByteDance ว่าจะขาย TikTok นั้นไม่เป็นความจริง บริษัทไม่มีแผนที่จะขาย” บริษัทโพสต์บน Toutiao

TikTok ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกเพ่งเล็งมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็แบนไม่สำเร็จ ขณะที่ TikTok เองก็ยืนยันว่าไม่ได้มีการนำส่งข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ให้กับรัฐบาลจีน นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังได้ใช้เงินไปประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ใน “Project Texas” ซึ่งจะเก็บข้อมูลผู้ใช้ของสหรัฐฯ ไว้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok กล่าวว่า บริษัทจะต่อสู้กับกฎหมายใหม่ต่อศาล โดยมองว่าข้อกฎหมายดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนได้คัดค้านการบังคับขาย TikTok โดยกล่าวว่า พร้อมจะใช้มาตรการที่จําเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องบริษัทจีน

ปัจจุบัน TikTok ถูกประเมินว่ามีมูลค่าสูงหลายหมื่นล้านดอลลาร์ และบริษัทที่พอจะซื้อไหวก็มีแต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่น Meta และ Google แต่ก็มีแนวโน้มที่จะถูกสกัดไม่ให้ซื้อ เนื่องจากข้อกังวลด้านการแข่งขัน

นอกจากนี้ นักลงทุนจํานวนมากถือว่าอัลกอริทึมการแนะนําของ TikTok เป็นคุณสมบัติที่มีค่าที่สุด แต่การขายเทคโนโลยีดังกล่าวโดยบริษัทจีนจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีน ซึ่งกําหนดอัลกอริทึมดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการคุ้มครอง หลังจากความพยายามของทรัมป์ที่จะแบน TikTok ในปี 2020

ทั้งนี้ ByteDance มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีค่าที่สุดในโลก แต่ Mitchell Green นักลงทุนของ ByteDance จาก Lead Edge Capital ในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า  TikTok U.S. ถือเป็น ส่วนเล็ก ๆ ของธุรกิจโดยรวม และถ้า TikTok ในสหรัฐฯ โดนแบน บริษัทแม่ก็จะไม่ขาย

จากข้อมูลของ TikTok ผู้ก่อตั้งชาวจีนของ ByteDance เป็นเจ้าของหุ้น 20% ผ่านสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ประมาณ 60% เป็นเจ้าของโดยนักลงทุนสถาบัน รวมถึงบริษัทการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐฯ Carlyle Group, General Atlantic และ Susquehanna International Group ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นเจ้าของโดยพนักงานทั่วโลก และสมาชิกคณะกรรมการ 3 ใน 5 คนของ ByteDance เป็นชาวอเมริกัน

Source

]]>
1471337
TikTok เตรียมสู้ทางกฎหมาย ย้ำถึงเรื่องเสรีภาพ หลังสภาสหรัฐฯ บีบให้ ByteDance ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี https://positioningmag.com/1470572 Mon, 22 Apr 2024 08:16:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470572 TikTok ออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงการเหยียบย่ำเสรีภาพ กระทบผู้ใช้งานชาวอเมริกัน 170 ล้านคน หลังจากที่สภาได้ไฟเขียวบีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี หรือไม่ก็ถูกแบน ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าไม่ได้มีรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐถือหุ้นหรือถูกควบคุมแต่อย่างใด

TikTok ได้เตือนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่สภาสหรัฐฯ ได้บีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นให้ขายกิจการภายใน 1 ปี ไม่งั้นแล้วจะถูกแบน โดยมองว่ากฎหมายดังกล่าวขัดกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกัน

โฆษกของ TikTok ได้ออกมาประณามร่างกฎหมายนี้ โดยกล่าวว่า ข้อกฎหมายดังกล่าวเหยียบย่ำเสรีภาพทางความคิดของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน ซึ่งบริษัทมองว่าเรื่องดังกล่าวนั้นสร้างผลกระทบต่อเสรีภาพของประชาชน ทำลาย 7 ล้านธุรกิจในสหรัฐอเมิกา และถือเป็นการปิดแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ TikTok ยังได้ยืนยันว่าบริษัทไม่เคยเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาให้กับรัฐบาลจีนแต่อย่างใด และข้อมูลของผู้ใช้งานนั้นก็ถูกเก็บไว้ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่บริษัทได้จับมือกับ Oracle ในการใช้บริการคลาวด์เพื่อเก็บข้อมูลดังกล่าว

ไม่เพียงเท่านี้โฆษกของ TikTok เองยังได้กล่าวว่า ByteDance ไม่ได้มีเจ้าของหรือถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ

สำหรับข้อกฎหมายดังกล่าวได้บีบให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมา หรือไม่ก็ถูกแบน ซึ่ง ส.ส. ของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเองต่างเห็นพ้องต้องกันในการออกข้อกฎหมายดังกล่าว โดยมองถึงเรื่องความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีกฎหมายดังกล่าวได้แก้ไขโดยยืดเวลาให้เป็น 1 ปี จากเดิมซึ่งใช้เวลา 6 เดือน

ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Shou Chew ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวว่าบริษัทจะต่อสู้ทางกฎหมายในเรื่องดังกล่าว โดยมองว่าข้อกฎหมายดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา

ถ้าหากกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านวุฒิสภาสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ก็อาจทำให้ ByteDance เหลือเวลาตัดสินใจเพียงแค่ 9 เดือนเท่านั้นว่าจะขาย TikTok ออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ดีถ้าหากคดีดังกล่าวขึ้นศาลแล้วนั้นผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าคดีความจะสิ้นสุด

ที่มา – BBC, CBS News, Reuters, CNN

]]>
1470572
กำไร ‘ByteDance’ บริษัทแม่ ‘TikTok’ โต 60% แซงหน้า Tencent และ Alibaba Group หลังเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซเต็มตัว https://positioningmag.com/1469860 Wed, 10 Apr 2024 14:10:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469860 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะตกต่ำ แต่ ByteDance บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นและอีคอมเมิร์ซอย่าง TikTok ก็สามารถทำกำไรเติบโตถึง 60% แซงหน้าการเติบโตของบริษัทคู่แข่งอย่าง Tencent Holdings Ltd. และ Alibaba Group

กำไรของ ByteDance ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ จากประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2565 ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมแตะ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ จาก 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2565

จากการเติบโตของรายได้และกำไร ทำให้มีการประเมินว่า ByteDance กลายเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา และถือเป็นครั้งแรกที่ ByteDance ทำกำไรแซงหน้า Tencent คู่แข่งของบริษัททั้งในด้านรายได้และผลกำไร เนื่องจากบริษัทได้ใช้ประโยชน์จากความนิยมของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok และ Douyin เพื่อขยายไปสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลก

ทั้งนี้ ในตลาดจีน ByteDance ได้เปลี่ยน Douyin กำลังเปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่คล้ายกับ WeChat ของ Tencent โดยมีฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ และสั่งอาหารออนไลน์ ส่วนในตลาดต่างประเทศ บริษัทก็ประสบความสำเร็จกับการเปิด TikTok Shop ในตลาดต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ใหม่ ๆ นอกเหนือจากการตลาดดิจิทัล

ไม่ใช่แค่รายได้ใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา แต่บริษัทก็ได้ลดตำแหน่งงานหลายร้อยตำแหน่งจาส่วนของการพัฒนาเกมและซอฟต์แวร์ระดับองค์กร และทุ่มการลงทุนที่เทคโนโลยี generative AI แทน โดยสร้างแชทบอทของตัวเองและโมเดลภาษาขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม TikTok กำลังเผชิญกับวิกฤติในตลาดสหรัฐฯ ที่ถือเป็นตลาดที่สร้างกำไรให้มากที่สุด เนื่องจากในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อแบน TikTok เว้นแต่ ByteDance จะแพลตฟอร์ม TikTok ทิ้ง

Source

]]>
1469860
สภาสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมาภายใน 6 เดือน ถ้าไม่ทำตามมีโทษแบน https://positioningmag.com/1466177 Wed, 13 Mar 2024 17:37:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466177 สภาล่างของสหรัฐอเมริกา มีมติเอกฉันท์ในการออกข้อกฎหมายโดยให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ต้องแยกกิจการออกมาเพื่อขายต่อ โดยมีระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน ถ้าไม่ทำตามมีโทษแบน อย่างไรก็ดีในการออกข้อกฎหมายนั้นยังต้องผ่านวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนว่าข้อกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาหรือไม่

สภาล่างของสหรัฐอเมริกา มีมติ 352 ต่อ 65 ในการออกข้อกฎหมายโดยให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok นั้นต้องแยกกิจการออกมาเพื่อขายต่อ โดยมีระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน และถ้าหากไม่ทำตามภายในระยะเวลาที่กำหนดก็จะทำให้แอปพลิเคชันดังกล่าวถูกแบนในทันที

เสียงของ ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นทั้งพรรคเดโมแครต 155 เสียง และพรรครีพับลิกัน 197 เสียงต่างเห็นด้วยกับร่างดังกล่าว และคะแนนโหวตยังผ่านขั้นต่ำที่ 2 ใน 3 ของสมาชิกสภาทั้งหมดอีกด้วย แม้ว่าคำสั่งดังกล่าวจะถูกกลุ่มผู้ใช้งาน TikTok ล็อบบี้ หรือแม้แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแบนแอปพลิเคชันดังกล่าวก็ตาม

สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการออกคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมาเนื่องจากระบบของ TikTok นั้นมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประชาชนชาวสหรัฐฯ​ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเรื่องภัยความมั่นคง

และยังมีกรณีที่พนักงานของ ByteDance ในประเทศจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานในทวีปยุโรป หรือแม้แต่นักข่าวในสหรัฐอเมริกาอย่าง Forbes รวมถึงอังกฤษอย่าง Financial Times ทำให้มีความกังวลถึงสิทธิของผู้ใช้งาน

ขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าวถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของสภาสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อประเด็นด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับจีน เนื่องจากตัวกฎหมายความมั่งคงของจีนนั้นกำหนดให้บริษัทเอกชนจะต้องทำตามนโยบายด้านความมั่งคงของจีน ซึ่งอาจมีการขอข้อมูลของผู้ใช้งานต่างๆ ทำให้เกิดความกังวลในประเด็นดังกล่าวเพิ่มขึ้น

คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการของ FBI ได้กล่าวกับคณะกรรมการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจีนอาจใช้ช่องโหว่ด้านซอฟต์แวร์ของ TikTok เพื่อเข้าถึงชาวอเมริกัน และชาวอเมริกันต้องถามตัวเองว่าพวกเขาต้องการให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของตนได้หรือไม่

ก่อนที่จะมีการไฟเขียวกับร่างดังกล่าว ในเดือนมีนาคมของปี 2023 ที่ผ่านมา Shou Zi Chew ซึ่งเป็น CEO ของ TikTok ได้ขึ้นให้การกับสภาคองเกรส และยังมีการออกคลิปวิดีโอแสดงถึงความสำคัญของ TikTok ว่าสร้างความบันเทิง และภาคธุรกิจในสหรัฐฯ ได้ใช้งานแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ มากกว่า 150 ล้านคน

ถ้าหาก ByteDance ไม่มีการขายกิจการ TikTok และมีการแบนเกิดขึ้นจริง สหรัฐฯ ก็จะเป็นอีก 1 ประเทศที่มีการแบนแอปพลิเคชันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เนปาลได้ประกาศแบนแอปพลิเคชันดังกล่าว เนื่องจากเนื้อหาเป็นอันตรายต่อความสามัคคีในสังคมมาแล้ว

ในส่วนของ หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนมองว่าการแบน TikTok ถือเป็น “การกลั่นแกล้ง” และยังชี้ว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลย้อนกลับต่อสหรัฐอเมริกาเองหลังจากนี้

อย่างไรก็ดีในการออกข้อกฎหมายนั้นยังต้องผ่านวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนว่าข้อกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ และยังรวมถึงมีความเสี่ยงจากการยื่นฟ้องผ่านศาลว่าร่างดังกล่าวขัดกับข้อกฎหมายของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ด้วย

ที่มา – CNN, ABC News, CBS News

]]>
1466177
ลดแลกแจกแถม! ‘ByteDance’ บริษัทแม่ TikTok กำลังเจรจาขายธุรกิจเกมให้ ‘Tencent’ แม้มูลค่าจะลดลง https://positioningmag.com/1458184 Wed, 10 Jan 2024 08:05:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458184 หลังจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีข่าวว่า ByteDance บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มดัง TikTok ได้ยอมแพ้ในการปั้น ธุรกิจเกม โดยมีการปลดพนักงานนับพันคน ล่าสุด บริษัทก็ยืนยันว่ากำลังเจรจากับ Tencent บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ของจีน เพื่อขายบริษัทเกมให้

ByteDance ได้ออกมายืนยันว่า บริษัทกําลังเจรจากับผู้ซื้อที่มีศักยภาพหลายรายสําหรับ ธุรกิจวิดีโอเกม และหนึ่งในบริษัทที่กำลังเจรจาคือ Tencent Holdings บริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลกจริง โดย ByteDance ยอม ลดมูลค่าของสตูดิโอเกมที่จะขาย หลังจากที่เคยใช้เงินลงทุนมากกว่า 100 ล้านหยวน (14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการพัฒนาเกมต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ตัวแทนบริษัทเปิดเผยว่า ByteDance ยังไม่บรรลุข้อตกลงกับ Tencent

ย้อนไปในเดือนพฤศจิกายน South China Morning Post ได้รายงานว่า ByteDance ได้กล่าวกับพนักงานว่า จะยกโครงการเกมส่วนใหญ่ที่ยังไม่ได้เผยแพร่ และขายลิขสิทธิ์อย่างน้อยสองเกม ได้แก่ Crystal of Atlan และ Earth: Revival นอกจากนี้ บริษัทยังเริ่มเลิกจ้างที่กลุ่มธุรกิจเกมซึ่งมีพนักงานเกือบ 2,000 คน แม้ว่าจํานวนพนัก งานที่ได้รับผลกระทบที่แน่นอนจะไม่ชัดเจน เพราะมีพนักงานบางส่วนที่ต้องการอยู่ที่ ByteDance โดยอาจจะย้ายไปยังทีมอื่นได้

แม้จะมีความสําเร็จอย่างมากกับแอปวิดีโอสั้น TikTok และ Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน) แต่ ByteDance ก็ล้มเหลวในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนด้านเกม บริษัทใช้เงินประมาณ 3 หมื่นล้านหยวนในการเข้าซื้อกิจการวิดีโอเกมและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสตูดิโอมากกว่า 20 แห่งระหว่างปี 2019 ถึง 2022 โดย Niko Partners ที่ปรึกษาอุตสาหกรรมเกม เปิดเผยว่า สัดส่วนรายได้จากเกมของ ByteDance มีไม่ถึง 1% จากรายได้รวม

ขณะที่ Yan Shou หัวหน้าหน่วยเกมของ ByteDance ได้กล่าวว่า Zhang Yiming ผู้ก่อตั้งบริษัท ซึ่งลาออกจากตําแหน่งประธานและซีอีโอในปี 2021 ไม่เคยเป็นคนที่ชื่นชอบวิดีโอเกมก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด โดยเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพการงานของเขาในการลงทุนเชิงกลยุทธ์และจ้างคนหลายคนที่มีพื้นฐานการให้คําปรึกษาและกลยุทธ์เพื่อช่วยเขาบริหารหน่วยเกม และเขาก็เริ่มหมดความอดทนกับการพัฒนาที่ช้า โดยเขากล่าวว่า สตูดิโอ Moonton ของบริษัทยังไม่เติบโตแม้จะเพิ่มจํานวนพนักงานเป็นสองเท่า

Source

]]>
1458184
ByteDance ยกธงขาวธุรกิจเกม เตรียมปิด ‘Nuverse’ บริษัทพัฒนาเกมในเครือ พร้อมโละพนักงานเกือบ 1 พันคน https://positioningmag.com/1453655 Tue, 28 Nov 2023 06:45:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453655 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นชื่อดังได้เข้าซื้อสตูดิโอเกมมือถือ เพื่อวางแผนเข้าสู่วงการเกมอย่างจริงจัง แต่ล่าสุด บริษัทก็มีได้เตรียมโละพนักงานเกือบ 1 พันคน ที่อยู่ในแผนกเกม เพื่อปรับโครงสร้างใหม่

ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เตรียมปิด Nuverse บริษัทลูกที่ทำหน้าที่พัฒนาเกมทิ้ง รวมถึงจะ เลิกจ้างงาน 1 พันตำแหน่ง โดยจากนี้ ByteDance จะประกาศให้พนักงานเลิกพัฒนาเกมที่ยังสร้างไม่เสร็จ และอาจขายเกมที่มีอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย

หลายคนมองว่า สาเหตุที่ ByteDance ล่าถอยออกจากตลาดเกม เป็นเพราะในช่วง 2-3 ปีมานี้ รัฐบาลจีนได้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดกับอุตสาหกรรม ทั้งจากฝั่งของผู้เล่นและผู้ผลิต แม้ว่าปัจจุบันมาตรการต่าง ๆ จะผ่อนคลายขึ้น แต่อุตสาหกรรมเกมก็ไม่ได้เติบโตพีคเหมือนช่วงโควิด ที่คนมีเวลาเล่นเกมมากขึ้น เนื่องจากอยู่แต่บ้าน

ขณะที่การจะประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเกมนั้นยาก เพราะต้องอาศัยบริษัทที่สร้างกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทจึงเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักอย่างแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น TikTok และ Douyin

“เราตรวจสอบธุรกิจของเราเป็นประจำและทำการปรับเปลี่ยนเพื่อมุ่งเน้นไปที่การเติบโตเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว หลังจากการทบทวนล่าสุด เราได้ทำการตัดสินใจที่ยากลำบากในการปรับโครงสร้างธุรกิจเกมของเรา” ByteDance กล่าว

ที่ผ่านมา ByteDance ได้ลงทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับการสร้างเกม อย่างในปี 2021 บริษัทได้ทุ่มเงินถึง 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อ Moonton สตูดิโอเกมมือถือรายใหญ่ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความทะเยอทะยานของบริษัทที่จะชนผู้นำตลาดเกมในจีนอย่าง Tencent และ NetEase แต่ปัจจุบัน บริษัทกำลังหาทางที่จะ ขาย Moonton ทิ้ง

Source

]]>
1453655
รายได้ของ ByteDance ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าคู่แข่งอย่าง Tencent ไปแล้ว https://positioningmag.com/1452743 Wed, 22 Nov 2023 03:49:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452743 ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ได้รายงานรายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2023 ให้กับนักลงทุนในวงจำกัด โดยล่าสุดบริษัทมีรายได้ถึง 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแซงหน้าคู่แข่งอย่าง Tencent ไปแล้ว และรายได้ดังกล่าวยังตามหลัง Meta อยู่ไม่มาก

The Information รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ByteDance บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปี 2023 ซึ่งมีรายได้รวมถึง 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตมากถึง 40% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ของ ByteDance เติบโตก็คือรายได้จากโฆษณา รวมถึงรายได้จากธุรกิจ E-commerce โดยรายได้ในประเทศจีนยังคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 80% ของรายได้รวม ในส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นรายได้จากนอกประเทศจีน

โดยรายได้ของ ByteDance ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นใกล้เคียงกับ Meta ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมอย่าง Facebook และ Instagram ซึ่งมีรายได้รวมที่ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว

ตัวเลขรายได้ในไตรมาส 2 ดังกล่าวของ ByteDance ยังแซงยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Tencent ไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถแซงรายได้ของ Alibaba ไปได้

อย่างไรก็ดีบริษัทได้รายงานถึงรายได้ในประเทศจีนให้กับนักลงทุนมาแล้วในปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งรายได้ในประเทศจีนของบริษัทนั้นเติบโตช้าลง ทำให้บริษัทเริ่มรุกธุรกิจนอกประเทศจีนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผนการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย

อย่างไรก็ดีความท้าทายของ ByteDance คือการเข้ามาควบคุมแพลตฟอร์มจากรัฐบาลหลายๆ ประเทศที่เข้มงวดมากขึ้น หรือแม้แต่การแบน TikTok ที่ล่าสุดประเทศอย่างเนปาล ได้ประกาศแบนแพลตฟอร์มดังกล่าว ตามหลังอินเดีย โดยให้เหตุผลถึงเนื้อหาเป็นอันตรายต่อความสามัคคีในสังคม 

]]>
1452743