ByteDance – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 21 Jan 2025 01:50:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 พร้อมเสียบ! ‘Meta’ เปิดตัว ‘Edits’ แอปฯ ตัดต่อวิดีโอใหม่คล้าย ‘CapCut’ ของ ‘TikTok’ https://positioningmag.com/1506992 Mon, 20 Jan 2025 07:31:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1506992 อย่างที่หลายคนรู้ว่า TikTok ได้ถูกแบนในสหรัฐฯ และมีการประเมินว่าแอปฯ อื่นอาจจะโดนร่างแหจากกฎหมายนี้ไปด้วยก็ได้ เช่น CapCut แอปฯ ตัดต่อชื่อดัง ที่อยู่ภายใต้บริษัท ByteDance เช่นกัน

แม้ว่า TikTok ในตลาดสหรัฐฯ จะถูกแบนเป็นเวลาสั้น ๆ ในวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนจะกลับมาให้บริการตามปกติ หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันจันทร์ หลังการเข้ารับตำแหน่ง เพื่อชะลอการแบนแอปฯ ดังกล่าวจากรัฐบาลกลาง ตามที่เขาโพสต์ลงบน Truth Sociai โซเชียลมีเดียของเจ้าตัว

อย่างไรก็ตาม อนาคตของบริษัทก็ยังไม่ชัดเจนภายใต้กฎหมายในปัจจุบัน รวมไปถึงอีก 2 แพลตฟอร์มอย่าง CapCut และ Lemon8 ที่มีเจ้าของคนเดียวกันก็คือ บริษัท ByteDance 

แต่ถึงจะแบนหรือไม่แบน เจ้าพ่อโซเชียลฯ อย่าง Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ก็ชิงโอกาสเปิดตัวฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโอ Edits เพื่อมาชนหรือแทนที่ CapCut หากถูกแบน

Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Edits ผ่าน Threads ว่า แอปฯ ดังกล่าวออกแบบมาเพื่อ คนที่ถนัดการตัดต่อวิดีโอบนมือถือ โดยมีจุดเด่น ดังนี้ 

  • สามารถบันทึกคลิปสูงสุด 10 นาที และสามารถตัดต่อได้ทันที
  • สามารถส่งออกและแชร์ไปแพลตฟอร์มไหนก็ได้โดยไม่มีลายน้ำ
  • มีเครื่องมือให้ใช้ตัดต่อครบ
  • สามารถติดตามประสิทธิภาพของ Reels ผ่านแดชบอร์ดข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Edits จะสามารถดาวน์โหลดได้บน App Store แต่จะยัง ใช้งานไม่ได้ โดยจะใช้งานได้ในเดือน กุมภาพันธ์

ทั้งนี้ ตั้งแต่ที่ TikTok มีข่าวว่าจะโดนแบนในสหรัฐฯ ผู้ใช้งานหลายคนเริ่มมองหาแพลตฟอร์มใหม่เพื่อใช้แทน เช่น เรดโน้ต (RedNote) หรือ เสี่ยวหงชู (Xiaohongshu) ดังนั้น การที่ Meta เพิ่มแอปฯ ใหม่อย่าง Edits ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้คนกลับมาใช้ Instagram เสมอไป

Source

]]>
1506992
ต้องเตรียมเงินไว้เยอะหน่อย! ประเมินราคา ‘TikTok’ ในสหรัฐฯ อาจแตะ 1.75 ล้านล้านบาท หาก ByteDance ขาย https://positioningmag.com/1506674 Thu, 16 Jan 2025 12:25:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1506674 ใกล้ถึงเส้นตายชี้ชะตาแพลตฟอร์ม TikTok ในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคมนี้ ว่าทาง ByteDance จะเลือก ปิด หรือ ขาย แพลตฟอร์มให้กับบริษัทสหรัฐฯ ซึ่งก็มีการประเมินว่า มูลค่าการซื้อขายแพลตฟอร์มจะสูงแตะ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.75 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

อย่างที่รู้กันว่า TikTok กำลังเผชิญกับการแบนที่ในตลาดสหรัฐอเมริกา หากศาลฎีกาตัดสินใจบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งวันที่ 19 มกราคมที่จะถึงนี้จะเป็นวันตัดสินชะตา ดังนั้น อีกทางเลือกของ ByteDance ที่จะไม่ยอมปิด TikTok ไปโดยไม่ได้อะไร อาจตัดสินใจขายแพลตฟอร์มให้บริษัทสัญชาติอเมริกัน

แม้ว่าปัจจุบัน ทาง ByteDance ยังไม่ได้ระบุว่าจะขายให้บริษัทไหนในสหรัฐฯ แต่ รัฐบาลจีน ได้พิจารณาแผนที่จะให้มหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าของ Tesla และ X เข้าซื้อกิจการดังกล่าว ตามที่ Bloomberg  รายงาน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่คิดจะซื้อ TikTok ก็ต้องอาจเตรียมเงินไว้มหาศาลพอสมควร โดย Angelo Zino รองประธานอาวุโสของ CFRA Research ประเมินว่า หาก ByteDance ตัดสินใจขาย ผู้ซื้อที่อาจต้องเตรียมเงินไว้ราว ๆ 40,000 – 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4-1.75 ล้านล้านบาท) โดยอ้างอิงจากการประมาณการฐานผู้ใช้และรายได้ของ TikTok ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเปรียบเทียบกับแอปคู่แข่ง

จากการประเมินของบริษัทวิเคราะห์ตลาด Sensor Tower คาดว่า ปัจจุบัน TikTok มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ประมาณ 115 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งน้อยกว่า Instagram เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence กลับมองว่า มูลค่าของ TikTok ในสหรัฐฯ อาจจะอยู่ที่ 30,000-35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 – 1.2 ล้านล้านบาท) เนื่องจากเป็นการ ขายโดยบังคับ นอกจากนี้ บริษัทที่เข้าซื้อ TikTok อาจต้องเผชิญการตรวจสอบด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทาย นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ผู้ซื้อขยายธุรกิจโฆษณาของ TikTok ได้ยากอีกด้วย

ที่ผ่านมา กลุ่มนักธุรกิจรวมถึงมหาเศรษฐี แฟรงก์ แม็คคอร์ต และ เควิน โอเลียรี ประธานบริษัท O’Leary Ventures ได้เคยยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อ TikTok จาก ByteDance ในราคาถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่ต้องใช้อัลกอริทึมของ TikTok

ก็คงต้องรอดูบทสรุปของ TikTok ในวันที่ 19 มกราคมนี้ ว่าจะถูกแบนหรือถูกขาย หรืออาจจะยังดำเนินธุรกิจได้ต่อไป เพราะได้รัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนล่าสุด ที่เคยประกาศไว้แล้วว่าจะไม่แบน TikTok

Source

]]>
1506674
มาใหม่อีกหนึ่ง! รู้จักแพลตฟอร์ม ‘Xiaohongshu’ ที่ชาวเมกันหวังใช้แทน ‘TikTok’ หากถูกแบน https://positioningmag.com/1506373 Tue, 14 Jan 2025 04:30:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1506373 ในช่วงต้นปี จู่ ๆ แพลตฟอร์ม Lemon8 ก็ถูกดาวน์โหลดเป็นอันดับ 1 บน App store โดยหลายคนมองว่าเป็นเพราะจะใช้แทน TikTok ที่จ่อโดนแบบในสหรัฐฯ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า Lemon8 ก็มี ByteDance เป็นเจ้าของ ทำให้อาจถูกแบนได้เหมือนกัน จนล่าสุดชาวอเมริกันก็ค้นพบตัวแทนใหม่อย่าง Xiaohongshu

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจาก จีน อย่าง Xiaohongshu (เสี่ยว ฮง ซู) หรือชื่อสากลอย่าง RedNote ได้มียอดดาวน์โหลดพุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับสูงสุดของ App Store ตามมาด้วยแพลตฟอร์ม Lemon8 เนื่องจากผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ กำลังมองหา ทางเลือกอื่น หาก TikTok โดนแบน ซึ่งจะมีการตัดสินวันที่ 19 มกราคมนี้

อย่างไรก็ตาม บรรดาครีเอเตอร์ของ TikTok บางรายกำลังดำเนินการแผนฉุกเฉินโดยการย้ายไปยังแพลตฟอร์ม RedNote อาทิ allieusyaps ที่โพสต์ว่า แม้ TikTok จะถูกแบนในสหรัฐอเมริกา แต่เขาและครีเอเตอร์รายอื่น ๆ จะไม่กลับไปที่ Instagram และ Facebook เนื่องจากพวกเขาเข้าร่วมกับ RedNote แล้ว นอกจากนี้ มีผู้ใช้อย่าง Krystan Walmsley ที่เริ่มโพสต์วิดีโอสั้นสอนผู้คนเกี่ยวกับการตั้งค่าและตกแต่งบัญชี RedNote ของพวกเขา

สำหรับ Xiaohongshu ถือกำเนิดขึ้นในปี 2013 โดยเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแนว ไลฟ์สไตล์ผสมกับอีคอมเมิร์ซ ยอดนิยมของชาว Gen Z จีน โดยมีจำนวนผู้ใช้กว่า 300 ล้านคน ซึ่ง Xiaohongshu ถือเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Alibaba และ Douyin หรือก็คือ TikTok เวอร์ชั่นประเทศจีนของ ByteDance และ Xiaohongshu ก็ถือเป็น แรงบัลดาลใจสำคัญ ที่ทำให้ ByteDance พัฒนาแพลตฟอร์ม Lemon8 ออกมา

จุดเด่นของ Xiaohongshu คือ ผู้ใช้สามารถแชร์วิดีโอสั้น ๆ และรูปภาพเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟชั่น ความงาม อาหาร การเดินทาง ซึ่งเหมาะกับการใช้ ป้ายยา ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ใช้มักจะค้นหารีวิวและ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการจาก KOLs

ปัจจุบัน Xiaohongshu มีมูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากระดมทุนในเดือนกรกฎาคมจากนักลงทุน เช่น Boyu Capital และ HongShan Capital Group ซึ่งเคยเป็นแผนกการลงทุนในจีนของ Sequoia Capital ตามข้อมูลของ PitchBook โดยระดมทุนได้ทั้งหมดกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีพนักงานมากกว่า 2,000 คน  

Source

]]>
1506373
รู้จัก ‘Lemon8’ แพลตฟอร์มโซเชียลเจ้าของเดียวกับ ‘TikTok’ ที่พึ่งขึ้นแท่นแอปอันดับ 1 บน App Store https://positioningmag.com/1505519 Thu, 09 Jan 2025 02:23:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1505519 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา TikTok ถือว่าแพลตฟอร์มที่ร้อนแรงที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า บริษัทแม่อย่าง ByteDance ก็ได้ออกอีกแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง Lemon8 มาลุยตลาดโลก และล่าสุดก็ขึ้นแท่นเป็นแอปฟรีที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดบน App Store ของ Apple

รู้จัก Lemon8

Lemon8 (เลมอนเอท) เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่พัฒนาโดย Heliophilia ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ByteDance หรือก็คือเจ้าของเดียวกันกับ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นสุดฮิตที่มาเขย่าโลกโซเชียลมีเดีย

อย่างไรก็ตาม Lemon8 ไม่ใช่แพลตฟอร์มใหม่อะไร เพราะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020 โดยในช่วงแรกแพลตฟอร์มจะเน้นทำตลาดในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก โดยประเทศที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ญี่ปุ่น และไทย จากนั้นในปี 2023 ก็ได้เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ โดยมียอดติดตั้งแอปพลิเคชันสูงสุดถึง 650,000 ครั้งต่อสัปดาห์

จนมาช่วงกลางปี 2024 แพลตฟอร์ม Lemon8 ในสหรัฐฯ ก็เติบโตถึง 340% มีการดาวน์โหลดกว่า 12 ล้านครั้ง และเมื่อสัปดาห์แรกของปี 2025 แพลตฟอร์ม Lemon8 ก็ขึ้นแท่นเป็นแอปพลิเคชันฟรีที่มียอดดาวน์โหลดอันดับ 1 ของ App Store

Lemon8 ใช้งานอย่างไร

หากพูดถึงการใช้งาน Lemon8 จะคล้าย ๆ กับ XiaohongShu โซเชียลมีเดียของจีนที่มีผู้ใช้กว่า 300 ล้านคน ซึ่งก็จะคล้าย ๆ Instagram ผสมกับ Pinterest โดยจะเป็นแพลตฟอร์มสายไลฟ์สไตล์ ให้ผู้ใช้ได้ ป้ายยา หรือ รีวิว เรื่องราวหรือสินค้าต่าง ๆ ผ่านข้อความ รูปภาพ และวิดีโอสั้น ๆ ตามหมวดหมู่ที่แพลตฟอร์มแยกไว้ ไม่ว่าจะเป็นความงาม แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และที่เที่ยว เป็นต้น

โดยจุดเด่นของแพลตฟอร์ม Lemon8 ก็คือ เทมเพลต ฟิลเตอร์ แบบตัวอักษร ที่ผู้ใช้สามารถหยิบจับมาตกแต่งดัดแปลง เพื่อสร้างสรรค์โพสต์ดูน่าสนใจ และเป็นไปในสไตล์ที่ผู้ใช้ต้องการ คล้าย ๆ กับการออกแบบปกนิตยสารของตัวเอง และอีกจุดเด่นของ Lemon8 ก็คือ อัลกอริทึม เนื่องจาก Lemon8 ใช้อัลกอริทึมเดียวกันกับ TikTok 

มีโอกาสถูกแบนพร้อม TikTok

ด้วยความที่ Lemon8 เป็นแพลตฟอร์มที่มีเจ้าของเดียวกันกับ TikTok ดังนั้น ท่ามกลางความนิยมที่กำลังเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้หลายคนก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตของ Lemon8 และ CapCut ที่มี ByteDance เป็นเจ้าของ จะถูกแบนไปด้วยไหม

อย่างไรก็ตาม คงต้องรอว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร เพราะทาง TikTok ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ศาลคาดว่าจะรับฟังข้อโต้แย้งในวันที่ 10 มกราคม นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่า ภายใต้รัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนล่าสุดจะ ไม่แบน TikTok เพราะเคยได้กล่าวชัดเจนในช่วงหาเสียงว่าจะสนับสนุนให้ TikTok สามารถดำเนินงานได้ในสหรัฐอเมริกา

businessinsider / thewrap

]]>
1505519
ลือ! บริษัทแม่ ‘TikTok’ จับมือบริษัทในสหรัฐฯ ซุ่มพัฒนา ‘ชิปเอไอ’ https://positioningmag.com/1479462 Mon, 24 Jun 2024 07:47:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1479462 อย่างที่รู้ว่า สหรัฐฯ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นไม่ให้ จีน เข้าถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยอ้างถึง ภัยความมั่นคง อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กําลังทํางานร่วมกับบริษัทออกแบบชิปของสหรัฐฯ ผลิตชิปเอไอ

มีข่าวลือว่า ByteDance กำลังร่วมกับบริษัท Broadcom ในการพัฒนา โปรเซสเซอร์เอไอขั้นสูง โดยใช้เทคโนโลยีชิปขนาด 5 นาโนเมตร เพื่อช่วยให้บริษัทแม่ของ TikTok สามารถจัดหาชิประดับไฮเอนด์ได้เพียงพอ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยเฉพาะ ชิป 5 นาโนเมตร หรือ ชิปรวมเฉพาะแอปพลิเคชัน (ASIC) ที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออก

โดยทั้ง 2 บริษัทจะว่าจ้าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่สัญชาติไต้หวันให้เป็นผู้ผลิต ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า การที่ ByteDance กับ Broadcom ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน จะช่วยให้ ByteDance ลดต้นทุนการจัดซื้อและรับรองอุปทานชิประดับไฮเอนด์ที่มีเสถียรภาพ 

ชิปเอไอ ถือเป็นสิ่งสําคัญสําหรับ ByteDance ในการทําให้ อัลกอริธึม มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะนอกจาก TikTok และ Douyin แล้ว ByteDance ยังดําเนินการแอปยอดนิยมมากมาย รวมถึงบริการแชทบอทที่เหมือน ChatGPT ที่เรียกว่า Doubao ซึ่งมีผู้ใช้ 26 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ByteDance, Broadcom และ TSMC ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นถึงข่าวดังกล่าว

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2565 สหรัฐฯ ได้ควบคุมการส่งออกสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้นับตั้งแต่นั้น ก็ไม่มีการประกาศความร่วมมือในการพัฒนาชิปขั้นสูง หรือขนาด 5 นาโนเมตรขึ้นไป ระหว่างบริษัทจีนและสหรัฐอเมริกาอีกเลย เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการขัดขวางความก้าวหน้าด้านเอไอ และ Super Computer ที่อาจนำไปใช้โดย กองทัพจีน

Source

]]>
1479462
ยกแผง! “CapCut” – “Lemon8” อีกสองแอปฯ ดังของ ByteDance อาจโดนแบนในสหรัฐฯ ตาม TikTok https://positioningmag.com/1477227 Sat, 08 Jun 2024 06:49:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477227 หลังฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ออกกฎหมายบีบให้ปิดกิจการหรือขาย “TikTok” มีการประเมินว่าแอปฯ อื่นอาจจะโดนร่างแหจากกฎหมายนี้ไปด้วยก็ได้ เช่น “CapCut” แอปฯ ตัดต่อชื่อดัง หรือ “Lemon8” แอปฯ โซเชียลมีเดีย ที่อยู่ภายใต้บริษัท ByteDance เช่นกัน รวมไปถึงแอปฯ อีคอมเมิร์ซจีนบริษัทอื่นที่กำลังเติบโตในสหรัฐฯ เช่น Alibaba, Temu

Axios ชี้รายละเอียดร่างกฎหมายแบน TikTok ที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ที่ให้ผ่านออกมานั้น ข้อความในกฎหมายกว้างและครอบคลุมมากทีเดียว เพราะมีการระบุว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถแบนแอปพลิเคชันใดก็ได้ที่มีการควบคุมโดยหน่วยงานที่เป็นภัยจากต่างประเทศ” รวมถึงแอปฯ ที่ “ดำเนินการไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านบริษัทแม่หรือบริษัทลูกของหน่วยงานที่เป็นภัยจากต่างประเทศ”

นั่นทำให้ถ้ากฎหมายนี้ถูกบังคับใช้จริง ก็เป็นไปได้ว่าแอปฯ ที่ได้รับผลกระทบจะไม่ใช่แค่ TikTok แต่หมายถึงแอปฯ ที่อยู่ภายใต้บริษัท ByteDance ทั้งหมด

แอปฯ อื่นที่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ เช่นกันคือ “CapCut” แอปฯ ตัดต่อวิดีโอสั้นเบื้องหลังคลิปมากมายที่นำไปโพสต์ลงใน TikTok รวมถึงแอปฯ วิดีโอสั้นอื่นๆ ด้วย หากมีการแบน CapCut ก็จะกระทบครีเอเตอร์มากมายที่ใช้แอปฯ นี้เป็นหลักในการตัดต่อ

รวมถึงแอปฯ “Lemon8” แอปฯ โซเชียลคู่แข่ง Pinterest ที่นิยมมากขึ้นในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบคอนเทนต์แนวไลฟ์สไตล์และสุขภาพ ก็อาจจะโดนแบนไปด้วย

ภายใต้บริษัท ByteDance ยังมีแอปฯ อื่นที่ทำธุรกิจในสหรัฐฯ อีก เช่น “Lark” แอปฯ ที่รวมฟีเจอร์สำหรับทำงาน ทำเอกสาร แชทในออฟฟิศ หรือ “Hypic” แอปฯ สำหรับตัดต่อรูป เป็นต้น

สำนักข่าว Mashable ยังประเมินด้วยว่า ไม่ใช่แค่ ByteDance ที่จะถูกแบน แต่กฎหมายนี้อาจจะใช้ครอบคลุมบริษัทจีนอื่นด้วยก็ได้ เช่น กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba หรือ Temu

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า ByteDance จะไม่ยอมง่ายๆ และน่าจะเตรียมสู้ในทางกฎหมาย แต่ถ้าสุดท้ายแล้วแพ้คดี บริษัทอาจจะเลือกที่จะปิดกิจการไปเลยมากกว่าขายหุ้นให้กับบริษัทอื่น

Source

]]>
1477227
ByteDance ก้าวสู่โลกฮาร์ดแวร์อีกราย ปิดดีลซื้อกิจการ Oladance ผู้ผลิตหูฟังในประเทศจีน มูลค่า 1,800 ล้านบาท https://positioningmag.com/1474639 Wed, 22 May 2024 11:04:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474639 บริษัทแม่ของแอปฯ TikTok ล่าสุดได้ปิดดีลการซื้อกิจการของ Oladance ผู้ผลิตหูฟังในประเทศจีน มูลค่า 1,800 ล้านบาท โดยบริษัทสัญญาณว่าเริ่มเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์อีกราย และเตรียมนำเทคโนโลยี AI ของบริษัทเข้ามาผนวกกับหูฟัง

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok นั้นได้เข้าซื้อกิจการของ Oladance ผู้ผลิตหูฟังจากประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อย และส่งสัญญาณว่ายักษ์ใหญ่จากเทคโนโลยีจากจีนรายนี้เริ่มเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์อีกราย

แหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวได้กล่าวว่า ByteDance ได้ปิดดีลการซื้อกิจการผู้ผลิตหูฟังเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยดีลมูลค่าราวๆ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์ของบริษัทเทคโนโลยีรายนี้ด้วย

ดีลในการซื้อบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ของ ByteDance ที่ขึ้นชื่ออีกอันต้องย้อนไปเมื่อปี 2021 เมื่อบริษัทได้ปิดดีลซื้อกิจการ Pico ซึ่งเป็นผู้ผลิตแว่น VR เพื่อบริษัทจะเข้าสู่โลกดังกล่าว อย่างไรก็ดีบริษัทได้เตรียมขายธุรกิจดังกล่าวออกมาพร้อมกับธุรกิจเกมของบริษัท

สำหรับ Oladance นั้นเป็นผู้ผลิตหูฟังในประเทศจีน มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเซินเจิ้น ก่อตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้วโดยอดีตวิศวกรของ Bose บริษัทที่ผลิตหูฟังหรือลำโพงชื่อดัง และผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นมีขายในประเทศไทยผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่เน้นพัฒนาในด้านซอฟต์แวร์เองได้สนใจเข้าสู่โลกฮาร์ดแวร์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Meta ที่เน้นไปยังเทคโนโลยี VR หรือ Metaverse หรือแม้แต่ Snap เองที่เน้นไปยังการพัฒนาแว่นตาไฮเทค ซึ่งหลายบริษัท

นอกจากนี้ยังรวมถึงเหตุผลของการเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นทำให้ ByteDance ต้องการนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าไปผนวกกับฮาร์ดแวร์เพิ่มมากขึ้น เพื่อขยายธุรกิจของบริษัท ซึ่งผู้ผลิตหูฟังรายดังกล่าวอยู่ในแผนการของบริษัท

]]>
1474639
ยอมหัก! ‘ByteDance’ ลั่น ยอมปิด ‘TikTok’ ในสหรัฐฯ แต่จะไม่ขายเด็ดขาด https://positioningmag.com/1471337 Mon, 29 Apr 2024 02:15:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471337 หลังจากที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ได้กําหนดเส้นตาย 9 เดือน ให้ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ขายหรือปิดแพลตฟอร์ม เนื่องจากเชื่อว่ารัฐบาลจีนสามารถใช้ TikTok ในการจารกรรมข้อมูลและการโฆษณาชวนเชื่อตราบเท่าที่ ByteDance เป็นเจ้าของ

โดยเว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีสหรัฐฯ อย่าง The Information ได้ออกมารายงานว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กําลังวางแผนขายแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ ทิ้ง แต่จะไม่มีอัลกอริทึมที่ช่วยแนะนําวิดีโอให้กับผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ByteDance ก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงที่บริษัทกําลังพิจารณาที่จะขาย TikTok 

“สื่อต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับ ByteDance ว่าจะขาย TikTok นั้นไม่เป็นความจริง บริษัทไม่มีแผนที่จะขาย” บริษัทโพสต์บน Toutiao

TikTok ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกเพ่งเล็งมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ก็แบนไม่สำเร็จ ขณะที่ TikTok เองก็ยืนยันว่าไม่ได้มีการนำส่งข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ให้กับรัฐบาลจีน นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังได้ใช้เงินไปประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ใน “Project Texas” ซึ่งจะเก็บข้อมูลผู้ใช้ของสหรัฐฯ ไว้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok กล่าวว่า บริษัทจะต่อสู้กับกฎหมายใหม่ต่อศาล โดยมองว่าข้อกฎหมายดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนได้คัดค้านการบังคับขาย TikTok โดยกล่าวว่า พร้อมจะใช้มาตรการที่จําเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องบริษัทจีน

ปัจจุบัน TikTok ถูกประเมินว่ามีมูลค่าสูงหลายหมื่นล้านดอลลาร์ และบริษัทที่พอจะซื้อไหวก็มีแต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่น Meta และ Google แต่ก็มีแนวโน้มที่จะถูกสกัดไม่ให้ซื้อ เนื่องจากข้อกังวลด้านการแข่งขัน

นอกจากนี้ นักลงทุนจํานวนมากถือว่าอัลกอริทึมการแนะนําของ TikTok เป็นคุณสมบัติที่มีค่าที่สุด แต่การขายเทคโนโลยีดังกล่าวโดยบริษัทจีนจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีน ซึ่งกําหนดอัลกอริทึมดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการคุ้มครอง หลังจากความพยายามของทรัมป์ที่จะแบน TikTok ในปี 2020

ทั้งนี้ ByteDance มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีค่าที่สุดในโลก แต่ Mitchell Green นักลงทุนของ ByteDance จาก Lead Edge Capital ในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า  TikTok U.S. ถือเป็น ส่วนเล็ก ๆ ของธุรกิจโดยรวม และถ้า TikTok ในสหรัฐฯ โดนแบน บริษัทแม่ก็จะไม่ขาย

จากข้อมูลของ TikTok ผู้ก่อตั้งชาวจีนของ ByteDance เป็นเจ้าของหุ้น 20% ผ่านสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ประมาณ 60% เป็นเจ้าของโดยนักลงทุนสถาบัน รวมถึงบริษัทการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐฯ Carlyle Group, General Atlantic และ Susquehanna International Group ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นเจ้าของโดยพนักงานทั่วโลก และสมาชิกคณะกรรมการ 3 ใน 5 คนของ ByteDance เป็นชาวอเมริกัน

Source

]]>
1471337
TikTok เตรียมสู้ทางกฎหมาย ย้ำถึงเรื่องเสรีภาพ หลังสภาสหรัฐฯ บีบให้ ByteDance ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี https://positioningmag.com/1470572 Mon, 22 Apr 2024 08:16:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470572 TikTok ออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงการเหยียบย่ำเสรีภาพ กระทบผู้ใช้งานชาวอเมริกัน 170 ล้านคน หลังจากที่สภาได้ไฟเขียวบีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี หรือไม่ก็ถูกแบน ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าไม่ได้มีรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐถือหุ้นหรือถูกควบคุมแต่อย่างใด

TikTok ได้เตือนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่สภาสหรัฐฯ ได้บีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นให้ขายกิจการภายใน 1 ปี ไม่งั้นแล้วจะถูกแบน โดยมองว่ากฎหมายดังกล่าวขัดกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกัน

โฆษกของ TikTok ได้ออกมาประณามร่างกฎหมายนี้ โดยกล่าวว่า ข้อกฎหมายดังกล่าวเหยียบย่ำเสรีภาพทางความคิดของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน ซึ่งบริษัทมองว่าเรื่องดังกล่าวนั้นสร้างผลกระทบต่อเสรีภาพของประชาชน ทำลาย 7 ล้านธุรกิจในสหรัฐอเมิกา และถือเป็นการปิดแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ TikTok ยังได้ยืนยันว่าบริษัทไม่เคยเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาให้กับรัฐบาลจีนแต่อย่างใด และข้อมูลของผู้ใช้งานนั้นก็ถูกเก็บไว้ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่บริษัทได้จับมือกับ Oracle ในการใช้บริการคลาวด์เพื่อเก็บข้อมูลดังกล่าว

ไม่เพียงเท่านี้โฆษกของ TikTok เองยังได้กล่าวว่า ByteDance ไม่ได้มีเจ้าของหรือถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ

สำหรับข้อกฎหมายดังกล่าวได้บีบให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมา หรือไม่ก็ถูกแบน ซึ่ง ส.ส. ของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเองต่างเห็นพ้องต้องกันในการออกข้อกฎหมายดังกล่าว โดยมองถึงเรื่องความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีกฎหมายดังกล่าวได้แก้ไขโดยยืดเวลาให้เป็น 1 ปี จากเดิมซึ่งใช้เวลา 6 เดือน

ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Shou Chew ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวว่าบริษัทจะต่อสู้ทางกฎหมายในเรื่องดังกล่าว โดยมองว่าข้อกฎหมายดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา

ถ้าหากกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านวุฒิสภาสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ก็อาจทำให้ ByteDance เหลือเวลาตัดสินใจเพียงแค่ 9 เดือนเท่านั้นว่าจะขาย TikTok ออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ดีถ้าหากคดีดังกล่าวขึ้นศาลแล้วนั้นผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าคดีความจะสิ้นสุด

ที่มา – BBC, CBS News, Reuters, CNN

]]>
1470572
กำไร ‘ByteDance’ บริษัทแม่ ‘TikTok’ โต 60% แซงหน้า Tencent และ Alibaba Group หลังเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซเต็มตัว https://positioningmag.com/1469860 Wed, 10 Apr 2024 14:10:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469860 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะตกต่ำ แต่ ByteDance บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นและอีคอมเมิร์ซอย่าง TikTok ก็สามารถทำกำไรเติบโตถึง 60% แซงหน้าการเติบโตของบริษัทคู่แข่งอย่าง Tencent Holdings Ltd. และ Alibaba Group

กำไรของ ByteDance ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ จากประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2565 ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมแตะ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ จาก 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2565

จากการเติบโตของรายได้และกำไร ทำให้มีการประเมินว่า ByteDance กลายเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา และถือเป็นครั้งแรกที่ ByteDance ทำกำไรแซงหน้า Tencent คู่แข่งของบริษัททั้งในด้านรายได้และผลกำไร เนื่องจากบริษัทได้ใช้ประโยชน์จากความนิยมของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok และ Douyin เพื่อขยายไปสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลก

ทั้งนี้ ในตลาดจีน ByteDance ได้เปลี่ยน Douyin กำลังเปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่คล้ายกับ WeChat ของ Tencent โดยมีฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ และสั่งอาหารออนไลน์ ส่วนในตลาดต่างประเทศ บริษัทก็ประสบความสำเร็จกับการเปิด TikTok Shop ในตลาดต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ใหม่ ๆ นอกเหนือจากการตลาดดิจิทัล

ไม่ใช่แค่รายได้ใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา แต่บริษัทก็ได้ลดตำแหน่งงานหลายร้อยตำแหน่งจาส่วนของการพัฒนาเกมและซอฟต์แวร์ระดับองค์กร และทุ่มการลงทุนที่เทคโนโลยี generative AI แทน โดยสร้างแชทบอทของตัวเองและโมเดลภาษาขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม TikTok กำลังเผชิญกับวิกฤติในตลาดสหรัฐฯ ที่ถือเป็นตลาดที่สร้างกำไรให้มากที่สุด เนื่องจากในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อแบน TikTok เว้นแต่ ByteDance จะแพลตฟอร์ม TikTok ทิ้ง

Source

]]>
1469860