EV – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 31 Oct 2025 02:57:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ภาษีสหรัฐฯ-สงครามรถจีน-Net Zero ทำ ‘อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย’ ท้าทายสุดนับตั้งแต่เริ่มผลิตรถ K-Research แนะปรับโฟกัสสู่ HEV/PHEV https://positioningmag.com/1544919 Fri, 31 Oct 2025 02:24:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1544919 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ อุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนไทย กำลังเผชิญกับโจทย์ใหญ่หลายด้าน ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ นับตั้งแต่เริ่มต้นการผลิตในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ การแข่งขันจากค่ายรถจีนที่รุกขยายตลาด และการยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของคู่ค้า ซึ่งท้าทายการปรับตัวและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว

ดร. รุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยว่า แม้ไทยมีสัดส่วนส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐฯ น้อย แต่มาตรการภาษีนำเข้า Section 232 มีแนวโน้ม ส่งผลกระทบทางอ้อม ต่อส่งออกรถยนต์ไทยไปตลาดโลก เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจกระจายส่งออกไปตลาดอื่นมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ซึ่งจะเพิ่มความรุนแรงของการแข่งขันในตลาดโลก ขณะเดียวกัน มาตรการนี้กระทบโดยตรงต่อการส่งออกชิ้นส่วนไทยไปสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนราว 26% ของมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนไทย 

อย่างไรก็ดี ยางล้อขนาดเล็ก ของไทยยังได้เปรียบในด้านต้นทุนและคุณภาพ นอกจากนี้ ไทยยังได้รับการยกเว้นภาษี Section 232 ตามมาตรการ Import Adjustment Offset ราว 12% ของมูลค่าส่งออกชิ้นส่วน (ไม่รวมยางล้อ) ไปสหรัฐฯ มากกว่าญี่ปุ่นที่อยู่เพียง 3%

นางหทัยวัลคุ์ ตุงคะธีรกุล เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การรุกตลาดของค่ายรถจีนผ่าน สงครามราคา ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งภาคการผลิตและบริการ หลังจากค่ายรถหลักเดิมสูญเสียส่วนแบ่งในไทยและตลาดโลก เนื่องจาก ผู้บริโภคหันมานิยมรถไฟฟ้าจีนมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตลาดส่งออกรถสำคัญของไทย ได้ปรับมาตรฐานการปล่อย CO2 และระบบเบรกให้เข้มงวดขึ้นตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งจะหนุนความต้องการรถยนต์ไฮบริดทั้ง HEV และ PHEV แต่ก็จะเป็นแรงกดดันความต้องการ รถยนต์แบบสันดาปภายใน หรือ ICE ที่ไทยส่งออกเป็นหลักให้มี แนวโน้มลดลง 

ดร. กฤตย์ สีตะธนี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวตอนท้ายว่า การที่ ไทยเลื่อนเป้า Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี ส่งผลให้ภาคขนส่งต้องเร่งปรับตัวเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถ BEV ใหม่ โดยในปัจจุบันรถ BEV มีเพียง 1.2% ของรถยนต์สะสมทั้งหมด จึงยังมีช่องว่างอีกมากในการผลิตเพื่อทดแทนรถ ICE ทั้งหมดภายในปี 2593 ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ราว 65% ยังไม่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่บริษัทขนาดใหญ่เริ่มปรับตัวแล้ว 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะนำผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ที่เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ การแข่งขันรุนแรงจากค่ายรถจีน และมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด รวมทั้งการเร่งเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ และกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่ขยายตัว จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อสามารถตอบสนองกับทิศทางของตลาดที่มีแนวโน้มสัดส่วน รถ ICE ที่ลดลง และมีสัดส่วนรถ HEV และ PHEV ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจับตาโอกาสในการขยายตลาดของรถ BEV

]]>
1544919
มองข้อจำกัดสกัด ‘อินโดนีเซีย’ ขึ้นเป็น ‘EV HUB’ แม้จะเป็นประเทศแรกของภูมิภาคที่มีโรงงานผลิตแบตฯ https://positioningmag.com/1496301 Tue, 29 Oct 2024 11:30:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1496301 ด้วยข้อได้เปรียบจากแร่ นิกเกิล ทำให้ อินโดนีเซีย เป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่สามารถสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอินโดฯ เชื่อว่าโรงงานผลิตแบตฯ จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการเป็น EV HUB ของภูมิภาค แต่ก็อาจไม่ง่ายขนาดนั้น

หลังจากได้รับเลือกจากบริษัทร่วมทุนระหว่าง ฮุนได (Hyundai) และ แอลจี (LG) ของเกาหลีใต้ให้สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถอีวีมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จนทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่มีโรงงานผลิตแบตฯ โดยปัจจุบัน แบตเตอรี่จากโรงงานในอินโดนีเซียส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังบริษัทในเครือ ฮุนได Hyundai ในเกาหลีใต้และอินเดีย

แน่นอนว่าอินโดนีเซียไม่คิดจะหยุดแค่นี้ โดยกำลังมองหาวิธีเพิ่มการลงทุนเพื่อให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน โดยเริ่มออกมาตรการจูงใจเพื่อกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า  ไม่ว่าจะเป็น การยกเว้นภาษี โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามายังอินโดนีเซียจนถึงปี 2568 หากบริษัทต่าง ๆ มีการสร้างโรงงานผลิตและผลิตรถยนต์ในประเทศให้ได้จำนวนเท่ากับที่นำเข้าภายในสิ้นปี 2570 

ซึ่งมาตรการต่าง ๆ ก็ดึงให้แบรนด์รถอีวีหลายแบรนด์ตบเท้ากันเข้ามาในตลาดอินโดนีเซีย อาทิ BYD, VinFast และ Wuling ที่ประกาศแผนว่าจะผลิตแบตเตอรี่ ที่โรงงานในอินโดนีเซียภายในสิ้นปี 2024 และจากมาตรการทั้งหลาย ทำให้ยอดขายรถอีวีในช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคมปีนี้พุ่งเป็นกว่า 23,000 คัน จากปีที่ผ่านมามียอดขาย 17,000 คัน ตามข้อมูลจากสมาคมยานยนต์อินโดนีเซีย

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีโรงงานผลิตแบตฯ แห่งแรกของภูมิภาค และเป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองนิกเกิลมากที่สุดในโลก แต่บรรดานักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า ประเทศยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอันเนื่องมาจาก ศักยภาพในการแปรรูปและการกลั่นที่ไม่ดี เนื่องจากขาดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทำให้นิกเกิลต้องผ่านการแปรรูปจากเกาหลีใต้และจีนก่อน

อีกทั้งยังมีความกังวลด้าน สิ่งแวดล้อม โดยนักสิ่งแวดล้อมเตือนว่า การทำเหมืองนิกเกิลเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการ ตัดไม้ทำลายป่า ในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่ประเภทอื่น ๆ เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมไออนฟอสเฟต (LFP) ที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในจีน ก็อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการแบตฯ ที่อินโดนีเซียกำลังผลิตอยู่ด้วย

อีกสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ การแข่งขัน โดยเฉพาะจาก ประเทศไทย ซึ่งไทยเองก็พยายามจะเป็น EV HUB โดยไทยเองก็สามารถดึงดูดให้หลายแบรนด์ตั้งโรงงานผลิตในประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดได้เปรียบ เพราะหากแบรนด์นั้น ๆ มีโรงงานในบางประเทศแล้ว ก็อาจไม่จำเป็นต้องลงทุนตั้งโรงงานในอินโดนีเซีย

โดยข้อมูลของ ธนาคารกรุงศรีอยุทธยา พบว่า ในช่วงต้นปี 2566 ไทยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากที่สุด โดยคิดเป็นสัดส่วน 78.7% ตามมาด้วยอินโดนีเซียที่ 8%

ก็ต้องยอมรับว่าอินโดนีเซียมีความได้เปรียบทั้งในแง่ประชากร และทรัพยากรที่หลายประเทศไม่มี แต่ประเทศอื่น ๆ ก็มีจุดแข็งของตัวเอง อาทิ ไทยเองก็มี Know how จากรถยนต์สันดาป และเข้าสู่ตลาดอีวีค่อนข้างเร็วกว่าหลายประเทศ ก็คงต้องรอดูกันว่าใครจะชิงความได้เปรียบจนขึ้นเป็น EV HUB ของภูมิภาคได้ 

Source

]]>
1496301
ยอดขาย ‘รถอีวี’ ทั่วโลกเดือนก.ค.โต 21% หลังได้แรงหนุนจากตลาด ‘จีน’ ที่ทำสถิติเติบโตสูงสุด https://positioningmag.com/1486005 Tue, 13 Aug 2024 08:02:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1486005 ดูเหมือนยอดขายทั่วโลกของรถยนต์ไฮบริดไฟฟ้าและปลั๊กอินยังไปต่อได้ โดยในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 21% โดยปัจจัยหลักมาจากยอดขายของ จีน ที่ถือว่าเติบโตสูงสุดในปี 2024 แม้ว่าการเติบโตจากฝั่งยุโรปจะลดลงก็ตาม  

ตามรายงานโดย Rho Motion เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเดือนกรกฎาคม โดยรวมทั้ง รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) และ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) มียอดรวมทั่วโลกอยู่ที่ 1.35 ล้านคัน โดยเฉพาะประเทศจีนมียอดขายที่ 8.8 แสนคัน เพิ่มขึ้น +31% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาด ยุโรป มียอดขาย ลดลง -7.8% ในเดือนกรกฎาคม โดยตลาด เยอรมนี ที่ถือเป็นตลาดใหญ่สุดของยุโรป ลดลง -12% ส่วนในตลาด สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ยอดขาย เพิ่มขึ้น +7.1% 

ที่น่าสนใจคือ รถปลั๊กอินไฮบริด กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดจีน ยอดขายของรถปลั๊กอินไฮบริดช่วง 7 เดือนแรกเพิ่มขึ้นถึง +70% จากปีที่แล้ว สอดคล้องกับยอดขายของค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่สุดในจีนและใหญ่สุดในโลกอย่าง BYD ที่ยอดขายรถ PHEV เติบโตถึง +44% ขณะที่รถ BEV เติบโต +13%

ทั้งนี้ สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (China Passenger Car Association) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศจีนในเดือนกรกฎาคม หดตัว -5% แต่ภาค การส่งออกเพิ่มขึ้น +20% โดยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคัน โดยขายภายในประเทศประมาณ 1.6 ล้านคัน ลดลง 10% จากปีก่อน ส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เป็น 399,000 คัน รถยนต์ที่ขายไป มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นรถยนต์พลังงานใหม่

Source

]]>
1486005
SCB IEC ประเมินราคา ‘รถอีวี’ อาจ ‘ลดลง 50%’ เมื่อใช้งานไป 1 ปี แต่ถือว่า ‘คุ้มสุด’ เมื่อใช้ระยะยาว https://positioningmag.com/1485151 Mon, 05 Aug 2024 07:43:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485151 จะเห็นว่า รถอีวี ในไทยมีการ ดัมพ์ราคา กันหนักมากช่วงนี้ จนผู้บริโภคที่ซื้อไปตั้งแต่แรกเกิดอาการ เซ็ง ไปตาม ๆ กัน ขณะที่ผู้บริโภคใหม่ ๆ ก็มีท่าทีว่าจะ รอดูสถานการณ์ไปก่อน ไม่รีบร้อนซื้อ โดย SCB EIC (SCB Economic Intelligence Center) ก็ได้ออกมาประเมินถึงผลกระทบและความคุ้มในการเลือกใช้รถในปัจจุบัน

คนไทยตัดสินใจนานขึ้น

พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อรถของคนไทยเปลี่ยนไป โดยมีความ ซับซ้อน ใช้เวลาตัดสินใจนาน และต้องการข้อมูลที่รอบด้าน มากยิ่งขึ้น พฤติกรรมการซื้อรถของคนไทยมีพัฒนาการที่แตกต่างไปจากอดีตใน 3 ประเด็น ได้แก่

  • อายุการใช้งานรถยนต์ยาวนานขึ้นเป็น 10 ปี จากเดิมที่มักเปลี่ยนรถกันทุก ๆ 7 ปี
  • ข้อมูลค่าใช้จ่ายจากการใช้งานรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดพลังงาน ค่าซ่อม ค่าเสื่อม และเบี้ยประกัน มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อใกล้เคียงกับการลดราคาขาย
  • รถยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV และ Hybrid กลายเป็นตัวเลือกหลักของตลาดรถยนต์นั่งนับตั้งปี 2023 เป็นต้นมา และคาดว่าจะครองส่วนแบ่งยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ภาพจาก Unsplash

ทิศทางการปรับลดราคาขายรถยนต์

สงครามราคาในตลาดรถยนต์ไทยจะยังทวีความรุนแรง แต่ประสิทธิผลของกลยุทธ์ดังกล่าวมีแนวโน้มลดลง เพราะผู้บริโภคเกิดความเคยชินและหันมารอมากขึ้น SCB EIC ประเมินว่า การปรับลดราคาขายรถยนต์จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและขยายวงกว้าง โดย Segment ที่คาดว่าจะมีความรุนแรงสูงสุด คือ

  • รถเก๋งขนาดเล็ก หรือ Eco car
  • รถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากประเทศจีนที่เปิดตัวไปแล้วในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา
  • กลุ่มรถยนต์ราคาระหว่าง 5 แสน 1 ล้านบาท จะมีตัวเลือกในตลาดเพิ่มขึ้นมาก

ผลพวงจากการจัดโปรโมชันที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจะทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อรถใหม่ออกไป เพื่อรอให้ราคาปรับลดลงอีกในอนาคต

มูลค่ารถยนต์อีวีอาจลดเกือบ

มูลค่าคงเหลือของรถยนต์ไฟฟ้า ทั้ง BEV (ใช้ไฟฟ้า 100%) และ Hybrid มีแนวโน้ม ลดลงมากถึงเกือบ 50% จากราคาขาย เมื่อใช้งานไปเพียงแค่ 1 ปี เท่านั้น มูลค่าซากของรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อใช้งานไปเพียง 1 ปี จะเสื่อมค่าลงมากถึง 50% ขณะที่ รถสันดาปสามารถรักษามูลค่าในปีแรกไว้ได้ถึง 67% ของราคารถใหม่ โดยปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมค่าลงมากนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก ราคาขายที่ถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลของภาคธุรกิจต่ออุปสงค์ของ EV ในตลาดรถยนต์มือ 2

รถอีวีถูกกว่าหมด ยกเว้นประกัน

ค่าใช้จ่ายผันแปรจากการใช้งานรถ BEV ต่ำกว่ารถสันดาป และ Hybrid ค่อนข้างมาก แต่ต้องจับตาต้นทุนแฝงจากปัญหาความไม่เพียงพอของสถานีชาร์จสาธารณะ การใช้งานรถ BEV ก่อให้เกิดรายจ่ายจากการชาร์จไฟฟ้าเพียง 62 บาท/วัน ต่ำกว่าค่าเชื้อเพลิงของรถสันดาป กว่าเท่าตัว ด้านค่าใช้จ่ายการ เช็กระยะ ซึ่งถูกกว่ารถประเภทอื่น ๆ ถึง 3 เท่า อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาต้นทุนแฝงอื่น ๆ เช่น ค่าเสียโอกาสจากการรอชาร์จไฟเนื่องจากสถานีชาร์จสาธารณะมีไม่เพียงพอ รวมถึงค่าเดินทางและระยะเวลาซ่อมที่ยาวนาน เพราะอุปทานอะไหล่ยนต์ในประเทศมีจำกัด รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุงและอู่ซ่อมรายย่อยก็มีน้อยและกระจายตัวไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่

แม้ค่าพลังงานและการเช็กระยะจะถูกกว่า แต่ เบี้ยประกัน รถ BEV พงกว่ารถสันดาป และ Hybrid กว่าเท่าตัว เนื่องจากราคาขายที่ถูกปรับลดลงต่อเนื่อง รวมถึงระบบนิเวศน์ EV ในประเทศไทยยังพัฒนาได้ไม่เท่าทันกับความต้องการของตลาด ปัจจัยสำคัญที่กดดันให้เบี้ยประกันรถ BEV ผันผวนและยังอยู่ในระดับสูง คือ การคำนวณทุนประกันทำได้ยาก เพราะ

  • เหล่าผู้ผลิตมีการปรับลดราคาขายลงอย่างต่อเนื่อง
  • ราคาอะไหล่ต่อชิ้นค่อนข้างแพง
  • อู่ซ่อมรายย่อยมีน้อย
  • บริษัทรับทำประกันภัย EV ก็มีจำกัด

ดังนั้น เบี้ยประกันรถ EV จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง แม้จะทยอยปรับลดลงบ้างตามทิศทางการพัฒนาระบบนิเวศ EV ของไทยที่กำลังมีความพร้อมยิ่งขึ้น ทั้งจากการลงทุนขยายอุปทานอะไหล่ยนต์ในประเทศ รวมถึงการเร่งพัฒนาธุรกิจอู่ซ่อมและฝีมือแรงงานให้ตอบโจทย์

อีวีคุ้มสุดในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม รถ BEV เป็นตัวเลือกการขับขี่ที่ตอบโจทย์ความ ประหยัดในระยะยาว ได้ดีที่สุด แม้ว่าการใช้งานช่วง 2 – 3 ปีแรกจะมีต้นทุนการถือครองที่สูงกว่ารถประเภทอื่น ๆ เนื่องจากภาระเบี้ยประกันและค่าเสื่อมที่อยู่ในระดับสูง การเปรียบเทียบความคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งาน 10 ปี ถือว่าภาระรายจ่ายของ รถสันดาปสูงที่สุด ขณะที่รถไฮบริดจะมีต้นทุนการใช้งานต่ำมากในระยะสั้น จากนั้นจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นตามภาระค่าเชื้อเพลิง สำหรับรถ BEV ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าในระยะยาว เพราะค่าใช้จ่ายการชาร์จไฟฟ้าและค่าซ่อมบำรุงที่อยู่ในระดับต่ำสามารถชดเชยภาระเบี้ยประกันที่โดยรวมยังแพงกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ

Source

]]>
1485151
Volvo เตรียมย้ายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนกลับสู่ทวีปยุโรปบางส่วน ลดความเสี่ยงโดนภาษีนำเข้า EV https://positioningmag.com/1477236 Sun, 09 Jun 2024 16:20:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477236 วอลโว่ (Volvo) แบรนด์รถยนต์ชื่อดังในทวีปยุโรป ซึ่งมีบริษัทจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้เตรียมวางแผนย้ายกำลังการผลิตกลับทวีปสู่ยุโรปบางส่วน เนื่องจากต้องการลดความเสี่ยงจากภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้น ถ้าหากสหภาพยุโรปสอบสวนแล้วพบว่าจีนได้ให้เงินอุดหนุนผู้ผลิต EV จากจีน

The Times สื่อในประเทศอังกฤษ รายงานข่าวว่า Volvo แบรนด์รถยนต์ในทวีปยุโรป ที่ปัจจุบันมีเจ้าของคือ Geely แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน ได้เตรียมย้ายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากลับสู่ทวีปยุโรปอีกครั้ง ซึ่งสาเหตุสำคัญมากจากเพื่อต้องการลดความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าสินค้า

โดยแหล่งข่าวของสื่ออังกฤษรายงานว่าโรงงานผลิตของ Volvo ได้ระงับการขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีนซึ่งส่งออกไปยังทวีปยุโรปแล้ว นอกจากนี้สื่อรายดังกล่าวยังได้รายงงานว่า จะมีการย้ายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรุ่น EX30 และ EX90 จากจีนไปยังเบลเยียมอีกด้วย

นอกจากนี้กำลังการผลิตในยุโรปนั้นอาจรวมถึงการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของ Volvo ไปยังสหราชอาณาจักรด้วย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทเตรียมแผนดังกล่าวเนื่องจากสหภาพยุโรปนั้นกำลังพิจารณาจะมีการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า หลังจากมีการสอบสวนว่าจีนมีการใช้เงินอุดหนุนดังกล่าวจริงหรือไม่ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากประเทศจีนนั้นมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตในยุโรป ส่งผลทำให้ผู้ผลิตในทวีปยุโรปประสบปัญหา

อย่างไรก็ดีจีนได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวว่า จีนไม่เคยมีการอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าของจีนนั้นได้รับความนิยมเนื่องจากราคาและรถยนต์ไฟฟ้าของจีนสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นๆ ได้

ปัญหาการทะลักเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจย่ำแย่ลง เนื่องจากยุโรปนั้นอุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจสำคัญของทวีป มีการจ้างงานจำนวนมาก รวมถึงซัพพลายเออร์หลากหลายแห่ง และถ้าหากอุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับผลกระทบ ย่อมกระเทือนถึงเศรษฐกิจยุโรปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

]]>
1477236
รัฐบาลจีนยืนยันไม่ได้ให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่ EV จากแดนมังกรได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม https://positioningmag.com/1477006 Fri, 07 Jun 2024 04:26:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477006 โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้กล่าวว่า จีนไม่ได้ให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่รถ EV จากแดนมังกรได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งการตอบโต้ดังกล่าวตามหลังมาจากสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าจีนได้ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากจนทะลักตลาด

สำนักข่าว Reuters ได้รายงานข่าว โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้กล่าวถึงประเด็นที่กำลังเผ็ดร้อนอยู่ในเวลานี้คือ รถยนต์ไฟฟ้าจีนได้ออกสู่ท้องตลาดโลกและกำลังตีตลาดในหลายประเทศนั้นรัฐบาลจีนได้มีการสนับสนุนผ่านเม็ดเงินอุดหนุนหรือไม่

Mao Ning โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้กล่าวถึงในกรณีดังกล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากความได้เปรียบในการแข่งขันและกฎหมายตลาด

โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีน ยังกล่าวเสริมในเรื่องดังกล่าวว่า จีนไม่ได้มีการให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแต่อย่างใด ซึ่งเงินอุดหนุนดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าระหว่างประเทศ (WTO)

ไม่เพียงเท่านี้ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีน ยังกล่าวว่าในปี 2023 ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนได้ส่งออกสู่สหรัฐอเมริกาเพียงแค่ 13,000 คันเท่านั้น ด้วยตัวเลขดังกล่าวสหรัฐอเมริกาไม่สามารถที่จะกล่าวหาจีนได้

ในช่วงที่ผ่านมามีหลายประเทศเริ่มกังวลถึงการเข้ามาตีตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ที่มีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า หรือแม้แต่ยุโรปที่กำลังสอบสวนในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากกังวลว่าการทะลักของรถยนต์ไฟฟ้าจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก

ขณะที่ในมุมผู้บริหารอย่าง Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ของ Tesla เคยกล่าวไว้เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ถ้าหากไม่มีกำแพงด้านการค้าต่อผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนแล้ว หัวเรือใหญ่ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐฯ รายนี้มองว่า EV จากจีนเองจะทำลายคู่แข่งจากทวีปอื่นจนย่อยยับได้

ถ้อยแถลงดังกล่าวของโฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีน ตามหลังมาจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวหาว่าจีนให้เงินอุดหนุนเพื่อทำให้สหรัฐอเมริกาท่วมท้นไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ซึ่งสะท้อนความกังวลจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องดังกล่าว

]]>
1477006
ลือ ‘สหรัฐฯ’ เล็งขึ้นภาษี ‘รถอีวี’ จากจีนเพิ่ม 4 เท่า เป็น 100% เพื่อสกัดการนำเข้า https://positioningmag.com/1473144 Mon, 13 May 2024 03:27:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1473144 มีข่าวลือว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เตรียมประกาศภาษีสินค้าจากจีนในช่วงกลางสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะเป็นขึ้นภาษีครั้งใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสินค้าสำคัญ ๆ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ และ อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์

มีข่าวลือว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมแก้ไข ภาษีมาตรา 301 โดยจะมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันเชิงกลยุทธ์และความมั่นคงของชาติ โดยจะเพิ่มอัตราภาษีใหม่กับ เซมิคอนดักเตอร์, อุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ และ รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึง เวชภัณฑ์ เช่น เข็มฉีดยาและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่ผลิตใน จีน

มีการคาดการณ์ว่า ภาษีรถอีวีของจีนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่า หรือคิดเป็น 100% ขณะที่ประธานคณะกรรมการการธนาคารวุฒิสภาต้องการให้ฝ่ายบริหารของไบเดน แบนรถยนต์ไฟฟ้าของจีนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากความกังวลว่าอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน

ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถอีวีจีนที่ 25% แต่เพราะราคาที่ไม่ได้สูงมากของรถอีวีจีน ทำให้ไม่ได้ติดปัญหาเรื่องกำแพงภาษีมากนัก ดังนั้น รถอีวีจีนจึงยังสามารถแข่งขันได้ในสหรัฐฯ แต่หากการขึ้นภาษีใหม่เกิดขึ้นจริง จะทำให้รถอีวีจีนที่ขายในสหรัฐอเมริกา อาจต้องขายในราคา เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการนําเข้ารถยนต์จีนยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย

ต้องยอมรับว่า การผลิตรถอีวีของจีนได้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 ส่วนแบ่งตลาดรถอีวีของจีนมีเพียง 0.84% เท่านั้น ซึ่งใกล้เคียงกับสหรัฐฯ ที่มี 0.66% แต่ในปี 2023 ที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดรถอีวีของจีนก็พุ่งขึ้นเป็น 37% มากกว่าส่วนแบ่งของสหรัฐฯ ที่มี 7.6% 

นอกจากนี้ จีนยังเดินหน้าส่งออกรถอีวีไปยังตลาดต่างประเทศจำนวนมาก หลังจากที่ตลาดจีนเริ่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง และมีการแข่งขันราคาอย่างรุนแรง ทำให้สหรัฐฯ จึงพิจารณาปรับขึ้นอัตราภาษี เพื่อให้กำแพงภาษีที่สูงขึ้น อาจจะลดการนำเข้าและลดการแข่งขันในสหรัฐฯ

Reuters / electrek

]]>
1473144
ประเมินตลาด ‘รถอีวี’ ทั่วโลกปี’67 อาจโตได้ 30% แม้ไตรมาสแรกชะลอตัว เหตุผู้บริโภครอ “รถราคาถูก” ลงสู่ตลาด https://positioningmag.com/1470277 Thu, 18 Apr 2024 03:28:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470277 บริษัทวิจัยการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและพลังงานอย่าง Rho Motion ประเมินว่า การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี ทั่วโลกว่าอาจ ชะลอตัวลง เนื่องจากผู้บริโภครอ รถที่มีราคาถูกลง อย่างไรก็ตาม ภาพรวมทั้งปีตลาดมีโอกาสเติบโตได้ประมาณ 25-30%

ในเดือน มกราคม ที่ผ่านมา ทั่วโลกมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 1 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นยอดจำหน่าย สูงที่สุด เท่าที่เคยมีมาในเดือนมกราคม โดยเพิ่มขึ้น +69% จากเดือนมกราคม 2566 ที่มียอดขาย 6.6 แสนคัน อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับยอดขายของเดือนธันวาคม 2566 ที่เป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดที่ 1.5 ล้านคัน ถือว่าลดลงเกือบ 5 แสนคัน

ขณะที่เดือน กุมภาพันธ์ ยอดขายลดลง 25% เหลือ 827,000 คัน เป็นผลมาจากยอดขายใน จีน ที่ลดลงมากกว่า 42% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ตลาดจีนมียอดขายสูงถึง 640,000 คัน หรือคิดเป็นกว่าครึ่งของยอดขายรถอีวีทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ในเดือน มีนาคม ยอดขายรถอีวีก็พุ่งขึ้นสูงถึง 1.23 ล้านคัน ทั่วโลก โดยเติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2566 เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 27% ในตลาดจีนและ 15% ในตลาดสหรัฐฯ และแคนาดา แม้ว่าในตลาดยุโรปจะลดลง 9% ก็ตาม

“โดยรวมแล้ว การเติบโตของยอดขายชะลอตัว แต่ก็ยังค่อนข้างเป็นบวก” Charles Lester ผู้จัดการข้อมูลของ Rho Motion กล่าว

หลังจากเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเวลาหลายปี ทำให้ความต้องการขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้บริโภค รอให้รถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่แพง ออกสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเติบโตจะชะลอตัวไปบ้าง แต่คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 25-30%

ทั้งนี้ ในปี 2566 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกอยู่ที่ 13.6 ล้านคัน เติบโตขึ้น 31% จากในปี 2565 ตลาดเติบโตถึง 60%

reuters / X / greencarcongress

]]>
1470277
Tesla ปลดพนักงานมากกว่า 10% ขององค์กร Elon Musk ชี้ทำเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรและความคล่องตัว https://positioningmag.com/1470133 Mon, 15 Apr 2024 14:55:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470133 เทสลา (Tesla) ได้ประกาศปลดพนักงานมากกว่า 10% ขององค์กร โดยให้เหตุผลเนื่องจากลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรและความคล่องตัว ขณะเดียวกันสถานการณ์ดังกล่าวยังชี้ให้เห็นว่าช่วงเวลาของความยากลำบากของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกนั้นกำลังกลับมาอีกครั้ง

Electrek เว็บไซต์ข่าวที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวหลายแห่ง รวมถึงอีเมลภายในองค์กร ได้ชี้ว่า Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศปลดพนักงานเป็นจำนวนมากกว่า 10% ขององค์กร เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพองค์กร

เว็บไซต์ดังกล่าวได้อ้างอิงจดหมายที่ Elon Musk ซึ่งเป็น CEO ของ Tesla ได้ส่งให้กับพนักงาน โดยชี้ว่าในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายโรงงานขนาดใหญ่ไปทั่วโลก และเนื่องด้วยการเติบโตดังกล่าวทำให้มีหน้าที่ตำแหน่งงานที่ซ้ำซ้อน

ขณะเดียวกัน CEO รายดังกล่าวยังชี้ว่า การที่บริษัทต้องการจะเติบโตในก้าวต่อไปก็จะต้องมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ทำให้หลังจากมีการพิจารณาบริษัทได้ตัดสินใจที่จะปลดพนักงานมากกว่า 10% แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ เนื่องจากทำให้บริษัทมีความคล่องตัว มีนวัตกรรม และกระหายต่อการเติบโตในรอบต่อไป

Elon Musk เองยังได้กล่าวลากับพนักงานที่ถูกปลดด้วยความขอบคุณในการทำงานหนักและมีส่วนร่วมมากมายในภารกิจของบริษัท ขณะเดียวกันเขาได้กล่าวกับพนักงานที่ยังอยู่กับบริษัทต่อว่ายังมีภารกิจมากมายรออยู่

สำหรับพนักงานที่โดนปลดนั้นคาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 10% ของทั้งองค์กร ซึ่งคาดว่าจะอยู่มากกว่า 14,000 ราย

ข่าวการปลดพนักงานดังกล่าวนตามหลังมาจากยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทนั้นทำได้ต่ำกว่าที่คาด และในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาบริษัทต้องงัดกลยุทธ์ในการลดราคาเพื่อที่จะต่อสู้กับคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน หรือแม้แต่ผู้ผลิตหลายรายในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

สถานการณ์ของ Tesla และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายทั่วโลกในเวลานี้ถือว่าไม่สู้ดีมากนัก เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้านั้นไม่เติบโตเท่าที่ควร และยังรวมถึงการแข่งขันอย่างดุเดือด จนทำให้ท้ายที่สุดบริษัทรายใหญ่จากสหรัฐอเมริการายนี้ต้องงัดมาตรการในการลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานออกมา

]]>
1470133
จีนปฏิเสธข้อกล่าวหา EU ว่าให้การอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้า ชี้นวัตกรรมทำให้ EV จีนประสบความสำเร็จ https://positioningmag.com/1469432 Mon, 08 Apr 2024 12:14:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469432 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหภาพยุโรปว่าให้การอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้า และจะมีการเข้าสอบสวนในเรื่องดังกล่าวในเร็วๆ นี้ โดยเขามองว่านวัตกรรมและหลากหลายปัจจัยได้ส่งผลทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนประสบความสำเร็จ

หวัง เหวินเทา (Wang Wentao) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ได้กล่าวในการประชุมระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน และผู้แทนของหอการค้าจีนประจำสหภาพยุโรป โดยเขากล่าวว่าจีนไม่ได้ให้การอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่ชี้ว่านวัตกรรมและหลากหลายปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนประสบความสำเร็จ

การประชุมดังกล่าวนั้นมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น BYD Geely หรือแม้แต่ SAIC รวมถึงผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกอย่าง CATL และรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับจุดมุ่งหมายในการประชุมดังกล่าวนั้นเพื่อที่จะตอบสนองในเรื่องที่ สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเข้าสืบสวนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจากประเทศจีนหลายแบรนด์ หลังจากที่มีข้อกล่าวหาว่าแบรนด์เหล่านี้อาจได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้การแข่งขันเกิดความไม่ยุติธรรม

นอกจากนี้ยังรวมถึงราคารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนถือว่ามีราคาถูก เมื่อเทียบกับราคารถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายยุโรป ส่งผลทำให้ผู้ผลิตหลายรายในยุโรปเองประสบปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งถ้าหากผู้ผลิตในทวีปยุโรปนั้นต่อสู้ไม่ได้นั้นอาจกระทบต่อการจ้างงาน ทำให้มีการสอบสวนจาก EU ตามมา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ EU และสหรัฐอเมริกาได้กล่าวว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากออกมา โดยเขาชี้ว่าไม่พบเรื่องดังกล่าว และยังชี้ว่าผู้ผลิตจากจีนนั้นพึ่งพาเรื่องนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือแม้แต่เรื่องของ Supply Chain ไม่ได้เกิดจากการพึ่งภาการอุดหนุนของรัฐบาลเพื่อที่จะชิงความได้เปรียบแต่อย่างใด

ไม่เพียงเท่านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ยังมองว่าการที่ EU เข้ามาสืบสวนเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็น ‘การกีดกันทางการค้า’ อีกด้วย

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ยังได้ให้คำแนะนำกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนว่า เมื่อเผชิญความท้าทายและความไม่แน่นอนจากภายนอก องค์กรต่างๆ ควรที่จะฝึกฝนทักษะภายใน ยึดมั่นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม รวมถึงเสริมสร้างการบริหารความเสี่ยง เป็นต้น

]]>
1469432