EVEANDBOY – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 22 Apr 2022 10:38:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เริ่มไล่ล่าหมื่นล้านอีกครั้ง! “อีฟแอนด์บอย” ประกาศตลาด “เครื่องสำอาง” ฟื้นไข้ COVID-19 แล้ว https://positioningmag.com/1382379 Fri, 22 Apr 2022 09:51:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382379 ตลาด “เครื่องสำอาง” เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ช่วง COVID-19 กดยอดขาย “อีฟแอนด์บอย” ลดลง 30% แต่เปิดไตรมาส 1 ปี 2565 เห็นสัญญาณกลับเป็นบวกแล้ว คาดปีนี้ทำยอดขายแตะ 5,000 ล้านบาท กลับสู่เส้นทางไล่ล่ายอดขาย 10,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีอีกครั้ง โดยมีกำลังเสริมสำคัญอย่าง “อีคอมเมิร์ซ” ช่วยเจาะลูกค้าใหม่-ต่างจังหวัดได้ดีขึ้น

“หิรัญ ตันมิตร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด อัปเดตสถานการณ์บริษัทนับตั้งแต่เผชิญสถานการณ์ COVID-19 จนถึงช่วงนี้ที่วิกฤตเริ่มคลี่คลาย

โดยเมื่อปี 2562 บริษัททำยอดขายสูงถึง 4,600 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดการล็อกดาวน์ทำให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องสำอางน้อยลงและหน้าร้านรีเทลถูกสั่งปิดเป็นบางช่วง ทำให้ปี 2563 อีฟแอนด์บอยมียอดขายลดลง 30% เป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2547 และปี 2564 ก็ยังทรงตัวเท่าๆ กับปี 2563

พฤติกรรมลูกค้าในช่วง COVID-19 มีความเปลี่ยนแปลงในแง่สินค้าที่นิยม ทำให้สัดส่วนสินค้าจากแต่เดิมก่อนเกิดโรคระบาด อันดับ 1 คือกลุ่ม “Make Up” (48%) แต่หลังเกิดวิกฤต หมวดสินค้าอันดับ 1 กลายมาเป็น “สกินแคร์” (38%)

อีฟแอนด์บอย
สัดส่วนสินค้าที่เปลี่ยนไปในช่วง COVID-19 ของ “อีฟแอนด์บอย”

ที่น่าสนใจอีกส่วนคือ “น้ำหอม” เพิ่มสัดส่วนจาก 6% ขึ้นเป็น 14% เพราะผู้บริโภคต้องการฉีดน้ำหอมเพื่อผ่อนคลายจิตใจในช่วงล็อกดาวน์ บริษัทจึงมีการปรับสัดส่วนสินค้าให้เข้ากับความต้องการ ยกตัวอย่างเช่น หมวดน้ำหอมมีการเพิ่ม Home Fragrance และเทียนหอมเข้ามามากขึ้น

 

2565 สัญญาณบวกมาแล้ว – Make Up กลับมาแรง

หิรัญกล่าวต่อว่า ในปี 2565 เชื่อว่าตลาดจะกลับมาฟื้นแล้ว เพราะช่วงไตรมาส 1 เห็นยอดทราฟฟิกเข้าร้านเพิ่มขึ้น 50% เทียบกับปีก่อน และคาดว่าน่าจะไม่มีการล็อกดาวน์อีก จากสถานการณ์ที่ดีขึ้น ทำให้ปีนี้อีฟแอนด์บอยตั้งเป้าทำยอดขายรวม 5,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2562 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตโรคระบาด

หลังการใช้ชีวิตเริ่มกลับมาเป็นปกติ เห็นได้ว่าสัดส่วนสินค้าประเภท Make Up กลับมาแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะ “ลิปสติก” ที่มักจะเป็นสินค้าขายดีที่สุดของร้าน

หมวดสินค้า Make Up กลับมาโตแรง โดยเฉพาะ “ลิปสติก” ที่เป็นสินค้าขายดีที่สุดในหมวดนี้

“Make Up เริ่มโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาสแรก ปกติอีฟแอนด์บอยเราโดดเด่นเรื่อง Make Up อยู่แล้ว และหมวดนี้จริงๆ เป็นหมวดที่ดึงลูกค้ากลับมาได้บ่อย เพราะคนจะซื้อ Make Up ใหม่บ่อยกว่าสกินแคร์ เราก็อยากจะให้หมวดนี้กลับมาโต แต่สัดส่วนจะกลับไปเท่ากับปี 2562 ไหม ยังต้องดูต่อไปก่อน” หิรัญกล่าว

 

เดินหน้าขยายสาขา ไล่ล่า 10,000 ล้านบาท

เมื่อกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง ทำให้ปี 2565 อีฟแอนด์บอยจะกลับมาขยายปีละ 3 สาขาเช่นเดิม (ช่วง COVID-19 สองปีมีการเปิดใหม่เพียง 4 สาขา) โดยเปิดสาขาแรกแล้วที่ “MBK Center” สาขาต่อไปเตรียมปักหมุดที่ “ซีคอน ศรีนครินทร์” และสาขาสุดท้ายของปียังไม่เปิดเผย แต่จะอยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล  ใช้งบลงทุนทั้งหมด 240 ล้านบาท

ทำให้ขณะนี้อีฟแอนด์บอยมีทั้งหมด 16 สาขา จนถึงสิ้นปีจะมี 18 สาขา ในจำนวนนี้มี 4 สาขาต่างจังหวัด คือ นครราชสีมา ขอนแก่น พัทยา และเชียงใหม่

EVEANDBOY
อีฟแอนด์บอย สาขาที่ 16 ที่ MBK Center

กลยุทธ์ของอีฟแอนด์บอยจะยังคงเน้นการเป็น “ร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ขนาดใหญ่ มีสินค้าครบทุกหมวดและทุกระดับราคา” เรียกว่าเข้าไปมีให้ช้อปตั้งแต่มิสทีนราคาไม่เกินร้อย จนถึงน้ำหอมแบรนด์เนมราคาหลายพันบาท เพราะแค่ร้านไซส์เล็กที่สุดก็ยังใช้พื้นที่ถึง 350 ตร.ม. และมีใหญ่ที่สุดขณะนี้คือ 1,800 ตร.ม.

หิรัญกล่าวว่า เมื่ออีฟแอนด์บอยกลับสู่เส้นทางขยายสาขาสม่ำเสมอ และลูกค้าช้อปเป็นปกติ ทำให้บริษัทกลับสู่เป้าหมายยอดขาย 10,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีอีกครั้ง โดยคาดว่าจะทำได้ภายในปี 2570 (ทั้งนี้ เป้าดังกล่าวแต่เดิมเคยเริ่มต้นในปี 2562 แต่กลับเผชิญ COVID-19 จนทำให้แผนต้องชะลอออกไปก่อน)

 

“อีคอมเมิร์ซ” ดึงลูกค้าใหม่-ต่างจังหวัดได้ดีขึ้น

อีกส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยดันรายได้ให้อีฟแอนด์บอย คือการเปิดช่องทาง “อีคอมเมิร์ซ” โดยปัจจุบันมีทั้ง Own Channel ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน EVEANDBOY รวมถึงแชทช้อปผ่าน LINE และช่องทางมาร์เก็ตเพลซ Lazada กับ Shopee

แอปพลิเคชัน EVEANDBOY ช้อปปิ้งเครื่องสำอางตรงจากร้าน

ช่องทางออนไลน์ของอีฟแอนด์บอยเพิ่งจะเปิดเต็มที่เมื่อปี 2563 นี้เอง แต่มีการเติบโตรวดเร็ว หิรัญคาดว่าปีนี้ยอดขายผ่านออนไลน์จะโตอีก 2.3 เท่า แตะ 500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของยอดขายรวม

ข้อดีของการมีช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ Own Channel คือ การสร้างฐานลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น ขณะนี้ลูกค้าออนไลน์ของอีฟแอนด์บอย 58% เป็นลูกค้าใหม่ 42% เป็นลูกค้าเก่าจากหน้าร้านออฟไลน์ แต่กลุ่มลูกค้าใหม่นั้นเติบโตสูงกว่ามาก

นอกจากนี้ ยอดขายออนไลน์ยังมาจากต่างจังหวัด 50% กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 50% สะท้อนว่าอีคอมเมิร์ซคือ ช่องทางเจาะตลาดต่างจังหวัดซึ่งบริษัทมีสาขาน้อย

อีฟแอนด์บอย
ช่องทางออนไลน์ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น

หิรัญยังระบุด้วยว่า ยอดขายออนไลน์มีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อตะกร้าถึง 2,000 บาท มากกว่าการใช้จ่ายหน้าร้านเป็นเท่าตัว! ซึ่งเกิดจากการวางกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นแสดงสินค้ากลุ่มมูลค่าสูงไว้หน้าแรก และมีโปรโมชันดึงดูดให้กดสินค้าเข้าตะกร้าเพิ่มเพื่อรับส่วนลด

อย่างไรก็ตาม อีฟแอนด์บอยจะยังเน้นการขยายสาขา เพราะเชื่อว่า “เครื่องสำอาง” ยังเป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องการหยิบจับ ทดสองสี ทดลองกลิ่น ทำให้หน้าร้านสำคัญมาก

แม้ว่าจะผ่านช่วงเวลายากลำบากท่ามกลางโรคระบาด แต่การปรับตัว ปรับสินค้าให้เข้ากับดีมานด์ลูกค้า ณ ขณะนั้น และเร่งเกียร์การเปิดขายออนไลน์ ก็ทำให้ “อีฟแอนด์บอย” ยังอยู่รอด ยอดขายแม้จะตกลงแต่ไม่ขาดทุน รวมถึงจะกลับมาได้เร็วเมื่อตลาดฟื้นอีกครั้ง

]]>
1382379
เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ร่วมค้นหาความสุขสนุกรับซัมเมอร์ พร้อมเปิด Season ใหม่ กับสินค้า Fashion & Lifestlye กับแคมเปญ “THE MALL SUMMER EXPLORER” https://positioningmag.com/1327025 Sat, 10 Apr 2021 04:00:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327025

ซัมเมอร์นี้ เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ คืนกำไรให้นักช้อป จับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน), บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และพันธมิตรร้านค้าในศูนย์การค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำกว่า 700 ร้าน ไม่ว่าจะเป็น MUJI, EVEANDBOY, UNIQLO, ANELLO, CHARLES & KEITH และ CHEVIT-D BY SCG จัดแคมเปญ THE MALL SUMMER EXPLORER” ร้อนนี้    ช้อปสุขสนุกไปกับสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์รุ่นล่าสุดต้อนรับซัมเมอร์ สุดคุ้มกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ – 16 พฤษภาคม 2564 ที่เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ทุกสาขา และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับร้านค้าแบรนด์ชั้นนำกว่า 700 ร้าน ในศูนย์การค้าทั้งกลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ยกขบวนสินค้าคอลเลคชั่นรุ่นล่าสุดรับลมร้อน รวมทั้งมอบดีลสุดพิเศษให้เลือกช้อปมากมาย อาทิ

  • UNIQLO พบกับโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ ช้อปครบ 2,400 บาท รับทันที Cooler Bag (ตั้งแต่วันที่ 2-30 เมษายน 2564 สินค้าสมนาคุณมีจำนวนจำกัด) และ Weekly Promotion สินค้าไฮไลท์ในราคาพิเศษ พร้อมด้วยสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ประจำสัปดาห์ ให้ได้อัพเดทลุคสำหรับทุกวัน ทุกโอกาส

  • EVEANDBOY อัพเดทไอเท็มฮิต! ซัมเมอร์ HOT! ลดสูงสุด 60% สินค้าแบรนด์ดัง ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น และเคาน์เตอร์แบรนด์ รวมถึงน้ำหอมแท้ 100% รุ่นดัง และกิ๊ฟท์เซ็ตสุดปัง ที่ตัวแม่ต้องรีบช้อป ตั้งแต่วันนี้ – 24 เมษายน 2564

  • CHIVIT-D by SCG พบกับสินค้าคุณภาพที่ SCG คัดสรรมาอย่างดีสำหรับลูกค้าที่ห่วงใยในสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น พิเศษ ซื้อสินค้าครบ 1,500 บาทขึ้นไป รับคูปองเงินสด 100 บาทเพื่อใช้ในบิลถัดไป ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2564 และเตรียมพบกับกิจกรรมดีๆอีกมากมายตลอดเดือน อาทิ กิจกรรมให้ความรู้ “ภาวะมวลกล้ามเนื้อสลายในผู้สูงวัย” และกิจกรรม workshop ที่ร้าน CHIVIT-D by SCG ชั้น 6 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

  • MUJI พบกับสินค้าคุณภาพ สวมใส่สบายรับหน้าร้อน อาทิ เครื่องแต่งกายจากผ้าลินิน100% เสื้อยืดและเสื้อฮู้ดกัน UV พลาดไม่ได้กับสินค้าปรับราคาพิเศษและสินค้าราคาพิเศษประจำสัปดาห์ ที่คัดสรรมาให้แฟนสินค้า MUJI อย่างจุใจ พิเศษ!!เอาใจเหล่า Café hopper พบเมนูใหม่ Summer Soda โซดาผลไม้ต้อนรับหน้าร้อน มี 4 รสชาติให้เลือกลิ้มลองได้ที่ MUJI Coffee Corner ชั้น 2            เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

  • THE NEXT พบกับสินค้าแว่นสายตาและแว่นกันแดด จากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ Bolon, ic!berlin, Ray-Ban, Nike, Lacoste และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆอีกมากมาย พร้อมด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ ลดสูงสุด 50% (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)

  • CHARLES & KEITH พบกับ New Arrivals “Summer Wardrobe” โดดเด่นด้วยสไตล์สดใสกับ คอลเลคชั่นซัมเมอร์ใหม่ล่าสุด พิเศษ สมาชิก MinorPlus รับส่วนลดทันที 5% เฉพาะสินค้าราคาปกติ

  • MOSHI MOSHI พบกับบูธจำหน่ายสินค้าสุดพิเศษจาก MOSHI MOSHI ได้ที่ชั้น 1 M Lifestyle Hall เดอะมอลลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

  • SEOULCHON พบกับอาหารกว่า 20 เมนู ด้วยวัตถุดิบหลักที่ส่งตรงจากเกาหลี เลือกใช้ของที่สดใหม่มาปรุงให้ลูกค้าเสมอ พิเศษสมาชิก M Card สะสมยอดซื้อในศูนย์ตามเงื่อนไข รับคูปองส่วนลด 100 บาท เมื่อทานครบ 500 บาทขึ้นไป

มอบโปรโมชั่นสะสมแสตมป์สุดฟิน ยิ่งช้อปมาก ยิ่งมีสิทธิ์เป็น Top Spenders รับฟรี! แพคเกจที่พักสุดหรูจากโรงแรมชั้นนำให้ไปพักผ่อนคลายร้อนรับซัมเมอร์ทุกสัปดาห์ ที่ Anantara Bophut Koh Samui Resort รวม 30 รางวัล มูลค่ากว่า 7 แสนบาท พร้อมคืนกำไรให้นักช้อปได้เติม Point แรงเวอร์ รับ Voucher สุดฟินสูงสุด 1,300 บาท และรับคะแนนสะสม 1,000 M Point เพียงช้อปครบทุก 1,000 บาท สะสมแสตมป์ 1 ดวง

  • สมาชิก M Card สะสมครบ 5 ดวง รับทันที 1,000 M Point / สะสมครบ 10 ดวง รับบัตรกำนัลร้านค้าสูงสุด 500 บาท จากร้านค้าชั้นนำ อาทิ CHARLES & KEITH, ANELLO, THE NEXT, SONY BY บูรพวัฒน์, CHIVIT-D BY SCG, SEOUL CHON และ MISTER DONUT
  • สำหรับลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิต Citi, SCB M VISA, AEON สะสมครบ 2, 4, 6, 8 และ 10 ดวง รับเพิ่มบัตรกำนัลศูนย์ฯ 100 บาท / สะสมครบ 10 ดวง เลือกรับบัตรกำนัลร้าน EVEANDBOY, SIZZLER, UNIQLO มูลค่า 500 บาท
  • พิเศษเฉพาะลูกค้าบัตรเครดิต Citi สะสมครบ 10 ดวง รับเพิ่มบัตรกำนัลศูนย์ฯ อีก 300 บาท
  • เฉพาะลูกค้า AIS และ AIS Fibre รับบัตรกำนัลห้างฯ 100 บาท เมื่อช้อปครบ 2,000 บาท

 ร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งความสุขในซัมเมอร์ พร้อมสนุกกับโปรโมชั่นสะสมแสตมป์ ลุ้นเป็น Top Spenders รับฟรี! แพคเกจที่พักสุดหรูจากโรงแรมชั้นนำทุกสัปดาห์ กับแคมเปญ “THE MALL SUMMER EXPLORER” ตั้งแต่วันนี้ – 16 พฤษภาคม 2564 ที่เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ทุกสาขา และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

]]>
1327025
EVEANDBOY ลงทุน 500 ล้าน ขยายอีก 3 สาขา เพิ่มสินค้าผู้ชาย เปลี่ยน “จุดรอเมีย” เป็นช้อปด้วยกัน https://positioningmag.com/1267728 Tue, 10 Mar 2020 15:42:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1267728 EVEANDBOY ร้านขายเครื่องสำอางขวัญใจสาวๆ ได้วางแผนขยายอีก 3 สาขาในปีนี้ ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท ลุยอีคอมเมิร์ซ พร้อมกับเพิ่มสินค้าของกลุ่มผู้ชายมากขึ้น อุดช่องว่างเป็นสถานที่รอแฟนที่เข้าไปใช้บริการนาน

15 ปี ยังโตอย่างต่อเนื่อง

ถ้าพูดถึงร้าน EVEANDBOY เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในวงการบิวตี้ได้อย่างดี เป็นร้าน Beauty Store ที่วางจุดยืนเป็นมัลติแบรนด์ ที่จำหน่ายทั้งเครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัว น้ำหอม และสกินแคร์ต่างๆ เป็นแบรนด์ที่สาวๆ ยุคนี้ต้องรู้จักเป็นอย่างดีแน่นอน

จนถึงวันนี้ EVEANDBOY ได้ทำตลาดมาเป็น 15 ปีแล้ว มีจุดเริ่มต้นด้วยการเป็น “บิวตี้ภูธร” เปิดร้านขายเครื่องสำอางในจังหวัดมหาสารคาม จากนั้นได้แจ้งเกิดจากการเปิดสาขาที่สยามสแควร์ ด้วยกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง

จุดเด่นของ EVEANDBOY ที่ดึงดูดสาวๆ ให้เข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องคือ สินค้ามีราคาค่อนข้างถูกกว่าร้านอื่น จำนวนสินค้าในร้านก็เยอะด้วยเช่นกัน ทำให้สาวๆ รู้สึกคุ้มค่าเวลาใช้บริการ เพราะมาที่เดียวสามารถหาซื้อได้ครบเกือบทุกอย่าง

ในช่วง 15 ปีที่มาแบรนด์สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมี 11 สาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในปี 2019 มีรายได้เติบโต 19% ปัจจัยหลักมาจากเทรนด์เรื่องความงามที่มีการโตต่อเนื่องเช่นกัน ไม่ว่าเศรษฐกิจจะแย่แค่ไหน แต่ความงามก็ยังไปได้ดีตลอด

หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด บอกว่า

“ตอนที่เริ่มทำ EVEANDBOY คือ เริ่มทำธุรกิจจากศูนย์ ตอนนั้นพ่อแม่ทำโชห่วยมาก่อน แต่เราทำจากแพชชั่นจริงๆ ทำจากหน้าร้านเองทุกอย่าง เริ่มคุยกับแบรนด์พาร์ตเนอร์ จากแบรนด์เล็กๆ จนเขายอมรับเรามาขึ้นก็มีแบรนด์ใหญ่ๆ เข้ามามากขึ้น จนถึงตอนนี้ก็มีการปรับตัวตลอด อะไรที่เคยทำแล้วประสบความสำเร็จในอดีตก็อาจจะไม่ได้แล้ว แต่ก่อนใช้รถแห่ในมหาสารคาม ตอนนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว ต้องมีความเข้าใจลูกค้าแต่ละยุคจริงๆ”

เตรียมขยายอีก 3 สาขา

หิรัญบอกถึงแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีว่าจะต้องมี 22 สาขาให้ได้ โดยในปี 2020 จะขยายอีก 3 สาขา ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท สาขาแรกจะอยู่ที่ “สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต” เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ มีพื้นที่ขนาด 580 ตารางเมตร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการขยายสาขาอยู่ที่เฉลี่ย 2-3 สาขาอยู่แล้ว

นอกจากการขยายร้านแล้ว งบ 500 ล้านนั้นยังลงทุนในส่วนของอีคอมเมิร์ซเสริมด้วย ช่องทางออนไลน์จะมีทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น และเตรียมเป็นพาร์ตเนอร์กับมาร์เก็ตเพลสในการนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย

ถ้าถามถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือไม่ หิรัญบอกว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจอหลายเหตุการณ์ ทั้งเหตุการณ์การเมืองที่มีม็อบที่สยามสแควร์ แต่ก็สามารถผ่านมาได้ มองว่าตอนนี้ยังมีโอกาสอีกเยอะ”

เพิ่มสินค้าผู้ชาย จะไม่ใช่แค่จุดรอเมียอีกต่อไป

ถ้าใครที่เคยผ่าน หรือไปใช้บริการบ่อยๆ น่าจะคุ้นเคยกับภาพที่เหล่าหนุ่มๆ ยืนรอ หรือนั่งรออยู่หน้าร้านกันอย่างเนืองแน่น ส่วนสาวๆ ก็ช้อปปิ้งในร้านอย่างสบายใจ หลายคนถึงกับแปลกใจว่าทำไมหายไปในร้านได้นานหลายชั่วโมง

บางคนถึงกับตั้งชื่อให้พื้นที่หน้าร้านว่าเป็น “จุดรอเมีย” เลยก็มี ในบางสาขาถึงกับมีร้านค้า ร้านอาหารบริเวณใกล้ๆ เผื่อให้หนุ่มๆ ใช้บริการในช่วงรอแฟนสาวช้อปปิ้งอยู่

หิรัญบอกว่าที่ร้านมีการเพิ่มสินค้าส่วนของกลุ่มผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะด้วยเทรนด์ยุคนี้ผู้ชายก็ดูแลตัวเองมากขึ้น ผู้ชายแต่งหน้ามากขึ้น เรียกว่าส่งผลกระทบต่อวงการการรอเมียได้ด้วย เป็นการเปลี่ยนช่วงเวลาการรอให้มาช้อปปิ้งด้วยกันได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มจำนวนการใช้จ่ายได้ด้วย

ปัจจุบันสัดส่วนสินค้าที่ขายดีของ EVEANDBOY ได้แก่ เครื่องสำอาง 48% สกินแคร์ 35% น้ำหอม 6% สินค้าดูแลผม 3% เครื่องประดับ 3% และอื่นๆ 2%

สินค้ายอดนิยม 70% เป็นสินค้าระดับแมส และ30% เป็นสินค้าแบรนด์เนม

ในปีนี้ได้จัดงาน EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS 2019 เป็นครั้งแรก เป็นงานประกาศผลรางวัลที่การันตีความนิยมจากยอดขายจริงทั่วประเทศ จำนวน 94 รางวัล ซึ่งแบ่งเป็น 9 หมวดหมู่ อาทิ Makeup, Fragrance, Supplement, Skincare, Personal Care, Hair Product, Brush & Accessories, Nails Product และ Bath & Body เป็นต้น

]]>
1267728
คุ้มมั้ย! ดราม่าอีฟแอนด์บอยตัดต่อโฆษณาหน้าเทา กลายเป็นไวรัล แต่สุดท้ายต้องขอโทษ https://positioningmag.com/1189502 Tue, 25 Sep 2018 05:41:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1189502 เป็นอีกหนึ่งในเคสของการใช้เรียลไทม์มาร์เก็ตติ้ง เพื่อให้เกิดกระแสการบอกต่อหรือไว้รัล โดยแบรนด์ร้านความงาม อีฟแอนด์บอย EVEANDBOY อาศัยจังหวะละครเลือดข้นคนจางกำลังดังตัดต่อภาพประเสิรฐที่รับบทโดย กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี” ให้เป็นภาพหน้าเทา พร้อมกับใส่ข้อความว่า #ใครฆ่าประเสริฐ 1.รองพื้น 2.ช่างแต่งหน้า

ปรากฏว่าภาพดังกล่าวถูกแชร์ออกไปบนออนไลน์จำนวนมากจนเกิดเป็นกระแส แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีคนท้วงติงว่าแต่งภาพเกินจริง

ล่าสุด เพจอีฟแอนด์บอยได้ส่งข้อความขออภัย บนเพจ จากการที่ได้ดัดแปลงภาพคุณกบทรงสิทธิ์จนทำให้เกิดความเสียหาย ผู้ดูแลเพจอีฟแอนด์บอยขอแสดงความเสียใจ

ทางด้านกบ ทรงสิทธิ์ก็บอกว่า เพจอีฟแอนด์บอยได้ออกมาขอโทษและลบรูปออกไปแล้วหลังจากที่ถูกแชร์กระจายออกไป เชื่อว่าการที่ลบเพราะได้รับคอมเมนต์ส่งผลเชิงลบกับธุรกิจของอีฟแอนด์บอยเอง

ถามว่าซีเรียสมั้ย ก็ปนๆ กันไป ถ้ามองโลกในแง่ดีก็ไม่เป็นไร มันก็แป๊บเดียว ฝากบอกเขาด้วยว่าคราวหลังคิดดีๆ หน่อย เพราะตาม พ.ร.บ.เป็นเรื่องผิดกฎหมาย

ต้องนับเป็นอีกหนึ่งในกรณีศึกษาของแบรนด์ที่ใช้กระแสที่กำลังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ เพื่อสร้างการจดจำให้กับแบรนด์ ได้ถูกพูดถึง แต่ก็ต้องระวังในเรื่องความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นกระแสอาจตีกลับเหมือนในกรณีนี้.

]]>
1189502
10 ปรากฏการณ์ สะเทือนตลาดปี 2560 https://positioningmag.com/1152106 Sat, 30 Dec 2017 00:07:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1152106 ในทุกปีมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจการตลาด ที่มีทั้งเรื่องราวของแบรนด์ สินค้า ที่สร้างปรากฏการณ์ตลาดจนผู้ต้องร้องว้าว! คู่แข่งต้องหันมามอง นักการตลาดต้องหยิบมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อที่จะรียนรู้ ปรับใช้ และปรับตัวในปีต่อ ๆ ไป หากจะมองว่า กระแส หรือกิจกรรมตลาดไหนบ้างที่ “ร้อนแรง” ในปี 2560

1. ตูน Phenomenon 

ถ้าหากจะพูดถึงบุคคลแห่งปีที่ผู้คนทุกวงการต้องเกาะติด ตั้งแต่การเมือง การตลาด สังคม กีฬา สารพัดฯ ต้องยกให้คนนี้ “ตูน บอดี้สแลม” ที่ลุกมาทำโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ออกมาวิ่งจากเบตง ถึงเชียงรายระยะทาง 2,000 กว่ากิโลเมตร(กม.) เพื่อระดมทุน 700 กว่าล้านบาท ไปช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาล ผลของการทำกิจกรรมด้วยใจจริง ทำให้แบรนด์ต้องหันมาศึกษา และยกเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่แบรนด์ควรนำไปทำตาม ทั้งความจริงใจ มีความ Real Marketing ไม่ Fake เพราะการทำอะไรปลอมๆ ที่สุดแล้ว ก็จะกลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงทำลายแบรนด์ให้พังได้

นอกจากนี้ สิ่งที่ตูนทำ ยังก่อให้เกิดคนรักทั้งประเทศ ซึ่งในเชิงการตลาด เป้าหมายสูงสุดที่แบรนด์ต้องการไปให้ถึงคือ Build Brand Love เพราะหากผู้บริโภคนรักแบรนด์ได้ จะก่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อแบรนด์นั้นเป็นแบรนด์แรก อีกทั้งหากมีใครกล่าวร้ายแบรนด์ ผู้บริโภคจะออกมาปกป้องทันที

2. ครีมหน้าเด้งของก้อย รัชวิน ที่ทุกคนถามหา 

นอกจากพี่ตูน บอดี้สแลมจะเป็นที่สนใจของทุกคน แต่จะไม่พูดถึงคนนี้ไม่ได้ “ก้อย รัชวิน” แฟนสาว ที่ร่วมออกวิ่งกับตูน ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สิ่งที่หลายคนสงสัย คือ “ใช้ผลิตภัณฑ์อะไร” ที่ยังคงสภาพผิว ใบหน้าให้สวดสดใสได้ตลอด จนมีบางแบรนด์มาเกาะกระแสขายสินค้า

ภาพจาก : facebook.com/rachwinwong

ขณะที่ก้อย บอกเพียงวิธีการดูแลผิวพรรณ ด้วยการใช้ครีมกันแดดในตอนกลางวัน หลังวิ่งเสร็จต้องลงอโลเวร่า ตบด้วยมาร์กหน้าตอนกลางคืน ส่วนก่อนเมคอัพให้สวยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่จำเป็นทั้ง อายครีม มอยเจอร์ไรเซอร์ เซรั่ม ต้องลงหมด

3. ไมโลคิวบ์ ไอเทมสุดฮิต 

ที่ทุกคนควานหา การออกสินค้าใหม่มาชิมลางในตลาด การแจ้งเกิดได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ไมโลคิวบ์ จะไม่ได้เปิดตัวโดยตรงจากเจ้าของแบรนด์อย่าง “เนสท์เล่” แต่เมื่อมี “ขาหิ้ว” นำเข้ามาขาย จนโด่งดัง ก็เป็นจังหวะดีที่แบรนด์กลับมามอง เพื่อปูพรมทำการตลาด หาโอกาสใหม่ๆเอง

ความดังของไมโลคิวบ์ อย่างแรกเกิดจากตัวผลิตภัณฑ์(Product)ที่แตกต่างจากตลาดอย่างแท้จริง เพราะเวลานั้นไม่มีคู่แข่งรายใดที่ทำช็อคโกแลตมอลต์อัดเม็ดออกมาจำหน่าย ส่วนการทำตลาดแน่นอนของดีเลยทำให้ “ผู้บริโภคบอกต่อ” เป็น Word of Mouth เป็นตัวกลางที่สื่อสารให้แบรนด์ซัคเซส โดยไม่ต้องลงทุนโฆษณาใดๆ

4. ชากุหลาบ โปรดักท์จุดพลุให้ชาตรามือ 

อีกหนึ่งสินค้าที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ สำหรับ “ชาตรามือ” ที่มีสินค้าพระเอกของปีคือ “ชากุหลาบ” กลายเป็น Buzz Marketing รัวๆ เพราะใครที่ลองสินค้านี้แล้ว มีการบอกต่อกันอย่างมากในโลกออนไลน์ ถึงคุณสมบัติบางประการ และนั่นทำให้ผู้บริโภคต่อคิวซื้อสินค้ายาวเป็นหางว่าว

ชากุหลาบ ยังช่วยปลุกชีพแบรนด์ที่ดูบ้านๆ มีสินค้าจำหน่ายเป็น Kiosk เล็กๆ ตามสถานีรถไฟฟ้า หรือจุดต่างๆ จนสลัดภาพไปทำตลาด เปิดช็อปให้บริการในศูนย์การค้าสยามพารากอนอย่างสวยหรู ในโซนที่เต็มไปด้วยแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มไฮโซ

5. Louis Vuitton X Supreme สุดยอดแบรนด์ปัง 

ปีนี้ถ้าจะพูดถึงการ Collaboration แบรนด์ทรงอิทธิพลจนผู้บริโภคต้องร้องว้าวต้องยกให้แบรนด์ไฮเอนด์จากฝรั่งเศสอย่างหลุยส์ วิตตอง ที่ลุกมาร่วมมือกับแฟชั่นสตรีทแวร์ดังจากเมืองมะกัน สุพรีม ออกคอลเล็กชั่นพิเศษทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ผ้าพันคอ ฯ มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคตลาดบน

เมื่อสินค้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ต้องยอมรับว่าอิทธิฤทธิ์ของทั้ง แบรนด์ทำให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าไปตั้งตารอซื้อที่สยามพารากอนตั้งแต่เที่ยงคืน จนเกิดกระแสดราม่าพอสมควร เพราะสนนราคาสินค้าไม่ใช่ไก่กา แต่ราคาตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงแสน แพงหูฉี่ยังมีสาวกไปเฝ้านั่นเอง

6. ตลาดเหล้าขาวเจ้าสัวเจริญ ถูกลูบคม โดยนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” 

วงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเมืองไทย ถูกครอบครองโดยผู้ประกอบการน้อยราย(Oligopoly) หลักๆช้าง สิงห์ ไฮเนเก้น ยิ่งไปดูเหล้าขาว มีเพียง “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ที่กินรวบส่วนแบ่งกว่า 97% และมียอดขาย 109,297 ล้านบาท กำไรสุทธิ 20,420 ล้านบาท   

 แต่ปี 2560 “คู่แข่ง” ได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อ เสถียร เศรษฐสิทธิ์” และผองเพื่อนแห่งคาราวบาวแดง ผ่านด่านการทำประชาพิจารณ์จนสร้างโรงงานมูลค่า 3,000 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่เหล้าขาวมีคู่แข่งรายใหญ่พอตัว

อย่างไรก็ตาม การทำตลาดเหล้าขาวไม่ง่าย เพราะขุมข่ายพลังทางการค้า เอเย่นต์ ที่ขายสินค้าของเจ้าสัวมานานมีมากมาย การจะยอมให้แบรนด์ใหม่ไปแทรกแย่งตลาดย่อมยาก ดังนั้นเกมนี้ต้องจับตาดูกันยาวๆ ว่าเสถียร์ จะฝ่าด่านอรหันต์ไปได้หรือเปล่า

7. ตู้กดเบียร์สดในร้านสะดวกซื้อ ไปไม่รอด 

การทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย ดูจะกลายเป็น “ยาขม” สำหรับเจ้าของแบรนด์สินค้าไปซะแล้ว เพราะไม่ว่าจะลุกมาทำอะไร ก็ถูกสังคมจับจ้อง และค้านสายตาบรรดาผู้ที่ต่อต้าน ส่วนในมุมผู้บริโภค ย่อมมีทั้งปิดรับเปิดค้านสลับกัน

นี่ถือเป็นความพยายามของผู้ประกอบการ ค่ายใหญ่ “สิงห์-ช้าง” ที่ต้องการขยายตลาดเบียร์สดหรือ Craft beer ให้ใหญ่มากขึ้น เพื่อหาโอกาสการเติบโตใหม่ๆ เพราะหากยังวนเวียนเล่นแต่ตลาดลาเกอร์เบียร์ ซึ่งทุกปีอัตราการเติบโตต่ำมาก ย่อมไม่ดีต่อธุรกิจ ดังนั้นการหาน่านน้ำสีคราม(Blue Ocean)ใหม่ๆ จึงจำเป็น แต่การทดลองวางตลาดเบียร์สดในร้านสะดวกซื้อก็เกิดขึ้นสั้นๆ เพราะแรงเสียดทานจากสังคม ทำให้อวสานเบียร์สดเร็วมาก

8. ดราม่ามาร์เก็ตติ้ง เสียงติงจากผู้บริโภค 

การทำตลาดไม่ได้มีแต่เรื่องราวดีๆ แต่ที่ “ดราม่า” ก็มีให้เห็นเยอะ โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์ออกมาทำกิจกรรมตลาดแล้วทำลายความคาดหวังของผู้บริโภคจนพังดราม่าหนักๆในปีนี้นอกจากตู้กดเบียร์สดในร้านสะดวกซื้อ สินค้าความงามก็โดน เมื่อสาวๆที่รอโปรโมชั่นแรง จาก EVEANDBOY ร้านมัลติแบรนด์ดังใจกลางสยาม ใช้กลยุทธ์ลดราคาแรงมาจูงใจผู้บริโภค จนความต้องการพุ่งปรี๊ด ต่อคิวกันยาวเหยียด แต่ปรากฎว่าสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ และยังมีบล็อกเกอร์ได้อภิสิทธิ์ช้อปปิ้งก่อนโดยไม่ต้องเข้าคิว ไหนจะบรรดาแม่ค้าแม่ขายที่รับหิ้ว แห่ไปกวาดสินค้าจนหมด สุดท้ายแบรนด์โดนด่าเละ!

แต่นั่นไม่ทำให้เจ้าของแบรนด์เข็ด เพราะตราบใดที่ยอดขายยังดี การทำตลาดแบบนี้ ยังคงถูกมาใช้อย่างต่อเนื่อง เพราะล่าสุดการลดราคาของ EVEANDBOY กระแสก็ซาลงอย่างเห็นได้ชัด

ภาพจาก : facebook.com/eveandboy

ดราม่ามาร์เก็ตติ้ง ไม่ได้มีแค่นี้ เคสอื่นๆที่เกิดขึ้นล่าสุด คือกรณีการจัดกิจกรรมระดับโลก Harry Potter Christmas in the Wizarding World ที่สยามพารากอน เพราะพลังการตลาดโปรโมทงานอลังการ แต่จัดงานจริงเล็ก สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ จัดคิวไม่ดี งานนี้ห้างเลยโดนเต็ม แต่ผู้จัดงานรอดเสียงติซะงั้น

ยังท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่กำลังทำตลาดออนไลน์บน Twitter อยู่ดีๆ “แอดมิน” คนเคยร่วมงานออกไปเล่ากลยุทธ์การตลาดใหม่ๆให้สื่อรับรู้ กลายเป็นการคลุกวงในของคนทำงานกันเอง จนต้องเบรกทำตลาดบนทวิเตอร์สักพัก ทั้งที่กำลังแจ้งเกิด สุดท้ายพอกลับมาทำตลาดอีกครั้ง เลยจืดสนิท กำลังปังแต่พังเพราะดราม่าแท้ๆ

9. เคเอฟซี-GMM25 ดีลแห่งปีจาก “เจ้าสัวน้อย ฐาปน” 

ภาพนักเทคโอเวอร์คงติดตานักบริหาร “หนุ่ม ฐาปน สิริวัฒนภักดี” ทายาทคนที่ ของราชันย์น้ำเมา “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ไปเรียบร้อยแล้ว

หากพูดถึงดีลที่น่าสนใจ จาก “ฐาปน” ปีนี้ต้องยกให้การเข้าซื้อหุ้น 50% ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด ที่มีธุรกิจทีวี GMM25 เอไทม์มีเดียฯ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเกิดขึ้นในนามส่วนตัว ผ่านบริษัทลงทุนอย่าง “อเดลฟอส”  ซึ่งในอนาคตจะนำมาต่อยอดธุรกิจของเครือไทยเบฟอย่างแน่นอน ในฐานะที่บริษัทมีสินค้ามากมายทำ Music Marketing และ Sport Marketing ทั้งปีมากมาย

อีกดีลคือการซื้อกิจการสาขาร้านไก่ทอดเบอร์ ของโลกอย่าง KFC กว่า 1.13 หมื่นล้านบาท กลายเป็นสปริงบอร์ดสำคัญในการขยายเข้าสู่ธุรกิจอาหาร ให้ครบวงร จากที่มีร้านอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารอาเซียน อาหารไทย ตั้งแต่ฟู้ดคอร์ทไปถึงหรูหรา(Fin Dining) แต่สิ่งที่ไทยเบฟจะได้จากการซื้อสาขาเคเอฟซี คือโนวฮาวการบริหารจัดการธุรกิจระดับโลกนั่นแอง

10. ศึกวันคนโสด สุดยอดกลยุทธ์การตลาดบนโลกออนไลน์ 

สมรภูมิค้าปลีกออนไลน์ ต้องบอกว่าแข่งขันกันเสือดลาด เพราะผู้ประกอบการทำตลาดหนักแค่ไหน ก็ยังแบกขาดทุนกันมโหฬารนั่นเอง

การทำตลาดออนไลน์ที่เขย่าวงการช้อปปิ้งสุดๆ ในปีนี้ ต้องยกให้กลยุทธ์การเปลี่ยนโจทย์วันคนโสด วันป๊อบๆของชาวจีน ให้เป็นวันช้อปปิ้งแห่งปี เพราะทั้ง LAZADA 11street Shopee  ออกแคมเปญ โปรโมชั่นเพื่อดวลศึกกันสนั่นวงการ กระตุ้นยอดขายกันเป็นวินาที จนทุบสถิติ ในไทยอาจไม่เปิดเผยตัวเลขนัก แต่เมืองจีนช้อปกันสะพัดมาก อย่างอาลีบาบา โกยยอดขายกว่า 8.6 แสนล้านบาท กันภายใน 24 ชั่วโมงแค่นั้นเอ๊ง!.

]]>
1152106
Sale 90% แรงกระเพื่อม “อีฟแอนด์บอย” https://positioningmag.com/1145393 Sat, 04 Nov 2017 09:20:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1145393 ภาพจาก : facebook.com/eveandboy

เชื่อว่าถ้า “ผู้บริโภค” หรือใครที่ได้เห็นป้าย Sale 90% จะรู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดขาช้อปมหาศาลอยู่เสมอ และกระแสร้อนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คงต้องยกให้ร้านจำหน่ายเครื่องสำอางมัลติแบรนด์ “อีฟแอนด์บอย : EVEANDBOY” แดนสวรรค์ของสาวกคอสเมติกผู้รักสวยรักงาม คลั่งไคล้แบรนด์ดังระดับบนไปจนถึงระดับแมส

ทว่า หลังจากที่ร้านติดป้ายโปรโมชั่นลดกระหน่ำบนโลกออนไลน์ หน้าเพจ Eveandboy facebook “EVEANDBOY Shocking Pink Day” เซลล์ยิ่งใหญ่ประจำปีมีหนเดียวที่จะระดมสินค้าเครื่องสำอาง น้ำหอมมาลดสะบั้นหั่นแหลกให้ช้อปกันกระเป๋าฉีก ซึ่งในแฟนเพจแห่งนี้มีสมาชิกติดตามกว่า 1.2 ล้านราย

โปรแรง! ขนาดนี้ “ผู้บริโภค” จึงไปรอเข้าคิวกันข้ามคืน เพื่อซื้อสินค้า พลันที่เปิดให้บริการช้อปไม่เท่าไหร่ “ดราม่า” บังเกิดมากมายตามมา ทั้งสินค้ามีน้อย หมดเร็ว การให้อภิสิทธิ์บล็อกเกอร์ไปช้อปก่อน บรรดาแม่ค้าโซเชียลที่ยังประกาศรับหิ้วสินค้า ขายสินค้า สารพัด

ร้านเลยโดน “กระหน่ำ” กลับบ้างจากลูกค้า ซึ่งล้วนเป็น “แง่ลบ” จำนวนมาก แต่แม้จะโดนด่าบนหน้าเพจยังไง แบรนด์ก็ไม่สน เดินหน้าขายของ โปรโมตเซลล์ครั้งใหญ่ต่อไป

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้านอีฟแอนด์บอย ลดราคาแรงจนมีคนเข้าคิวยาวเป็นหางว่าว ที่ผ่านมาหากผู้ที่เดินผ่านแถวสยามสแควร์อาจเคยถูกวินมอ ’ไซค์ทักช่วงที่มีการลดราคาของร้านนี้ว่า “ไม่ไปเข้าคิวซื้อบ้างเหรอ?” ต่อด้วยคำบอกเล่าว่าเหล่านักศึกษามหาลัยมาเข้าคิวรอซื้อสินค้าที่นี่กันเป็นจำนวนมาก เพราะราคาถูก และส่วนหนึ่งเพราะคนรุ่นใหม่เหล่านี้มีร้านค้าบนโลกออนไลน์ หากได้สินค้าราคาต่ำไปจำนวนมาก ก็สามารถนำไปค้าฟันกำไรต่อได้อีกทอด

สำหรับร้านอีฟแอนด์บอย เป็นที่รู้กันในวงกว้างว่าต้นกำเนิดธุรกิจมาจาก “ภูธร” จังหวัดมหาสารคาม และแจ้งเกิดเต็มรูปแบบที่สาขา “สยามสแควร์” สามารถสร้างความสำเร็จในรูปแบบป่าล้อมเมือง

ภาพจาก : facebook.com/eveandboy

ความน่าสนใจของร้านคอสเมติกมัลติแบรนด์แห่งนี้คือใช้ “กลยุทธ์” ทำราคาสินค้าได้ “ต่ำ” จากการคิดกำไรเพียง 15% ต่ำกว่าบิ๊กเนมที่คิดกัน 30% สินค้ายังมีความหลากหลายหลักพันแบรนด์ (สาขาสยามสแควร์และเป็นแฟลกชิพสโตร์) มีจำนวนสินค้าหลักหมื่นรายการ  ร้านตั้งอยู่บน “ทำเลทอง” ใจกลางสยามสแควร์ย่านที่มีประชากรช้อปปิ้งหนาแน่น และกำลังซื้อสูง และโปรโมชั่นแรง

อย่างไรก็ตาม อีฟแอนด์บอย มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท และ “หิรัญ ตันมิตร” เป็นเจ้าของและกรรมการผู้จัดการบริษัท ดำเนินธุรกิจมากว่า 1 ทศวรรษ ในปี 2559 นำส่งงบการเงินยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุเพียง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ 592,411.58 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังเป็นรายจ่ายรวมและผลการดำเนินงานที่ขาดทุนด้วย ขณะที่การประกาศลงทุนเปิดสาขาของบริษัทที่ผ่านมาเป็นตัวเลขหลักร้อยล้านบาท!.

]]>
1145393
เข้าแถวกระจาย อีฟแอนด์บอย กระหน่ำราคา 90% https://positioningmag.com/1145381 Fri, 03 Nov 2017 12:05:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1145381 สร้างปรากฏการณ์เข้าแถวยาวเหยียด สำหรับแบรนด์ ร้านขายสินค้าความงามสัญชาติไทย EVEANDBOY จาการจัดงาน EVEANDBOY Shocking Pink Day ลดราคาสินค้าเครื่องสำอาง และนำ้หอม 90% เริ่มตั้งแต่วันที่ 3-6 .. ที่สาขา สยาม สแควร์วัน 

เป็นโปรโมชั่นใหญ่ จัดขึ้นช่วงปลายปี ปรากฏว่าได้การตอบรับจากลูกค้า สาวๆ ที่เป็นแฟนประจำ มาเข้าคิว จนต้องปิดรับคิวสุดท้าย 1 ทุ่ม 

ภาพจาก : facebook.com/eveandboy

]]>
1145381
แบรนด์แห่ทำเรียลไทม์ มาร์เก็ตติ้ง ! อีฟแอนด์บอย-ท็อปส์ มาร์เก็ต-เมเจอร์ เกาะกระแสดราม่า “แก๊งนางฟ้าแตก” ขายของรัวๆ https://positioningmag.com/1137443 Thu, 24 Aug 2017 12:13:49 +0000 http://positioningmag.com/?p=1137443 ประเด็นร้อนฉ่าในหน้าสื่อวันนี้ คงหนีไม่พ้นกระแส เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด “แก๊งนางฟ้า” เมื่อ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ประกาศอันเฟรนด์ และอันฟอลโล่ วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ และคริส หอวัง

ทำเอาเจ้าของแบรนด์สินค้ายุคนี้ ต้องรีบเกาะแส อย่างเพจ อีฟแอนด์บอย ร้านเครื่องสำอางของไทย ใช้กลยุทธ์ “เรียลไทม์ มาร์เก็ตติ้ง” นำผลิตภัณฑ์ที่ทั้ง 3 สาวเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ ออกมาโพสต์วางขาย ไม่ว่าจะเป็นแป้งรองพื้น ลิปสติก และอาหารเสริม โดยจั่วหัวว่า “ตบหน้ามัน!!! กันซะ Matte!! ในราคาพิเศษ ถึง 31 สิงหาคม

อีกค่ายเป็นของ ท็อปส์ มาร์เก็ต ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่กำลังโด่งดัง กับ โพสต์ข้อความมันๆ แนวฮา บนทวิตเตอร์ ท็อปส์ ไทยแลนด์ โดยเกาะแสที่เป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นหนังดัง เกมโชว์ แม้แต่ข่าวตึกเอียง ก็จับมาขายของสารพัดชนิด ได้ เช่นเดียวกับข่าวดังรอบนี้ ค่ายท็อปส์ มาร์เก็ต เลยไม่พลาดที่จะขอเกาะกระแสดราม่า ด้วยข้อความขาย ลูกชิ้น “เจ” ยี่

จะ #เจนี่ เจไหน ถ้าอยากกินเกาเหลาเจ อย่าลืมนึกถึง “เจวีลูกชิ้นเจ” นะคะ

เจ… นี่ไม่เกาเหลา วุ้นเส้น เพราะเกาเหลาต้องไม่ใส่เส้น

แม้แต่ ทวิตเตอร์ โรงภาพยนตร์ “เมเจอร์” ก็ยังเกาะกระแสดราม่านี้ มาใช้ โปรโมตหนัง AnnabelleCreation กำเนิดตุ๊กตาผี ที่กำลังฉายอยู่ในขณะนี้กับเขาด้วย

การทำการตลาดแบบโหนกระแสดราม่า แบบเรียลไทม์แบบนี้ ถือว่าสร้างการรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ในมุมของผู้บริโภคบางส่วนก็มองว่าเป็นแนวความคิดที่ดี เร็ว และทันกระแส แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มองว่ากระแสดราม่าไม่น่าจะนำมาทำการค้าขายของทุกเรื่อง เพราะเป็นเรื่องความละเอียดอ่อนของความรู้สึกคน

]]>
1137443
จากป่าสู่เมือง “อีฟแอนด์บอย” ขอโตอีกสเตป ทุกปีต้องมี 4 สาขา https://positioningmag.com/1136097 Mon, 14 Aug 2017 11:02:35 +0000 http://positioningmag.com/?p=1136097 อีฟแอนด์บอย ร้านค้าปลีกสินค้าความงาม ที่มีจุดกำเนิดจากจังหวัดมหาสารคาม ก่อนตัดสินใจบุกเมือง เปิดสาขาใจกลางสยามแสควร์ แหล่งช้อปของวัยรุ่น

ด้วยการวางจุดยืน เน้นความหลากหลาย วางขายสินค้าทั้งแบรนด์ทั้งของไทยและต่างชาติ ตั้งแต่แบรนด์ดังราคาสูงไปจนถึงราคาถูกไม่กี่สิบบาท โดยเน้นขายในราคาต่ำกว่าคู่แข่ง และอยู่ในทำเลที่ซื้อหาง่าย ทำให้ร้านอีฟแอนด์บอยกลายเป็นร้านบิวตี้ขวัญใจสาวๆ ที่บางครั้งถึงกับต้องเข้าคิวรอ จนต่อยอดแตกสาขา 10 แห่ง ทั้งในและนอกห้างฯ สู้กับร้านมัลติแบรนด์จากนอกได้อย่างน่าสนใจ

ถึงแม้ศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีมาหลายปี ทำเอากระทบในหลายๆ ธุรกิจ แต่กับสินค้าความสวยความงามกลับตรงกันข้าม ยังไงต้องขอสวยไว้ก่อน กลายเป็นโอกาสให้กับร้านอีฟแอนด์บอย ใช้จังหวะนี้เดินหน้าผุดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยวางแผนตั้งเป้าเปิดปีละ 4 สาขา ใช้งบลงทุนเฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโตปีละ 30%

หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด กล่าวว่า ครึ่งปีแรกได้เปิดไปแล้ว 2 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์วัน และเดอะมอลล์บางกะปิ โดยครึ่งปีหลัง 2560 จากนี้จะเปิดร้านอีฟแอนด์บอยใหม่อีก 3 สาขา ที่เดอะมอลล์บางแค เดือนตุลาคม ลงทุน 70 ล้านบาท พื้นที่ 500 ตารางเมตร, แฟชั่นไอส์แลนด์ เดือนพฤศจิกายน ลงทุน 150 ล้านบาท พื้นที่ 900 ตารางเมตร, เทอร์มินัล21 เดือนธันวาคม ลงทุน 70 ล้านบาท พื้นที่ 400 ตารางเมตร

มีการวางแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีสาขาครอบคลุมตลาดมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อ โดยตั้งเป้าเปิดใหม่ที่ 4 สาขาต่อปี ด้วยงบลงทุนเฉลี่ย 100 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่เฉลี่ย 800 ตารางเมตรเป็นอย่างต่ำ และเพื่อสร้างอัตราการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 30%”

ส่วนแผนในปีหน้าสาขาใหม่ที่มีพื้นที่ชัดเจนแล้วคือที่เทอร์มินัล21พัทยา ส่วนสาขาอื่นจะมีทั้งเปิดในศูนย์การค้าเก่าที่เปิดบริการแล้วกับศูนย์การค้าที่สร้างใหม่

ปัจจุบันอีฟแอนด์บอยมีสาขารวมทั้งหมด 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ .มหาสารคาม.ขอนแก่น , .ขอนแก่น , สยามแสควร์ .1 , อโศก , ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต , เมกา บางนา , เทอร์มินัล21 โคราช , สยามแสควร์วัน และเดอะมอลล์บางกะปิ

อีฟแอนด์บอยได้สร้างเทรนด์ของมัลติแบรนด์ให้เป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศไทย ในส่วนของเครื่องสำอางและสกินแคร์ จากเดิมที่ร้านมัลติแบรนด์ส่วนใหญ่เป็นร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ชี้ให้เห็นว่าคนไทยนิยมความสะดวกสบายมากขึ้น ชอบไปร้านที่มีหลายสินค้าหลายบริการที่ตอบโจทย์ในครั้งเดียว ยิ่งอีฟแอนด์บอยใช้กลยุทธ์เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ นำสินค้าที่ขายเฉพาะที่อีฟแอนด์บอยเท่านั้น ทำให้ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น ที่สำคัญมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาอยู่ตลอด ทำให้สาวไทยนิยมไปช้อปมากขึ้น

โดยสินค้าภายในร้านเป็นสินค้าราคาระดับแมสมากกว่า 70% และระดับบน 30% เช่น น้ำหอม เมคอัพ ความงามต่างๆ รวมมากกว่า 1,000 แบรนด์ รวมกว่า 100,000 รายการ นอกจากนั้นยังมีสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์อีกด้วย ประมาณ 30% จากจำนวนสินค้าทั้งหมด ทั้งสินค้าของไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ กลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้แตกต่างจากร้านแบรนด์อื่นๆ

ซึ่งลูกค้าที่เข้าร้านมีอายุตั้งแต่อายุ 18-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยเป็นผู้หญิงสัดส่วน 80%

หิรัญ เสริมอีกว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่นี้ยังไม่กระเตื้องเท่าไร แต่ก็ไม่กระทบกับยอดขายรวมเท่าใดนัก เนื่องจากมีระดับราคาแมสกว่า 70% ซึ่งผู้บริโภคที่ลดการซื้อสินค้าราคาสูงก็หันมาซื้อสินค้าที่ราคาต่ำลงในร้านเหมือนเดิม ซึ่งในร้านของเราก็มีตอบสนองอยู่แล้ว รวมทั้งการที่เราต้องรุกด้วยการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นตลาดด้วย ทั้งที่จัดเองกับที่ร่วมมือกับซัพพลายเออร์ มีการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับลูกค้า ก็ทำให้เป็นที่ต้องการและสนใจของลูกค้ามากขึ้นด้วยเช่นกัน


ที่มา : manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9600000082551

]]>
1136097