Hitachi – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 28 Apr 2022 13:03:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ฮิตาชิ” หลังควบรวมกับ “อาร์เซลิก” บริษัทจากตุรกี อะไรจะเปลี่ยน และอะไรที่ไม่เปลี่ยน? https://positioningmag.com/1383353 Thu, 28 Apr 2022 11:41:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383353 ย้อนไปเมื่อปลายปี 2563 เกิดดีลสำคัญขึ้นเมื่อ หน่วยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า “ฮิตาชิ” กลุ่มนอกประเทศญี่ปุ่น ควบรวมกิจการกับ “อาร์เซลิก” บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าจากตุรกี โดยฝั่งตุรกีถือหุ้น 60% และฮิตาชิถือ 40% กลายเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ “อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์”

อาร์เซลิก นั้นเป็นบริษัทในเครือของ “คอช กรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจหลากหลายในประเทศตุรกี ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของอาร์เซลิกมีตลาดอยู่ใน 45 ประเทศทั่วโลก แบรนด์ในเครือนี้ที่คนไทยพอจะคุ้นเคยคือ “เบโค” (Beko) เพราะเข้าทำตลาดไทยมาตั้งแต่ปี 2557

อาร์เซลิกมีนโยบายที่จะบุกตลาดเอเชียแปซิฟิกมานาน ทำให้การตั้งจอยต์เวนเจอร์กับฮิตาชิถือว่าเข้าเป้า เพราะแบรนด์ฮิตาชินับว่าแข็งแกร่งมากในตลาดแถบนี้ และมีการส่งออกไป 65 ประเทศ

การควบรวมครั้งนี้ทำให้บริษัทจอยต์เวนเจอร์เป็นเจ้าของแหล่งผลิต และมีสิทธิบริหารการจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ฮิตาชินอกประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด (ยกเว้นเครื่องปรับอากาศซึ่งไม่ได้อยู่ในดีลนี้ ต้องเจรจาเป็นรายประเทศ ทั้งนี้ ในไทยยังเป็นสิทธิจัดจำหน่ายของอาร์เซลิก ฮิตาชิ)

ปัจจุบันฮิตาชิมีแหล่งผลิต 2 แห่ง คือ ไทย และ จีน ซึ่งสินค้าเกินกว่า 50% ผลิตในไทยนี้เอง เป็นสินค้าประเภทเครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น หม้อหุงข้าว ส่วนสำนักงานใหญ่มีทั้งหมด 8 ประเทศ แต่ตลาดใหญ่ที่สุดคือ ไทย และ จีน หากไม่นับประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลเดิม เมื่อปี 2561 ฮิตาชิเคยทำรายได้ในไทย 5,000 ล้านบาท และเป็นผู้นำอันดับ 1 ในกลุ่ม “ตู้เย็น” มีมาร์เก็ตแชร์ 20% ส่วนตลาด “เครื่องซักผ้า” อยู่ในอันดับ 3 ถือเป็นสองสินค้าชูโรงของแบรนด์ นอกจากนี้จะมี “หม้อหุงข้าว” ที่ขายดีในตลาด โดยตัวแบรนด์จัดอยู่ในกลุ่มแบรนด์พรีเมียม ราคาเป็นตลาดกลางถึงสูง

หลังกระบวนการควบรวมกิจการเสร็จเรียบร้อยช่วงกลางปี 2564 ทำให้ขณะนี้ อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ พร้อมจะเปิดแผนกลยุทธ์หลังการควบรวมว่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนไป และอะไรที่คงเดิมบ้าง

 

ไม่เปลี่ยนแบรนด์ + “ตู้เย็น” ยังเป็นฮีโร่โปรดักส์

“ซาแฟร์ อัสทูเนอร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ จำกัด เปิดเผยถึงอนาคตของบริษัทนี้ว่า บริษัทจะยังใช้ไทยเป็นฐานผลิตเช่นเดิมเพราะมีฐานผลิตขนาดใหญ่ใน จ.ปราจีนบุรี แรงงานไทยมีคุณภาพ และตลาดประเทศไทยก็ยังเติบโตได้เมื่อมองในระยะยาว แม้ว่าระยะสั้นยังมีปัญหาทางเศรษฐกิจก็ตาม

อาร์เซลิก ฮิตาชิ เครื่องใช้ไฟฟ้า
“ซาแฟร์ อัสทูเนอร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ จำกัด

รวมถึงแบรนด์ “ฮิตาชิ” ก็จะยังใช้แบรนด์เดิมต่อไป ไม่ได้รวมชื่อแบรนด์อาร์เซลิกเข้าไปด้วย เพราะฮิตาชิเป็นชื่อที่คุ้นหูและแข็งแรงอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องทำให้แบรนด์กลับมา “มีพลัง” มีการตอกย้ำแบรนด์บ่อยครั้ง

ขณะที่สินค้าชูโรงก็จะยังคงเป็น “ตู้เย็น” เพราะสินค้านี้ได้รับความเชื่อถือสูงมากในตลาด และจะยังระดับแบรนด์เกาะกลุ่มตลาดพรีเมียมต่อเนื่อง เหล่านี้คือสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไปของฮิตาชิ

อาร์เซลิก ฮิตาชิ เครื่องใช้ไฟฟ้า
“ตู้เย็น” เป็นสินค้าเรือธง ขายดีในกลุ่มพรีเมียม ตู้เย็นขนาดใหญ่ ตู้เย็น 3-4 ประตู

 

สินค้าต้องเยอะ

ในทางกลับกัน ซาแฟร์กล่าวว่า สิ่งที่เมื่อควบรวมแล้วจะทำให้พัฒนามากขึ้นคือ “การเพิ่มจำนวนสินค้า” และ “พัฒนานวัตกรรม-ดีไซน์” ให้ดีกว่าเดิม

หลังจากนี้จะได้เห็นฮิตาชิออกสินค้ารุ่นใหม่ถี่ขึ้นกว่าเดิมเพื่อช่วงชิงตลาด ยกตัวอย่างปีนี้เพิ่งออก “เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย” น้ำหนักเบาเพียง 1.5 กิโลกรัม มีไฟส่องฝุ่น นอนราบได้ 180 องศา กระบอกเก็บฝุ่นที่เปิดทิ้งฝุ่นได้แบบไม่ต้องใช้มือสัมผัส เรียกว่าออกมาชนกับ ‘Dyson’ ในราคาที่ถูกกว่า เพราะขายในราคา 9,990 บาท

อาร์เซลิก ฮิตาชิ เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องดูดฝุ่นไร้สายตัวใหม่ล่าสุดของฮิตาชิ น้ำหนักเบาเพียง 1.5 กิโลกรัม

ในไลน์อัปสินค้าที่จัดแสดง ยังจะมี “เครื่องล้างจาน” และ “เครื่องซักผ้า-เครื่องอบผ้าแบบฝาหน้า” ที่เตรียมออกจำหน่ายเร็วๆ นี้ และซาแฟร์ยังแย้มว่าฮิตาชิจะมีสินค้าหลายประเภทกว่าเดิมนับตั้งแต่ปี 2566 เพราะสมัยนี้พฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เป็นโอกาสของแบรนด์

สินค้าที่จะออกมามากขึ้น แน่นอนว่ามาจากการรวมทีมทั้งฝั่งญี่ปุ่นและตุรกี ซึ่งทำให้เทคโนโลยีและงานดีไซน์มีหลากหลายให้หยิบใช้กว่าเดิม จึงออกโปรดักส์ใหม่ได้เร็วกว่า

อาร์เซลิก ฮิตาชิ เครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องล้างจาน กำลังจะออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้

 

นวัตกรรม-ดีไซน์ต้องทันสมัย

อีกส่วนที่อาร์เซลิก ฮิตาชิจะเน้นมากขึ้นคือ “นวัตกรรม” และหลายนวัตกรรมจะชูโรงเรื่องรักษาสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างนวัตกรรมที่มีในผลิตภัณฑ์แล้วและที่กำลังทดลอง เช่น

  • Autodosing นวัตกรรมในเครื่องซักผ้า ช่วยปริมาณน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มให้เหมาะสม (ปกติคนมักจะใช้มากเกินไป) ลดความสิ้นเปลือง ใช้น้ำน้อยลง ดีกับผิวผู้สวมใส่ และดีต่อสิ่งแวดล้อม
  • PET Tub การดักเอาเส้นใยที่หลุดออกจากเสื้อผ้าในเครื่องซักผ้ากลับมาใช้ใหม่ ส่งเสริมการรีไซเคิลเสื้อผ้า
  • ไส้กรองดักจับไมโครพลาสติกในเครื่องซักผ้า ไม่ให้หลุดปล่อยลงแหล่งน้ำ ทำลายสิ่งแวดล้อม
  • ตู้เย็นที่ใช้แผงโซลาร์เซลล์จ่ายพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดค่าใช้จ่าย

ซาแฟร์ยังกล่าวถึง “ดีไซน์” ที่มองว่าควรจะเพิ่มความทันสมัยมากขึ้น เพราะอย่างไรงานดีไซน์สวยงามก็เป็นสิ่งแรกที่ทำให้ลูกค้าสนใจ ลองหยิบจับ เปิดดูแล้วรู้สึกสะดวกในการใช้งาน ก่อนที่จะเข้าถึงเรื่องเทคนิคของเครื่องใช้ไฟฟ้า

บริษัทยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเชิงตัวเลข แต่ความเปลี่ยนแปลงจากการควบรวมทำให้เห็นว่าบริษัทจะ ‘รุกหนัก’ แน่นอน!

]]>
1383353
ฮิตาชิ จัดแคมเปญสุดคุ้ม “Hitachi Savings Sale” ลดราคาครั้งใหญ่ประจำปี โปรลดแรง คุ้มจัดหนัก แถมจัดเต็ม พร้อมผ่อนเบาๆ 0% นานสูงสุดถึง 24 เดือน ช้อปปั๊ป รับความคุ้มถึง 4 ต่อ https://positioningmag.com/1340090 Fri, 02 Jul 2021 03:00:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340090 บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดรายการโปรโมชันเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2564 มอบสิทธิประโยชน์สุดคุ้มถึง 4 ต่อได้แก่

  • ต่อที่ 1  ลดสูงสุด 10,000 บาท เมื่อซื้อตู้เย็นรุ่น R-ZXC740K และ R-WX670KT
  • ต่อที่ 2  รับของสมนาคุณมูลค่าสูงสุด 7,480 บาท เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศรุ่น 3-Star Inverter
  • ต่อที่ 3 ผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศรุ่น 3-Star Inverter ผ่านบัตร KTC PROUD และผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าที่ร่วมรายการทุกรุ่น ผ่านบัตรเครดิต KTC, BBL, SCB, KBANK, CITI, AEON, UOB และ บัตรเครดิตในเครือกรุงศรี
  • ต่อที่ 4 เพิ่มรับประกันสินค้านาน 3 ปี สำหรับสินค้ามูลค่า 3,000 บาทขึ้นไป ยกเว้นตู้เย็น 1 ประตูและเครื่องซักผ้า 2 ถัง

ลูกค้าต้องลงทะเบียนโดยแอด Line Ofiicial Account ID : @AH_THCARE

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันพิเศษอีกหลากหลายรุ่นที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ที่ https://bit.ly/3hhuHyd หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดผ่าน Line Official Account ID: @AH_TH

]]>
1340090
Hitachi วิจัยระบบ “เช็กความสุข” ของ “พนักงาน” ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และ AI https://positioningmag.com/1263501 Thu, 06 Feb 2020 12:49:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1263501 Hitachi เปิดผลงานการวิจัยระบบตรวจสอบความสุขของพนักงานในองค์กร โดยใช้อุปกรณ์จับ “ความเคลื่อนไหว” ของอวัจนภาษา เมื่อพนักงานมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน นำดาต้าวิเคราะห์ด้วยระบบ AI พบความเชื่อมโยง ทีมงานที่มีความสุขมากกว่าจะสร้างผลงานและรายได้ที่ดีกว่า 27-30%

การทำงานอย่างมีความสุขเป็นสิ่งที่องค์กรหลายแห่งให้ความสำคัญมากขึ้น ทำให้ Hitachi คิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อจะเข้าใจถึงระดับความสุขของพนักงานได้แม่นยำขึ้น

“คาซูโอะ ยาโนะ” ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI and Happiness จาก Hitachi เปิดเผยถึงงานวิจัยของบริษัทที่สามารถคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อวัดระดับความสุขของพนักงานได้สำเร็จ โดยเขากล่าวถึง “ความสุข” ว่า ที่มาของการมีสุขนั้นแตกต่างกัน เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล แต่มนุษย์เมื่อได้รับความสุขแล้วจะมี “ปฏิกิริยาในร่างกาย” เหมือนกัน เช่น ระดับความดันเลือดเปลี่ยนแปลง ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง จนถึงลักษณะกล้ามเนื้อที่เปลี่ยนไป

อย่างไรก็ตาม การวัดความเปลี่ยนแปลงในร่างกายไม่สามารถทำได้ทุกส่วน แต่ส่วนที่เขาเลือกมาใช้เป็นมาตรวัดคือ  การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อ เนื่องจากเป็นสิ่งที่วัดได้จากภายนอกในทันที

“คาซูโอะ ยาโนะ” ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI and Happiness จาก Hitachi

Hitachi ได้ทดลองติดตามความเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อโดยติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับในป้ายพนักงานหรือสายรัดข้อมือ มีการเก็บดาต้าทั้งหมด 468 คน เป็นเวลารวมกัน 5,000 วัน ร่วมกับการทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อวัดระดับความสุข จากนั้นนำเทคโนโลยี AI มาวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากพนักงาน หาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเคลื่อนไหวกับผลทางจิตวิทยาที่ได้

สิ่งที่เขาค้นพบคือ ทีมงานที่มีความสุขจะแสดงรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ยืดหยุ่นเมื่อมีปฏิสัมพันธ์ในทีมเดียวกัน และเหมือนกันทั้งทีม ขณะที่ทีมงานที่ไม่มีความสุข คนในทีมจะมีการเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ โดยมีเพียงคนเดียวในทีมที่แตกต่างออกไปและมีการเคลื่อนไหวมากที่สุดซึ่งมักจะเป็นหัวหน้าทีมนั่นเอง

ยาโนะอธิบายว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อคนในทีมพูดคุยกัน และการพูดคุยกันมนุษย์เราจะเกิด “อวัจนภาษา” เสมอ เมื่อคนเราสามารถพูดคุยได้อย่างเท่าเทียม อวัจนภาษาของเราจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้อย่างยืดหยุ่น ขณะที่คนที่ไม่สามารถพูดคุยกันในทีมได้อย่างสะดวกใจจะทำให้อวัจนภาษามีความเป็นระเบียบแบบแผน

“เหมือนกับการประชุมที่มีหัวหน้าพูดอยู่คนเดียว ส่วนคนอื่นได้แต่นั่งฟัง” ยาโนะกล่าว เขายังเสริมด้วยว่า การทดลองเหล่านี้ Hitachi ขยายไปทดลองในบริษัทอเมริกันและเยอรมันด้วย และเขาพบว่าวัฒนธรรมที่แตกต่างของตะวันออกกับตะวันตกไม่มีผลต่ออวัจนภาษา เหล่านี้ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใต้สำนึก “แม้แต่ทารกเกิดมาก็สามารถใช้อวัจนภาษาสื่อสารได้ และทารกเหมือนกันทั่วโลก”

ตัวอย่างการติดตามการเคลื่อนไหวของคน 4 คน จะเห็นว่าแต่ละคนมีรูปแบบไม่เหมือนกัน โดยสีฟ้าหมายถึงการไม่เคลื่อนไหวนั่นคือขณะนอนหลับ ไล่ไปจนถึงสีแดงคือเคลื่อนไหวสูง เช่น เดินหรือวิ่ง

Hitachi ยังเปรียบเทียบกลุ่มทีมงานที่มีความสุขกับไม่มีความสุขด้วย โดยในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานขายแบบคอลเซ็นเตอร์ พบว่าทีมที่มีความสุขจะมีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่า ในรอบ 1 ปี กลุ่มนี้ทำรายได้ได้มากกว่าทีมที่ไร้สุขถึง 27% หลังจากนั้นยังทดลองกระตุ้นให้ทีมพนักงานขาย (เซลส์) สร้างความสุขให้มากขึ้น โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อย พบว่าทีมเซลส์สามารถทำยอดขายได้มากกว่าเดิม 30%

อีกประเด็นที่ยาโนะค้นพบจากการวิจัยนี้คือ เขาพบว่าในทีมงานทีมหนึ่ง หากมีพนักงานเพียงคนเดียวไม่มีความสุขกับการทำงาน จะส่งผลให้คนในทีมไม่มีความสุขไปด้วย

ดังนั้นพนักงานที่มีความสุขจึงมีผลกับทั้งประสิทธิภาพการทำงานของคนๆ นั้นเอง และมีผลกับทีมงานทั้งทีมด้วย การสร้างความสุขให้พนักงานทุกคนจึงสำคัญยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า “ความสุข” เป็นเรื่องปัจเจกภายใน ทำให้การสร้างสุขไม่ได้ง่ายเหมือนกับการให้สิ่งของภายนอก แต่จากการทดลอง ยาโนะพบว่ามีหลักที่สามารถให้พนักงานไปปรับใช้เป็นทักษะสร้างความสุขได้คือหลัก “HERO” หมายถึง H-Hope มีความหวังในการหาทางแก้ปัญหา E-Efficacy มั่นใจในการทำงาน R-Reilience สามารถเผชิญหน้าความยากลำบากได้ และ O-Optimism มองทุกสถานการณ์ในด้านบวก

HERO ทักษะสร้างสุขให้กับคนทำงาน

ผลงานเหล่านี้เป็นการวิจัยในแผนก Future Investment ของ Hitachi แผนกที่มีจุดประสงค์เพื่อหาผลิตภัณฑ์หรือบริการรูปแบบใหม่ให้กับองค์กร ดังนั้นโซลูชันส์ด้าน AI and Happiness นี้จะเริ่มชิมลางให้ผู้ใช้นอกองค์กร Hitachi ได้ใช้จริง โดยปีนี้จะเปิดให้ผู้ใช้รายย่อยทดลองฟรี เพื่อติดตามความสุขของตนเอง ส่วนลูกค้าองค์กรแบบ B2B ที่ต้องการนำระบบ AI ไปวิเคราะห์พนักงานของตนเองด้วย Hitachi คาดว่าจะเริ่มเปิดบริการในญี่ปุ่นก่อนโดยยังไม่มีแผนขยายให้องค์กรประเทศอื่นใช้งาน

สำหรับอุปกรณ์ที่จะใช้วัดความเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ยาโนะกล่าวว่าปัจจุบันอุปกรณ์เช่น สมาร์ตวอชต์ หรือ สมาร์ตโฟน สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของร่างกายได้แล้ว ดังนั้นผู้ใช้สามารถใช้อุปกรณ์ที่ตนเองมีอยู่ได้เลย และใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน Happiness Planet ซึ่งจะสั่งการให้อุปกรณ์ตรวจเช็กการเคลื่อนไหวทุก 10 นาที อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าถ้าหากใช้สมาร์ตโฟน ความแม่นยำอาจจะลดลงเนื่องจากไม่ใช่ของที่สวมใส่ติดตัวตลอดเวลา

เทรนด์ความสนใจของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการดูแลสุขภาพจิตของตนเองเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคย ดังนั้นองค์กรที่ต้องการดึงดูดพนักงานและต้องการประสิทธิผลที่ดีขึ้นควรจับตามองและตามให้ทัน!

]]>
1263501
“ฮิตาชิ” ถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่โจมตี ระบบคอมพิวเตอร์ป่วนหนัก https://positioningmag.com/1125750 Tue, 16 May 2017 04:20:33 +0000 http://positioningmag.com/?p=1125750 ฮิตาชิ บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ถูกโจมตีทางไซเบอร์ซึ่งอาจจะเป็นการโจมตีแบบเดียวกันกับที่กำลังกระทบไปทั่วโลก

เจ้าหน้าที่ของฮิตาชิกล่าวว่า พบปัญหาในระบบคอมพิวเตอร์ภายในของบริษัทในวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม โดยพนักงานไม่สามารถส่งหรือรับอีเมลหรือเปิดไฟล์แนบได้ ระบบคอมพิวเตอร์ช้าลงอย่างมาก โดยมีปัญหาทั้งสำนักงานใหญ่ที่กรุงโตเกียว, สำนักงานสาขา และยังกล่าวว่าพบปัญหาแบบเดียวกันนี้ในบริษัทในเครือในต่างประเทศด้วย

เจ้าหน้าที่ของฮิตาชิเชื่อว่า ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทถูกโจมตีด้วยซอฟต์แวร์ “เรียกค่าไถ่” แบบเดียวกันกับที่ปิดกั้นข้อมูลของคอมพิวเตอร์ทั่วโลก และขณะนี้กำลังพยายามกู้ระบบให้ได้เร็วที่สุด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ระบุว่า นอกจากฮิตาชิแล้ว ยังมีเหยื่ออีก 2 กรณีที่ถูกมัลแวร์เรียกค่าไถ่นี้โจมตี โดยเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และของพนักงานบริษัทรถไฟเจอาร์อีสต์อีกรายหนึ่ง แต่ไม่ได้มีผลกระทบมากนัก สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นจึงแนะนำให้หน่วยงานต่างๆ อัพเดตระบบป้องกันคอมพิวเตอร์ และสำรองข้อมูลสำคัญ

นอกจากนี้ นิสสัน มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นก็ระบุว่า ระบบคอมพิวเตอร์ในโรงงานที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ ก็เป็นเหยื่อที่ถูกโจมตีเช่นกัน แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบที่เชื่อมโยงกับประเทศญี่ปุ่นและที่อื่นๆ

นายร็อบ เวนไรต์ ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจแห่งสหภาพยุโรปหรือ ยูโรโพล กล่าวว่า มีผู้ตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางไซเบอร์ทั่วโลกมากถึง 200,000 รายในอย่างน้อย 150 ประเทศ เป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีขอบเขตกว้างอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศสต้องระงับการผลิตที่โรงงานในเมืองดูเอ โรงงานใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเรโนลต์ในฝรั่งเศส เนื่องจากพบว่าโปรแกรมสำหรับหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์

เรโนลต์ยังได้หยุดการผลิตที่โรงงานใหญ่อีกแห่งหนึ่งในเลออาฟวร์ ทางเหนือของฝรั่งเศส และที่โรงงานแห่งหนึ่งของบริษัทลูกในสโลวีเนียด้วย

มัลแวร์ที่โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลกนี้ จะปรากฏข้อความเรียกเงินจำนวน 300 ดอลลาร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ระบุว่า ถึงแม้จะจ่ายเงินไปก็ไม่มีอะไรรับประกันว่า ระบบคอมพิวเตอร์จะกลับมาอยู่ในสภาพเดิม.

ที่มา : http://manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9600000049211

]]>
1125750