NonOil – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 26 May 2021 13:56:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 OR ไฟเขียวต่อสัญญาร้านสะดวกซื้อ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ ในปั๊มน้ำมัน PTT Station อีก 10 ปี https://positioningmag.com/1333898 Wed, 26 May 2021 12:22:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333898 เป็นไปตามคาด บอร์ด OR ต่อสัญญาร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น’ (7-Eleven) ในปั๊มน้ำมัน PTT Station อีก 10 ปี

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้ต่อสัญญาหลักความร่วมมือการดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมันเครือข่ายของ OR กับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เพื่อดำเนินการร้านค้า 7-Eleven (ในประเทศไทย)

โดยครั้งนี้เป็นการต่ออายุสัญญาจากสัญญาเดิม ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี เพื่อให้การดำเนินงานในส่วนของธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมันเครือข่ายของ OR มีความต่อเนื่องและสอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจของ OR ทั้งนี้จะมีการเข้าทำสัญญาตามที่ได้ตกลงกับคู่สัญญาต่อไป

เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา OR เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2564 ระบุว่า มีกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,079 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.9% จากไตรมาสก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.38 บาท สูงกว่าไตรมาสก่อน 0.06 บาท หรือเพิ่มขึ้น 18.8%

สำหรับผลการดำเนินงานของ OR ไตรมาสที่ 1 ปี 2564 มีรายได้ขายและบริการ 118,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,964 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.2% จากไตรมาสก่อน

โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์น้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก สอดคล้องกับรายได้กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น

ส่วนรายได้กลุ่มธุรกิจ Non-Oil นั้นในไตรมาสที่ผ่านมา มีรายได้รวม 4,086 ล้านบาท ลดลง 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคลดลง

ทั้งนี้ OR มีร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven และภายใต้แบรนด์ Jiffy รวม 1,995 สาขา ทั้งในประเทศไทยและสปป.ลาว

ด้านผลประกอบการของ CPALL ในไตรมาส 1 ปี 2564 นั้น เเม้ไม่ได้หยุดให้บริการร้านสะดวกซื้อ ‘เซเว่น อีเลฟเว่นเเต่ก็มีรายได้และกำไรลดลง

โดยมีรายได้รวม 133,431 ล้านบาท ลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,599 ล้านบาท หรือ 0.26 บาทต่อหุ้น ลดลง 53.95% จากไตรมาส 1 ของปี 2563 ที่มีกำไร 5,645 ล้านบาท หรือ 0.60 บาทต่อหุ้น

เมื่อเจาะลงไปใน ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ ในไตรมาส 1/64 มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ รวม 70,450 ล้านบาท ลดลง 15% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 947 ล้านบาท ลดลงถึง 75.4%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

จำนวนลูกค้าลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 845 คนต่อวัน และมียอดใช้จ่ายต่อบิลประมาณ 77 บาท ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อร้านต่อวันอยู่ที่ 65,024 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมลดลง 17.1%

 

 

]]>
1333898
PTG เดินเกมกว้านซื้อกิจการบุกนอนออยล์ ! ควัก 65 ล้าน ซื้อหุ้น “ออโต้ แบคส์” https://positioningmag.com/1137275 Wed, 23 Aug 2017 15:06:08 +0000 http://positioningmag.com/?p=1137275 ช่วงนี้ ธุรกิจให้บริการน้ำมันออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก หลังจาก ปตท. ออกมาสร้างความฮือฮากับข่าวเตรียมทิ้ง “เซเว่นอีเลฟเว่น” เพื่อหันมาปลุกปั้น “จิฟฟี่” แทน จนทั้งคู่ต้องออกมายืนยันว่า ความสัมพันธ์ยังไปต่อ

คราวนี้มาถึงคิวของ พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG กันบ้าง ค่ายนี้ก็ไม่เบา เดินเกม ซื้อธุรกิจ”เพื่อมาต่อยอดธุรกิจ non-oil แบบรวบรัดตัดความ ไม่ต้องเสียเวลาปลุกปั้นแบรนด์กันใหม่

ล่าสุด พีทีจี ควักเงิน 65 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัท สยามออโตแบคส์ ศูนย์บริการรถยนต์จากญี่ปุ่น (ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ออโต้แบคส์ เซเว่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มสหพัฒน์) ด้วยสัดส่วน 38.26%  AOTOBACS ถือ 49.37% บริษัท สหพัฒน์อินเตอร์โฮลดิ้ง ถือ 2.9%  บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ถือหุ้น 2.94% บริษัท สยาม โอคามูระอินเตอร์เนชั่นแนล ถือหุ้น 2.94% และบันไซ (ประเทศไทย) ถือหุ้น 2.94%

พิทักษ์ รัชกิจประการ CEO และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท PTG บอกว่า การซื้อ ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เพิ่มขึ้น ลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมัน

โดยขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรในปั๊ม PT ปีนี้ 5 สาขา และนอกสถานีบริการน้ำมันอีก 10 สาขา จากปัจจุบันมีการเปิดศูนย์บริการรถยนต์ในไทยแล้ว 7 แห่ง

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าเปิดเพิ่มเป็น 240 สาขาใน 5 ปีข้างหน้า ใช้เงินลงทุนสาขาละ 3-5 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้เป็นแบรนด์เบอร์ 1 โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทที่ตั้งเป้าหมายจะมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 แห่งจากสิ้นปีนี้มี 1,800 แห่ง และมีสมาชิกบัตร Max Card จาก 7.6 ล้านสมาชิกในปีนี้เป็น 17 ล้านสมาชิกในปี 2565

พิทักษ์ ยังบอกด้วยว่า บริษัทให้ความสำคัญในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เพิ่มขึ้น ซึ่งมองธุรกิจฟูดเซอร์วิสเนื่องจากมีมาร์จิ้นดี และไม่มีปัญหาการบันทึกผลกระทบจากสต๊อกสินค้า โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะรุกธุรกิจใหม่เพิ่มเติมปีละ 2-3 ธุรกิจ

ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่น่าจะเห็นดีลซื้อกิจการของพีทีจี ที่จะมีมาอีก ส่วนใครจะเป็นรายต่อไป ต้องรอดู แต่ที่แน่ๆ ก่อนหน้านี้ พีทีจี ได้ควักเงิน 205 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นบริษัท จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผ่านบริษัทลูก ร้านกาแฟพันธ์ุไทย

โดย จีเอฟเอ นั้นเป็นเจ้าของร้านกาแฟและอาหาร ที่รู้จักกันดี คือ ร้าน Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant และ Thai Chef Express ปัจจุบันมีสาขารวมกัน 130 สาขา ตั้งอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การซื้อกิจการ จีเอฟเอ ก็เพื่อต้องการขยายธุรกิจ non-oil ทั้งในปั๊มของพีทีจีเอง และนอกปั๊ม เช่น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ คอมมูนิตีมอลล์ และสนามบินในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างสินค้าและบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้าปัจจุบัน และขยายฐานลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของ PTG ในการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว

สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกในปีนี้ พีทีจี คาดว่าจะมีกำไรสุทธิต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% แต่ทั้งปีน่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 1,073 ล้านบาท โดยคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากประเมินค่าการตลาดน้ำมันจะดีกว่าครึ่งปีแรกนี้ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 60 อยู่ที่ 446 ล้านบาท ลดลง 24%


ที่มา : manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9600000086500

]]>
1137275