Oracle – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 21 Apr 2023 01:21:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไม่ง้อชาติตะวันตก! Huawei เขียน ERP ทดแทนระบบของ Oracle หลังโดนสหรัฐคว่ำบาตร https://positioningmag.com/1428024 Thu, 20 Apr 2023 13:35:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1428024 หัวเว่ย (Huawei) ได้ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาระบบ ERP ทดแทนระบบของ Oracle ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และฐานข้อมูลรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา โดยผ่านการทดสอบใช้งานประจำวัน รวมถึงมีการตรวจสอบความปลอดภัยด้านไซเบอร์จากบริษัทในประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อย

South China Morning Post รายงานข่าวว่า Huawei ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศจีน ได้ประกาศความสำเร็จในการเขียนซอฟต์แวร์ ERP ซึ่งใช้สำหรับการวางแผนการจัดการในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ Supply Chain ไปจนถึงการวางแผนด้านทรัพยากรบุคคล ซึ่งแต่เดิมบริษัทจากจีนรายดังกล่าวได้ใช้ซอฟต์แวร์ของ Oracle มาโดยตลอด

ซอฟต์แวร์วางแผนจัดการองค์กรของ Huawei มีชื่อว่า MetaERP พัฒนาโดยพนักงานของบริษัทถึงหลักพันคน และใช้เวลามากถึง 3 ปี มีการตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัยด้านไซเบอร์จากบริษัทในประเทศจีน รวมถึงมีการทดสอบในระดับรายวัน รายเดือน รายไตรมาส เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่บริษัทจะประกาศความสำเร็จออกมา

ERP นั้นมีบทบาทสำคัญอย่างมากในองค์กร รวมถึงกระบวนการทางธุรกิจของบริษัท ในแต่ละวัน ตั้งแต่ด้านการเงิน ทรัพยากรบุคคล Supply Chain การจัดซื้อ การผลิต การขาย และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย และทำให้ผู้บริหารไปจนถึงพนักงานสามารถตัดสินใจในการทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

Huawei ยังแจ้งว่า MetaERP นั้นเกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในแต่ละวันในบริษัทมากกว่า 80% แล้วด้วย

ก่อนหน้านี้ Huawei ได้ใช้ ERP ของ Oracle มาเป็นระยะเวลามากกว่า 20 ปี แต่เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐกับบริษัทนับตั้งแต่ปี 2019 ทำให้บริษัทไม่สามารถอัพเดตซอฟต์แวร์ดังกล่าวและถูกยกเลิกการสนับสนุนด้านบริการจาก Oracle ส่งผลทำให้บริษัทต้องพัฒนาซอฟต์แวร์ดังกล่าวขึ้นมาเองในท้ายที่สุด

นอกจากนี้การพัฒนา MetaERP ของ Huawei ยังสอดคล้องนโยบายของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ต้องการให้บริษัทในประเทศจีนลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยบริษัทต่างชาติ และพัฒนาระบบซอฟต์แวร์โดยพึ่งพาตัวเองมากยิ่งขึ้น

]]>
1428024
Oracle ปาดหน้า Microsoft ปิดดีล “เป็นพาร์ตเนอร์” TikTok สหรัฐฯ จีนส่อกันท่าไม่ให้ขาย https://positioningmag.com/1296811 Mon, 14 Sep 2020 10:09:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296811 TikTok และ Oracle จะร่วมเป็น “พาร์ตเนอร์” ทางธุรกิจกันในสหรัฐฯ ดีลที่เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ขีดเส้นตายให้ ByteDance ขายกิจการ TikTok สหรัฐฯ โดยดีลครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะแบบแซงโค้งเหนือคู่แข่ง Microsoft ที่ออกตัวแรง หมายมั่นจะปิดการซื้อขายให้สำเร็จมาหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ดีลยังมีสิทธิล่มเพราะรัฐบาลจีนออกท่ากีดกันไม่ให้การขายเกิดขึ้น

สำนักข่าว CNN รายงานข้อมูลอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดกับดีลซื้อขายกิจการว่า Oracle คือบริษัทผู้กำชัยชนะในสงครามแย่งชิงแอปพลิเคชันวิดีโอสั้นยอดฮิต TikTok ในสหรัฐฯ ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าลักษณะดีลจะเป็นอย่างไร แต่แหล่งข่าวระบุว่าดีลจะไม่ใช่การขายหุ้นออกโดยสมบูรณ์

ข่าวนี้แพร่สะพัดไม่นานหลังจากบริษัท Microsoft ประกาศเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาว่า ByteDance จะ “ไม่ขาย” TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับบริษัท แม้ว่า Microsoft มีความพยายามที่จะเข้าซื้อกิจการมานานหลายสัปดาห์ และเป็นบริษัทเดียวที่ออกแถลงอย่างเป็นทางการว่าบริษัทมีความสนใจเข้าซื้อจริง พร้อมจับมือ Walmart ยักษ์ธุรกิจค้าปลีก ที่จะเข้ามามีเอี่ยวในดีลนี้ด้วย แต่สุดท้ายดีลก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ต่างมองว่า Microsoft ซึ่งเป็นตัวเก็งในดีลซื้อกิจการ กำลังมีโอกาสครั้งสำคัญในการ “ทำรัฐประหาร” ในโลกโซเชียลมีเดีย ผ่านการยึดแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่โตเร็วที่สุดอย่าง TikTok

 

เป้าหมายคือการเก็บข้อมูลคนอเมริกันต้องโปร่งใส

เนื่องจากการบีบให้ ByteDance ขาย TikTok มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว ป้องกันข้อมูลชาวอเมริกันรั่วไหลไปถึงรัฐบาลจีน ทำให้การขายกิจการครั้งนี้ถูกจับตามองว่าจะมีลักษณะอย่างไร และจะสอดคล้องกับคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือไม่

ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ มีดีลที่สามารถเทียบเคียงได้เกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งคือ เมื่อปี 2013 บริษัท SoftBank จากญี่ปุ่นจะเข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 78% ในบริษัท Sprint บริษัทด้านโทรคมนาคมของสหรัฐฯ ทั้งสองบริษัทต้องทำสัญญาที่มีเงื่อนไขหลายอย่างเกี่ยวข้องกับประเด็นความมั่นคงของชาติ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และกระทรวงยุติธรรม ต้องมีอำนาจในการตรวจสอบและสั่งยกเลิกการเลือกใช้อุปกรณ์บางประเภทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้

เจมส์ ลูอิส รองประธานอาวุโส Center for Strategic and International Studies และเคยเป็น
ที่ปรึกษาให้กับดีลระหว่าง SoftBank กับ Sprint ให้ความเห็นว่า ดีลครั้งนี้อาจจะบรรจุข้อกำหนดเข้าไปด้วยว่าจะจำกัดไม่ให้ ByteDance เข้าถึงข้อมูลใดบ้าง หรืออาจจะมีการกำหนดหน่วยงานหรือบุคคลชาวอเมริกันให้ร่วมอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัท

 

ดีลยิ่งซับซ้อน เมื่อจีนส่อแววกันท่าไม่ให้ขาย TikTok

แม้จะได้พาร์ตเนอร์ในสหรัฐฯ แน่นอนมากขึ้นแล้ว แต่ดีลนี้ก็ยังคงซับซ้อนอยู่ เพราะวันนี้ CGTN สื่อมวลชนที่กำกับโดยรัฐบาลจีนเพิ่งจะรายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า บริษัท ByteDance จะไม่ขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับ Microsoft หรือ Oracle หรือบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ต้องการให้ source code ของแอปฯ แก่ผู้ซื้อสัญชาติอเมริกัน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนยังเพิ่มรายการเทคโนโลยีที่ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลก่อนจะขายออกให้ต่างชาติได้อีก 23 รายการ แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อ TikTok ตรงๆ แต่ ByteDance ออกมาตอบรับทันทีว่าบริษัทจะปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ของรัฐบาลจีนก่อนตัดสินใจขายกิจการ TikTok ที่สหรัฐฯ เนื่องจากแอปฯ นี้มีเทคโนโลยีที่ถูกระบุในลิสต์ที่ต้องได้รับอนุญาตดังกล่าว เช่น เทคโนโลยีรู้จำเสียงพูดและข้อความ (Speech and Text Recognition)

เส้นตายของการแบน TikTok กำลังงวดใกล้เข้ามา โดยกำหนดการคือวันที่ 20 กันยายนนี้กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ จะต้องออกรายละเอียดว่าธุรกิจใดที่เกี่ยวข้องกับ TikTok ที่จะถูกแบนตามคำสั่งฝ่ายบริหารที่ออกมาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2020 ซึ่งจนถึงบัดนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าจะแบนกันอย่างไร ส่วนการขายกิจการ มีเส้นตายให้ถึงวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้

Source

]]>
1296811